หวงจื่อหนิงนักโภชนาการสาวมืออาชีพ ผู้ทุ่มเทให้กับงาน และความรัก แต่แล้ววันหนึ่งหวงจื่อหนิงพบว่า บริษัทอาหารเสริมแห่งหนึ่งใช้สารอันตราย ในผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้เร็ว แต่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อร่างกาย เมื่อพบเจอเรื่องที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค หวงจื่อหนิงไม่มีทางทำงานร่วมกับคนเหล่านี้อีก แต่หลักฐานที่เธอได้มายังไม่ทันได้ส่งถึงสือและตำรวจ ก็ถูกฆ่าปิดปากด้วยอุบัติเหตุเสียก่อน ทว่าความตายนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ เมื่อหวงจื่อหนิงรู้สึกตัวและลืมตา กลับพบว่าตัวเธอเองมาอยู่ในยุคโบราณ! มิหนำซ้ำยังเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีชื่อเดียวกันกับเธออีกด้วย เจ้าของร่างเป็นโรคขาดสารอาหารชนิดรุนแรงถูกใช้งานนางเยี่ยงทาส มารดาที่ถูกสามีทอดทิ้งหลังจากที่สอบได้จอหงวนก็ตรอมใจตาย “โอ้ยตายแล้วแม่นางน้อยผู้น่าสงสาร อดอยากจนป่วยตายร่างกายผ่ายผอมแทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก เฮ้อออ แต่ไม่เป็นไรความรู้ที่ข้ามีอยู่ในหัวย่อมช่วยแก้ปัญหาได้แน่นอน” “เอ๋ ถ้าข้ามีขาทองคำให้เกาะล่ะ หนทางแก้แค้นบุรุษชั่วช้าให้พวกนางแม่ลูกก็มีหนทางแล้วสิ!!” “เหตุใดซื่อจื่อกับจื่อหนิงถึงไม่อยู่ที่เรือนหยางชู ทั้งสองคน หายไปที่ใดชางเซิ่งอีกคน”
더 보기หวงจื่อหนิงในโลกเดิมเป็นนักโภชนาการ และนักวิจัยด้านอาหารที่ทำงานในศูนย์โภชนาการและสุขภาพโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านอาหาร สำหรับคนไข้เฉพาะทางและนักกีฬา
หน้าที่หลักของนักโภชนาการทางการแพทย์ คือการออกแบบแผนโภชนาการ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องควบคุมอาหาร เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องฟื้นฟูร่างกาย ทำงานร่วมกับแพทย์และกำหนดอาหารเพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพคนไข้ผ่านอาหาร วิจัยถึงผลกระทบของสารอาหารต่อโรคและสุขภาพของผู้ป่วย
ที่ปรึกษาด้านโภชนาการสำหรับนักกีฬา ดูแลเรื่องอาหารสำหรับนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มพลังงานและสมรรถภาพ ออกแบบ
สูตรอาหารสำหรับการเพิ่มกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกาย ทดสอบระดับสารอาหารในร่างกายเพื่อปรับแผนอาหารให้เหมาะสมวิจัยอาหารผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำงานในห้องวิจัยโภชนาการ ศึกษาว่าอาหารชนิดใดช่วยป้องกันโรคได้ วิจัยเกี่ยวกับอาหารฟังก์ชั่น เช่น โปรไบโอติกส์ที่ช่วยดูแลลำไส้ สารสกัดจากพืชที่ช่วยลดไขมันในเลือด และอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ทั้งยังเป็นเจ้าของเพจโภชนาการและสุขภาพ ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ “อาหารบำบัดโรค” และ “เคล็ดลับสุขภาพ” รีวิวอาหารเพื่อสุขภาพของผู้คน รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการกินอาหารให้ถูกต้อง
