เข้าสู่ระบบเมื่อนักธุรกิจหนุ่มอย่าง กวิน พิพัฒน์ศิลป์ ต้องการพนักงานในบริษัทของเพื่อนสนิท มาทำงานให้บริษัทของตนเอง เค้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรงัดมาใช้เพื่อให้ได้มาของพนักงานสาวคนดังกล่าว ส่วนเพื่อนอย่างแอนดริว ทวีเกื้อตระกูล จะมีวิธีไหนมารับมือกับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนคนนี้
ดูเพิ่มเติม"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก
"เก็บเร็ว!!"
ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตา
พนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน
"สวัสดีค่ะบอส"
"สวัสดีครับบอส"
พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตน
ปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเอง
แต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป
"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทันที
ปกติกวินจะเป็นคนจำตารางานของตัวเองได้แม่น แต่ธุรกิจกิจของเขากว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาบางคนนัดเข้ามาแบบกะทันหัน จึงทำให้ตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้วตลอดทั้งเดือน คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เขาก็สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ทุกครั้ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขาทำให้เขาเป็นบุคคลที่ถูกยอมรับในวงการนักธุรกิจและนักลงทุน
"วันนี้ตอน 10 โมงมีประชุมกับฝ่ายจัดซื้อค่ะ ส่วนบ่ายสองมีประชุมกับฝ่ายผลิตค่ะ ตอนค่ำ มีดินเนอร์กับคุณกิ่ง ส่วนสถานที่คุณกิ่งจะโทรมาแจ้งอีกทีค่ะ"
เลขาสาวท้องแก่ที่ทำงานกับกวินมานานจนรู้ใจกันพอสมควร ทวนตารางงานให้กับบอสหนุ่มของหล่อนฟัง
"อืม"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
หลังเสร็จงานซึ่งเลยเวลานัดมาพอสมควร กวินก็ไม่รอช้าเร่งเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังลานจอดรถทันที
"โชค! คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย วันนี้ฉันจะขับรถไปเอง"
"ครับคุณกวิน"
เมื่อสั่งลูกน้องเสร็จกวินก็ขับรถไปตามโลเคชั่นที่ กิ่งแก้ว คู่หมั้นของเขาส่งมาให้
ทั้งคู่หมั้นหมายกันตั้งแต่กวินเรียนอยู่ปี 1 ด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งกวินก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะทั้งสองครอบครัวก็รู้จัก สนิทสนมกันดีมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนเขากับ กิ่ง หรือกิ่งแก้วก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งการหมั้นในครั้งนี้ ทั้งคู่มีข้อตกลงร่วมกันคือ จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกัน ให้อิสระต่อกัน
"มาช้าจัง คุณคู่หมั้น"
ประโยคแรกเมื่อเจอกันก็ทำให้กวินต้องขมวดคิ้ว
"กิ่งแค่ล้อเล่นเอง มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนค่ะ ว่าแต่ยังไม่ตอบเลย ว่าทำไมมาช้าจัง"
"มีงานด่วนเข้ามานิดหน่อย เคลียร์เสร็จพี่ก็รีบมาเลย"
"รวยจนใช้ไม่หมดแล้วค่ะท่านประธาน พักบ้างนะคะ"
"เราก็เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่เห็นว่างมากินข้าวกับพี่เลย พ่อกับแม่ถามหาทุกวัน"
"แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าอยากให้ไปเป็นลูกสะไภ้จริงๆ แล้วใช่มั้ย"
"สนใจมั้ยล่ะ หึ"
"ถ้าสนใจ คือแต่งพรุ่งนี้ได้เลยใช่มั้ย"
"ไม่คิดจะแจกการ์ดก่อนเหรอ คุณหนูกิ่งแก้ว"
"ก่อนจะแจกการ์ดต้องถามว่าที่เจ้าบ่าวก่อน ว่ายอมให้ใส่ชื่อลงไปในการ์ดมั้ย"
"รู้ทันตลอดเลยนะ"
"ไม่รู้จักซะแล้วว่านี่ใคร"
"แล้วเป็นใครล่ะ"
"กิ่งแก้วผู้กุมความลับของประธานกวินไง อิอิ"
"ขออนุญาตเสริฟอาหารครับ"
หลังจากที่ทั้งสองคุยเล่นกันอยู่สักพัก พนักงานก็มาเสริพอาหาร ทั้งสองก็ยังทานไปคุยไปอย่างสนิทสนม ทำให้ใครๆ ที่เห็นภาพนี้ต่างเข้าใจได้ในทันทีว่านี้คือคู่รัก...
