เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว

เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว

โดย:  เล่อเอินยังไม่จบ
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
10
3 การให้คะแนน. 3 ความคิดเห็น
100บท
1.1Kviews
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

[เริ่มแรกโหดร้าย ภายหลังหวานแหวว + ฌาปนสถาน + ผู้มีอำนาจก้มหน้า + วางแผนการไว้นานแล้ว] ปีที่สามของการแต่งงานกับโจวอวี้ชวน ในที่สุดเวินซ่งก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ในใจเขาคือใคร ...พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาไงละ ในคืนที่พี่ชายคนโตของเขาจากไป โจวอวี้ชวนเข้าไปขวางการตบหน้าให้พี่สะใภ้ใหญ่อย่างแน่วแน่ โดยไม่สนเลยสักนิดว่าเวินซ่งที่เป็นภรรยาคนนี้ก็อยู่ข้าง ๆ เวินซ่งเข้าใจดี ที่โจวอวี้ชวนแต่งงานกับเธอเพียงเพราะว่าเธอเชื่อฟังและรู้ประสา ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นเครื่องยืนยัน ว่าเธอรู้ประสามากจริง ๆ รู้ประสากระทั่งถึงคราวหย่า เธอก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับโจวอวี้ชวนเลยแม้แต่น้อย โจวอวี้ชวนไม่รู้ ว่าเธอได้รับทะเบียนหย่าแล้ว โจวอวี้ชวนไม่รู้ ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว วันที่เธอค้นคว้ายารักษาโรคมะเร็งที่ได้ผลดีเป็นพิเศษสำเร็จ ทั่วโลกต่างแซ่ซ้องเธอ มีเพียงแค่โจวอวี้ชวนคนเดียวเท่านั้นที่คุกเข่าลง อ้อนวอนให้เธอให้อภัยด้วยดวงตาแดงก่ำ “เสี่ยวเวินซ่ง ฉันผิดไปแล้ว เธอหันกลับมามองฉันหน่อยได้ไหม?” เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้สงบเสงี่ยม จะไปทำผิดได้ยังไง เวินซ่งถอยหลังหนึ่งก้าว คุณชายผู้ซึ่งเล่าลือกันว่าสูงส่งจนไม่อาจเอื้อมถึง ยื่นมือออกมาโอบเอวเธอไว้ แล้วประกาศความเป็นเจ้าของอย่างแข็งกร้าว “ต้องขอโทษด้วย เธอจะแต่งงานแล้ว แต่งกับฉัน”

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1

ปีที่สามของการแต่งงาน ตอนที่พี่ชายคนโตของโจวอวี้ชวนจากไป เวินซ่งพูดเรื่องหย่ากับเขา

โจวอวี้ชวนขมวดคิ้ว เผยสีหน้าไม่เข้าใจ “แค่เพราะว่าฉันยอมถูกตบหน้าแทนหมิงถังเนี่ยนะ?”

หมิงถัง เรียกกันเสียสนิทสนมจริง ๆ นะ

แต่ว่า ทั้งที่เสิ่นหมิงถังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาแท้ ๆ

เวินซ่งขยับริมฝีปาก “ใช่ เป็นเพราะเรื่องนี้”

สิ่งที่ทำลายชีวิตการแต่งงาน มันจะเป็นเพราะเรื่องแค่นี้ได้ยังไง

รอยแดงจากการถูกตบฉาดนั้นที่โรงพยาบาล มันชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของโจวอวี้ชวน

ตอนนั้น คนตระกูลโจวล้วนประหลาดใจกับการที่เขาปกป้องเสิ่นหมิงถังแบบนั้น

มีเพียงแค่เวินซ่งเท่านั้น ที่ไม่มีความประหลาดใจเลยสักนิดเดียว

เมื่อสามวันก่อน เป็นวันครบรอบการแต่งงานของเธอกับโจวอวี้ชวน

เธอตระเตรียมการเซอร์ไพรส์ไว้เป็นอย่างดี นั่งเครื่องบินไปถึงเมืองที่เขาไปดูงาน ทว่ากลับได้ยินคำพูดระหว่างเขากับเพื่อนสองเสียก่อน

