ด้วยหน้าที่การงาน และฐานะทางสังคม หรือจะด้วยอะไรก็ตามแต่ มันทำให้พวกเขาต้องเหินห่างและแยกย้ายกันไป ใช่ว่าคนทุกคนจะยอมรับและพร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น … ทามไท หนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลี ผู้เลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้ เขาได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งจริงๆตอนนี้ยังสบสนในเพศสภาพของตัวเองอยู่ว่าจริงๆเขานั้นชอบแบบไหน … เพทาย หนุ่มลูกครึ่งไทยสวีเดน พวกเขาต่างฮอตในหมู่สาวๆไม่แพ้กัน เขากับเพทายเคยเป็นคนรักกันอย่างลับๆเมื่อครั้งสมัยมหาลัย วันเวลาผันเปลี่ยนคนทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไปเติบโต ทว่าในใจลึกๆแล้ว พวกเขายังคงนึกถึงกันและกัน คนทั้งคู่ต่างเป็นรักแรกของกันและกัน จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยผันผ่าน ก็ทำเอาคนทั้งคู่กลับมาพานพบกันอีกจนได้ ทว่าครั้งนี้พวกเขาต่างมีคนข้างกายกันอยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ที่มันยังไม่ถือว่าจบดี และแล้วถ่านไฟเก่ามันก็เกิดคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความสับสนของคนทั้งสี่ การกลับมาเจอกันในครั้งนี้มันต่างเป็นข้อเครื่องยืนยันที่ว่า จริงๆแล้วพวกเขายังคงต้องการกันและกันอยู่หรือไม่!! เรื่องนี้ไรท์ยังคงคอนเซป มีเรื่องราวพ่วงมาด้วยความแซ่บและความตื่นเต้นท้าทายกับสถานที่ต่างๆเช่นเดิมนะคะ
View Moreบนเครื่องบิน
ผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสที่กำลังถูกให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ชายหนุ่มที่เดินทางจากเที่ยวบินตรงจากมิลานอิตาลีมายังสุวรรณภูมิ หยิบรับเอาแก้วไวน์ขึ้นกระดกดื่ม ไฟล์ทนี้คงอีกราวๆ 10 กว่าชั่วโมงก่อนจะถึง เขาปลดเข็มขัดทันทีที่ไฟสัญญาณดับลง แล้วนั่งดื่มหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ด้านหน้าตอนนี้ยังคงเห็นวิวเมืองที่เครื่องพึ่งจะเทคออฟไปเมื่อครู่ ก่อนที่มันจะค่อยๆ หายเข้ากลีบมวลเมฆที่เห็นเป็นแค่สีขาว เขาเดินทางไฟล์ทเช้า กะว่าถึงกรุงเทพก็ดึกจะได้เข้านอนเก็บแรงไว้ไปงานวันเกิดของลลินดาต่อในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ทางครอบครัวเลือกสรรให้ และลลินดาก็เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของเขากับเพทาย เมื่อสมัยเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังด้วยกันที่เมืองไทย พ่อแม่ของพวกเขาต่างเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในแง่ธุรกิจบางทีก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้สองครอบครัวอยากเป็นปึกแผ่นเดียวกัน คิดเรื่องนี้ทีไร ชายหนุ่มก็ข่มตาลงอย่างช้าๆ อีกทั้งตอนนี้ทามไทเอง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากลงหลักปักฐานกับใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ จังๆ สักที เขาไม่เคยพาใครเข้าบ้านทั้งๆ ตอนนี้อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ปีนี้เขา 34 แล้ว “สเต๊กริบอายรมควันค่ะ และไวน์แดงที่คุณผู้ชายสั่งค่ะ” เสียงของสาวสวยที่เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารจานหรู หลังจากที่ชายหนุ่มพึ่งทานเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง คาเวียร์เสิร์ฟพร้อมแครกเกอร์และซอสครีม เธอค่อยๆ หลังจากที่หญิงสาวค่อยๆ รินไวน์อย่างพิถีพิถัน เธอก็เก็บขวดไวน์ใส่ไวน์ไว้ในช่องวางพิเศษ “ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกได้ทุกเมื่อนะคะ ทานอาหารให้อร่อยค่ะ Enjoy flight” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส ทามไทเพียงแค่โค้งศีรษะให้หญิงสาวเล็กน้อย และยิ้มให้เธอกลับน้อยๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อรักษามารยาท แล้วเขาก็ค่อยๆ หั่นเนื้ออย่างใจเย็น ก่อนจะจ้วงมันงับเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างสบายใจ ไวน์แดงที่ถูกคนร่างสูงกว่า 190 ดื่มไปจนถึงครึ่งทาง ก่อนที่เขาจะย้ายไปยังอีกฝั่ง ก่อนจะปรับเอนเตียงลงเพิ่มอีกเล็กน้อย และก็ปรับหรี่ไฟบนหัวเตียงให้สว่างขึ้นกว่าเดิมเพื่อนอ่านหนังสือที่ตนเองชอบ ด้วยความเมา ทำให้เขาหลับสนิทแทบตลอดทั้งไฟล์ท มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อสาวสวยคนเดิมมาเช็กดูสัญญาณเข็มขัดของคนที่กำลังหลับปุ๋ย ทามไทรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเล็กน้อยจากแอร์โฮสเตสที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงเขา เธอเข้ามาอย่างเงียบๆ เพื่อตรวจดู เข็มขัดนิรภัยและรัดมันให้แน่นอีกครั้งหลังจากที่เขาหลับไปในท่าที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย ทำคุณตื่นเลยนะคะ” เสียงนุ่มๆ เอ่ยเบาๆ ขณะที่เธอยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ ทามไทพลิกตัวกลับไปมองเธอในอาการที่ยังคงเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาแค่พยักหน้ารับเบาๆ ขณะที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาค่อยๆ รู้สึกถึงความเมาที่ยังคงค้างอยู่ในหัว จนทำให้ท่าทางการตอบสนองยิ่งช้าและยังเซื่องซึม “ขอบคุณครับ” เขาพูดเสียงแหบพร่า ดวงตายังคงค้างจากความง่วงดูราวกับไม่ค่อยมีพลังที่จะทำอะไร เขาเลื่อนมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาโดยที่ยังไม่ลุกออกจากท่านอน “ถ้าอย่างนั้น… ผมจะขอนอนต่ออีกหน่อยครับ” เขาพูดกับเธอในน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เกียจ แต่แอร์โฮสเตสก็แค่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้เขาอยู่ในความเงียบที่มีแต่เสียงของเครื่องยนต์เบื้องล่าง ทามไทหลับต่อเนื่องลากยาวอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะหลับลึกขนาดนี้ เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ตื่นตัวตลอดเวลา แต่คราวนี้มันต่างออกไป ร่างกายและจิตใจของเขาทั้งหมดดูเหมือนจะต้องการการพักผ่อนอย่างจริงจัง… และไม่ต้องการคิดถึงเรื่องใดๆ ก่อนที่เขาจะหลับลึกไปอีกครั้ง เขาก็แค่พึมพำเบาๆ กับตัวเองว่า “ลลินดา… คงไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก… ใช่ไหม?” เขานอนนิ่งๆ ตามเสียงเครื่องบินที่กรีดผ่านอากาศ ท่ามกลางความรู้สึกที่คล้ายกับการล่องลอยในความฝัน ไม่รู้ว่าความจริงหรือความฝันกำลังดึงเขาไปอยู่ในที่ไหนกันแน่ ชายหนุ่มหลับสนิทไปอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบสงบของห้องโดยสาร การเดินทางครั้งนี้เหมือนจะช่วยให้เขาหลีกหนีจากความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกนึกถึงความค้างคาของบางอย่างในใจ แม้จะมีลลินดาอยู่ข้างกาย แต่กลับไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเต็มที่กับความรักในครั้งนี้ พอเครื่องบินเริ่มลดระดับลง ทามไทค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขายืดตัวขึ้นจากที่นอนและยกมือไปนวดขมับ ก่อนจะเห็นแอร์โฮสเตสสาวสวยเดินเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพตามมาตรฐานสากลอีกเช่นเคย “ถึงเวลารัดเข็มขัดแล้วนะคะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเช็กดูสถานะของเข็มขัดนิรภัย ทามไทพยักหน้าและจัดการรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย เขาหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นวิวที่เปลี่ยนจากท้องฟ้าสีฟ้ากลายเป็นสีดำมืดที่ถูกปกคลุม นี่คงใกล้ถึงที่หมายแล้วสินะ จู่ๆ เขาก็นึกถึงใบหน้าใครอีกคนขึ้นมา แม้ว่ามันจะผ่านมาตั้ง 11 ปีแล้ว แต่เขากลับยังไม่เคยลืมหนุ่มลูกครึ่งไทยสวีเดนคนนั้นได้เลย คนที่เคยเป็นรักแรกของกันและกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เคยง่ายและทั้งคู่ก็จบกันไปแบบงงๆ ในตอนนั้นทั้งคู่ต่างก็เต็มไปด้วยความกังวลและคำถามเกี่ยวกับตัวเอง ตอนนั้นทั้งสองยังไม่เข้าใจตัวเองเต็มที่ การแยกย้ายและความห่างเหินที่เกิดขึ้น ใครคนนั้นยังคงเป็นคนที่เขาไม่สามารถลืมเลือนไปได้ และก็คงไม่ต่างจากอีกคน ที่ไม่เคยลืมเขาได้เช่นกัน ทามไทถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากลับมานั่งตรงที่นั่งของตัวเองแล้วปรับท่าทางให้อยู่ในท่าที่สะดวกที่สุด ก่อนจะหันมองใบหน้าเคร่งขรึมของตัวเองในกระจกหน้าต่าง กรุงเทพ - ประเทศไทย … เครื่องบินจอดสนิทที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทามไทปลดเข็มขัดนิรภัยและยืดตัวออกจากที่นั่ง ท่าทางเขาไม่เร่งรีบเหมือนเช่นเคย แม้ว่าการกลับมาที่นี่จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน เขายังรู้สึกเหมือนกับว่าวันเวลาทุกอย่างที่ผ่านมามันล่องลอยไปอย่างไม่มีจุดหมาย ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นและเดินไปยังทางออกที่รออยู่ เขาเห็นฝูงชนมากมายที่มายืนรอรับผู้โดยสาร ดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดาที่ไม่ได้พิเศษอะไร เสียงของผู้คนที่พูดคุยและเสียงล้อรถเข็นที่ดังระงม เขามารอรับกระเป๋าตรงสายพาน และเดินออกไปด้านนอก ไม่นานนักก็เห็นคนขับรถมารอรับ ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าให้คนขับก่อนจะไปนั่งยังที่นั่งของตน ครืดดด …. ครืดดด… เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ข้อความจากลลินดา “ถึงแล้วแจ้งลลินด้วยนะคะ พรุ่งนี้เรามีงานที่ต้องไปด้วยกันนะคะ อย่าลืมค่ะ” เขาส่งข้อความตอบกลับไปสั้นๆ “ถึงแล้วครับ เดี๋ยวเจอกัน” ลีมูซีนคันหรูก็ขับเคลื่อนออก โดยไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของคนทั้งคู่ ทำเอาคนขับเกร็งอยู่ไม่น้อย ในรอบ 11 ปีที่เขาพึ่งได้กลับมาไทยอีกครั้ง ในฐานะผู้บริหารอย่างเต็มตัว แต่เขาหารู้ไม่ว่าเลขาที่พึ่งถูกรับเลือกมา ดันเป็นใครอีกคนที่เขาต่างเฝ้าคิดถึงอยู่ไม่หาย ส่วนอีกคนก็รู้แล้วว่าตนเองต้องได้มาทำงานกับใคร คนที่ใจไม่เคยลบเลือนใครอีกคนไปจากใจได้เลยเช่นกัน พวกเขาต้องเก็บอาการอย่างไรกันล่ะทีนี้ ..คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส
Comments