อีกฝั่งของร้านแห่งนี้ มีหญิงสาวสองคนนั่งทานข้าวกันหลังเสร็จจากนัดคุยงานกับลูกค้านอกสถานที่
"ฟ้า พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ อยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลย"
"ค่ะ"
จริงๆ หลังคุยงานเสร็จ ฟ้า หรือฟ้าใส อยากกลับบ้านเลย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด วันนี้เธอเลยตั้งใจขับรถกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันที่บ้านส่งข่าวมาว่าน้องชายต้องเข้าโรงพยาบาล ฟ้าใสจึงอยากจะกลับไปเยี่ยมน้อง
แต่เนื่องด้วย วิว หรือวิภาดา ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่สนิท และแฟนเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานขอให้ฟ้าใสมาทานข้าวเป็นเพื่อนเนื่องจาก แอนดริว มีงานด่วนต้องบินไปฮ่องกง ฟ้าใสเลยเกรงใจไม่กล้าบอกเหตุผลของตัวเอง และไม่กล้าปฏิเสธออกไป
เพล้งงงง!!
เสียงจานชามหล่นแตกลงบนพื้นจนคนทั้งร้านหันไปมองตามเสียงที่เกิดขึ้น
"ช่วยด้วยค่ะ ลูกค้ามีอาการชักค่ะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟ้าใสก็ไม่รอช้ารีบลุกจากโต๊ะวิ่งไป ก็เห็นคุณลุงท่านนึง อายุประมาณ 50 นอนอยู่บนพื้นข้างโต๊ะอาหาร ที่มีเศษแก้วกับจานหล่นกระจัดกระจาย
"ขอทางหน่อยค่ะ"
เมื่อแทรกตัวเข้าไปได้ฟ้าใสจึงใช้มือปัดเศษจานที่อยู่ใกล้ๆคุณลุงออกไป จากนั้นก็จับคุณลุงนอนตะแคง แล้วถอดแว่นให้คุณลุงเพื่อป้องกันแว่นแตก ฟ้าใสหันซ้ายหันขวาไปเห็นกระเป๋าใบนึง น่าจะเป็นของภรรยาของคุณลุงคนนี้
"ฉันขอยืมก่อนนะคะ"
หญิงคนที่คาดว่าเป็นภรรยาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ ฟ้าใสจึงนำมาวางรองศรีษะของคุณลุง จากนั้นเธอก็ปลดเข็มขัด เน็คไท และปลดกระดุมเสื้อของคุณลุงออกสองเม็ด เพื่อให้คุณลุงหายใจได้สะดวก
"คุณป้าเรียกรถพยาบาลเลยค่ะ"
เพราะไม่รู้ว่าคนไข้จะมีอาการดีขึ้นหรือไม่ ฟ้าจึงให้เรียกรถพยาบาล ส่วนเธอก็ทำได้แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น
คุณป้าเลยลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดโทรหารถพยาบาล
"ส่วนคนอื่นๆ รบกวนช่วยออกห่างๆจากบริเวณนี้หน่อยนะคะ อากาศจะได้ถ่ายเท คุณลุงจะได้หายใจได้สะดวก ขอบคุณมากค่ะ"
เมื่อได้ฟังเด็กสาวขอความร่วมมือ ทุกคนก็กลับไปนั่งยังโต๊ะของตนเอง
ผ่านไปสักพักคุณลุงก็มีอาการดีขึ้น อาการชักเกร็งค่อยๆ หายไป สามารถลุกขึ้นนั่งได้ สองผัวเมียจึงกล่าวขอบคุณฟ้าใสเป็นการใหญ่ และจะให้เงินเป็นการตอบแทน แต่ฟ้าใสปฏิเสธที่จะรับไว้ จากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ฟ้าใสเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาล
ทุกการกระทำของฟ้าใสตกอยู่ในสายตาคมคู่หนึ่ง ที่จับจ้องตั้งแต่ฟ้าใสวิ่งเข้ามาแล้วจัดการปฐมพยาบาลคุณลุงคนนั้น จนอาการดีขึ้นเขานึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงทำทุกอย่างได้คล่องแคล่วว่องไวอย่างนี้ หรือเธอจะเป็นหมอ
"พี่วินคะ"
"ห๊ะ!!"