ในสายงานนี้เธอมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารบำบัดโรค เธอสามารถวิเคราะห์สุขภาพของแต่ละคน แล้วออกแบบอาหาร
ที่เหมาะสม การวิจัยสูตรอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจโครงสร้างสารอาหารอย่างลึกซึ้งแต่แล้ววันหนึ่งหวงจื่อหนิงที่ได้รับการว่าจ้าง จากบริษัทอาหารเสริมชื่อดังแห่งหนึ่ง เพื่อวิจัยเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก เธอพบว่าบริษัทชื่อดังใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ ที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้รวดเร็ว ซึ่งมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อร่างกาย
เมื่อพบเจอเรื่องที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค หวงจื่อหนิงไม่มีทางทำงานร่วมกับคนเหล่านี้อีก ‘ไม่ได้เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด หากไม่นำหลักฐานสำคัญไปส่งให้ถึงมือสื่อช่องต่าง ๆ รวมถึงตำรวจในเมืองนี้ คนที่กินอาหารเสริมชนิดนี้เข้าไปต้องเป็นอันตรายแน่ ๆ’
หวงจื่อหนิงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดลงในแฟลชไดร์ หลังจากนั้นเธอยังคงทำตัวตามปกติ แต่ความจริงแล้วเธอลักลอบติดต่อนักข่าว และทีมสืบสวนของสถานีตำรวจไว้แล้ว เพื่อนัดแนะสถานที่ในการส่งมอบหลักฐาน
แต่หวงจื่อหนิงไม่รู้ว่าเผลอแสดงตัวมีพิรุธ จนถูกคนในบริษัทจับได้ตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ เพราะโทรศัพท์ของเธอเริ่มมีเบอร์แปลก ๆ โทรมาทุกวัน ซึ่งเบอร์เหล่านั้นล้วนโทรมาข่มขู่ เพื่อห้ามเธอไม่ให้เปิดโปงบริษัทอาหารเสริมแห่งนี้
ตื้ด ตื้ด ตื้ด หวงจื่อหนิงขมวดคิ้วมุ่นหันไปมองโทรศัพท์มือถือ ก่อนหยิบมันขึ้นมาและกดรับสาย “ฮัลโหล ใครคะ?”
เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความเย็นชา พูดข่มขู่ขึ้นทันทีที่เธอกดรับสายนั่น “คุณหวง คุณกำลังยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งนะ”
หวงจื่อหนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนขยับปากพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “พวกคุณเป็นใคร?”
“หึ ๆ ๆ มันไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่”
หวงจื่อหนิงกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น “พวกคุณคิดจะปิดปากฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันมีหลักฐานทั้งหมดนั่นอยู่ในมือ! ถ้าฉันเงียบนั่นหมายความว่า พวกคุณมีบางอย่างที่ปกปิดผู้บริโภคใช่ไหม”
เสียงของชายปริศนาเริ่มพูดให้หวงจื่อหนิงกลัวยิ่งกว่าเดิม “คุณฉลาดเกินไปแล้วคุณหวง และคนฉลาดมักจะมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไหร่”
แม้ตอนนี้หวงจื่อหนิงจะใจเต้นแรงด้วยความกลัว แต่ยังพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ฉันไม่กลัวพวกคุณ! ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วจะกลัวอะไรล่ะ?”
“กล้าหาญดีนี่ แต่ผมขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย วางมือซะ! มิฉะนั้นคุณอาจไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมาทำงานที่คุณรักอีกต่อไป ติ๊ด!”
