พ่อเขา และ พ่อเธอ เป็นเพื่อนรักกัน แต่เขาและเธอ ต่างไม่รู้จักกัน อยากให้ทั้งคู่ลงเอยกันเพราะ พี่บ้าเรียน น้องบ้างาน กลัวจะขึ้นคานกันทั้งคู่ พี่รู้ ว่ามีน้องสาวชื่อ แองจี้ น้องรู้ ว่ามีพี่ชายชื่อ พี่หมอทอย เมื่อทั้ง 2 มาเจอกันในสถานการณ์เพื่อนแกล้งต่างก็แอบถูกชะตากันและกัน จนคบกันจริงจังและอยากเปิดเผย แต่จะเป็นยังไงเมื่อวันที่เมาเธอเข้าใจว่าเขามีแฟนอีกคนที่ไม่ใช่เธอ...
View Moreแนะนำเรื่อง...
หมอทอย หรือ นายแพทย์ ธีรดา ธีรนันธากร หนุ่มหล่ออนาคตไกล เพิ่งจบ ป.โทจากต่างประเทศ ในชีวิต ทอยจริงจังแค่เรียนเท่านั้นเพราะเขาใฝ่ฝันอยากเป็นเหมือนคุณแม่ ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีคนคุย ค่อนข้างถือตัววางตัว แต่เป็นคนยิ้มง่ายและขี้อ้อนมาก ๆ เพราะถูกเลี้ยงมาโดยคุณย่าและคุณแม่ที่เป็นคนหวาน ๆ ทั้งคู่
แองจี้ หรือ รักจันทร์ ดีไซน์เนอร์สาวสวยสุดเซ็กซี่ผู้มีความมั่นใจในตัวเองชนิดสูงปรี๊ดมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยสนใจผู้ชายนอกเหนือจากคำว่าเพื่อนกับผู้ร่วมงาน เพราะบ้านคุณตาเธอมีค่ายมวยที่เธอต้องไปช่วยดูแล และเธอก็มีพี่ชายอีก 2 และรุ่นน้องลูกเพื่อน ๆ ของพ่ออีก 3 ที่เป็นผู้ชาย ซึ่งพอบอกได้คำเดียวว่าผู้ชายน่าปวดหัวมาก ๆ
การโคจรมาพบกันของทั้งคู่ที่ไม่ได้มาจากผู้ใหญ่ แต่เริ่มจากเพื่อนแกล้ง จนกลายเป็นรักที่อยากเปิดเผย แต่มันจะเป็นยังไงเมื่อน้องคิดว่า พี่มีแฟนแล้วตามที่พ่อพี่บอก และผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่โฮสต์เหมือนที่เธอคิด...
หมายเหตุ…
นิยายเรื่องนี้เป็นรุ่นลูกของ เฮียเทน กับ พี่โรมนะคะ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านรุ่นพ่อ ตามอ่านเฮียเทนได้ที่ My heart คุณหมอที่รัก บอกเลยปากเฮียแซ่บลืมมาก
และ เรื่องราวของพี่โรม ลูกเศรษฐีที่โคตรจนได้ที่ my sister วุ่นรัก น้องสนิท สกิลปากพี่ไม่แพ้เพื่อนจ้า…
..........//..........
