เพราะสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนตอนเมา ที่ทำให้เธอตกเป็นของเขาแบบไม่รู้ตัว ~เพราะเมา เธอเลยยั่วเขาแบบไม่รู้ตัวเลยสักนิด~ แต่ใครจะคิดละว่าเขาจะเป็นเจ้านายหมาดๆ ในวันรุ่งขึ้น หลังจากสอนบทรักร้อนแรงให้เธอ แล้วเธอจะทำยังไง ในเมื่อเขามีคู่หมั้นแล้วด้วย เธอจะยั่วให้เขาเป็นของเธอ หรือหอบหัวใจหนีไปแบบคนแพ้ดี “ไม่เอากับคนเมา” นั่นคือสิ่งที่เขาทำมาโดยตลอด แต่ทุกสิ่งก็ต้องพังลง เมื่อเจอคนเมาขี้ยั่วแบบเธอ “ยั่วไม่เป็น” นี่คือร่างปกติของเธอที่เขาเห็นอีกครั้งในห้องทำงานของตัวเอง แต่มันไม่จริงสักนิด เธอนะยั่วเขาเก่งจะตาย แต่เป็นยั่วโมโหนะ
View Moreตึกๆ ตึกๆ
เสียงรองเท้าย้ำไปกับพื้นถนน ก่อนที่ร่างบอบบางสวมแว่น จะขึ้นไปยืนบนฟุตบาททันทีที่ข้ามถนนได้ ยืดอกให้ดูผ่าเผยขึ้น มือกำเอกสารสำคัญของตัวเองไว้แน่น สูดลมหายใจลึกๆ จึงก้าวเดินอย่างมาดมั่น เข้าไปในตึกขนาดใหญ่ เพื่อไปสัมภาษณ์งาน
“สวัสดีค่ะ มาตามนัดสัมภาษณ์งานค่ะ”
นิรายกมือไหว้คนที่เคยเจอแล้วตอนมากรอกใบสมัคร
“ตอนนี้ท่านไม่อยู่ มีธุระด่วน เดี๋ยวติดต่อไปใหม่ หรือไม่ก็ไปสมัครที่อื่นเถอะ” คนสวยตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด ใช่ รอยยิ้มเหยียดหยัน! ที่นิรามองเห็นชัดเจน
“แต่พี่คนที่อยู่ข้างๆ เมื่อวานนัดมานะคะ หนูขอรอได้ไหมคะ” เธอเอ่ยขอร้องอีกครั้ง ถ้าเธอกลับไป เธออาจจะพลาดงานนี้ก็ได้ ทั้งที่เมื่อวานพี่คนที่รับเรื่องเธอ พูดเหมือนว่าจะรับเธอเข้าทำงานแล้วด้วยซ้ำ
“ท่านไม่กลับเข้ามาง่ายๆหรอก น่าจะอีกนานอะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อยัยเฉิ่มข้างหน้าดูท่าจะเข้าใจอะไรยาก
“งั้นเหรอคะ งั้นหนูลาเลยนะคะ” นิรารีบยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที เธอเสียเวลามามากแล้ว ไม่ได้ที่นี่ก็ต้องหาที่ใหม่ต่อ แต่ในใจก็นึกโกรธคนเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้าไม่พร้อมจะสัมภาษณ์เธอ ไม่รู้จะนัดเธอมาทำไมแต่เช้าแบบนี้
“โอ้ย! !” นิราเดินออกมาตะโกนหน้าตึกขนาดใหญ่ ไม่สนใจรอบข้างเลยสักนิด ตอนนี้เพิ่งจะ 07.50 น. เธอมาก่อนเวลาตั้งชั่วโมง แต่กลับไม่ได้งาน มันทำให้เธอหงุดหงิดมาก
แต่ก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เสียงเครื่องมือสื่อสารของนิราก็ดังขึ้น
Tru Tru Tru