เมื่อถูกเบอร์ปริศนาโทรมาข่มขู่ถึงชีวิต หวงจื่อหนิงจึงคิดจะนำหลักฐานไปมอบให้นักข่าว รวมถึงตำรวจที่เธอติดต่อไว้ในคืนนี้ ขืนเธอปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อต่อไป ในแต่ละวันเธอคงจะกลายเป็นคนขี้ระแวงไปเสียก่อน
หวงจื่อหนิงหายใจเข้าแรง ๆ เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งดับลง “พวกมันกล้าขู่ฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอมองไปที่แฟลชไดร์สองชิ้นบนโต๊ะ มือกำแน่นด้วยความโกรธ “ฉันต้องเปิดโปงเรื่องนี้ให้ได้!” แต่เธอไม่รู้เลยว่าคืนนี้คือคืนสุดท้ายของชีวิตเธอในโลกนี้
ห้องทำงานหรูหราในตึกสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดัง ชั้นสูงสุดของสำนักงานใหญ่บริษัทเฟิ่งหวงกรุ๊ป หญิงสาวในชุดสูทสีดำนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ราคาแพง และมองเอกสารในมือด้วยสายตาเย็นชา เพราะข้อมูลที่หวงจื่อหนิงได้ไปนั้นล้วนเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวเธอได้ “หลักฐานพวกนี้ถ้าหลุดออกไปเราจะเสียหายอย่างหนัก”
“เราจัดการกับคนที่ขโมยข้อมูลมาแล้ว แต่หวงจื่อหนิงยังมีหลักฐานอีกชุดหนึ่งในมือ”
“ฉันให้เวลาพวกแกมานานเกินไปแล้ว”
“เธอกำลังหาทางนำหลักฐานไปมอบให้สื่อ ถ้าเราไม่ลงมือคืนนี้เกรงว่าพรุ่งนี้ข่าวจะกระจายไปทั่ว”
“งั้นก็ให้แน่ใจว่าเธอจะไม่มีวันไปถึงที่นั่น”
“เข้าใจแล้วครับ เราจะทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ และจะไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ให้ตำรวจสาวมาถึงตัวได้แน่”
“ดีมาก แต่อย่าทำให้มันดูน่าเกลียดจนเกินไปล่ะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากพวกนายอยู่ที่นี่”
“รับทราบครับ”
เสียงพึมพำเบา ๆ ของหญิงสาวในชุดสูทสีดำ ขณะที่เธอนั่งจิบไวน์แดงและสั่งการเสียงเข้มกับลูกน้องคนสนิท “เธอฉลาดเกินไปน่าเสียดายความสามารถของเธอจริง ๆ หวงจื่อหนิง ฮ่า ๆ ๆ”
ณ ลานจอดรถของโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นสถานที่ที่หวงจื่อหนิงจะทำการมอบหลักฐาน เธอเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่รถของตนและกำลังรอใครบางคนอย่างใจจดใจจ่อ หลักฐานที่เธอได้มาใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะรวบรวมเกี่ยวกับสารอันตราย ที่ผสมลงไปในอาหารเสริมของบริษัทใหญ่แห่งนี้
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของหวงจื่อหนิงก็ดังขึ้น แต่เบอร์และชื่อที่ปรากฏเป็นเพื่อนที่ทำงานของเธอเอง “จื่อหนิง! ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาล กำลังรอส่งหลักฐานให้สื่อกับตำรวจ หมอหลิวฉันแน่ใจในข้อมูลพวกนี้ พวกเขาใช้สารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร!”
หมอหลิวรีบบอกกับหวงจื่อหนิงด้วยน้ำเสียงร้อนรน “หนีไปจื่อหนิง! พวกเขารู้ตัวแล้วว่ามีคนขโมยข้อมูลและฉันคิดว่า...”
ทันใดนั้น ไฟหน้ารถคันหนึ่งก็ส่องสว่างจ้า มันพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง เสียงล้อบดพื้นถนนดังเอี๊ยด! กรี๊ดดด! โครม! ตุบ อัก