“อวี้ชวน ฉันไม่ได้จะว่านายนะ วันครบรอบแต่งงานนายจะหลบออกมาทุกปีแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเลย นายทำแบบนี้มันผิดต่อความตั้งใจจริงของเสี่ยวเวินซ่ง”

ชายหนุ่มที่ปกติแล้วมักอ่อนโยนและสง่างาม นึกไม่ถึงเลยว่าในดวงตาเขาจะดูว้าเหว่ “นายคิดว่าฉันอยากเหรอ? ถ้าไม่ทำแบบนี้... เธอจะไม่มีทางเชื่อเลย ว่าตลอดหลายปีมานี้ฉันไม่เคยแตะต้องเวินซ่งเลยสักนิด”

“เธอ...”

หลังจากบรรดาเพื่อนที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเวินซ่งได้สติ ก็เกิดโมโหขึ้นมาไม่น้อย พูดจาถากถางออกไป “นายพูดถึงเสิ่นหมิงถัง? โจวอวี้ชวน นายนี่มันบ้าไปแล้ว เลิกคิดถึงอดีตสักที ท้องที่สองของเสิ่นหมิงถังก็ป่องชัดขนาดนั้น นายยังไม่ปล่อยวางอีก”

หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปทันที เขาพูดต่อไปว่า “อีกอย่างนะ นายรังแกเสี่ยวเวินซ่งขนาดนี้ ไม่กลัวว่าพี่ซางอวี้จะเอาเรื่องนายหรือไง?”

“เขาไม่ทำหรอก”

โจวอวี้ชวนลูบนิ้วมือ “เพราะเวินซ่งกับฉันแต่งงานกัน พวกเขาเลยทะเลาะจนเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว ไลน์ก็บล็อกกันไปตั้งสามปีแล้วด้วย”

เวินซ่งที่อยู่นอกห้องส่วนตัวสาสเท้ายาวจากไปอย่างเงียบงัน ทว่าปลายนิ้วมือที่อยู่ข้างลำตัวกลับสั่นเล็กน้อยจนแทบมองไม่ออก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ ว่าโจวอวี้ชวนเคยมีคนในใจมาก่อน

เธอไปสืบถามมาจากคนมากมายนับไม่ถ้วน ไม่มีใครบอกเธอเลยว่าคนในใจคนนี้แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่

ทั้งยังเคยคาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา

คนเดียวที่ไม่เคยนึกถึงเลยก็คือพี่สะใภ้ใหญ่

“พี่สะใภ้ใหญ่” ที่เธอเรียกขานด้วยความเคารพมาสามปี

มันน่าอึดอัดเกินไปแล้ว!

ตอนที่เวินซ่งเดินออกไปจากคลับ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาพอดี เธอทำราวกับไม่เห็น ปล่อยให้ตัวเองตากฝนเปียกซ่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ

เธอนั่งเครื่องบินกลับเมืองจิ่งพร้อมกับดวงตาแดงก่ำไปตลอดทั้งคืน

ทันทีที่ถึงบ้านก็ล้มพับเพราะไม่สบาย

ไข้ขึ้นอยู่สองวันเต็ม ๆ วันนี้อาการเพิ่งจะทุเลาลงมาบ้าง พี่ชายคนโตอย่างโจวหวายอันก็เกิดอุบัติเหตุเสียแล้ว

เจ็ดวันต่อมา พิธีศพของโจวหวายอันได้จัดขึ้นที่เมืองจิ่ง

สองสามวันนี้ ในแต่ละวันได้นอนที่บ้านใหญ่แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น หลังเสร็จสิ้นพิธีศพ ทันทีที่ออกจากสุสาน เวินซ่งรู้สึกเพียงแค่ว่าเหมือนตัวเดินอยู่ข้างหน้า ทว่าจิตวิญญาณกลับลอยตามอยู่ด้านหลัง

คนขับรถขับรถมารออยู่ที่ด้านหน้าประตู

เวินซ่งขึ้นรถได้ก็ปิดเปลือกตาทั้งสองข้าง “ลุงเฉินคะ กลับบ้านกัน”

“ไม่ไปบ้านใหญ่แล้วเหรอครับ?”

