Home / รักโบราณ / วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ / ตอนที่1.2 คุณหนูรองสุลจาง

Share

ตอนที่1.2 คุณหนูรองสุลจาง

Author: Deeda k.
last update Last Updated: 2025-05-02 18:49:24

ตอนที่1.2 คุณหนูรองสุลจาง

จางเหม่ยอวี้ หรือคุณหนูรอง บุตรีของขุนนางตำแหน่งรองเจ้ากรมพิธีการ ถือกำเนิดจากฮูหยินสามแห่งสกุลตู้ ตอนเป็นเด็กน้อยนางช่างอาภัพน่าสงสาร เมื่ออายุย่างเข้าห้าหนาวมารดาก็สิ้นใจตาย ทิ้งเด็กน้อยไว้กับความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

ตระกูลจางทำได้เพียงปล่อยข่าวการตายของฮูหยินสามออกไปว่าจากไปเพราะโรคประหลาดที่ยากรักษา ทั้งที่คนในจวนต่างก็ทราบดีว่ามีผู้ประสงค์ร้าย คิดสกปรกลอบวางยาในน้ำชาของนาง ทว่ายังจับมือใครดมไม่ได้ จนตอนนี้ผู้ร้ายก็ลอยนวลไปถึงเก้าปีแล้ว

อันที่จริงยามไร้มารดาอุ้มชูดูแล คุณหนูรองจะต้องถูกโยกย้ายเข้าไปอยู่ภายใต้ความดูแลและสั่งสอนของฮูหยินใหญ่ ทว่าด้วยชะตาฟ้ากำหนดหรือพระโพธิสัตว์เล็งเห็นแล้วเวทนาก็มิอาจทราบได้ จึงดลจิตดลใจให้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องตาเด็กหญิงตัวน้อยอวบอ้วน จนถึงขั้นรับจางเหม่ยอวี้มาเลี้ยงดูด้วยตนเอง

รองเจ้ากรมพิธีการที่เห็นพ้อง และอยากเอาใจมารดาตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยไปส่งถึงเรือนท้ายจวน แบบชนิดที่ไม่หันมามองสีหน้าบูดบึ้งของฮูหยินใหญ่สักนิดเดียว

หลังจากฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดบุตรชาย ร่างกายของนางก็เริ่มอ่อนแอ จนไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ทำให้ที่คิดอยากมีบุตรสาวใจจะขาดและตั้งความหวังไว้ว่าจะได้เลี้ยงดูจางเหม่ยอวี้ แต่สุดท้ายกลับถูกแม่สามีพราก

เอาไปเสียดื้อ ๆ

เรื่องนี้ทำให้นางร่ำไห้ด้วยความทุกข์ระทมอยู่หลายวัน กว่าแม่สามีจะเห็นใจ ยินยอมอนุญาตให้นางเลี้ยงดูเด็กน้อยได้ตามสมควร

ผู้คนภายนอกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณหนูรองเกิดมาพร้อมกับดาวอุปถัมภ์

ฮูหยินใหญ่เลี้ยงดูว่าวาสนาดีแล้ว แต่ไปเกาะเกี่ยวต้นไม้ใหญ่อย่างฮูหยินผู้เฒ่ามิเท่ากับว่าได้รับโชคมหาศาลงั้นหรือ และด้วยเหตุนี้นางจึงกลายเป็นคุณหนูคนสำคัญของสกุลจางไปในทันที

จางเหม่ยอวี้ถูกผู้เป็นย่าเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี จรรยาสตรีชนชั้นสูงครบถ้วนไม่มีบกพร่อง ซ้ำยังเชิญกูกูจากในวังมาสั่งสอนเรื่องจารีต เรียกว่าสามารถถวายตัวเข้าวังหลังสือจ้าวได้สบาย หรือกระทั่งอภิเษกดำรงยศ

พระชายาในองค์ชายก็คงไม่มีเสียงใดกล้าคัดค้าน

ทว่าสตรีอันดับหนึ่งกลับพึงตาต้องใจว่าที่บัณฑิตหนุ่มสกุลกัว ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกันไปเสียแล้ว ในเวลานี้จึงไม่มีคู่รักคนใดเหมาะสมไปมากกว่าสองคนนี้อีกแล้ว...

