น้ำขิง ชลนิภา ไอยภา อายุ 23 ปี อยู่กับแม่เลี้ยงที่ติดหนี้ติดพนันทุกอย่าง เธอทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงครอบครัวมีดีมีไม่ดีบ้าง แต่ทุกอย่างล้วนเพื่อปากท้องทั้งนั้น…แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเธอได้พลัดตกน้ำเสียชีวิต แต่โชคดีชะตาเล่นตลกเหมือนเล่นเกมส์ พาเธอมายังโลกอีกโลกและเจอกับเธออีกคนที่อยู่ในโลกคู่ขนานนี้ น้ำขิง:"แล้วหนูจะได้ไปสวรรค์หรือนรกล่ะท่านลุง" ผู้นำดวงวิญญาณ:"คิดว่าที่ผ่านมาเจ้าใช้ชีวิตมาแบบไหนล่ะ ตกปลาในเขตวัด หรือเล่นไพ่ในงานศพกัน" น้ำขิง:"เอ่อ เรื่องนั้นหนูว่าเราสามารถประนีประนอมกันได้นะ เรื่องดี ๆ หนูก็ดีเช่นทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หนูทำงานร้านอาหาร ทำงานเป็นเด็กเข็นผักในตลาด อาชีพที่ทำก็สุจริตทั้งนั้น" ผู้นำดวงวิญญาณ:"ชีวิตเจ้านั้นน่าสงสารเจ้าใช้ชีวิตใหม่ที่เจ้าจะได้รับให้คุ้มค่า" น้ำขิง:"ชีวิตใหม่หรือจะให้หนูตายแล้วฟื้นเหรอคะ" ผู้นำดวงวิญญาณ:"เจ้านั้นตายแล้ว แต่เจ้าในอีกภพหนึ่งยังไม่ตายข้าจะพาเจ้าไปดู"
view moreหมู่บ้านซานซานเป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือมีผัวเดียวเมียเดียว หากผัวตายเมียตายและเป็นหม้ายก็ไม่ผิดที่จะมีผัวหรือเมียใหม่ได้ไม่ผิด ยังไม่เคยมีครอบครัวใดที่แต่งเมียเข้าบ้านพร้อมกันคนสองคนเพราะจะเป็นการประจานครอบครัวตนเองและเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ไม่มีใครอยากตกเป็นของขี้ปากคนอื่นที่พูดคุยในวงสนทนายามพักเที่ยงนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องชาวบ้านที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่กับครอบครัวซุนที่ตกเป็นจำเลยในวงสนทนาอยู่
ตระกูลซุน
ซุนกวางหวาที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่บัดนี้ร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมสภาพลงไปทุกทื่ เพราะความที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก "จ่างลี่เจ้าจะมารับพี่ใช่หรือไม่"ซุนกวางหวานอนเพ้อถึงซุนจ่างลี่ที่เป็นภรรยาคนแรกที่เสียไปได้นานหลายปีแล้ว แต่ในใจไม่เคยลืมนางได้เลย
"คนมันตายไปแล้วพี่จะเพ้อถึงมันอีกทำไม"ซุนอีเหยียนนางแต่งเข้าตระกูลซุนมาเป็นภรรยารองต่อจากนางจ่างลี่ที่ตายไป นางเองไม่ได้มีทางเลือกมากนักเพราะนางเองเป็นสตรีผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ก็หย่าร้างกับสามีไป แถมนางยังมีลูกกับสามีเก่าติดมาอีก ที่บ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางเท่าไหร่การแต่งงานออกเรือนคือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุด
เพราะจะได้ไม่ต้องอดทนอยู่บ้านที่ทำเหมือนนางเป็นขี้ข้าค่อยรับใช้คนในครอบครัว แต่ท่านแม่ก็จะคอยบอกว่ามันคือหน้าที่ของสตรีซึ่งเป็นสิ่งที่นางเกลียดที่สุด
"พี่กวางหวา พี่มันไม่ได้เรื่อง!!"ซุนอีเหยียนไม่ชอบซุนจ่างลี่ถึงจะไม่เคยเห็นน่าค่าตากันมาก่อน แต่ชื่อเสียงของซุนจ่างลี่ไม่เคยจางไปจากใบหูของนางเลย ซุนกวางหวามักจะเพ้อละเมอพูดเพ้อฝันถึงซุนจ่างลี่อยู่บ่อย ๆ เห็นจะมากอยู่ในตอนนี้ที่กำลังป่วยหนักอยู่ เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้และนางเองก็รักษาตามมีตามเกิดไม่ได้มีเงินมากมายขนาดที่จะไปหาหมอดี ๆ ในเมืองหลวงขนาดหมอในหมู่บ้านก็หลายอีแปะอยู่
ซุนกวางหวาเหมือนได้ยินเสียงซุนอีเหยียนอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาไม่สามารถที่จะลืมตาตื่นได้จริง ๆ ร่างกายที่หนักอึ้งขยับตัวไม่ได้ปวดร้าวไปหมดทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ เท่านั้น
"ท่านแม่เล็กข้าทำข้าวต้มกุ๊ยมาให้ท่านพ่อเจ้าคะ"ซุนจือหลินในวัย 18 ปี จะเข้า 19 แต่ยังไม่ได้ออกเรือน เหมือนหญิงสาวในหมู่บ้านอายุ 15 ก็พากันออกเรือนแล้ว แต่ซุนจือหลินนางต่างออกไปนางเป็นห่วงทุกคนในครอบครัวตอนนี้ท่านพ่อก็ล้มป่วยหนัก ท่านแม่เล็กเองก็ต้องดูแลท่านพ่อเงินในบ้านก็เริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ
"มีแต่ข้าวต้มกุ๊ยหรือเจ้าทำได้แค่นี้เองหรือซุนจือหลิน"ซุนอีเหยียนถึงจะไม่ได้ชอบซุนจ่างลี่ แต่นางไม่ได้โกรธเกลียดซุนจือหลินที่เป็นลูกของซุนจ่างลี่ ซุนจือหลินนางแตกต่างจากเด็กทั่วไปทำให้นางเองมองเด็กคนนี้ต่างออกไปในทางที่ดีขึ้น แต่จะมาดีกว่าลูกสาวของนางได้อย่างไร แต่นางเองก็ไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายทำร้ายตบตีลูกเลี้ยง เพียงแต่นางขี้เกียจทำงานบ้านก็เท่านั้นเองหน้าที่นี้จึงตกเป็นของซุนจือหลิน
"ช่างมันไปเตรียมยามาให้ท่านพ่อเจ้าด้วย"
"เจ้าค่ะแม่เล็ก"ซุนจือหลินมองท่านพ่อของตนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ทำนางอ่อนใจ ที่บ้านไม่ค่อยมีเงินท่านพ่อป่วยมาจะเข้า 2 เดือน แล้วเงินเก็บที่บ้านแม่เล็กก็เอาออกมาใช้ ๆ จ่ายในบ้านในทุก ๆ วันก็ต้องมีวันหมดเป็นธรรมดา แต่จะหมดมากหน่อยช่วงที่ซุนเพ่ยหนิงยามที่นางออกเรือนไปแล้ว เพราะต้องมีเงินให้นางได้ติดตัวไปบ้างจะได้ไม่น้อยหน้าฝ่ายสามีแม่เล็กบอกแบบนั้น
ตั้งแต่ที่ซุนเพ่ยหนิงแต่งออกไปก็เกือบจะ 1 ปี เต็มนางยังไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลยและก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวมาที่บ้านแม่เล็กบอกเพียงนางสบายดีเท่านั้น ถึงนางจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันซุนเพ่ยหนิงเป็นลูกของท่านแม่เล็กท่านพ่อกับท่านแม่เล็กไม่ได้มีลูกด้วยกันอยู่กันฉันสามีภรรยา ถึงท่านแม่เล็กจะขี้เกียจทำงานแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรือเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายอะไรขนาดนั้น