“ไม่ละค่ะ”

พิธีศพเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตระกูลโจวยังมีเรื่องให้ต้องวุ่นวายอีก

โจวหวายอันเป็นลูกชายคนโต หลานชายคนโต ตั้งแต่เล็กก็เติบโตมาอย่างดาวล้อมเดือน

อุบัติเหตุการตายครั้งนี้ เป็นเสิ่นหมิงถังที่รบเร้าให้เขาไปกระโดดร่ม ทว่าอุปกรณ์กระโดดขัดข้อง ทำให้ตกจากกลางอากาศจนเสียชีวิต

การส่งตัวไปที่โรงพยาบาลนั้น ไม่ได้ส่งไปเพื่อช่วยชีวิต

แต่เป็นการเย็บซ่อมแซมร่างไร้วิญญาณ

ความเดือดดาลที่ตระกูลโจวมีต่อเสิ่นหมิงถังนั้น ยังไม่จบสิ้น

เวินซ่งไม่อยากไปเห็นอีกว่าสามีของตัวเองจะปกป้องผู้หญิงคนอื่นอย่างไร เธอยังมีเรื่องของตัวเองที่ต้องทำ

เพียงแต่ รถเพิ่งเริ่มเคลื่อนตัว ประตูรถด้านหลังก็ถูกคนเปิดออกกะทันหัน

โจวอวี้ชวนอยู่ในชุดสูทสั่งตัดสีดำล้วน รูปร่างสูงยาวเข่าดี ใบหน้าหล่อเหลาดูลำบากใจอยู่บ้างอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น “เสี่ยวซ่ง เธอกำลังจะกลับบ้านเหรอ?”

“อืม”

เวินซ่งเพิ่งขานรับ ทันทีที่เหลือบสายตาไปก็เห็นเสิ่นหมิงถังที่อยู่ข้างกายเขา มาพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง

ลูกชายของเสิ่นหมิงถังกับโจวหวายอัน โจวสือคั่ว เพิ่งอายุได้สี่ขวบ ร่างอวบอ้วนตุ้ยนุ้ย

เวินซ่งไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของเขาสักเท่าไร เห็นโจวสือคั่วใช้มือและเท้าปีนป่ายขึ้นมาบนรถ แล้วกล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “อาสะใภ้เล็ก รบกวนอาพาผมกับแม่กลับไปด้วยนะ!”

เวินซ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบตามองโจวอวี้ชวนเพื่อยืนยัน

โจวอวี้ชวนเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย “พ่อกับแม่ยังไม่หายโมโหเลย ให้หมิงถังกับคั่วคั่วไปพักอยู่ที่บ้านพวกเราสักพักก่อนนะ”

ท่าทางเหมือนกับว่ากลัวเธอปฏิเสธ เลยสำทับขึ้นมาอีกประโยค “เธออยากมีลูกแล้วไม่ใช่เหรอ พอดีเลย ก็เรียนรู้การดูแลคั่วคั่วไปพลาง ๆ ได้”

“...”

เวินซ่งเกือบจะหัวเราะออกมาแล้วเชียว

คิดว่าถ้าหัวเราะตอนที่อยู่ในสุสานแบบนี้ ดูจะไม่ค่อยถูกกาลเทศะเท่าไร

ให้สองแม่ลูกเสิ่นหมิงถังกลับบ้านพร้อมเธอ ส่วนเขาก็กลับไปบ้านใหญ่เพียงคนเดียว เพื่อรองรับเพลิงโทสะ

มีความรับผิดชอบไม่เลว

เมื่อกลับถึงบ้าน โจวอวี้ชวนน่าจะโทรมาแจ้งล่วงหน้า ป้าอู๋เลยจัดการเก็บกวาดห้องนอนแขกไว้เรียบร้อย

เวินซ่งไม่ต้องกังวลใจ อาบน้ำเสร็จ พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายทันที

ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว

เพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อนสนิทก็โทรศัพท์มาหาแล้ว

“ฉันจัดการหนังสือข้อตกลงการหย่าตามเงื่อนไขของเธอเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งไปให้ดูไหม?”

“ขอบคุณมากทนายถง”

เวินซ่งเพิ่งตื่น น้ำเสียงเลยนุ่มนวลมาก “ไม่ต้องส่งมาหรอก เธอเรียกแกร็บได้เลย”

“รีบขนาดนั้นเชียว เธอคิดดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”

ถงอู้เคยทำคดีผ่านมือมามาก กลัวว่าเพื่อนเธอจะทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ “โจวอวี้ชวนอาจจะไม่ใช่คนรักที่ดี แต่หากมองในบางมุม...”

