เข้าสู่ระบบในวัยเด็กทั้งสองต่างเป็นเพียงเพื่อนสนิท เติบโตขึ้นกลายเป็นเพื่อนแนบสนิท คนหนึ่งผูกพันเกินเพื่อนจนอยากเป็นคนพิเศษ อีกคนลังเลไม่แน่ใจ เกิดความห่างเหิน เย็นชา สุดท้ายห่างหาย แยกย้าย กลับมาเจอกันอีกครั้ง กลายเป็นคนแปลกหน้า ที่มี เด็กน้อยคนหนึ่ง อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสอง :::::::::::::::::::::::::::: "ใจคอจะไม่พาฉันไปทำความรู้จักกับลูกชายเธอหน่อยเหรอ" "ไม่จำเป็นหรอก!" เธอตอบกลับเสียงห้วน แต่หลบสายตาคาดคั้นของเขา "อัย ฉันให้อภัยเธอได้นะ ที่เธอหักอกฉัน แต่เรื่องอื่นฉันไม่แน่ใจ!" "ทำไม ร็อกจะทำอะไร!" "เธอก็รู้ ที่ผ่านมา เธอเป็นข้อยกเว้นทุกอย่าง ที่ฉันไม่เคยทำอะไรร้ายๆ ใส่ ไม่ว่าเธอจะร้ายกับฉันแค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ถ้าเธอร้ายกับฉันก่อน ฉันก็ไม่ละเว้น!" ::::::::::::::::::::::::::::::
ดูเพิ่มเติมบทนำ
Friends with benefits
ภายในห้องพักอันกว้างขวางที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบหรู เสียงเพลงร็อกดังกระหึ่ม เสียงเบสหนักๆ เหมือนจะประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ พร้อมกับเสียงครางทุ้มและเสียงหวานใสของเด็กหนุ่มเด็กสาวคู่หนึ่งที่กำลังบรรเลงเพลงรักอย่างบ้าคลั่ง
ร่างเล็กกลมกลึงด้วยสัดส่วนอันน่าคลั่งไคล้ ด้วยเอวบาง ทว่าอกอวบอิ่มเกินตัว ถูกมือใหญ่เคล้าเค้นอย่างเมามัน ขณะที่เธออยู่ในท่าด็อกกี้ ท่อนล่างของเขาแนบชิดขยับเข้าหาอย่างเป็นจังหวะ
“ร็อก อื้อ อัยไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อา” เธอบอกเสียงสั่น พอๆ กับร่างที่กำลังสั่นสะท้าน เพราะแรงปรารถนาที่จะเดินไปถึงจุดหมาย ทว่าคนที่ควบคุมเกมรักนี้ เขาไม่เดินตามทางที่เธอต้องการ พอจะถึงจุดปลายทาง อีกฝ่ายกลับผละห่าง เธอกำลังจะร้องประท้วง เขากลับพลิกตัวเธอนอนหงาย วางขาบนบ่า แล้วดันสะโพกของเธอมาใกล้ใบหน้า ก่อนที่ริมฝีปากจะทาบจูบบนกลีบกุหลาบช้ำแดง และตวัดลิ้นไล้เลียเกสรฉ่ำน้ำอย่างเชื่องช้า
ร่างกลมกลึงบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน หวีดร้องแทบขาดใจ เมื่อเขาละเลงลิ้นลงไป สลับกับสอดเข้าไปในโพรงลึก
“ร็อก อือ อัย กำลังจะ อ๊ะ อา”
ลิ้นร้ายกาจนั้นตวัดลิ้นเลียไปทั่วกลีบงาม สอดเข้าไปในโพรงลึกขยับเข้าออก จนเธอหวีดร้องตัวสั่นเกร็งสะท้าน ปล่อยน้ำหวานออกมาให้เขาดูดดื่มชิมรสหวานอย่างคลั่งไคล้
เธอหอบหายใจเหนื่อยอยู่ไม่กี่นาที ก็ถูกจับนั่งบนตัก แล้วลิ้นร้ายกาจนั้นก็ตวัดเลียทรวงอกอวบของเธอ
อัยลินแหงนเงยใบหน้าขึ้นสูดปาก เรือนผมหยักยาวระถึงบั่นเอว มือใหญ่จับเอวเล็กเพื่อรับแกนกายของเขาอย่างถนัดถนี่ เธอขยับสะโพกตามเกมรักของเขาอย่างว่าง่าย
ลีลาควบม้าของเธอทำให้เขาผละออกจากทรวงอกอวบ ก่อนแหงนหน้าขึ้นสูดปากครางเสียงพร่าอย่างเสียวซ่าน
“อัย อ่าห์ อืม ดีมาก โคตรดี กระแทกแรงๆ เลย อา...”