เมื่อบ่าวรับใช้คนสนิทของกัวจิ้นเต๋อ เห็นว่าคุณหนูจางเหม่ยอวี้เดินมาพร้อมกับจื่อผิง ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปคารวะอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม แม้ในใจจะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างก็ตาม

“คุณหนูรอง เชิญทางนี้ขอรับคุณชายกำลังรอคุณหนูอยู่”

จางเหม่ยอวี้พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปบอกจื่อผิงให้มอบรางวัลแก่เขา เป็นเชิงปลอบใจที่ทำให้ต้องมาเสียเวลารอ ทว่าเมื่อสาวใช้ทำท่าจะก้าวตามขึ้นไป หญิงสาวก็เอียงหน้ามาหาแล้วกระซิบเบาๆ

“อีกเดี๋ยวเจ้าไปนั่งดื่มชากับขนมรอข้าอยู่ด้านล่างเถอะ แล้วลงบัญชีข้าเอาไว้”

“เจ้าค่ะ” ผิงจื่อรับคำอย่างเชื่อฟัง

ฉางทิงยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าแววตาทอประกายขุ่นมัว เดินนำทางว่าที่ฮูหยินขึ้นบนชั้นสอง

“ถึงแล้วขอรับ” ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ พลางเลื่อนบานประตูให้เสร็จสรรพ เขาเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งน้ำชากับขนมเพิ่มอีกสองชุด ดูแลเรื่องสมควรตามหน้าที่จบก็เดินลงบันได พลางเรียกจื่อผิงที่ถูกผู้เป็นนายสั่งให้รออยู่ด้านล่างให้มานั่งดื่มชาด้วยกัน

“คุณหนูรองผิดเวลาอีกแล้วนะพี่จื่อผิง ก็รู้อยู่มิใช่หรือว่าคุณชายของข้าต้องเตรียมตัวสอบปลายปีนี้” เขาพ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกทางจมูกคราหนึ่ง พลางจ้องเขม็งมายังสาวใช้สกุลจางอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก

“ดูเถอะ นี่ยังต้องเสียเวลาปลีกตัวมาหาคุณหนูของพี่อีก”

“หุบปาก! เจ้าไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด” จื่อผิงที่เหงื่อโซมกายอารมณ์หงุดหงิดอยู่ก่อนแล้ว พอยิ่งฟังถ้อยคำกระทบกระเทียบในใจก็ยิ่งกรุ่นด้วยโทสะ ราวกับมีใครสักคนเอาน้ำมันเดือดๆ มาราดรดเพิ่มเติมลงไปในเชื้อไฟที่กำลังลุกโชน “กล้ามากล่าวหาว่าคุณหนูของข้าผิดเวลา ช่างไม่ดูตาม้าตาเรือ นัดหมายทั้งทีกลับไม่ดูฤกษ์ยามให้ดี วันนี้กองทัพจูเชว่เคลื่อนเข้าเมืองหลวงรับบำเหน็จจากฝ่าบาท นายของเจ้าหูหนวก ตาบอดไม่รู้ความ

หรือไร”

ฉางทิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กะพริบตาปริบๆ ความขุ่นเคืองก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้ง

“เอ่อ...” ชายหนุ่มอึกอัก หัวสมองควานหาประโยคโต้เถียงไม่ออกสักคำ

“อีกอย่างคุณหนูของข้าบอกกล่าวคุณชายกัวไปกี่ครั้งแล้ว”

จื่อผิงดวงตาเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว

“ว่าอย่าฝากจดหมายไว้กับทหารยามหน้าประตูจวน”

“อย่าบอกนะว่า...” ฉางทิงครุ่นคิด “คุณหนูใหญ่รบเร้าจะมาด้วย”