[ยัยนิรา~ มาอยู่กรุงเทพทำไมไม่บอกเพื่อนสักคำ] เสียงตะโกนอย่างดีใจดังลอดออกมา จนนิราแทบไม่ต้องแนบโทรศัพท์ไปกับหูเลย
“ก็เพิ่งมา เลยยังไม่ได้บอก” นิรายืมเจื่อนๆ ให้โทรศัพท์ เธอลืมบอกเพื่อนไปเลย
[แล้วนี่มาอยู่คนเดียวเหรอ ได้งานทำหรือยัง มาทำกับเราไหม มีตำแหน่งว่าง เย็นนี้มาเจอกันหน่อยไหม คิดถึง] ปลายสายพูดอย่างอารมณ์ดี
“นิวอยู่กับพี่ที่เคยทำงานด้วยจ้า คอนโดพี่เขาต้องการคนเช่าพอดี นิวกำลังหางานอยู่ แต่คืนนี้นิวไม่ว่างจ้า” บอกเพื่อนสาวไปเสียงเบา ตอนนี้กำลังก้าวเท้าออกเดิน จากหน้าตึกที่มีเจ้าของเฮงซวยนี้
[งั้นวันไหนที่นิว หางานด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ได้ ติดต่อมานะ เรายินดีช่วยเสมอ] ปลายสายพูดด้วยความหวังดี รู้ดีว่าเพื่อนไม่อยากพึงพาเธอ เพราะเกรงใจเธอมาตลอด แต่เธอกลับอยากช่วยด้วยความเต็มใจเสมอ
“ขอบคุณจ้าทับทิม เดี๋ยวถ้านิวหางานไม่ได้ นิวจะให้ทับทิมช่วยคนแรกเลย” นิรายิ้มแย้มขึ้นมาทันที ทับทิมคือเพื่อนสมัยเด็ก ที่พ่อแม่พาย้ายมาอยู่กรุงเทพตอนเข้ามหาลัย แม้จะเรียนคนละที่ แต่ความรักและหวังดีก็ยังมีให้นิราไม่เปลี่ยนแปรง
[จ้า ว่างๆ เข้ามาหาที่บ้านบ้างนะ คิดถึง พ่อกับแม่ก็บ่นหานิวทุกวันเลย] ทับทิมเจ้าของเสียงหวานๆ ที่เข้ากับใบหน้าพูดอย่างอารมณ์ดี นี่ถ้าเธอไม่อ่านเจอสตอรี่ของนิรา ก็คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนกำลังลำบากหางานอยู่ในเมืองกรุงคนเดียว
“จ้า โอ้ย!” เพราะมัวแต่คุย นิราเลยสะดุดล้มเพราะพื้นต่างระดับ แว่นตาหลุดกระเด็นไปที่ไหนสักที่ทันที
กร๊อบ!
“อ๊า~ แว่นจ๋า” นิรามองแว่นของตัวเอง อยากจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง ให้แว่นสุดรักของตัวเองที่มันไปกองอยู่แทบเท้าของใครสักคน แถมอยู่ในสภาพที่แหลกละเอียดเป็นที่เรียบร้อย
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายคนนั้นไม่สนใจแว่นของนิราเลย เพราะเขารีบเข้ามาพยุงร่างของนิราให้ลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามอง
“คุณ ฮือ แว่นฉัน” เธอไม่ได้ด่าแต่คำพูดเหมือนฟ้องผู้ชายรูปหล่อที่เอาแต่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แว่นคุณมันวิ่งเข้ามาใต้เท้าผมเองนะ” เขาทอดสายตาลงมองใบหน้าที่ปราศจากแว่นยิ้มๆ ทำไมคนตรงหน้าเขา ถึงเลือกใส่แว่นอันใหญ่บดบังดวงตาสีสวยขนาดนี้ด้วยนะ