“มะ มะ ไม่นะ ชะ ชะ ฉันยังไม่ได้เปิดโปงเรื่องนะ...” หวงจื่อหนิงกำแฟลชไดร์ไว้ในมือแน่น เธอหันหลังหมายจะหนีแต่มันสายเกินแก้ เสียงรถชนร่างของเธออย่างรุนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ในโลกเดิมใบนี้หวงจื่อหนิงไม่มีอะไรให้ห่วง พ่อแม่และน้องชายต่างย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ ปล่อยทิ้งให้เธออยู่กับคุณยายตั้งแต่เด็ก ซึ่งคุณยายของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ส่วนคนรักของเธอก็เลิกรากันไปไม่ดีเท่าไหร่นัก สำหรับพ่อแม่ของเธอจะรู้สึกกับการตายของเธอยังไง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนตัวของเธอคงได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่าหวงจื่อหนิงย่อมได้กลับไปเกิดใหม่ แต่การเกิดใหม่ของเธอนั้นกลับมีชีวิตที่ลำบากกว่าชาตินี้เสียอย่างนั้น กว่าจะหาทางหลบหนีออกจากตระกูลชั่ว ๆ ได้ ก็เล่นเอาหวงจื่อหนิงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
ภายหลังผ่านพ้นคืนเข้าหอที่มีอุปสรรคเป็นบุตรชายตัวน้อย หลี่อ๋องไม่คิดว่าบุตรชายจะทำอย่างที่ตนพูดจริง ๆ นั่นคือการเรียกทุกคนในจวนไปที่เรือนหยางชู เพื่อเตรียมยาบำรุงให้เสด็จแม่คนใหม่ เพราะต้องการให้น้อง ๆ มาเกิดไว ๆแต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลังจากผ่านไปไม่ถึงสามเดือน จื่อหนิงจะตั้งครรภ์สมใจซื่อจื่อน้อย เมื่อมีข่าวดีคนที่อยากมีน้องตัวน้อย ยิ่งทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์พระมารดา รวมถึงน้องน้อยที่อยู่ในครรภ์ทุกย่างก้าวจนกระทั่งถึงวันที่จื่อหนิงเจ็บครรภ์จะคลอด มิได้มีเพียงเจ้าของจวนและตระกูลหวงเท่านั้นที่รอลุ้น แต่ชาวเมืองหลงเฉิงก็มารอลุ้นเช่นกันว่า ครรภ์นี้ของจื่อหนิงจะเป็นท่านชายหรือท่านหญิง‘พวกเจ้าว่าครรภ์แรกของพระชายาจะเป็นหญิงหรือชาย’‘ข้าว่าเป็นชาย /ข้าว่าเป็นหญิง’แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเกินจะทานทนในยามคลอด ยังดีที่จื่อหนิงให้เสี่ยวถังเป่าเตรียมยาสมุนไพร รวมถึงน้ำพุวิญญาณเอาไว้ล่วงหน้า การคลอดลูกครั้งแรกนี้จึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และข่าวดีสำหรับทุกคน ก็คือหลี่อ๋องได้บุตรสาว ที่หน้าตางดงามล่มเมืองตั้งแต่เกิดยามที่ยังเล็กก็เป็นที่ห่วงหวงมากแล้ว แต่ยิ่งโตทุกคนยิ่งหวงบุตรหลานคนนี้เข้าไปใหญ่ ท่านหญิงห
เมื่อตกลงปลงใจแล้วว่าจะร่วมใช้ชีวิตกับหลี่อ๋อง จากนั้นถัดมาอีกสามวันหลี่อ๋องจึงพาจื่อหนิงและบุตรชาย ไปเยือนจวนตระกูลหวงเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน ซึ่งหลี่อ๋องได้ส่งพ่อบ้านห้าวมาแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วเนื่องจากหลี่อ๋องถูกบุตรชายรบเร้าเรื่องพี่น้องอยู่ทุกวัน หากเขายังไม่ขยับตัวทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เกรงว่าที่เรือนของเขา คงไม่สงบสุขอีกอีกต่อไปเป็นแน่ การเจรจาเรื่องการแต่งงานจึงต้องจัดการโดยเร็วหลังจากได้รับรายงานจากพ่อบ้านหวง