“รบเร้าไม่สำเร็จหรอก เพราะคุณหนูรองใช้คำพูดดักทางคุณหนูใหญ่ไว้หมดแล้ว แต่นางก็ยังไม่วายกลั่นแกล้งให้คุณหนูของข้าจัดดอกไม้อยู่นานสองนาน อ้างว่าต้องนำไปมอบเป็นของขวัญให้ตระกูลหลิน” จื่อผิงเล่าด้วยความคับแค้นใจ

“คุณหนูจะทำเป็นเพิกเฉยไม่ช่วยก็ไม่ได้ เดี๋ยวอนุหลินสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสีอีก”

“สกุลจางวุ่นวายยิ่งนัก” ฉางทิงส่ายหน้าหลังรับฟังปัญหา “คุณหนูใหญ่ก็กระไร คุณชายของข้ามิได้พึงใจในตัวนางเสียหน่อย ยังจะ...”

“หน้าด้านไร้ยางอาย!” จื่อผิงเค้นคำด่าลอดไรฟัน ฉางทิงเห็นด้วยอย่างยิ่ง ผงกศีรษะหงึกหงักราวกับสัตว์แสนรู้ตัวหนึ่ง

บ่าวด้านล่างตีอกชกหัวโวยวายแทนเจ้านาย ส่วนผู้เป็นนายที่อยู่บนห้องชั้นสองด้านบน กลับสบประสานตาหยาดเยิ้ม ไอรักวัยหนุ่มสาวฟุ้งกระจายเต็มห้อง

“ไม่เจอหน้าอาอวี้นานกี่วันแล้วนะ” กัวจิ้นเต๋อจับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความรู้สึกโหยหาคิดถึง

“ครึ่งเดือนเจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้สัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากใจจริงที่ส่งมาจากบุรุษรูปงามตรงหน้า “พี่เต๋อยุ่งอ่านตำรา อาอวี้เข้าใจ”

พวงแก้มใสขึ้นสีระเรื่อยามสบประสานตาอุ่นหวาน

“อาอวี้รู้ความนัก วันหน้าเมื่ออยู่ร่วมจวนกันแล้ว พี่ก็คงเบาใจ สามารถทุ่มเทแรงกายรับใช้ราชสำนักได้เต็มที่ ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง”

กัวจิ้นเต๋อกล่าวถึงอนาคตที่มีสตรีตรงหน้าอยู่ในนั้น นิ้วมือเรียวค่อย ๆ เคลื่อนจับมือเล็กของคนรัก เขาไม่บุ่มบ่ามดึงมือนางมากอบกุม ยามนี้ได้วางมือของตนไว้บนหลังมือของอีกฝ่ายก็เพียงพอแล้ว พวกเขาทำเช่นนี้ยามพบเจอหน้า ไม่คิดล่วงล้ำเกินเลยให้เสื่อมเสีย

จางเหม่ยอวี้สัมผัสไออุ่นบนหลังมือหนา จิตใจของนางพลันสั่นไหว เม้มปากเล็กน้อยกดอารมณ์ขวยเขินเอาไว้ คำหวานจากปากชายคนรักมีอานุภาพสั่นคลอนใจได้จริงๆ ใบหน้างามจึงแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกงอม

ก็ไม่ปาน

“อาอวี้จะดูแลเรือนหลังสกุลกัวให้ดีเจ้าค่ะ”

กัวจิ้นเต๋อยิ้มระรื่น ยามได้ยินคำพูดจากปากคนรัก เขาดึงมือกลับช้า ๆ อย่างอ้อยอิ่งเสียดาย จากนั้นก็ล้วงจดหมายปึกหนึ่งวางบนโต๊ะตัวเตี้ย

“ฝากจดหมายเหล่านี้คืนพี่หญิงของเจ้าด้วย”

“นางไม่คิดหยุดเลย” จางเหม่ยอวี้ถอนหายใจ กล่าวอย่างจนปัญญา พี่สาวของนางหลงรักบุรุษคนเดียวกันกับน้องสาว หนำซ้ำยังมีความคิดอย่างแน่วแน่ว่าไม่มีวันหลีกทางให้นางได้สมหวังเป็นอันขาด “อาอวี้ทราบแล้ว”