"จ้องอะไรขนาดนั้นคะ"
"อ๋อ พี่แค่แปลกใจ ว่าทำไมเธอเก่งแบบนี้"
"ไม่ใช่มองเพราะน่ารักเหรอ" กิ่งแก้วเอ่ยแซว
"เปล่า!"
"แต่ว่าเธอน่ารักนะคะ ดูสิ หน้าก็หว๊านหวาน แถมยังมีน้ำใจ พี่ดูหนุ่มโต๊ะนั้นสิ มองด้วยสายตาหวานเยิ้มเลย"
มองไปยังโต๊ะที่กิ่งแก้วพูดถึง พอเห็นแววตาของหนุ่มคนนั้น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
"ช่างเขาสิ ใครจะมองใครก็เรื่องของเขา"
ปากพูดว่าไม่สนแต่สายตาก็ยังมองไปยังหญิงสาวที่เดินกลับโต๊ะของตัวเองไปแล้ว
"กิ่งแหย่พี่เล่นนิดเดียวเอง ทำเป็นจริงจังไปได้"
"อิ่มยัง จะได้กลับ"
"พี่กลับไปก่อนเลย กิ่งมีธุระต่อ"
"นัดหนุ่มไว้ละสิ"
"ก็ไม่เชิงนะ"
ยักไหล่ทำหน้ากวนๆ กวินเห็นแล้วหมั่นเขี้ยวเลยดีดนิ้วไปที่หน้าผากหนึ่งที
"โอ๊ย!! เจ็บนะ"
"ให้มันน้อยๆ หน่อย"
"หึงเหรอ"
"โตแล้ว สมองน่ะ" เอานิ้วจิ้มหน้าผากกิ่งแก้ว
"รู้แหละน่า หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้ คุยกับพี่ไม่เห็นจะสนุกเลย ไปล่ะ"
จบประโยคกิ่งแก้วก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปจากร้านทันที กวินได้แต่ส่ายหัวให้ความไม่รู้จักโตของกิ่งแก้ว...