ผับดังกลางเมืองหลวงในยามค่ำคืน รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด สีแดงสด ทะเบียนสวย วิ่งเข้ามาจอดที่โซนจอดรถ VIP ด้านข้างของร้าน สาวสวยสุดเซ็กซี่ ในชุดสกินนี่สีดำผ้ามันวาวกับบอดี้สูทสีขาวโชว์แผ่นหลังขาวเนียนจนถึงเอว ผมสีน้ำตาลเข้มลอนใหญ่ของเธอที่มวยไว้ลวก ๆ เหน็บด้วยปากกาแท่งละไม่กี่บาทก่อนหน้า ถูกปล่อยให้ยาวสยายเต็มหลังจนถึงขอบกางเกง ก้าวลงมาจากรถในขณะที่มืออีกข้างยังยกโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูแนบหูอยู่
“เออ...กูถึงแล้วเนี่ย จอดรถแป๊บนึง”
‘อย่าลืมคู่นะจ๊ะอิสวย (หมายถึงสายภาษาอีสาน) ปาร์ตี้สละโสด แต่คืนนี้ใครมาโสด เหมาจ่ายนะคะ’ เสียงเพื่อนสาวปลายสายว่ามาทำเอาหญิงสาวผู้มาดมั่นในทีแรกตาโต
“เชี้ย! ลืมสนิทเลยเว้ย วันนี้พี่เจไม่อยู่ ไอ้วนโดนพ่อมาร์คถีบลงใต้ แฝดนรกก็บินแล้วด้วยเมื่อเช้า จะหาใครได้ตอนนี้วะ” แองจี้ หรือ รักจันทร์ อุทานเสียงดังกับความลืมแบบสนิทอกสนิทใจของตัวเอง กับกฎวันนี้ที่เพื่อนรักตั้งขึ้น
วันนี้เธอถูกกลุ่มเพื่อนรักวัยมัธยมที่เหลือเพียงไม่กี่คนของเธอนัด (เรียกว่าบังคับก็ได้) มางานปาร์ตี้สละโสดของ ต้นข้าว เพื่อนสาวสุดที่รักในกลุ่มเป็นงานแรก หลังจากที่กลับจากอิตาลีตั้งแต่ที่เธอไปเรียนปริญญาตรีด้านการออกแบบที่นั่น จนจบปริญญาโทและทำงานต่อในบริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ของที่นั่นอีกปีกว่า แต่มีเหตุให้ต้องกลับบ้านด่วนเมื่อปลายปีก่อน เพราะคุณย่ากับคุณยายของเธอป่วยพร้อม ๆ กัน คุณแม่กับคุณป้าต้องช่วยกันดูแลพวกท่าน เลยขอให้เธอกลับมาช่วยดูแลบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ดังของครอบครัว โดยทีแรกจะให้เธอดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารแทนคุณเจ้าขา คุณแม่ของเธอทันทีที่กลับถึงไทยแต่เธอปฏิเสธ โดยขอเข้ามาทำงานในตำแหน่งดีไซน์เนอร์ก่อนเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและผู้ถือหุ้นเชื่อมั่น มากกว่าการขึ้นบริหารโดยการต่อมือจากผู้เป็นแม่ จากการตั้งใจและบ้างานตั้งแต่วันแรกที่เหยียบผืนดินประเทศไทย ทำให้หุ้นส่วนพอใจฝีมือเธอเป็นอย่างมากในไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเห็นชอบแต่งตั้งเธอให้เป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์แทนคนเดิมที่ลาออกก่อนหน้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ด้วยเวลาที่เร่งรีบทำให้เธอไม่รับงานสังคมใด ๆ ตั้งแต่กลับมาและงานคืนนี้ถ้าเพื่อนรักอย่างต้นข้าวไม่บอกว่า ถ้าไม่มาขาดกัน เธอก็คงไม่ยอมทิ้งงานมาตามคำสั่งเพื่อนเด็ดขาด
‘ไม่ได้นะชี งานนี้ห้ามญาติ ห้ามพี่ ห้ามน้องย่ะ คู่ควงได้ แฟนได้ ผัวได้ แต่มึงจะเอาพี่หมอเจเดนมาด้วยไม่ได้ กูไม่อยากนอนก่อน 4 ทุ่มค่ะมึง’ เสียงเพื่อนแหวมาแข่งกับเสียงดนตรี และห้ามขาดกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ทำตัวเป็นคุณหมอ 24 ชั่วโมงสำหรับพวกเธอ