เวินซ่งเปิดไฟ ลุกขึ้นนั่ง ความคิดก็ยิ่งชัดเจนแจ่มแจ้ง “คิดดีแล้ว ถงถง เขาช่วยตัวเองด้วยรูปผู้หญิงคนอื่น”
แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

user avatar
hattaya sook
สนุกดี อย่าเมน้าๆๆๆๆ
2025-09-29 22:48:10
0
user avatar
Wilaiporn Dangbuddee
สนุกค่ะ อย่าเทน้าาา
2025-09-29 20:11:29
0
default avatar
Pojjaman Kullayapichet
ไม่ต่อหรือคะ
2025-09-28 16:28:11
0
100
บทที่ 1
ปีที่สามของการแต่งงาน ตอนที่พี่ชายคนโตของโจวอวี้ชวนจากไป เวินซ่งพูดเรื่องหย่ากับเขาโจวอวี้ชวนขมวดคิ้ว เผยสีหน้าไม่เข้าใจ “แค่เพราะว่าฉันยอมถูกตบหน้าแทนหมิงถังเนี่ยนะ?”หมิงถัง เรียกกันเสียสนิทสนมจริง ๆ นะแต่ว่า ทั้งที่เสิ่นหมิงถังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาแท้ ๆเวินซ่งขยับริมฝีปาก “ใช่ เป็นเพราะเรื่องนี้”สิ่งที่ทำลายชีวิตการแต่งงาน มันจะเป็นเพราะเรื่องแค่นี้ได้ยังไงรอยแดงจากการถูกตบฉาดนั้นที่โรงพยาบาล มันชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของโจวอวี้ชวนตอนนั้น คนตระกูลโจวล้วนประหลาดใจกับการที่เขาปกป้องเสิ่นหมิงถังแบบนั้นมีเพียงแค่เวินซ่งเท่านั้น ที่ไม่มีความประหลาดใจเลยสักนิดเดียวเมื่อสามวันก่อน เป็นวันครบรอบการแต่งงานของเธอกับโจวอวี้ชวนเธอตระเตรียมการเซอร์ไพรส์ไว้เป็นอย่างดี นั่งเครื่องบินไปถึงเมืองที่เขาไปดูงาน ทว่ากลับได้ยินคำพูดระหว่างเขากับเพื่อนสองเสียก่อน“อวี้ชวน ฉันไม่ได้จะว่านายนะ วันครบรอบแต่งงานนายจะหลบออกมาทุกปีแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเลย นายทำแบบนี้มันผิดต่อความตั้งใจจริงของเสี่ยวเวินซ่ง” ชายหนุ่มที่ปกติแล้วมักอ่อนโยนและสง่างาม นึกไม่ถึงเลยว่าในดวงตาเขาจะดูว้า
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2
“?”หัวสมองของถงอู้ถึงกับเกิดเสียงดังอื้ออึงเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเวินซ่งที่เป็นคนสงบเสงี่ยมเสมอมา จะพูดคำนี้ออกมาได้แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ผู้ชายเฮงซวยอย่างโจวอวี้ชวนจะเป็นคนน่าอดสูได้ถึงขนาดนี้ถงอู้ด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ออกมาด้วยเสียงเบา ๆ แล้วว่า “ไม่ต้องเรียกแกร็บแล้ว ฉันจะไปส่งให้เธอเอง พอส่งเสร็จค่อยกลับมาทำโอที”แกร็บที่เป็นรถสองล้อ จะมาวิ่งได้ไวกว่ารถสี่ล้อของเธอได้ยังไงเมื่อวางสายโทรศัพท์ เวินซ่งก็นึกไม่ถึงว่าตนเองจะพูดออกไปตรง ๆ ได้ง่ายดายขนาดนั้นอาจจะเป็นเพราะความอัดอั้นนี้ มันติดอยู่ในใจเธอมาตลอดมันติดค้างจนทำให้ทั้งกายทั้งใจของเธออึดอัดไปเสียทุกที่ อึดอัดจนแทบบ้าก็เหมือนกับที่โจวอวี้ชวนพูดอยู่ในคลับคืนนั้น เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้งหากพูดออกไปอาจจะไม่มีใครเชื่อ แต่งงานมาสามปีแล้ว ทว่าเธอยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องแรก ๆ เธอเคยคิดว่า โจวอวี้ชวนมีปัญหาในเรื่องนั้นหรือเปล่าทว่าต่อมา ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอเห็นโจวอวี้ชวนกอดอัลบั้มรูปอัลบั้มหนึ่งไว้พลางช่วยตัวเองอยู่ในห้องทำงานชายหนุ่มส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ ๆมันเหมือนกับมีคนสะบัดฝ่ามือฟาดใส่หน้