ด้วยความโกรธกวินขับรถด้วยความเร็ว มุ่งไปยังโรงแรมใหม่ที่จะเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์ จริงๆ แล้วกวินต้องมาตรวจความเรียบร้อยตั้งแต่สามวันก่อน เพราะเขามัวแต่ตามตัวฟ้าใส เลยเลื่อนมาตลอด ทั้งสองไม่มีประโยคสนทนาใดๆ ส่วนกวินก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติ เขารู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเธอ"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมอีก"เมื่อรถมาจอดฟ้าใสก็เอ่ยปากถามทันที"ผมต้องมาดูความเรียบร้อยของงาน ก่อนเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์""แล้วฉันล่ะ?""คุณช่วยผมดูหน่อย เรื่องการออกแบบตกแต่งภายใน ผมว่าคุณน่ามีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง""แต่...""คุณไม่ขัดผมสักเรื่องได้มั้ย"กวินพูดแย้งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าฟ้าใสจะปฏิเสธเขา"ก็ได้ค่ะ""ไป เราเข้าไปข้างในกัน"จู่ๆ กวินก็จับมือฟ้าใสแล้วพาเดินเข้าไปยังโรงแรมหรู ยี่สิบชั้น ที่ก่อสร้างและตกแต่งเรียบร้อยพร้อมเปิดตัว หลายๆ คนที่ทั้งสอวเดินผ่านต่างหันมองทั้งสองคน เพราะทุกครั้งที่มากวินไม่เคยพาใครมา นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาเห็นฟ้าใสเป็นครั้งแรกที่ฟ้าใสเห็นกวินดูจริงจังในการทำงาน เพราะที่ผ่านมาฟ้าใสเห็นแต่กวินที่คอยตามเธออยู่ตลอด"เมื่อไหร่จะเลิกจ้องผมสักที""ห๊ะ!! เอ่อ ฉันเ
หลังจากวันนั้นฟ้าใสก็หลบหน้ากวินมาตลอด พอถึงวันที่ต้องไปที่บริษัทกวิน ฟ้าใสก็หาข้ออ้างเพื่อไม่ต้องไปได้ตลอด ถึงกวินจะไปรอเจอที่คอนโดก็ไม่เจอ จนกวินเริ่มไม่พอใจ ตามฟ้าใสไปถึงบริษัท"ไอ้ดริวฟ้าใสไปไหน""ไปคุยงานกับลูกค้า""ใคร?"แอนดริวละสายตามาจากเอกสารตรงหน้า เพื่อมองหน้าของเพื่อนสนิท ที่มาป่วนบริษัทของเขา มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา"คุณอัมพวัน"เมื่อได้ยินชื่อนี้ทำให้กวินยิ่งโกรธ เพราะเขามั่นใจว่าอัมพวันต้องพาลูกชายไปด้วยแน่นอน"ที่ไหน!""กูไม่รู้""มึงเป็นเจ้านายภาษาอะไร"กวินใช้มือสองข้างค้ำโต๊ะของแอนดริว"มึงก็เป็นเจ้านายภาษาอะไร งานการไม่ทำ มายุ่งวุ่นวายกับลูกน้องกู" แอนดริวย้อน"กูไม่เจอฟ้าใสมาอาทิตย์นึงแล้วนะ""แล้วไง?""ก็กู...""คิดถึง?""กูยังไม่พูด ใครจะคิดถึงเด็กบ้านั่น""เออ ไม่คิดถึงเลย เช้าถึงเย็นถึง""มึงโทรให้กูหน่อย""เออๆ รอแปบ"แอนดริวยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาฟ้าใส รอสักครู่ เธอก็รับสายแอนดริวก็เลยเปิดสปีกเกอร์โฟน เพื่อให้กวินได้ฟังด้วย'ค่ะ คุณแอนดริว'"ตอนนี้อยู่ไหนครับ"'คุยงานอยู่กับคุณอัมพวันค่ะ'"จะกลับตอนไหน"'น่าจะหลังทานข้าวเสร็จค่ะ'"คุณอัมพวันมาคนเดีย
ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อลืมตาสิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้ไม่ใช่หมอนข้างที่นอนกอดอยู่ทุกวัน แต่เป็นใครคนหนึ่ง ที่กำลังกอดเธอไว้ เมื่อเงยหน้ามองกลับเป็น ผู้ชายที่ตามปั่นป่วนชีวิตเธอมาตลอดเกือบๆ 3 เดือน ฟ้าใสได้แต่แปลกใจว่าเธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เพราะเมื่อมองไปรอบๆ นี่ก็ไม่ใช่คอนโดของเธอ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!!"นี่คุณ ตื่นสิ"ฟ้าใสที่พยายามขยับตัวเพื่อลุกจากที่นอน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคนข้างๆ กอดเธอไว้แน่นเหลือเกิน"เป็นอะไร ตื่นมาทำไมแต่เช้า"กวินที่ยังคงไม่ยอมลืมตา เขากอดกระชับฟ้าใสเข้าไปอีก แถมหอมหัวไปทีนึง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนที่เขากอดอยู่คือฟ้าใส เพราะเขาเป็นคนพากลับมาที่คอนโดของเขาเอง แต่กวินอยากนอนกอดฟ้าใสต่อ เขาเลยทำเป็นไม่สนใจที่ฟ้าใสพูด"คุณทำอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ"".....""คุณกวินตื่นสิ ฉันต้องไปทำงานนะ""ก็ลาสิ""ไม่ ฉันไม่มีทางลามานอนเล่นหรอก"พรึ่บ!!กวินพลิกตัวขึ้นมาคร่อมฟ้าใสทันที ทำให้เธอต้องตกใจจนตาโต กวินมองหน้าเธออย่างเอ็นดู จนต้องหอมหัวไปอีกหนึ่งที"ใครว่านอนเล่น นอนทำอย่างอื่นก็ได้นะ""คุณกวิน สองครั้งแล้วนะ คุณจะทำอะไรเนี่ย"ฟ้าใสเริ่มไม่พอใจ ชัก
เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ฟ้าใสยังไม่ยอมหลับ คุยงุ้งงิ้งๆ จนสลิลลากับวิภาดาหลงไม่ไหว อยากจะเข้าไปกัดแก้มสักทีสองที เพื่อนๆ คุณแบบนางแบบของเจษฎาต่างก็มองมาที่ทั้งคู่ด้วยความสงสัยเช่นกัน"ฟ้าใสลงมาเถอะ พี่ว่าคุณวินเหนื่อยแล้วนะ""ไม่เอานะพี่วิ พี่วินให้ฟ้านั่ง ฟ้าขอพี่วินแล้ว"ฟ้าใสงอแงทุกครั้งที่มีคนเรียกให้ลงจากตักของกวิน ตอนนี้ทุกคนต่างมองกวินด้วยความสงสาร โดยเฉพาะแอนดริวกับเจมส์เพราะทั้งคู่รู้ว่ากวินคิดยังไงกับฟ้าใส ขนาดพวกเขายังมองว่าฟ้าใสน่าเอ็นดู แล้วกวินล่ะ ต้องอดทนแค่ไหนเวลา 23.30 น.ตอนนี้ฟ้าใสหลับไปแล้ว แต่เป็นกวินซะเองที่ไม่ยอมปล่อยให้ฟ้าใสลงจากตัก เจษฎาด้วยความหวงเพื่อนก็พยายามบอกกับกวินหลายครั้งว่าจะพาฟ้าใสไปนอนที่ชั้นบน แต่กวินก็ไม่ยอม บอกจะพาฟ้าใสไปส่งเอง เพราะเป็นคนรับมา"ฉันขอไปห้องน้ำนะคะ" สลิลลาเอ่ยขึ้น"ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ยคะคุณเค้ก" วิภาดาอาสา"ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณคุณวิมากเลยค่ะ"สลิลลาลุกขึ้นเดินออกไป ผ่านโต๊ะของผู้ชายกลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพี่ที่สลิลลารู้จัก "เค้ก มาด้วยเหรอ" ชายหนุ่มเมื่อเห็นสลิลลาก็เอ่ยทัก แม้เธอไม่อยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่น