“แล้วต้องยังไงวะ จะหาที่ไหนได้เพื่อนผู้ชายกูไม่มีนี่ เอาไอ้สิทธิ์ได้มั้ยล่ะ” หญิงสาวโอดครวญอย่างน่าสงสาร
‘ไม่ได้! ผู้ชายค่ะผู้ชาย มึงจะเอาอีสิทธิ์มาเพื่อ’ เสียงเพื่อนประสานเสียง
“แต่สิทธิ์ก็ผู้ชายนะ พวกมึงแกล้งกูชัด ๆ เลยเว้ย” หญิงสาวเท้าเอวคุยกับเพื่อนพร้อมทั้งพูดถึงผู้ช่วยตัวเองที่ร่างกายเป็นชายแต่ใจสาวกว่าเธอมาก ปลายสายที่ตอนนี้เปิดลำโพงอยู่ได้ยินกันทั้งกลุ่มกลับพากันขำกับความจริงจังของเธอ
‘ที่รัก ฟังซีสนะคะลูก ตรงข้ามมีบาร์โฮสต์ค่ะ มึงไปลากมาจากตรงนั้นเลยค่ะ กรีดนิ้วเลือกมาเลย’ เอลซี่ สาวสองแสนสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มปรับสีหน้าจริงจัง พร้อมกับบอกวิธีแก้กับเพื่อนสาวมาตามสายแล้วยักคิ้วให้เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยอย่างรู้กัน
“กรีดนิ้วเลือกได้เลยเหรอ แล้วต้องบอกเขาว่าไงวะ” แองจี้ถามอย่างตื่นเต้น
‘โอ๊ย! นี่มึงไปอยู่อิตาลีหรือไปบวชชีวัดป่ามาวะเนี่ยอิจี้ เดินข้ามถนนไปก่อน จะบอก!’ เอลซี่โวยวายมาเสียงดังพร้อมกับบอกให้หญิงสาวเดินข้ามถนนไปที่บาร์โฮสต์ฝั่งตรงข้าม
“อะ...เออ โอเค” ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงเธอวิ่งข้ามถนนไปจริง ๆ “ข้ามมาแล้วเนี่ย ยังไงต่อแม่” หญิงสาวถามเพื่อนพลางหยุดยืนมองบรรดาชายหนุ่มหลาย ๆ คนที่กำลังมองมาทางเธอยิ้ม ๆ *เชี้ย มีแต่หล่อ ๆ เลย เดินเข้าไปนี่ตัดสินใจไม่ถูกเลยนะนั่น*
‘มองดูค่ะ ถูกชะตาคนไหนก็เดินเข้าไปหาเลย’ คำบอกของเพื่อนสาวทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วมองบรรดาหนุ่มหล่อหน้าใส วัยไม่น่าเกินนักศึกษาที่ยืนยิ้มส่งให้แล้วไปสะดุดตากับชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่ง ตัวใหญ่หุ่นนักกีฬา ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก กางเกงสีดำรีดเรียบ รองเท้าสีดำมันวาว ที่กำลังหันข้างคุยโทรศัพท์อยู่ห่างจากชายหนุ่มคนอื่น ๆ พอสมควร
“จะว่าไปก็น่าถูกชะตาทุกคนเลยว่ะ แต่เจอแล้วทำไงต่อ” หญิงสาวถามเพื่อนเสียงเบาแล้วแอบมองสำรวจคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้า *คนนี้ล่ะวะ อยู่คนเดียว ถ้าเดินไปกลุ่มนั้นอายฉิบหายแน่*
‘จำคำแม่ไว้นะลูก เดินยิ้มเข้าไปหา แล้วพูดว่า น้องคะไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสะดวกมั้ยคะ ยิ้มน้อย ๆ ถ้าเขาโอเค ก็ลากมาเลยค่ะ’ เอลซี่จีบปากจีบคอบอกหญิงสาวทั้งกลั้นขำสุดชีวิตที่ได้แกล้งคนจริงจังอย่างแองจี้เล่น
“แล้วถ้าเขาแก่กว่าเราล่ะแม่ ต้องเรียกว่าไง” หญิงสาวถามไปอีกประโยคเบา ๆ เพราะจากที่ดูหนุ่มหล่อคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่ของเธอแน่ ๆ แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาก็เถอะ *ชุดนักศึกษาแต่ด้านข้างน่าจะชรากว่ากูแหละ...หญิงสาวคิดในใจ*
‘แองจี้คะ...จะรุ่นน้อง รุ่นพี่ รุ่นลุง มึงก็เรียกน้องไปเลย เร็ว ๆ มาช้าจ่ายค่าเลทนะคะ’ เพื่อนลากเสียงยาวประชดมาตามสาย