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3
วันต่อมาเวินซ่งตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน เมื่อเปิดผ้าม่านหน้าต่าง ก็เห็นข้างนอกขาวโพลนไปหมด พยากรณ์อากาศไม่ได้พยากรณ์ไว้ทว่าหิมะแรกครั้งนี้ตกมาไม่เบาเลยแม้จะมีกระจกขวางกั้น ทว่าเวินซ่งก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นเธอเปลี่ยนไปใส่เดรสไหมพรม ขณะที่กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากระเบียงทางเดินอึกทึกไม่เบาหนวกหูชะมัดใครไม่รู้ ต้องคิดว่ามีช่างซ่อมแซมเข้ามาทำงานแน่“ป้าอู๋ เกิดอะไรขึ้น...”เวินซ่งรวบผมยาวขึ้นอย่างลวก ๆ เปิดประตูห้องออก ทว่ายังไม่ทันพูดจบ เจ้าตัวก็ตะลึงตาค้างไปแล้วไม่ใช่ช่างซ่อมที่เข้ามาทำงาน ทว่าเป็นศัตรูเข้ามาในบ้านต่างหากเมื่อก่อน ในบ้านล้วนสะอาดสะอ้านเรียบร้อยตอนนี้ เละเทะไปหมดแล้วหมอนข้างที่แต่เดิมอยู่บนโซฟาชั้นล่าง ดันมาโผล่อยู่ที่ประตูห้องของเธอ แถมด้านบนยังมีขี้โคลนสีน้ำตาลอะไรไม่รู้ติดอยู่ด้วยแจกันดอกไม้ที่ตกแตกกลิ้งอยู่บนพื้นรวมถึงภาพสีน้ำมันราคาห้าล้านที่แขวนอยู่บนผนังระเบียงทางเดินเองก็ถูกทำพังเช่นกันสรุปว่า ทำให้รู้สึกเปิดโลกขึ้นมากเลยทีเดียวป้าอู๋คอยตามขอร้องอยู่ด้านหลังโจวสือคั่วไปติด ๆ “บรรพบุร
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4
เสิ่นหมิงถังสีหน้าแข็งค้างไปทันทีเห็นรถคุ้นตาที่ด้านนอกแล้ว ในใจก็ลนลานขึ้นมาดวงตาคู่สวยของเธอจ้องถลึงใส่เวินซ่ง “เธอจงใจ? เธอจงใจใช่ไหม?!”“พี่สะใภ้ใหญ่กำลังพูดอะไรกัน ทั้งที่เมื่อกี้นี้ฉันกำลังเตรียมของขวัญให้อวี้ชวนอยู่ข้างบนแท้ ๆ ทำไมเธอยังจะมาโทษฉันอีกล่ะ...”ดวงตาทั้งสองข้างของเวินซ่งปกคลุมไปด้วยไอน้ำเห็นได้ชัดว่าได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อยทันทีที่ลุงฉินผู้เป็นพ่อบ้านของบ้านใหญ่เข้ามา ก็ได้เห็นเหตุการณ์ฉากนี้เข้าแล้วพอมองไปยังวิลล่าที่เละเทะจนไม่น่ามอง เขาก็ขมวดคิ้ว มองไปทางเสิ่นหมิงถัง “สะใภ้ใหญ่ คุณหญิงใหญ่ให้ผมมาแจ้งกับคุณว่า ในเมื่ออบรมสั่งสอนบุตรไม่ถูกวิธี คุณหญิงใหญ่ที่เป็นผู้อาวุโสมีแต่ต้องอบรมคุณก่อน”เสิ่นหมิงถังเผยอปาก “อะไรนะ?”ลุงฉินผายมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘เชิญ’ “เชิญคุณไปที่สวน แล้วคุกเข่าสามชั่วโมง”“ลุงฉิน...”เวินซ่งเพิ่งเปล่งเสียง ลุงฉินก็ขัดคำพูดของเธอเอาไว้เสียก่อนอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง ด้วยการกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน “สะใภ้รอง คุณไม่ต้องพูดขอร้องอะไรทั้งนั้น ในพิธีศพของคุณชายใหญ่เมื่อหลายวันก่อน คุณเองก็ลำบากไม่น้อย ดูแลร่างกายเยอะ ๆ ดีกว่าครับ”“.