หญิงสาวเก็บจดหมายปึกใหญ่เข้าสาบเสื้อแล้วเบี่ยงสายตาออกนอกหน้าต่าง ทอดมองขบวนกองทัพจูเชว่เคลื่อนตามถนนยาวเหยียด สังเกตหัวขบวนมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเหล็กนั่งอาชาตัวใหญ่สีดำทมิฬ ช่างองอาจน่าเกรงขามยิ่งนัก

“พี่เต๋อ...หากข้าบอกท่านพ่อเรื่องพี่หญิง เรื่องราวจะเป็นไปในทิศทางใด พี่ย่อมต้องรู้ดีกว่าใคร” จางเหม่ยอวี้ถอนใจขณะกล่าว

อนุหลินคงจะพลิกลิ้น เปลี่ยนสถานการณ์กดดันให้กัวจิ้นเต๋อแต่งจางหลันเป็นภรรยาเพิ่มอีกคน โดยกล่าวหาว่าคุณชายกัวคบซ้อนสองพี่น้องพร้อมกัน และจำต้องรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชาย

ทว่าโชคดีที่ชายหนุ่มสกุลกัวฉลาดหัวไว เลือกไม่ไปคืนจดหมายที่สกุลจางด้วยตนเอง แต่มอบให้คนรักไปตักเตือนคุณหนูใหญ่ให้หยุดการกระทำนั้นแทน

“อืม พวกเราจำต้องแก้ไขกันเองแล้ว” กัวจิ้นเต๋อยิ้มหวานหยดย้อยมอบแก่คนรัก

สองหนุ่มสาวสบตาลึกซึ้ง วาดฝันวันเคียงคู่กันจนแก่เฒ่า พลันกระแสความอบอุ่นละมุนละไมไหลเวียนวนในใจ หล่อเลี้ยงต้นรักให้เติบใหญ่ในเร็ววัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.2

    ตอนพิเศษ 2.2ส่วนคุณหนูรองจางเหม่ยอวี้ ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยตรงกันข้ามกับพี่สาว หยิ่งผยองเงียบขรึมพูดน้อย ดื้อรั้นเอาแต่ใจ รักความสงบเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงเข้าสังคม แต่นับเป็นคนมีวาสนาดี เพราะคบหาอยู่กับคุณชายกัว ชาวเมืองครหาไว้อย่างนั้นแต่เพราะแม่ทัพปั๋วเฉินชิงซงอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมาทั้งชีวิตย่อมเข้าใจเรื่องที่ว่า ‘การศึกไม่เคยหน่ายอุบาย’ ฉะนั้นเสียงนกกาสุนัขหมาป่าเห่าหอนที่ชาวเมืองคอยเต้าข่าว เขาไม่คิดเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองชายหนุ่มต้องการดูเนื้อแท้ของสองตัวเลือก เพราะพวกนางหนึ่งในนี้จะต้องกลายเป็นสตรีที่เคียงข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ในใจเขาจึงคิดไว้ว่านางต้องอ่อนโยนรู้กาลเทศะ ละเอียดลออเคร่งครัดจนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งยังต้องฉลาดหัวไว ใจเยือกเย็น รู้เท่าทันเล่ห์อุบายต่ำทรามนานา เพราะจะได้สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อน ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาออกศึกไม่พำนักอยู่จวนทาสอัปลักษณ์หลังค่อมเดินลัดเลาะมาถึงระเบียงทางเดินดักรอคุณหนูรอง ส่วนคุณหนูใหญ่ยังคงอยู่แต่ในเรือนนอนไม่ได้ออกไปไหน“โอ๊ย! เดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” จื่อผิงเอะอะโวยวายขึ้นหลังมีทาสชายหลังค่อมถอยมาชนปึก!ทาสอัปลักษณ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2.1