“ถ้าพาไปได้ พวกมึงอย่าเรียกชื่อกูนะเว้ย แถวนี้ใกล้ที่ทำงานพ่อกู” สาวสวยพูดเสียงเบา เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอที่จะเรียกใช้บริการโฮสต์แบบนี้ และเธอก็รู้ว่าอาชีพแบบนี้บางครั้งคนหน้าตาหล่อ ๆ ที่มีงานประจำก็เข้ามารับจ๊อบได้ เพราะเป็นงานกลางคืน ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะมีใครรู้จักเธอหรือพ่อแม่เธอหรือเปล่า เพราะย่านนี้ไม่ไกลจากบริษัทของพ่อเธอมากนัก
‘เออ...น่า เรื่องปกติของสาวโสดค่ะ ไม่มีก็ซื้อกินค่ะ ให้ไวอย่าโอ้เอ้’ เอลซี่ว่าให้เพื่อนแล้วมองค้อนใส่มือถือ
“โอเค ๆ แค่นี้เดี๋ยวเจอกัน” ว่าจบหญิงสาวตัดสายทันทีแล้วยืนรอคนตรงหน้าคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ ๆ
“เยส! มันไปจริงว่ะพวกมึง คอยดูนะว่ามันจะได้ผู้มาจริงมั้ย” เอลซี่ว่ากับเพื่อน ๆ ที่นั่งฟังด้วยกันอย่างชอบใจทันทีที่วางสาย
“แกก็แกล้งมันแรงไป เกิดมันมีแฟนแล้วล่ะ ได้ทะเลาะกันตายเลยนะเว้ย” ลูกอ้อนว่าให้เพื่อนแต่ก็หัวเราะคิกคักชอบใจ
“ไม่มีชัวร์ เอาหัวสวย ๆ เอลซี่เป็นประกันค่ะ นางบ้างานมากเว้ย มันกลับมาจะปีอยู่แล้วยังไม่เคยไปหากูเลย ขนาดไปหาที่ออฟฟิศแม่มันยังบ่นว่ามันบ้างานไม่ค่อยเข้าบ้านจนพ่อต้องซื้อคอนโดใกล้ที่ทำงานให้มันน่ะ แถมบางอาทิตย์ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปช่วยตามันดูค่ายมวยอีก นี่ถ้าไม่บอกว่าไอ้ข้าวจะเลิกคบนะ จ้างมันก็ไม่มาจ่ะ เออ...มันบอกด้วยนะว่าอย่าเรียกชื่อจริงมัน แถวนี้ใกล้บริษัทพ่อมันเผื่อมีคนรู้จัก” เอลซี่ร่ายยาวมั่นใจในความคิดของตัวเองมาก และกล่าวเตือนเพื่อนในตอนท้าย
ขณะเดียวกัน
ใกล้ ๆ ร้านบาร์โฮสต์
“กูมาถึงแล้วเนี่ย มึงอยู่ไหนแล้ววะ แท็กซี่แม่ง...จอดฝั่งตรงข้ามให้กูข้ามถนนไปเอง แล้วแม่ง สัญญาณอะไรก็ไม่มีจะให้กูเหาะข้ามหรือไง” ทอย หรือ หมอทอย นายแพทย์ธีรดา ธีรนันธากร นายแพทย์หนุ่มวัย 29 ปี ที่เพิ่งเรียนจบแพทย์เฉพาะทางจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาด้วยใบรับรองความสามารถถึง 2 ใบ ทั้งทางศัลยกรรมกระดูกและระบบสมอง และกลับมารับใบรับรองวิทยฐานะระดับมหาบัณฑิต (ป.โท) จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของไทยอีก 2 ใบ (ไปฐานะนักเรียนทุน ป.โท ของมหาลัยในเครือ เลยได้ใบรับรองที่นู่นแต่กลับมารับปริญญาที่ไทย โดยมหาลัยให้ทุน 1 ใบแต่ขออยู่ต่อออกทุนเองอีก 1 ใบ) ถามเพื่อนอย่างหัวเสียทันทีที่ปลายสายกดรับ
‘รอแป๊บนึง กูไปรับไอ้คริสกำลังจะถึงแล้ว อีก 2 ไฟแดง’ เจเดน หรือคุณหมอเจติพัฒน์ ตอบเพื่อนมาตามสายอย่างใจเย็น
“อ้าว? แล้วไอ้คริสมันไปไหน บอกว่าร้านมันไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มถามเพื่อนแต่ตามองรถที่วิ่งบนถนน ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเบรกหรือชะลอกันเลย
“รถมันเอาเข้าศูนย์น่ะสิ กูถึงไปรับมันเนี่ย”
“เออ...กูรออยู่ฝั่งตรงข้ามนี่นะ แม่ง...
เปิดมาพระเอกของฉันก็กลายเป็นโฮสต์เลยจ้า ...น้ำตาจิไหล กับสายตาลูกสาว เกงดำเสื้อขาว เป็นหมอก็ได้ลูก...