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5
โจวอวี้ชวนรับกล่องของขวัญไป ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกรีดลงบนหัวใจอย่างรวดเร็วบอกไม่ได้ว่ามันเจ็บปวด เพียงแต่หายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไรโบบนกล่องของขวัญชิ้นนั้นผูกไว้อย่างตั้งใจและประณีตเห็นได้ชัดว่าเพื่อของขวัญชิ้นนี้แล้ว เธอใส่ใจไปมาก ทั้งยังตระเตรียมไว้นานไม่น้อยทว่าตัวเขาเองกลับเป็นไอ้ระยำครบสูตร ซุกซ่อนความเห็นแก่ตัวที่ไม่อาจเปิดเผยเอาไว้ยังไม่ทันให้เขารับคำอะไร เวินซ่งก็เดินไปที่บริเวณโถงทางเดิน ใส่เสื้อคลุมผ้าขนสัตว์สีแอปริคอต แล้วก็พันผ้าพันคอไว้ จนปิดดวงหน้ารูปไข่ขนาดเท่าฝ่ามือจนหลงเหลือเพียงแค่ดวงตาที่แยกสีดำขาวชัดเจนคู่หนึ่งจากนั้นก็ออกจากบ้านไปเพียงแต่ ท่าทางการเดินของเธอนั้น ดูไม่ค่อยปกติเท่าไรนักขณะที่โจวอวี้ชวนกำลังจะถามนั้น ก็ได้ได้ยินเสียงของเสิ่นหมิงถังที่อยู่ข้าง ๆ ร้องเสียงหลง “ซี๊ด เจ็บจัง!”เขาดึงความคิดกลับมาทันที แล้วประคองเธอให้นั่งใหม่ “เจ็บหัวเข่ามากเลยเหรอ? เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล”“ฉันไม่อยากไป”เสิ่นหมิงถังเม้มปาก เหลือบมองกล่องในมือเขา พลางพึมพำว่า “ยังจะกล้าพูดอีกว่าคุณไม่หวั่นไหวกับเธอ ทั้งที่แม้แต่ของที่เธอให้ คุณก็มองมันราวกับส
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6
ตอนที่เวินซ่งเดินออกจากบ้านใหญ่ตระกูลซางนั้น เธอเดินกะเผลกหนักยิ่งกว่าเก่าสามปีนี้ ขอแค่โจวอวี้ชวนไม่ได้กลับมากับเธอมักจะต้องเจอเข้ากับกฎตระกูลแบบนี้เธอไม่แปลกใจเลยเพียงแต่โจวอวี้ชวนไม่รู้ก็เท่านั้น ว่าทุกครั้งที่เขาต้องไปพิสูจน์ใจจริงกับคนในใจ มักจะผลักเธอไปสู่ทางตันเสมอตระกูลซางไม่ต้องการคุณหนูไร้ประโยชน์ที่คว้าหัวใจของสามีตนไว้ไม่อยู่พ่อบ้านถอนหายใจออกมา “คุณไม่เห็นต้องพูดออกไปตามตรงขนาดนั้นเลย ต่อให้ปรุงแต่งเหตุผลที่ร้ายแรงสักหน่อยขึ้นมา หลอกคุณหญิงใหญ่ไปบ้าง มันก็คงไม่ต้องเจ็บถึงขนาดนี้”“ลุงซาง”บนดวงหน้าเล็ก ๆ สะอาดสะอ้านของเวินซ่งนั้นดูว่าง่ายจนมองความคับแค้นใจไม่ออกเลยสักนิด “คุณย่ามีบุญคุณเลี้ยงดูอบรมฉันมา ฉันจะหลอกใครก็ได้ แต่ไม่มีทางหลอกผู้อาวุโสอย่างคุณย่า”“เฮ้อ”ความอ่อนโยนในดวงตาลุงซางเจือไปด้วยความจริงใจสองส่วน เขามองมือที่ถูกตีจนแดงของเธอ “อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลยครับ รีบไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลเถอะ”“ค่ะ”เวินซ่งพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรอีกลุงเฉินถูกพวกเขาไล่กลับไปนานแล้วทุกย่างก้าวของเวินซ่ง ล้วนเจ็บปวดอย่างรุนแรงตั้งแต่เด็กเธอก็สงสัยมาตลอด ว่าค
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7