    ตอนพิเศษ 2.1“เจ้าว่าอะไรนะ”ขุนนางฝ่ายบู๋ลำดับศักดิ์ปั๋ว ตระกูลเฉินนามชิงซง หรือแม่ทัพกองทัพจูเชว่คุ้มครองแดนใต้เงยหน้าขึ้นจากรายงานทางการทหาร หว่างคิ้วยับย่นฉับพลัน อดย้อนถามอย่างตกใจไม่ได้ หลังฟังคำบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท“เมื่อครู่ใครมาเข้าพบท่านแม่ แล้วชี้นำให้ท่านแม่ทำอะไรนะ...เปลี่ยนตัวเจ้าสาวพระราชทานอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเปี่ยมด้วยความสนอกสนใจ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งสับสนสงสัย ทั้งตะลึงและประหลาดใจ ก่อนตบท้ายด้วยขุ่นเคือง หากสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นความจริง‘ตระกูลจางคิดจะสลับตัวเจ้าสาว’รองผู้บัญชาการกองทัพจูเชว่เผิงเสียนจือ ลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพจะเพิกเฉย ไม่นึกยี่หระเสียอีก เขามารายงานตามปกติประจำวันไม่ได้เน้นเสียง หรือจงใจให้เจ้านายหันเหสนใจเรื่องดังกล่าวแต่งคนไหนก็เหมือนกันมิใช่รึ อย่างไรก็ไม่ได้แต่งด้วยความรัก รองแม่ทัพหนุ่มชะงักพักหนึ่งหยุดไปประมาณห้าอึดใจ จึงเริ่มเล่าวกเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง“ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหไม่น้อยเลยขอรับ” คนรายงานตามจริงถอนใจเศร้าๆ หลายครา นึกสงสารชะตากรรมคุณหนูรองที่มีแม่เลี้ยงเฉกเช่นอ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.2

    ตอนพิเศษ 1.2ชายหนุ่มกำลังจะโผกายสวมกอดภรรยา ทว่านางบีบจมูกและย่นหว่างคิ้ว เขาจึงเข้าใจทันทีว่า มันเป็นเพราะกลิ่นกายตนที่ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนมากมายขนาดนั้น จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้อย่างคราแรก ๆ อีกทว่าในจังหวะแห่งความปลื้มปีตินั้นเอง อยู่ ๆ รองแม่ทัพเผิงวิ่งเข้ามาขัด พร้อมรายงานด่วนทางการทหาร บอกแก่เขาว่ามีข้าศึกโจมตี ทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องโบกมืออำลาภรรยาที่กำลังแพ้ท้องอย่าหนักหน่วงด้วยความห่วงอาลัยยิ่ง“พี่จะรีบกลับมา น้องหญิงรอพี่ก่อนนะ” เขากล่าวคำลาด้วยใจที่ย่ำแย่ มองใบหน้าฮูหยินคนงามที่มองเขาตอบด้วยสายตาอย่างยากจะคาดเดาออกในวันนั้นจางเหม่ยอวี้ไม่มีคำลาใด ๆ หรืออวยพรให้เขาชนะศึก การกระทำที่นิ่งเฉยของนาง ทำเอาแม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวใจสั่นไหว เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจจนปวดหนึบนับจากวันอำลา เฉินชิงซงรู้สึกเดียวดายเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตลอดทั้งวันทั้งคืน ความห่วงหาอาทรแผ่ซ่านทุกห้วงอณู ศึกก็ต้องรบ ทว่าหัวใจหดหู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลศึก กระทั่งเหล่านายกอง รวมถึงรองแม่ทัพต่างวิตกว่าสุขภาพของท่านแม่ทัพจะย่ำแย่ จึงแนะนำให้เขาเขีย