“ร็อก อื้อ อัย ใกล้เสร็จอีกแล้ว อ๊ะ อ๊า”
“งั้นก็รับดีๆ นะ อืม อ่าห์” แล้วเขาก็เด้งสะโพกรับการขยับของเธอรัวเร็ว และไม่นานทั้งสองร่างก็พากันไปเกร็งสะท้าน กอดก่ายกันอย่างด้วยความสุขสม
นอนกอดกันอยู่เงียบๆ สักพัก กระทั่งลมหายใจหายหอบสะท้าน ฝ่ายชายก็เอ่ยขึ้นเสียงจริงจัง
“เราเปลี่ยนสถานะกันดีไหมอัย”
“เปลี่ยนทำไม แบบนี้ก็ดีแล้วนี่” อัยลินตอบเสียงเรียบ เหมือนเช่นทุกครั้งที่ถูกอีกฝ่ายถาม
“เรานอนด้วยกันมาเป็นปีแล้วนะ อัยไม่รู้สึกกับร็อกจริงๆ เหรอ” รชตก็อยากแน่ใจว่าอัยลินไม่ได้รู้สึกกับเขาเกินเพื่อนจริงหรือเปล่า
“รู้สึกสิ ร็อกเป็นเพื่อนสนิทของอัยนะ”
พอได้ยินคำตอบแบบนั้นเขาก็นิ่งเงียบไปเหมือนยอมรับสถานะ Friends with benefits ต่อไป
“อัยไปก่อนนะ มีเรียนน่ะ” แล้วเธอก็ลุกจากเตียงทั้งที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า รีบเข้าไปในห้องน้ำ
ปล่อยให้เจ้าของห้องนอนถอนหายใจอย่างท้อแท้เพียงลำพัง
เขากับอัยลินเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม บ้านเธอกับเขาอยู่ห่างจากกันแค่ไม่กี่หลัง
พอมัธยมเขาก็ไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ ส่วนอัยลินเรียนโรงเรียนเดิมกระทั่งจบมัธยมปลาย
แต่ถึงจะเรียนคนละที่ทั้งสองก็ยังคบหาเป็นเพื่อน และเจอกันแทบทุกวันเช่นตอนเรียนประถม กระทั่งสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน
อัยลินสอบติดคณะมัณฑนาศิลป์ ส่วนเขาสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์
ตอนนี้เขากับเธออยู่ปีสองแล้ว แต่ความสัมพันธ์แบบ BWF นั้นมันเริ่มตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่ง
วันนั้นเขากับเธอดื่มฉลองสอบติดกับเพื่อนๆ หนักไปหน่อย จนเผลอมีความสัมพันธ์กันอย่างไม่ตั้งใจ แต่พอรู้สึกตัวเขายอมรับว่ามันรู้สึกดีมากๆ จนเขาสำรวจความรู้สึกตัวเองอย่างแน่ใจว่าจริงๆ แล้วเขารักอัยลินมานานแล้ว เพียงแต่เริ่มตอนไหนนั้นเขาไม่แน่ใจจริงๆ
แต่เมื่อคิดจะบอกความในใจ พร้อมกับรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนพลั้งเผลอ แต่อัยลินดันบอกเขาว่า
“ลืมมันไปเสียเถอะ คิดเสียว่าฝันไป แต่ถ้าร็อกลืมไม่ได้ ดึงดันจะรับผิดชอบเป็นแฟนอัย เราก็คงเป็นเพื่อนกันต่อไม่ได้”
ตอนนั้นเขายินยอมรับในสิ่งที่อัยลินต้องการ พยายามเป็นเพื่อนกันต่อไปเหมือนเดิม แต่มันก็ทำยาก อัยลินเองก็เช่นกัน อาจเพราะวัยที่ร้อนแรงในเรื่องเซ็กซ์ เราต่างทำเรื่องพลั้งเผลอกันอีกครั้ง และหลังจากนั้นก็หยุดไม่ได้ กระทั่งผ่านมานับปี ทว่าที่เหมือนเดิมคือสถานะระหว่างกัน