ได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาอันเป็นปกติของเธอแล้ว หัวใจของโจวอวี้ชวนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทงเขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “จู่ ๆ จะทิ้งทำไมล่ะ? ปกติเธอให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานนี้มากไม่ใช่เหรอ?”เวินซ่งไม่ปฏิเสธเมื่อสามปีก่อน เธอตั้งใจเหลือพื้นที่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้เป็นพิเศษ เพื่อแขวนชุดแต่งงานชุดนี้ทุกปีจะต้องส่งไปซักทำความสะอาดทว่าสาเหตุที่ทะนุถนอมมัน เป็นเพราะเธอคิดว่า ชั่วชีวิตนี้คนเราจะแต่งงานกันเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าจะต้องเก็บชุดแต่งงานไว้เป็นที่ระลึกตอนนี้ใกล้จะหย่าแล้วไม่แน่ว่าหลังจากนั้นโจวอวี้ชวนอาจจะแต่งคนในใจเข้ามาก็ได้ชุดแต่งงานชุดนี้ ก็เหมือนกับตัวเธอเอง ที่เป็นของที่เป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้เวินซ่งยิ้มเล็กน้อย “มันพังแล้วน่ะ ฉันเพิ่งเห็นเมื่อไม่กี่วันก่อน มันขาดเป็นรูใหญ่ทีเดียว”“แต่ก็จะทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”โจวอวี้ชวนมองท่าทางมีความสุขทั้งที่ใจระทมทุกข์ของเธอ คิดว่าเธอทำใจไม่ได้ “เอาแบบนี้ ฉันจะให้คนจากร้านชุดแต่งงานมารับไปดูว่าพอจะซ่อมได้ไหม...”“ช่างเถอะ”เวินซ่งส่ายหน้า มองโจวอวี้ชวนด้วยสายตาราบเรียบ “ของที่มันพังไปแล้ว ซ่อมไปก็ไม่ดี”ที่เ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8
หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นมา ฝีเท้าเองก็ชะงักไปทันทีโจวอวี้ชวนสบตาเข้ากับดวงตากระจ่างใสของเธอ พลางเรียกชื่อเธอออกไปโดยไม่รู้ตัว “เวินซ่ง...”จู่ ๆ เวินซ่งก็ยิ้มออกมา น้ำเสียงของเธอทั้งราบเรียบทั้งเบาหวิว “เอาน่า นายจะเครียดไปทำไม ฉันรู้ว่านายกับพี่สะใภ้ใหญ่รู้จักกันมานานแล้ว จะชินกับการเรียกชื่อก็เป็นเรื่องปกติ”มองรถมายบัคสีดำเคลื่อนตัวออกไปจากสวน เวินซ่งค่อย ๆ นั่งพิงโซฟาเธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะหุนหันขนาดนี้ทั้งที่เธอเคยชินกับการทำตัวว่าง่ายอ่อนโยนมานานแล้ว ทั้งที่แค่จำเป็นต้องใช้ความรู้สึกผิดในใจของโจวอวี้ชวนมาอ้าง เพื่อให้หย่าได้ราบรื่นแล้วทำไมต้องถามคำถามอะไรเกินความจำเป็นแบบนั้นออกไปด้วยเธอเงยหน้ามองเพดาน ดวงตาทั้งสองข้างแห้งผากอย่างรุนแรงไม่ต้องรอให้เธอคิดจนเข้าใจ ถงอู้ก็โทรศัพท์เข้ามาแล้ว “เสี่ยวซ่งซ่ง กลางคืนออกมาดื่มกันไหม?”“เอาสิ”เวินซ่งตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว แล้วก็ชะงักเสียงไปเล็กน้อย “แต่ต้องดึกสักหน่อยนะ ฉันมีไลฟ์ดูแลสุขภาพ ราว ๆ สิบนาทีก็เสร็จแล้ว”เป็นงานของคลินิกแพทย์แผนจีน เดิมทีมันไม่ได้อยู่ในงานของเธอหรอกทว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนร่วมงานคนที่รับ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9
ป้าอู๋ก็ไม่สนใจแล้วว่าโจวสือคั่วกำลังร้องไห้อยู่ รีบสังเกตสีหน้าของเวินซ่ง “คุณนายน้อยคะ คุณยังโอเคไหม... ตอนนี้กระแสข่าวในเน็ตไม่ค่อยดี รูปพวกนี้อาจเป็นรูปตัดต่อก็ได้ค่ะ มีอะไรไว้รอคุณอวี้ชวนกลับมา แล้วค่อยถามเขาต่อหน้าอีกทีนะคะ”“ค่ะ”เวินซ่งเปิดฝาถ้วยรังนก ก้มหน้าลงดื่มอย่างช้า ๆ จะจริงหรือปลอมเมื่อคืนนี้เธอได้เห็นกับตาตัวเองแล้วไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกป้าอู๋เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ดวงตาของเธอบวมเป่งอย่างมากลังเลอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็กลับเข้าห้องไปโทรศัพท์หาที่บ้านใหญ่ “ค่ะ คุณนาย คุณนายน้อยคงจะเห็นข่าวตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ไม่ยอมลงมาทานอาหารกลางวัน แถมยังตาบวมเพราะร้องไห้อีก...” คนที่บ้านใหญ่ ไม่ค่อยได้สนใจข่าวบันเทิงเท่าไรนักพอได้ยินข่าวนี้ ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีน้องสามีกับพี่สะใภ้ม่าย!เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลโจวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังจะเหลือชื่อเสียงอยู่อีกเหรอ!คุณหญิงใหญ่ทานยาบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกไปสองเม็ดก็ยังไม่หาย ยังคงโมโหจนเป็นลมไปบ้านใหญ่ของตระกูลโจววุ่นวายกันไปหมดเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เวินซ่งกลับดูสงบนิ่งและใจเย็นเธอดื่มรังนกจนหมดอย่างไม่รีบร้
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ความดุดันนั้นกลับค่อย ๆ ลดลง กลายเป็นความอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนคลุมเครือ“นายกลับมาแล้ว”เวินซ่งถอยหลังไปครึ่งก้าว เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนเช่นเคย “กินข้าวหรือยัง ป้าอู๋ทำกับข้าว...”“เวินซ่ง”ชายหนุ่มขัดคำพูดของเธอ เลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงค่อนข้างอึดอัด “เรื่องในเน็ต มันไม่ใช่อย่างที่เธอเห็น ฉันอธิบายให้เธอฟังได้”“อืม”เวินซ่งพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย ตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันเชื่อนาย”โจวอวี้ชวนชะงักไปเขารู้มาตลอดว่าเวินซ่งเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่ครั้งนี้ เขาคาดการณ์สถานการณ์ไว้หลายรูปแบบก่อนกลับมา พวกเพื่อนฝูงแก๊งนั้นบอกกับเขาว่า เขาจบเห่แล้วผู้หญิงที่นิสัยดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทนเรื่องสามีนอกใจได้ทว่า เวินซ่งกลับไม่สะทกสะท้านไม่ร้องไห้ ไม่อาละวาดมันแปลกมากความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจของโจวอวี้ชวน คำว่าเชื่อใจที่หลุดออกมาจากปากของเวินซ่งอย่างง่ายดายนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลเขาขมวดคิ้ว ในหัวปรากฏคำหนึ่งขึ้นมา...ไม่สนใจเวินซ่งไม่สนใจเลยว่าเขานอกใจหรือไม่ไม่ได้สนใจเล
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status