ว่าหลี่อ๋องจะมาเยือนที่จวนด้วยเรื่องสำคัญ ทุกคนในตระกูลหวงจึงหยุดงานทั้งหมด และรอต้อนรับหลี่อ๋องรวมถึงหลานทั้งสองของพวกเขา จกระทั่งรถม้าจากจวนอ๋องหยุดลงที่หน้าจวน นายท่านหวงจึงนำทุกคนทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ /เพคะ”“ทุกท่านตามสบายเถิดอย่าได้มากพิธีเลย”“คารวะท่านตาท่านยาย ท่านลุงกับป้าสะใภ้ด้วยเจ้าค่ะ /ขอรับ” จื่อหนิงกับซื่อจื่อน้อยทำความเคารพญาติของตนบ้างเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของชาวบ้าน นายท่านหวงจึงเชื้อเชิญแขกเข้าไปด้านในห้องโถงรับรอง เพราะอยากรู้ว่าที่หลี่อ๋องพาหลานชายหลานสาวมาพบ มีเรื่องสำคัญอันใดจะพูดคุยกับพวกตนกันแน่“ท่านอ๋
วันถัดมาภายหลังกลับมาถึงเมืองหลงเฉิง ทุกอย่างกลับเข้าสู่วิถีการใช้ชีวิตเช่นก่อนหน้าอีกครั้ง จื่อหนิงยังคงทำหน้าที่ดูแลอาหารและของบำรุง การเรียนการสอนทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ เสริมให้ซื่อจื่อน้อย หลังจากนั้นก็เป็นการดูแลแปลงสมุนไพร และไปดูแลร้านไป๋อวี้ถังที่มีลูกค้าเข้าออกอย่างต่อเนื่องส่วนหลี่อ๋องยิ่งได้รับการดูแลจากจื่อหนิง ก็ไม่อยากห่างยามต้องไปจัดการเรื่องงานที่ค่ายทหาร แต่มักจะได้รับสายตาดุ ๆ จากสตรีร่างบางเสียทุกครั้ง สุดท้ายก็เป็นจื่อหนิงที่ต้องเสนอข้อแลกเปลี่ยนเป็นของบำรุง แต่หลี่อ๋องมักจะเพิ่มสิ่งแลกเปลี่ยน ด้วยการจุมพิตที่แก้มนวลก่อนออกจากจวนเช่นกันทางด้านชางอวี่ได้ทำตามรับสั่งอย่างเคร่งครัด นอกจากการปลดผู้ช่วยเจ้าเมืองออกจากตำแหน่ง และรับโทษโบยห้าสิบไม้ร่วมกับอนุภรรยาผู้นั้น ยังได้ปล่อยข่าวลือไปทั่วเมืองเฮยเฟิง ยามผู้ช่วยเจ้าเมืองพาครอบครัวออกจากจวน จึงถูกประณามและโดนผู้คนปาเศษผักและก้อนหิน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวรีบย้ายไปอยู่เมืองที่ห่างไกลทันทีในวันนี้ที่จื่อหนิงเข้ามาที่ร้าน หวงซวีหนานที่รู้ข่าวจากลูกจ้างก็รีบไปพบญาติผู้น้องของตนอย่างรวดเร็ว และครั้งนี้ยังมีหวงหมิงลู่ตามมาด้วยอีก
ภายหลังกลับมาถึงจวนท่านหมอก็มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน หลี่อ๋องยืนกำชับท่านหมอให้ตรวจจื่อหนิงอย่างละเอียด ว่านาง มิได้บาดเจ็บถึงกระดูกหรือมีส่วนใดแตกหัก แม้ท่านหมอจะตรวจซ้ำถึงสองครั้งแล้ว แต่หลี่อ๋องยังมีท่าทีไม่ยินยอม จื่อหนิงทนดูต่อไปไม่ไหวจึงต้องเอ่ยห้ามเสียเอง“ท่านหมอท่านตรวจให้ละเอียดมากกว่านี้ เปิ่นหวางยังไม่ค่อยวางใจถึงจะเป็นบาดแผลภายนอก แต่มันอาจกระเทือนไปถึงกระ...”“ท่านอ๋องเพคะ”“หนิงเอ๋อร์เรียกเปิ่นหวางทำไม หรือว่าเจ้ารู้สึกเจ็บที่ใดเพิ่มอีกรีบบอกกับท่านหมอระ...”“หยุด! ท่านอ๋องทรงอยู่เงียบ ๆ อย่าได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก มิเช่นนั้นหม่อมฉันจะไม่พูดกับพระองค์เป็นเวลาเจ็ดวันเพคะ”“ตะ...”“หือออ...”“เอ่อ ไม่พูด ๆ เปิ่นหวางจะนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ นะ เชิญเจ้าพูดกับท่านหมอต่อเถิด”จื่อหนิงถึงกับมองค้อนไปหนึ่งที “ท่านหมอข้ามิได้เป็นอันใดมาก แค่แผลถลอกข้ามียาทาติดตัวอยู่ จะใช้มันรักษาแผลเหล่านี้เองเจ้าค่ะ”ท่านหมอถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากจื่อหนิงไม่ยอมออกปากหยุดหลี่อ๋องเอาไว้ เขาคงต้องคุกเข่าอ้อนวอนเป็นแน่ “ในเมื่อคุณหนูมียาอยู่แล้วย่อมเป็นเรื่องดี หากต้องการยาเพิ่มท่านไปพบข้าที่