เป็นเพื่อนเพื่อนสนิทที่แนบสนิทกันได้ในยามที่ความต้องการตรงกัน
แต่ก็มีเงื่อนไขระหว่างกัน ว่าหากคนใดคนหนึ่งมีแฟนหรือกำลังดูใจกับใครอยู่ สถานะเพื่อนนอนก็จบลง เหลือเพียงแค่เพื่อนสนิทเหมือนเดิม
หากวันนั้นมาถึงจริง รชตไม่มั่นใจว่าตนเองจะกลับไปเป็นเพื่อนกับอัยลินได้หรือเปล่า แต่วันนั้นยังมาไม่ถึง เพราะเขากับอัยลินไม่ได้คบหาหรือคุยกับใคร ตั้งแต่วันที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ทั้งสองต่างก็ไม่เคยมีใคร
มีแต่เขากับเธอในความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนสนิท เพื่อนนอน เหมือนคนในครอบครัวที่สามารถพูดคุยทุกอย่างกันได้
ไม่แปลกใช่ไหมที่เขาอยากจะมีสถานะคู่รักกับอัยลิน
แต่คำตอบที่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินคือ
‘เราต่างยังเด็กนะร็อก วันหนึ่งเราอาจเจอคนที่ใช่ และหากเราคบกันไปจริงๆ วันหนึ่งถ้ามันไม่ใช่อีกต่อไปขึ้นมา คิดว่าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหรอ ที่สำคัญอัยไม่แน่ใจว่าจะรักร็อกมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า เราไม่อยากให้ความหวังร็อก คือเราไม่อยากให้เราคบกันเพราะว่าเรามีเซ็กซ์กันแล้ว ร็อกเข้าใจไหม’
ใช่ วันนั้นเขาเข้าใจ แต่ผ่านมานับปี ความรู้สึกของเขามั่นคงขนาดนี้ ตัวอัยลินเองก็แทบไม่เคยคบหาใคร นั่นมันไม่ได้บ่งบอกว่าเธอไม่ได้สนใจใครอื่น นอกจากเขาหรอกหรือ
เขาไม่เข้าใจเธอจริงๆ ก่อนจะหยุดความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับอัยลินไว้แค่นั้น เมื่อได้ยินเสียงใสๆ ร้องบอก
“ไปแล้วนะ”
“อือ” ครางรับแค่นั้น มองกระทั่งร่างกลมกลึงในชุดนักศึกษาหายลับไปจากห้องพัก
เขาก็ลุกจากเตียงนอน เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::
6 เดือนผ่านไป “แก มีเรื่องจะเม้าท์” ขณะที่อัยลินเพิ่งพาลูกสาววัยใกล้สองขวบหลับช่วงบ่าย พราวก็โผล่หน้ามาหาที่บ้าน“หน้าตาตื่นเต้นขนาดนี้ ต้องเป็นเรื่องดีๆ ใช่ไหม”“ดีมากแก มันดี แต่ว่า...” ท้ายประโยคทำหน้ามุ่ย“ดีแล้ว ยังมีแต่อีก”“ก็มันเล่าให้ฟังไม่ได้ นอกจากแกไง”“งั้นก็ว่ามา”“ก่อนเล่า หลานชายรูปหล่อฉันยังไม่กลับจากโรงเรียนเหรอ”“ยัง เพราะไปเรียนเปียโนต่อ อีกสักสองชั่วโมงน่าจะถึงบ้าน ถ้าอยากเจอก็อยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน”“อยู่ไม่ได้แก วันศุกร์ต้องไปกินข้าวกับแฟน”“งั้นก็รีบเล่าเรื่องดีๆ ของแกมาเถอะ จะได้กลับบ้านไปกินข้าวกับแฟน” เพราะบ้านของปริญญ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองกำลังจะจัดงานแต่งในเดือนหน้า“ก็แม่นุชน่ะสิ ส่งไฟล์ภาพสมัยยังเด็กของปั้นมาให้เพื่อทำภาพพรีเซ็นฯ งานแต่ง ฉันเห็นแล้วร้องกรี๊ดเลย เพราะมีภาพที่ปั้นใส่ชุดอนุบาลด้วย คือแก แบบเขาเป็นคนเดียวกับปั้นที่เป็นรักแรกสมัยอนุบาลสามของฉันอะ ฉันรู้สึกโอ้โห นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ” พราวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ท่าทางเหมือนเจอเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในชีวิต“ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อแฮะ ว่าแต่แกบอกปั้นแล้วเหรอ ว่าเขาคือแฟนสมัยเด็กของแก”“ยัง
รุ่งเช้าทั้งสองออกจากห้องพัก แวะกินมื้อเช้าที่คาเฟ่ข้างคอนโดฯ จากนั้นก็ออกเดินทาง ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย ทั้งสองแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านริมทะเล กินอิ่มก็ถ่ายรูปกันเล่นๆ กระทั่งบ่าย ทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังโครงการบ้านพักวัยเกษียณระดับไฮเอนด์ ที่อยู่นอกเมืองออกไปราว 7 กิโลฯ ซึ่งเป็นโครงการของครอบครัวของรชตนั่นเองภายในโครงการกว้างขวาง ภายในมีบริการสำหรับคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย ทั้งสนามกอล์ฟ คลับ ฟิตเนส สวนหย่อมสำหรับนั่งเล่นหรือวิ่งเดินออกกำลังกาย และสถานพยาบาลที่รองรับฉุกเฉินจากลูกบ้านได้ทุกเมื่อ ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหลักบ้านพักห่างกันได้ความเป็นส่วนตัว ปริญญ์เคลื่อนรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน พอเปิดประตูรถออกมา มารดาของเขาก็ออกมาต้อนรับด้วยการสวมกอดและหอมแก้มลูกชายก่อนพอผละจากกันเขาก็แนะนำให้เธอกับมารดารู้จักกันอย่างเป็นทางการ จริงๆ แล้วทั้งสองเจอกันในงานแต่งของรชตกับอัยลินมาก่อนแล้ว แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน“เข้าไปข้างในก่อนเถอะ” นุจรีควงแขนลูกชาย และเอื้อมมาจับมือพราวเข้าไปในตัวบ้านความเป็นกันเองนั้นทำให้พราวคลายความเกร็งตามประสาผู้หญิงที่เข้าบ้านผู้ชายเป็นครั้