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1.1

    ตอนพิเศษ 1.1หลังจากเข้าพิธีสมรสได้หนึ่งเดือน เฉินชิงซงต้องวุ่นวายกับการโยกย้ายจวน เดินทางจากเมืองหลวงลงแดนใต้ กว่าจะถึงเมืองชายแดนจูเชว่ต้องใช้เวลาไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ระยะนี้เขากับฮูหยินตัวน้อยจึงมิได้สานสัมพันธ์แนบแน่นกันเลยวันนี้ตั้งใจแน่วแน่ จะร่วมคืนวสันต์แสนหวานกับผู้เป็นภรรยา แค่คิดเรื่องสัปดน หัวใจก็เต้นโครมครามยากระงับไหว เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าคมคายแดงซ่าน ดวงตาคมทอประกายวาบวาม มิต่างอันใดกับทะเลยามราตรีที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังรอเหมือนพี่อยู่หรือไม่นะ” แม่ทัพหนุ่มรำพึงรำพันด้วยความสุขล้น สองมือเร่งหยิบรายงานทางการทหารที่กองพะเนินมาเปิดอ่าน เขาต้องประทับตราลงนามให้เสร็จแล้วรีบกลับจวนเฉินชิงซงใจเริ่มคุ้นชินกับการมีจางเหม่ยอวี้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าตอนตื่นลืมตาช่วงเช้า รับสำรับมื้อแรกช่วงสาย ปิ่นโตมื้อกลางวัน และสำรับเย็นที่เรือนท่านแม่ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเข้านอนทว่าพอถึงเวลาค่ำคืนของสามีภรรยา เขากับนางกลับทำเพียงแค่โอบกอด แล้วพากันสู่นิทรามิได้ลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนเข้าหอแต่ในคืนนี้เฉินชิงซงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เขาจะต้องร่วมหอกับภรรยาตัวน้อยให้จงไ

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3) จากประโยคนี้ของสามี จางเหม่ยอวี้ถึงกับโผเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ บุรุษผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก นางทำตัวร้ายกาจ วางแผนสังหารคนขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องนาง เช่นนี้แล้วนางจะไม่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในใจได้อย่างไร“ท่านพี่ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ”“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีเรื่องที่ต้องเกรงใจ”เฉินชิงซงยิ้มให้กับภรรยา หลังจากนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องใดผ่านเข้ามาทำให้ภรรยาของเขาต้องเคร่งเครียดและเสียน้ำตาอีกแล้วจวนปั๋วเฉินแห่งแดนใต้จูเชว่หนึ่งปีแล้ว หลังจากโยกย้ายครอบครัวมาอยู่แดนใต้ เริ่มแรกก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายยกใหญ่ จางเหม่ยอวี้สตรีเมืองหลวงผู้เพียบพร้อมจรรยามารยาทงดงาม ไม่คุ้นชินกับชาวบ้านชนบทที่พูดจาเสียงดัง ท่าทางกร่างจัด ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ หลักการข้อไหนก็ไม่ยึดถือจางเหม่ยอวี้โชคดีที่มีสามีคอยแนะนำ มีแม่สามีสอนสั่ง ประเพณีที่นี่เป็นเช่นไร พึงศึกษาอยู่ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวได้ทางด้านจื่อผิงออกเรือนแต่งเป็นอนุให้รองแม่ทัพเผิง ไม่รู้ไปต้องตาพึงใจกันตอนไหน จื่อผิงอยู่ชนชั้นทาสมาตั้งแต่เกิด

  • วาสนารักดวงใจท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)

    บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)เตียง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างยาววนาน ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร่าร้อนขึ้น ด้วยการสอดประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเดินทางไปยังกองบัญชาการแห่งทัพจูเชว่ ซึ่งจางเหม่ยอวี้ได้พบกับจือหมิ่น น้องสาวของจือลิ่ว อดีตคนสนิทของอนุหลินจริง ๆ ทันทีที่จือหมิ่นเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามายังห้องที่นางถูกควบคุมตัวไว้เป็นใครก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาของเจ้าตัวพลันอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ปากคอสั่นจนหาเสียงตนเองไม่พบ“ดูท่าเจ้าคงจดจำนางได้สินะ”เฉินชิงซงมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด และคนตรงหน้าก็ยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม เมื่อมองไปยังจางเหม่ยอวี้ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา“คุณหนูรอง”“เจ้ารู้จักข้าด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพบกันแท้ ๆ” จางเหม่ยอวี้กล่าวเหมือนนึกทึ่ง พลางเดินเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเฉินชิงซงก็เริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิธีทรมานใด ๆ เพื่อให้จือหมิ่นยอมพูดความจริง หญิงสาวตรงหน้าที่มีความผิดบาปฝังมาในใจเนิ่นนานแล้วก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกและแล้วเรื่องราวตลอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status