“เย็นนี้กลับโรงแรมด้วยกันนะคะ” ว่าพลางจรดหน้าผากตัวเองกับของหญิงสาวส่งสายตาออดอ้อนหวานเยิ้มจนแองจี้ไม่อยากปฏิเสธ“แล้วทำไมรักต้องกลับด้วยล่ะ พี่จะกลับก็กลับไปสิ” *ก็อยากกลับไปด้วยหรอกไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก...* หญิงสาวคิดในใจแล้วแอบถอนหายใจเบา ๆ“กลับไปพี่ต้องกลับบ้านไปช่วยพ่อดูงานแล้วก็ไปช่วยเพื่อนบนดอยเป็นเดือน พี่ต้องคิดถึงหนูมากแน่ ๆ” ชายหนุ่มออดอ้อนทำเอาคนฟังถึงกับถอนหายใจกับนิสัยแมวตัวใหญ่ของเขาที่เริ่มเผยออกมาบ่อยขึ้นตั้งแต่เริ่มขึ้นเรือมาเมื่อเช้า*เฮ้อ...เพิ่งรู้จักกันไม่ถึง 5 วัน อะไรจะอ้อนดีขนาดนี้วะกูจะบ้า สมกับเป็นโฮตส์จริง ๆ ว่ะ ก็อ้อนขนาดนี้ไม่แปลกหรอกที่จะเป็นตัวท็อปของร้านได้แล้วกูจะเชื่อได้ยังไงวะว่าแค่นั่งกินเหล้าด้วยกันเฉย ๆ...* หญิงสาวคิดในใจและยังคิดว่าเขาจะทำอาชีพนั้นจริง ๆ เพราะจากรายได้ที่รู้มาในคืนนั้นและการแสดงออกของชายหนุ่มที่ออดอ้อนอยู่ตอนนี้ “ไม่ต้องมาพูดว่าคิดถึง เมื่อกี๊ยังยืนคุยกับผู้หญิงอื่นต่อหน้าแค่หันหลังก็เชื่อไม่ได้แล้วค่ะ ทำเป็นพูดจะกลับบ้าน มีนัดทางอื่นก็ว่ากันตรง ๆ ค่ะ รักไม่ซีหรอกมันเป็นอาชีพพี่นี่” หญิงสาวว่าแล้วทำท่าจะว่ายน้ำกลับไปหาเ
“จะบ้าเหรอ หยุดคิดไปเลยนะพี่ธี แค่นี้กลับไปข่าวก็กระฉ่อนออฟฟิศแล้วเรื่องเมื่อคืนน่ะ” หญิงสาวโวยขึ้นหน้าแดงก่ำกับคำพูดห่าม ๆ ของคนที่เพื่อนบอกว่าอบอุ่นเหมือนคุณชาย *อุ่นแค่เอ็นนั่นแหละอย่างอื่นร้อนทุกส่วน...* คิดพลางรีบก้าวยาว ๆ ขึ้นเรือไปก่อนแต่ต้องชะงักก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก“แล้วจะกลัวทำไมที่รักไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ งานแต่งได้รับการ์ดเชิญมางานก็ถูกแล้ว จะเชิญฐานะอะไรก็ต้องมา” ชายหนุ่มพูดขึ้นไม่ได้มองข้างหลัง“ว้าย ๆๆ นึกว่ากลุ่มไหนร่วมกรุ๊ปดำน้ำ ที่แท้ก็กลุ่มไฮโซเด็กนอกนี่เอง พวกแกนี่ดีไซน์เนอร์บริษัทฉันว่ะ จบนอก ขับสปอร์ตเกือบ 10 ล้าน แต่งแบรนด์ทั้งตัว กินหรูอยู่แบบไฮโซแต่เงินเดือนหลักหมื่น” พลอยมนที่เหลือบเห็นแองจี้เดินขึ้นเรือมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนรีบจ้ำอ้าวมาขวางหน้าแล้วแขวะทันทีพร้อมกับหันไปจีบปากจีบคอบอกเพื่อนตัวเอง ปรายตามองชุดที่แองจี้ใส่มาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหัวเราะคิกคักกันในกลุ่ม“งั้นคงกลับไม่ทันเครื่องเหมือนกัน พรุ่งนี้ก็มีคนขาดงานกับแกแล้วสิ” เพื่อนของพลอยมนว่าขึ้นพร้อมกับหัวเราะคิกคักเหมือนเป็นเรื่องสนุก“งานฉันทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องออฟฟิศหรอก