ความรัก วันเวลาหกเดือนผ่านไป“ปั้น หยุดก่อน หิวไม่ใช่เหรอ ให้พราวเจียวไข่เสร็จก่อนสิ อ๊ะ” หญิงสาวบ่นจบก็ครางออกมา เมื่อเธอกำลังจะตั้งกระทะเจียวไข่ในเวลาสามทุ่ม เพราะคนเพิ่งเข้ามาในห้องพักบ่นหิวทว่ายังไม่ทันทำอาหารจานด่วนเสร็จ เขาก็เดินเข้ามากอดจากด้านหลัง จูบที่ต้นคอเปลือยเปล่าที่เธอรวบผมสูง จากนั้นมือใหญ่ก็สอดเข้ามาในชายเสื้อยืด เกาะกุมอกอวบของเธอพร้อมขย้ำเบาๆ“ตอนนี้เราหิวพราวมากกว่า” น้ำเสียงกระเส่า พร้อมกับกดร่างเพรียวบางให้อยู่ในท่าโก้งโค้ง พราวต้องเกาะขอบเคาน์เตอร์ครัวไว้แน่น พร้อมสูดปากครวญครางอย่างซ่านเสียว เมื่อเขารั้งกระโปรงเธอสูง แล้วเอานิ้วแกร่งแหย่เข้าไปในโพรงลึก ขยับเข้าออกจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะ“พราวพร้อมแล้วแหละ” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับได้ยินเสียงรูปซิปกางเกงสแลกซ์ไม่กี่นาทีต่อมาพราวก็รับรู้ถึงแท่งร้อนที่แทงเข้ามาในร่องหลืบที่คับแน่น แต่หยาดน้ำฉ่ำก็ทำให้ไม่เจ็บ เมื่อเขาแทงระรัวเข้าหาอย่างหิวโหย เพราะตลอดทั้งสัปดาห์ เขาจะมาค้างคืนกับเธอแค่วันสุดสัปดาห์เท่านั้นเสียงเนื้อกระทบเนื้อประสานกับเสียงครางหวานและเสียงพร่าทุ้มดังไปทั่วห้องครัวช่วงล่างเขาขยับไม่หลุด ปากอุ่นก็ก้มจ
พอถึงห้องพักทั้งสองต่างนั่งเงียบๆ ครู่ใหญ่ จนปริญญ์ทนอึดอัดไม่ไหวก็โพล่งออกมาก่อน“พราว ตกลงจะเป็นแฟนกันไหม”“แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากเป็นแฟน” พราวหันไปจ้องตาอีกฝ่าย เหมือนจะจับความรู้สึกของเขาจริงๆ“แน่ใจสิ”“แน่ใจตั้งแต่ตอนไหน”“ก็ตั้งแต่ตอนที่พราวเริ่มคุยกับหมอกริช”พอฟังแบบนั้นพราวก็แอบพรูลมออกจากปาก เพราะเหมือนการตัดสินใจที่จะคุยกับกริช ไปกระตุ้นความรู้สึกของปริญญ์อย่างนั้นหรือ“แล้วคิดว่าเราจะไปกันรอดไหม”“นั่นแหละที่คิดมาตลอด เพราะเราก็ไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีอย่างพราวไป แต่เวลาเดียวกันเราก็ไม่อยากให้พราวเป็นแฟนกับคนอื่น”“ปั้นต้องคิดดีๆ นะ หากวันหนึ่งเราไปกันไมได้ พราวไม่มีวันคบแฟนเก่าเป็นเพื่อนหรอกนะ”“รู้ เราถึงต้องใช้เวลากับเรื่องนี้นานมากไง”“แบบนั้นเอาอย่างงี้นะ เราลองคบกันไป หากวันหนึ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ ไม่อยากเป็นแฟนแล้ว ก็บอกกันตรงๆ เราอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่เราก็จะยังไม่เกลียดกัน”“โอเค ตกลงตามนั้น” ปริญญ์ตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง“เออ เรื่องแหวน ปั้นซื้อไว้แล้วเหรอ”“ใช่ เป็นแหวนคู่รักน่ะ แล้ววันหนึ่งพราวมั่นใจในตัวเราเมื่อไหร่ เราก็พร้อมสร้างครอบครัวไปด้วยกัน”“ก็ตามน