"คืนนี้มีงานวันเกิดน้องกูที่ผับ มึงจะไปมั้ยวะ""ไม่ไป คืนนี้กูไม่ว่าง""อย่าไปถามมัน ช่วงนี้มันไม่ไปไหนหรอก มึงก็เห็นไอ้เจมส์""แล้วมึง ไปมั้ย""จะเหลือเหรอ ขอเมียแล้วด้วย""เดี๋ยวนี้เมียมึงใจกว้างนะ""เปล่าหรอก เห็นว่าจะไปด้วย""ฮ่าๆๆ กูว่าแล้ว""เห็นบอกกูว่าฟ้าใสไปด้วยไง เลยจะไปนั่งเป็นเพื่อนฟ้าใส"กวินที่นั่งฟังอยู่เมื่อได้ยินชื่อฟ้าใสก็รีบหันไปมองเพื่อนทั้งสอง ส่วนจอมพลกับแอนดริวที่เหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนอยู่แล้ว แต่ทำเป็นไม่สนใจ พูดคุยกันต่อ"เห็นไอ้น้องชายตัวดีไม่บอกกูว่าเบบี๋จะไปด้วย""วิเล่าให้ฟังว่าเจษชวนทุกปี แต่ฟ้าใสปฏิเสธ ปีนี้เลยจะลองไปสักครั้ง""กูกลับก่อนละกัน เจอกันคืนนี้สองทุ่มนะไอ้ดริว กูไปละนะไอ้วิน" เจมส์ลุกขึ้นเดินไปใกล้ๆ กวิน แล้วตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไป...ณ.ผับจอมพล ตอนนี้เป็นเวลานัดหมาย เหล่านางแบบคุณแบบหลายคนที่สนิทก็ต่างมาร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์กับเจ้าของวันเกิด แต่เจษฎากลับนั่งมองแค่ประตูร้าน เขาลุ้นว่าฟ้าใสจะมาตามที่รับปากไว้หรือเปล่าเมื่อประตูถูกเปิดออก เจษฎากลับยิ้มกว้าง ลุกจากที่นั่งทันทีเพื่อวิ่งไปหาฟ้าใส"เบบี๋ ดีใจจังที่บี๋มา""อื้ออ ปล่อยเราก่อน
รถสปอร์ตเลี้ยวเข้ามาจอดยังบริษัทของแอนดริว เมื่อจอดรถเสร็จเจ้าของรถหนุ่มหล่อก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเพื่อนสนิททันที"มึงมาทำไมแต่เช้า" แอนดริวถามขึ้นเมื่อกวินเดินเข้ามาในห้อง"กูมาหาฟ้าใส""ไม่อยู่" แอนดริวตอบสั่นๆ ก่อนจะก้มไปอ่านเอกสารต่อ"ไปไหน กูโทรไปก็ไม่รับ""โทรมาลาเมื่อเช้า บอกว่ามีธุระสำคัญที่บ้าน" คราวนี้เขาไม่ได้ละสายตาจากเอกสาร"ลากี่วัน"เมื่อกวินยังไม่หยุดถามแอนดริวจึงวางปากกาลงแล้วเงยหน้ามามองหน้าของกวิน"ไม่รู้ บอกเสร็จธุระจะกลับมา""ถ้าลาเป็นเดือนล่ะ""ก็ให้ลา"ด้วยความเอือมระอาแอนดริวจึงตอบประชดไปแบบนั้น ถ้าลาเป็นเดือนก็ต้องลาออกแล้วแหละ ถามมาได้"มึงบ้าไปแล้ว""มึงก็บ้าไปแล้ว งานการไม่ทำ มาตามหาแต่ฟ้าใส""ก็กูมีธุระ""ธุระ หรือมึงคิดถึงกันแน่""กู...มี...ธุ...ระ""แล้วแต่มึง แต่กูบอกอะไรให้อย่างนึงนะ ว่าไม่มีใครชอบคนใจร้ายหรอก""กูใจร้ายตรงไหน ให้ทำงานในห้อง พาไปกินข้าว แถมไปรับไปส่ง ดูแลดียิ่งกว่าคู่หมั้นกูอีก""ใช้งานเขาหนักขนาดนั้น แถมยังบังคับอีกไม่เรียกใจร้าย เรียกว่าอะไรวะ แล้วที่สำคัญตัวมึงเองก็มีคู่หมั้น แต่ทำตัวเหมือนจีบพนักงานกู ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอวะ""ใ
ความคิดเห็น