“ฉันสะดุดเถอะ ใครมันจะไปตั้งใจให้แว่นวิ่งไปอยู่ใต้เท้าคุณละ” นิรายังคงเถียงใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกร่างสูงประคองไว้ เพราะมัวแต่เถียงกับเขา เรื่องแว่นของเธอที่ถูกเขาเหยียบจนมันแตกละเอียด
“ท่านค่ะ เดี๋ยวต้องเข้าประชุมแทนท่านประธานนะคะ”
ขณะที่นิรากำลังจะเค้นหาคำมาเถียงคนตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงหวานๆ เรียกอยู่ไม่ไกลนัก เห็นผู้ชายคนนี้พยักหน้าหงึกหงัก ทั้งยังปล่อยมือออกจากร่างนุ่มนิ่มของเธอ
“มาสมัครงานที่นี่เหรอ” ชายหนุ่มถามเธอนิ่งๆ เห็นเธอกอดเอกสารไว้แน่น เธอไม่ใช่คนในบริษัทเขาแน่ๆ เขาไม่เคยเห็นเธอ เพราะเขาไม่มีทางพลาดจากของสวยๆ งามๆ ตรงหน้านี้แน่
“อืม แต่ไม่ได้งานหรอก คนที่นัดสัมภาษณ์เทฉันไปแล้ว” นิราแค่อยากบ่นให้ใครสักคนฟัง ถึงความไม่ยุติธรรมที่เธอได้รับ และพอดีชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ก็แค่นั้น
“งั้นไปกับผม ผมจะสัมภาษณ์เอง ชดเชยที่ทำแว่นคุณพัง”
พูดจบก็จับมือนิรา เดินเข้าไปในตึกใหญ่นี่ทันที ตามด้วยผู้หญิงสวยๆ ที่ทำหน้าเรียบนิ่ง เดินตามคนทั้งคู่ไป
ตลอดทางที่ชายคนนี้กับนิราเดินผ่านจนกระทั่งขึ้นลิฟไปชั้นบนสุด มีแต่คนทักทายและก้มหัวให้ เขาทำแค่พยักหน้ารับ ส่วนนิราตัวลีบตัวหดหมดแล้ว เขาคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอ่อ ท่านรองค่ะ จะพาเด็กคนนั้นไปไหน” หญิงสาวที่ยืนอยู่โต๊ะก่อนถึงหน้าห้องที่เขียน ‘ว่ารองประธาน’ พูดขึ้น
ผู้หญิงที่นิราเพิ่งเจอ
“ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง หลังจากประชุมเสร็จแล้ว หาน้ำไปให้เธอด้วย อย่าให้คนไล่เธอไปไหน คุณเจน ผมขอเอกสารการประชุมด้วยครับ” ชายหนุ่มสั่งเลขาชั่วคราวของท่านประธาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เลขาตัวเอง แล้วรับเอกสารที่เธอยื่นมาให้
“ไปรอผมในห้องนั้น แล้วเตรียมตัวให้ดี หวังว่าผมจะไม่ผิดหวังที่พาคุณมาด้วยตัวเอง” เขาชี้มือบอกนิราไปรอที่ห้องของรองประธาน ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากไปทางห้องประชุมที่เธอกับเขาเพิ่งเดินผ่านมา
“เข้าไปสิ จะยืนเช่อทำไม ยัยบ้านนอก” พูดเสียงดังให้ได้ยิน ก่อนจะเหยียดปากใส่เด็กสาวตรงหน้า ดูยังไงก็บ้านนอกชัดๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เชยแสนเชย แถมผิวก็คล้ำกว่าเธอมาก
“เห้อ!”