Toy Part“ครับอาเจ้า” ชายหนุ่มกดรับสายทันทีที่เดินพ้นห้องอาหาร‘เมื่อคืนพ่อโรมบอกว่าทอยโทรหา เห็นว่าเลขาของอาไปทำอะไรที่ไหนนะลูก’ คุณอาเจ้าขาภรรยาพ่อโรมถามลูกชายเพื่อนสามีมาตามสายอย่างห่วงใย เพราะเมื่อคืนสามีท่านอารมณ์เสียยกใหญ่ที่เลขาของท่านไปก่อความวุ่นวายที่งานแต่งเพื่อนของลูกชายเพื่อนรัก ไปด่าคนในงานซ้ำยังเอาชื่อบริษัทไปพูดอีกด้วย“ที่โรงแรมพ่อศิครับอา เมื่อคืนผมมางานแต่งเพื่อนเห็นเธอบอกว่าเป็นตัวแทนแบรนด์รวิมางานแล้วมาหาเรื่องเพื่อนผมในงานครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ‘เอ...อาว่าช่วงนี้เราไม่ได้รับการ์ดเชิญไปงานแต่งที่ไหนนะ แล้วอีกอย่างแบรนด์เราก็มีชุดหลากหลาย แค่ชุดแต่งงานมีทั้งเช่าทั้งซื้อวันนึงออกเป็นสิบเป็นร้อยชุด เราไม่รับการ์ดเชิญนะลูก’ คุณอาบอกหลานชายพลางขมวดคิ้วนึกเพราะปกติถ้าเป็นลูกค้าชุดแต่งงานจะไม่มีตัวแทนแบรนด์ไปอยู่แล้วนอกจากการเชิญเป็นการส่วนตัวเท่านั้น“งั้นแสดงว่าเธอแอบอ้างสิครับ เอาชื่อเสียงแบรนด์มาแอบอ้างแบบนี้ไม่โอเคเลยนะครับคุณอา” ชายหนุ่มพูดเสียงเครียดเพราะกิริยาที่พลอยมนแสดงเมื่อคืนพร้อมกับอ้างชื่อบริษัทเสียงดังดูไม่ดีกับแบรนด์เอามาก ๆ‘นั่นสิอาก็ไม
“แค่นี้หนูยังแทบจะฉีกเลยนะ ถ้าใส่ถุงด้วยหนูจะเจ็บกว่านี้ไงคะ แล้วอีกอย่างพี่รู้ว่าหนูชอบแบบนี้” ชายหนุ่มว่ายิ้ม ๆ สบตาสวยหวานตรงหน้า คิดในใจว่าถึงมีถุงยางอนามัยมากองอยู่ตรงหน้าเขาก็จะไม่ใช้กับเธอเด็ดขาดเพราะเธอสะอาดพอสำหรับเขา และที่สำคัญคือเขาชอบสัมผัสแบบแนบแน่นนี้มากจนคิดว่าอยากจะคบกับผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจังหลังจากนี้ ถึงแม้จะยังไม่มั่นใจตัวเองว่าลึก ๆ แค่สนุกกับความแปลกใหม่นี้หรือเพราะสะดุดตาเธอตั้งแต่แรกเห็นกันแน่“บ้า นอนกับใครมาบ้างก็ไม่รู้” “ที่อื่นไม่นับ แต่ที่ไทยมีหนูเป็นคนแรกแน่นอน และตั้งใจว่าต่อไปพี่จะช่วยหนูประหยัดไงคะ” ชายหนุ่มว่าสวนขึ้นยิ้ม ๆ พร้อมกับยกสะโพกเธอขยับขึ้นลงเบา ๆ“แต่พี่เป็นโฮสต์นะ... อื้อ...” ว่าพลางกัดฟันแน่นเมื่อความใหญ่โตเบื้องล่างที่เธอครอบครองอยู่ถูไถเนื้อในจนเธอรู้สึกเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก“โฮสต์เขาแค่นั่งดื่มนั่งคุยเป็นเพื่อนแขก เขาไม่ไปมีอะไรกันหรอกค่ะ” ปากว่ามือจับสะโพกบางขยับจากเบาเริ่มแรงขึ้นตามความปรารถนาของตัวเองจนหญิงสาวนิ่วหน้าแต่คำพูดของเขากลับทำให้หญิงสาวลืมตามองหน้าสุดเซ็กซี่ของชายหนุ่มเป็นคำถาม“พี่หมายความว่าไง ที่โฮสต์จะไม่มีอะไรกับ