เปลี่ยนสถานะพราวรู้ตัวว่าเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปดูโครงการบ้านที่ปริญญ์สนใจ เพราะเขามาหาเธอตั้งแต่ตอนใกล้เที่ยง ซึ่งวันหยุดเธอจะตื่นสายเป็นปกติ เขามาพร้อมของกินมื้อเที่ยง ทั้งขนมผลไม้ เครื่องดื่มที่โปรดปรานของเธอทำให้พราวคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เธอเกลียดปริญญ์เพิ่มขึ้น จากการที่เขาทำตัวปกติ หลังจากมีวันไนท์กัน ก็คือเขาชอบซื้อของกินถูกปากมาให้นี่แหละ เพราะมันอร่อยเกินไป จนเธอคิดว่าจะหาใครที่รู้ใจขนาดนี้มาเป็นแฟนได้มันก็ควรจะเป็นเขาไหมล่ะถ้าเขายอม!ไม่ใช่มาทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีอยู่แบบนี้!“เพิ่งรู้ว่าหมอกริชย้ายไปทำงานบ้านเกิด” เขาชวนคุย เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้“แม่เขาไม่สบาย”“แล้วพราวกับเขา คือ...”“คืออะไร!” เธอถามพลางส่งค้อน ในความอยากรู้ของเขา“ยังคุยกันอยู่ไหม”“ก็คุย” เธอตอบแค่นั้น ไม่ได้ขยายความต่อแล้วเขาก็เงียบไปทันทีเมื่อกินอิ่ม เขาก็นั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ ส่วนพราวก็เดินเข้าห้องนอน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกไปดูบ้านเป็นเพื่อนเขาใช้เวลาขับรถแค่ชั่วโมงก็ถึง โครงการกลางเมือง ระดับ อัลตร้าลักชัวรี่ สไตล์บ้านเมโทรโพลิแทน ทรอปิคอล โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยพันตารางเมตร มีสระว่ายน้ำส่วนตัว
“สรุปมาได้ไง” พราวถามขึ้นเมื่อปริญญ์ติดรถเธอกลับห้องพัก ด้วยเหตุผลที่เขาไม่ได้เอารถมา “ก็บอกแล้วไง คุณแม่พราวก็ฝากขนมให้เรากิน เราก็อยากมาขอบคุณด้วย ทำไมไม่อยากให้เรามาเหรอ” “พูดไปแล้ว ปั้นก็ไม่เข้าใจ” พราวบ่นแค่นั้น แล้วต่างคนต่างเงียบไป “วันนี้ไปเจอหมอกริชไม่ใช่เหรอ ตกลงว่าไง” “ตกลงยังไงก็เรื่องของพราวกับหมอกริชนะ ปั้นไม่ต้องรู้หรอก” พราวย้อนเสียงเย็นชา “พราว...” แต่พราวยังเงียบ เพราะเรื่องระหว่างเธอกับกริช มันเรื่องส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็ได้ และไม่เข้าใจทำไมปริญญ์ถึงอยากรู้ เธอเองก็ไม่เคยสนใจเรื่องของเขากับสาวๆ ที่เขาควง “วันเสาร์หน้าจะไปดูบ้านโครงการหนึ่ง ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ” เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “จะซื้อบ้าน” “อือ เวลาแม่กับปีเตอร์มากรุงเทพฯ เขาไม่อยากพักโรงแรมน่ะ เลยคิดจะซื้อบ้านดีกว่าจะได้เป็นส่วนตัว” “ไม่รู้จะว่างหรือเปล่านะ เพราะปั้นก็รู้วันเสาร์พราวก็กลับบ้าน” “ไปด้วยกันเถอะ เพราะโครงการที่ไปดู ไม่ไกลจากบ้านของพราวหรอก”












ความคิดเห็น