นิราเดินเข้าไปนั่งรอในห้องทันที ไม่หวังน้ำดื่มอย่างที่ชายคนนั้นบอก แค่ไม่โดนไล่ออกไปตอนนี้ก็ดีแล้ว นิรานั่งอยู่เงียบๆ เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอก เพราะเตรียมมาแล้วนั่นเอง
นิราก้มมองร่างกายตัวเองอีกครั้ง สภาพเธอไม่ได้แย่สักหน่อย เธอใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีดำ ซึ่งมันก็ดูเหมาะสมกับการสัมภาษณ์งานนี่นา แล้วเธอบ้านนอกตรงไหน หรือเพราะไอ้สีผิวของเธอที่มันโผล่พ้นเสื้อแขนยาวสีขาวนี่เหรอ มันคล้ำกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในนี้ เลยดูบ้านนอกเหรอ นิราคิดอย่างสงสัยในคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
เธอยอมรับว่าตัวเองมาจากต่างจังหวัด ไม่ได้มีผิวสีขาวเนียนละเอียดเหมือนคนในกรุงเทพ แต่เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กรุงเทพนานกว่านี้ เธอต้องขาวขึ้นแน่นอน บางทีเธออาจจะขาว และสวยกว่าผู้หญิงที่ดูถูกเธอด้วยซ้ำ
นิรามองมือตัวเองที่มันคล้ำ เพราะตากแดดช่วยแม่ทำงาน แต่ไม่เคยนึกรังเกียจความดำของมันสักนิด ยิ่งมองดูมัน ยิ่งคิดถึงคนเป็นแม่ ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้ก้อนโต เธอคงไม่ต้องทิ้งแม่มาหางานทำในกรุงเทพคนเดียว
“เลือกเอา ว่าจะยอมดีๆ หรือต้องให้ฉันบีบจนเธอจนมุม” “คุณมันเอาแต่ใจ” “รู้แล้วก็ไปเตรียมตัวซะ!” “ไม่แอล ฉันไม่ยอม!” “ชอบความท้าทายเหรอน้ำขิง ได้! งั้นฉันจะทำให้บริษัททัวร์ของเธอหายไปตั้งแต่วันนี้เลย” ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก แต่ยังไม่มีคนรับสาย มือเรียวสวยก็ปัดมันอย่างแรงจนร่วงหล่นลงบนพื้น “น้ำขิง!” มือใหญ่ดึงรั้งใบหน้าสวยเข้าหาอย่างรวดเร็ว บดริมฝีปากลงไปแรงๆ เป็นการลงโทษที่เธอทำให้เขาโกรธ ลิ้นร้อนกดแทรกกลีบปากบางเข้าไปอย่างแรง กวาดต้อนลิ้นเล็กจนเธอหนีไปไหนไม่พ้น “อื้อ! อืม” จูบรุนแรงทำให้รู้สึกหัวหมุน ร่างกายตอบสนองต่อจูบรุนแรงนั้นด้วยการเบียดการเข้าหาร่างแกร่ง มือไร้เรี่ยวแรงดึงอกเสื้อไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ทำไมเธอต้องแพ้ให้เขาอยู่ตลอด ไม่ชอบใจตัวเองเลย “อืม” การตอบสนองอย่างไม่เต็มใจทำให้ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม น้ำขิงมุมนี้ก็น่ารักดี ใบหน้าเคลิบเคลิ้มขัดกับดวงตาแข็งกร้าวของเธอช่างน่ามอง มือหนาเปลี่ยนจากจับ เป็นลูบไล้ลงต่ำ เมื่อความต้องการเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น “มะ ไม่เอานะ กลัว!” ร่างเล็กสั่นสะท้านเบาๆ
รถคันหรูขับเข้ามาในคอนโด เปิดประตูห้องไปเพื่อพบกับความว่างเปล่า เดินไปนั่งลงบนเตียงแผ่วเบา ลูบไล้ฝ่ามือทั่วผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้ม สีโปรดของน้ำขิง โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบขึ้นมากดต่อสายหาเพื่อน ริไม่นานปลายสายก็กดรับ [มีอะไร?] “ถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม” [ได้ดิ] “ความรักคืออะไรวะ” [เห้ย! ทำไมถามแบบนี้วะ] เสียงอคินดูตกใจมาก เขาเองก็ตกใจ เคยคิดว่าตัวเองพอจะรู้จักความรักมาบ้าง แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าไม่รู้จักมัน “ไม่รู้สิ แค่อยากรู้ว่าสำหรับคนอื่นๆ มันจะรู้สึกเหมือนกันไหม” [อืม ไม่รู้วะแอล ฉันเองก็เพิ่งจะรู้จักความรักจริงๆ ก็ตอนที่แต่งงานนี่แหละ] “เหอะ! แล้วตอนนี้มึงรู้สึกยังไงวะ” [ก็ หวงมั้ง แค่เห็นหน้าเมียกูก็รู้สึกหวงมากๆ บางทีก็ห่วง เวลาไม่เจอก็คิดถึง ประมาณนั้น] “เหรอ ไม่ใช่คิดถึงเพราะอยากมีอะไรด้วยใช่ไหม?” [ไม่ใช่ดิเห้ย คิดถึงเพราะคิดถึง ส่วนเรื่องนั้นมันเรื่องรอง] “งั้นเหรอ ขอบใจนะอคิน” [แกเป็นอะไรไหมวะแอล] “เปล่า แค่นี้แหละ ไม่กวนแล้ว” เพราะเสียงงัวเงียของภรรยาเพื่อนดังให้ได้ยิน เลยรู้สึกเกรงใจที่โทรไปรบกวนมันดึกดื่น หลังจากกดวา
“มีไร?” “ดื่มด้วยกันก่อนสิ” “ไม่! จะกลับแล้ว” พยายามกระชากกระเป๋าตัวเองออกมา แต่มือนั้นกลับกระชากมันกลับอย่างแรง จนเธอเสียหลักเพราะรองเท้าส้นสูงที่ใส่ ถลาเข้าหาร่างผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า พรึ่บ! “ก็บอกว่าอย่าเพิ่งไง ยังไม่รู้ชื่อเลย” “ปล่อยนะ” ดิ้นรนออกจากมือที่เลื่อนลงจับสะโพก โคตรทุเรศเลย ฉวยโอกาสตอนเธอล้ม จับสะโพกเธอไว้ ไม่จับเปล่ายังขย้ำไปมาด้วย ฮึ่ย! อย่าให้หลุดไปได้นะเว้ย! หมับ! แรงดึงมหาศาลทำให้ร่างทั้งร่างของน้ำขิงเป็นอิสระ มองคนที่มาช่วยด้วยการรวบเธอมากอดไว้ไม่วางตา เขามาช่วยเธอทำไมล่ะ “ปล่อยนะ คนนี้ของฉัน!” “ของฉัน!” พูดจบก็ออกเดิน เพียงแค่เห็นร่างเย้ายวนเซถลาไปด้านหน้า เขาก็ออกวิ่งทันที ไม่สนใจว่ากำลังคุยเรื่องธุรกิจกับคู่ค้าอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ไม่คิดจะเดินกลับไปคุยงานของตัวเองต่อ เหลือบตามองคนที่ยอมตามไปเงียบๆ ที่เธอบอกว่าจบ หมายถึงจบจริงๆสินะ เขารู้ว่าเธอใจแข็ง แต่ไม่คิดว่าจะใจแข็งได้ขนาดนี้ เขากลับไปรอเธออยู่ที่คอนโดแห่งนั้น คิดว่าเธออาจจะกลับไป แต่ไม่เลย เขารออยู่ทั้งอาทิตย์ โดยที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ ช่องทางติดต่อก็ถูกตั
รถสาธารณะจอดลงหน้าร้านเหล้าสุดหรูที่เพื่อนนัดไว้ เพื่อนของเธอโชคดีได้สามีร่ำรวย จะเรียกว่าสามีก็ไม่ถูกนัก เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่มิ้งค์นั้นท้องลูกของเขาแล้ว และแน่นอนว่าเพื่อนเธอ ลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อเลี่ยงข่าวเสียหายที่จะเกิดขึ้น “ขิงทางนี้” เพราะจองห้องวีไอพีไว้ กลัวเพื่อนเข้าไปไม่ได้ เพราะโซนนั้นให้เข้าได้เฉพาะลูกค้าที่มีบัตรสมาชิก จึงต้องออกมารับด้วยตัวเอง เมื่อเห็นเพื่อนก็รีบเรียก มองสำรวจร่างกายเพื่อนก่อนจะยกนิ้วให้ “ชุดนี้เริ่ด” “แน่นอน” น้ำขิงพูดอย่างอารมณ์ดี เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก ตั้งแต่ออกจากบ้านมา เธอเที่ยวหนักมาก แม้จะถูกแอลห้ามไว้บ่อยๆ แต่เพราะเขาไม่ค่อยอยู่ด้วย เธอเลยใช้ชีวิตได้อิสระ ก็มีบ้างที่หนีเที่ยวแล้วเขาจับได้ ก็ถูกจับลลงโทษไปตามระเบียบนั้นแหละ เธอเลยค่อนข้างกลัว เวลาที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี “หน้าบึ้งทำไม เมื่อกี้ยังดีๆ” “เปล่า แค่คิดอะไรไปเรื่อย” เดินตามเพื่อนไปช้าๆ มันจะมีวันที่เธอลืมเขาได้ไหมนะ ทำไมตัวตนของเขาถึงได้ชัดเจนนักในหัวใจเธอ ทั้งที่เธอกับเขาคงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมาตลอด แล้วทำไมเขาถึงไม่เคยหายไปจากหัว