แองจี้จำเป็นต้องล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ดมาเปิดเข้าไปในห้องและทันทีที่ประตูปิดชายหนุ่มก็จู่โจมตะโปมจูบหญิงสาวแบบไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่ล็อคแก้มทั้ง 2 ข้างไว้แน่น ส่งลิ้นหนาเข้าไปตวัดพันเกี่ยวลิ้นเรียวเล็กอย่างเร่าร้อน จนหญิงสาวหู้อื้อตาลายแทบส่างเมากับสิ่งที่เกิดขึ้น รีบคว้าชายเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น เมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองแขนขาอ่อนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มก้มลงช้อนร่างบางในท่าเจ้าหญิงเดินไปวางที่เตียงนอนใหญ่ แล้วล้มตัวลงทาบทับสอดมือใหญ่ประสานมือบางกดไว้กับที่นอนหลวม ๆ ปากหนาประกบจูบออดอ้อน อ้อยอิ่งจนเธอเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนวาบหวามที่ชายหนุ่มมอบให้“ไปห้องพี่กันนะครับ นะ” ว่าพลางลูบไล้หน้าท้องแบนราบเบา ๆ จนเธอรูสึกขนลุกไปทั่วตัว“แต่...” “พี่รู้ว่าที่รักค้างแต่ข้างบนน่าจะเก็บเสียงดีกว่าห้องนี้นะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ที่รักอาจโดนเพื่อนล้อก็ได้” สายตาอ้อนวอนหวานเชื่อมชวนละลายทำเอาหญิงสาวเม้มปากแน่น“ก็...” “หรือหนูไม่อยาก” เงยหน้าขึ้นส่งสายตาออดอ้อนในขณะที่มือสอดเข้าไปลูบไล้หน้าขาเลื่อนขึ้นจนถึงกางเกงในตัวจิ๋วก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเหมือนผู้ชนะ “แฉะหมดแล้วนะ นะครับขึ้นข้างบนนะครับนะ” คนอ้อนว
“ไม่มีปัญหาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่างงานผมไปได้หมด นี่กะว่าถ้ากลับบ้านผมอาจขึ้นไปช่วยงานเพื่อนบนดอยหรือไม่ก็อาจตามพี่ชายเข้าป่า ถ้าอยู่บ้านพ่อน่าจะไล่เข้าออฟฟิศแล้วผมก็ไม่ถนัดงานบริหารเท่าไหร่” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับวางมือที่ไหล่คนข้าง ๆ บีบเบา ๆ จนเธอสะดุ้ง“อูย...บอกเป็นนัย ๆ ว่ากลับบ้านไปแล้วจะติดต่อไม่ได้ใช่มั้ยคะ” ลูกอ้อนถามยิ้ม ๆ ก่อนจะปรายตามองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ไม่ขนาดนั้นครับแต่แค่ผมไม่เคยนั่งออฟฟิศ เลยคิดว่าถ้าไปนั่งแต่ละวันคงจะยาวนานน่าดู คงต้องหาอะไรทำที่ไม่ต้องนั่งประจำที่แบบนั้น”“ไม่อยากนั่งก็เดินไปเดินมาสิ” คนนั่งข้าง ๆ ประชดขึ้น“แล้วที่รักอยากเดินไปเดินมากับพี่มั้ยคะ” ชายหนุ่มหันไปถามยิ้ม ๆ“โอย...ละลายมากค่ะคุณธี อิรักคะตกลงนางเป็นทองหรือคอนกรีตยะ เขามาขนาดนี้ยังนั่งคอตั้งอยู่ได้” เอลซี่แซวเสียงดังแล้วเอื้อมไปตีแขนเพื่อนอย่างหมั่นไส้“บ้าสิใครจะไปมีเวลาเดินไปเดินมา คนต้องทำมาหากิน” แองจี้ว่าขึ้นแล้วยกแก้วขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดก่อนจะวางลงแรง ๆ ตวัดหางตาใส่คนนั่งข้าง ๆ เพราะตอนนี้นอกจากบีบไหล่เบา ๆ ทีแรก ยังค่อย ๆ เลื่อนมือลูบแผ่นหลังของเธอจนขนลุกอีกด้วย“งั้นเอลว่าเร
Comments