เมื่อลงมายืนด้านล่างได้มั่นคงแล้ว เว่ยซูหรูรีบยกชายกระโปรงและวิ่งตรงไปหาหลี่อ๋อง โดยไม่สนสายตาผู้คนบนท้องถนนว่า จะมองนางเป็นสตรีกร้านโลกวิ่งตามบุรุษหรือไม่แฮ่ก ๆ ๆ “ท่านอ๋องเพคะ ๆ”หลี่อ๋องรีบหยุดเท้าของตนเมื่อมีสตรีเอ่ยเรียก และยังวิ่งมายืนขวางทางอย่างคนไร้มารยาท แต่สตรีนางนี้กลับไม่สนใจเรื่องมารยาท“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันดีใจจริง ๆ ที่ท่านอ๋องแวะพักในเมืองอวิ๋นเซียง นี่ก็ผ่านมาเกือบสองปีที่ท่านอ๋องมิได้แวะที่นี่...”“เจ้าเป็นใคร? ถึงได้บังอาจมาขวางทางเปิ่นหวางเช่นนี้”มิใช่หลี่อ๋องเพียงคนเดียวที่สงสัย แต่ยังมีจื่อหนิงกับซื่อจื่อน้อยที่สงสัยเช่นกันว่า สตรีที่ยืนขวางทางพวกตนอยู่นี้เป็นใคร นางช่างใจกล้าไม่กลัวว่าจะถูกหลี่อ๋องลงโทษแม้แต่น้อย“พวกเราไม่เคยรู้จักเจ้ามาก่อน เหตุใดถึงวิ่งมาขวางทางผู้อื่นเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวจะถูกเสด็จพ่อของข้าลงโทษงั้นหรือ”ชางอวี่จำได้ว่าเว่ยซูหรูคือผู้ใด เพราะสตรีที่ใจกล้าพยายามเข้าหาเจ้านายของตน มีเพียงหยิบมือเขาจะจำไม่ได้เชียวหรือ “ทูลท่านอ๋อง ซื่อจื่อนางเป็นบุตรสาวท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเซียง ที่สำคัญนางยังหลงรักพระองค์และอยากเป็นพระชายาด้วยพ่ะย่ะค
หลี่อ๋องกับซื่อจื่อน้อยที่ยืนฟังอยู่นาน ก็เริ่มทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกันอย่างกับแกะเข้าไปทุกที เมื่อฮ่องเต้ไม่ยอมหยุดตรัสเรื่องยากับจื่อหนิง ซื่อจื่อน้อยถึงกับเขย่ามือพระบิดาเป็นการส่งสัญญาณ ไหนจะสายตาที่สื่อความหมายง่าย ๆ ถึงกัน‘เสด็จพ่อรีบพาพี่จื่อหนิงกลับตำหนักได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ขืนยังอยู่ที่นี่เกิดเสด็จปู่รั้งตัวพี่จื่อหนิงเอาไว้ พวกเราจะไม่แย่หรือพ่ะย่ะค่ะ’‘จริงของเจ้าเสี่ยวอวี้ ขอบใจมากที่เตือนพ่อเรื่องนี้ พวกเราต้องรีบพาพี่จื่อหนิงของเจ้ากลับไปเก็บสัมภาระ เตรียมตัวกลับเมืองหลงเฉิงในวันพรุ่งนี้ ขืนยังอยู่ในเมืองหลวงอีกหลายวัน พี่จื่อหนิงของเจ้าคงไม่รอดแน่’“อะ ฮึ่ม ฝ่าบาทกระหม่อมต้องขอตัวพาหนิงเอ๋อร์กลับจวนแล้ว ยังมีเรื่องที่ตำหนักซือเจินให้ทำอีกมาก ส่วนเรื่องยาบำรุงก็เป็นไปตามที่หนิงเอ๋อร์ทูลกับพระองค์ เมื่อถึงเวลาคนของกระหม่อมจะนำมาส่ง และจะมิให้ผู้ใดแย่งชิงไปได้แน่พ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทูลลา”“เอ่อ...”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ /หลานทูลลาพ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่”ฮ่องเต้ถึงกับตรัสสิ่งใดไม่ออก เมื่อเห็นอาการหึงหวงของพระนัดดาทั้งสอง “เฮ๊ เจ้าหลานสองคนนี่จะขี้หวงคนกับเจิ้น เกินไปแล้วนะ แค่พู
댓글