“คุณแม่อยากได้หลานค่ะ” มือเรียวสวยยกโอบรอบลำคอสามี โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้จนหน้าผากชิด “พี่ไม่ได้บังคับนะ ถ้าหนูวาวยังมีความสุขกับชีวิตตอนนี้อยู่ ยังไม่ต้องมีก็ได้ พี่รอได้ครับ” “คิกๆ ไม่ต้องรอแล้วค่ะ เพราะว่าในท้องวาว มีหลานของคุณแม่อยู่แล้ว” “อะไรนะ? หลอกพี่หรือเปล่า?” “ไม่ค่ะ วาวลองตรวจเมื่อเช้า เพราะประจำเดือนมาช้า ที่ตรวจมันขึ้นสองขีด พีคิดว่ายังไง?” “ไม่คิดยังไงครับ พรุ่งนี้เราไปโรงพยาบาลกันนะ” มือใหญ่จับสะโพกกลมกลึงไว้หลวมๆ จับยกขึ้นเหนือพื้น เพื่ออุ้มภรรยาไปที่เตียง วางร่างกายเย้ายวนลงบนเตียงอย่างหวงแหน ทอดสายตามองใบหน้าสวยหวาน ก่อนจะกดริมฝีปากเข้าหา เชื่องช้าและเนินนาน “พี่จะดูแลหนูกับลูกอย่างดีที่สุด ขอบคุณนะครับ ที่เลือกแต่งงานกับพี่” “วาวก็ขอบคุณค่ะ” พูดจบก็บดริมฝีปากเข้าหากัน ความรู้สึกของเธอกับเขาเหมือนกันสักที วันนี้เธออาจจะยังไม่มั่นใจ แต่เธอจะให้เวลาเขาพิสูจน์ทั้งชีวิต ผู้ชายชื่ออคิน ที่เธอเคยตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี วันนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว และเธอเองก็พร้อมที่ตะเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นภรรยาที่ดี และเป็นแม่ที่ดี เพื่อผู้ชายที่ชื่อ อคิน
“คุณแอลจะกลับแล้วเหรอคะ” “ครับ แค่มาดูว่าเมื่อคืนกลับบ้านปลอดภัยหรือเปล่า ขอโทษและขอบคุณนะครับที่เข้าใจ” เขากลายเป็นคนขี้โกหกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาไม่กล้าบอกเธอไป ว่าเมื่อคืนเขาหายไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นทั้งคืน เขาสนใจเธอนะ ตอนนี้ยังสนใจอยู่ เพียงแต่มันไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว เขารู้สึกว่าเธอไม่เหมือนที่เขาเห็น แน่นอนว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงเสแสร้ง “คุณลุงพูดอะไรกับคุณเหรอคะ หน้าตาเคร่งเครียดทั้งคู่เลย” “เรื่องธุรกิจครับ” “เหรอคะ เดี๋ยววุ้นเดินไปส่งนะคะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมขายาว เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงรถแล้ว” ยิ้มให้คนตัวเล็กกว่าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลง เมื่อเห็นร่างเพรียวระหง เดินถือจานของกินจานใหญ่เดินขึ้นบันไดไป อย่างน้อยๆเขาก็รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เป็นคนที่มีที่ของตัวเองอยู่แล้วจริงๆสินะ “คิดว่าฉันจะยอมให้เธอกลับมาแย่งทุกอย่างไปงั้นเหรอน้ำขิง” เสียงพึมพำดังขึ้นเมื่ออยู่เพียงลำพัง ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ เธอกับแม่วางแผนกันมาตั้งนาน กว่าจะจัดการทำให้น้ำขิงออกไปจากบ้านได้ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ ยัยนั่นจะกลับมา พวกเธอยังกอบโกยสมบัติของบ้านนี้ได้ไ
Comments