แม่เล็กก็มีมุมที่ดีอยู่เยอะเพียงเป็นคนพูดเก่งและเสียงดังเลยอาจดูจะน่ากลัวไปหน่อย อีกอย่างตอนนาง 3 ขวบ แม่เล็กก็เป็นคนที่ช่วยท่านพ่อดูแลพร้อมกับเลี้ยงซุนเพ่ยหนิงไปด้วยนางกับซุนเพ่ยหนิงห่างกัน 3 ปี นิสัยซุนเพ่ยหนิงก็ออกคล้าย ๆ ท่านแม่เล็กเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะต้องเป็นที่หนึ่ง และชอบความสบายย แต่เป็นคนเข้มแข็งความสัมพันธ์ของเราสองพี่น้องก็มีทั้งดีและไม่ดีตามประสาพี่น้องทั่วไป
"ยาได้แล้วเจ้าค่ะท่านแม่เล็ก"
"เจ้าออกไปรอข้างนอกข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"ซุนอีเหยียนเองก็ลำบากใจที่จะพูด เมื่อหลายวันก่อนบ้านมู่มาพูดคุยเรื่องสัญญาของซุนกวางหวากับบ้านมู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางนั้นไม่เคยรู้มาก่อนน่าจะเป็นช่วงที่ซุนจ่างลี่ยังมีชีวิตอยู่สัญญาของสองครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากในสถานการณ์ในตอนนี้
ดูก็รู้ว่าบ้านมู่พยายามจะสลัดลูกชายคนที่สามทิ้งเพราะไม่มีประโยชน์ เห็นว่าไปเป็นทหารในช่วงสงครามนานหลายปี แต่ได้ข่าวมาว่าบาดเจ็บสาหัสเลยต้องกลับบ้านเห็นชาวบ้านพูดคุยกันว่าคงจะพิการทางหน่วยที่มู่ซงหยวนสังกัดอยู่ส่งจดหมายมาหาบ้านมู่
เคยได้ยินแต่ขายลูกกิน ซึ่งเป็นแม่ของฝ่ายหญิงเสียมากกว่า ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะเจอกับตัวนังมู่น่าหลิงกำลังขายลูกชายตัวเองที่กำลังจะพิการนังสารเลวนี่มันร้ายจริง ๆ
"อีเหยียน…"
"น้องรู้เจ้าค่ะเดี๋ยวจะออกไปคุยกับจือหลินอายุนางก็สมควรที่จะออกเรือนได้ตั้งนานแล้ว"
"พี่ไม่คิดว่าบ้านมู่จะมาทวงสัญญา"ซุนกวางหวาคิดว่าบ้านมู่คงจะลืมไปแล้ว เพราะบ้านมู่ มีลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตกับคนรองก็แต่งงานแล้ว เหลือคนที่สามมู่ซงหยวนที่ไปเป็นทหารหลายปีแล้ว
"น้องว่านังมู่น่าหลิงนั่นจะขายลูกชายกินต่างหากท่านพี่ไม่ทันคนบ้านนั้น"
"พูดจาเหลวไหลอีเหยียนบ้านมู่มาทวงสัญญาก็ถูกแล้ว"
"พี่กวางหวาจะว่าถูกก็ถูก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ควรหรือพี่ มู่ซงหยวนบาดแผลอาจจะพิการบ้านมู่เลยให้รีบแต่งจะได้ผลักภาระการดูแลมาให้บ้านเรามากกว่า"
ซุนกวางหวาคิดตามที่ซุนอีเหยียนพูดก็ถูก แต่จะให้ปฏิเสธไปก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะสัญญาที่ให้กันสองครอบครัวถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงความซื่อสัตย์
"น้องรู้พี่เองก็ลำบากใจ จะปฏิเสธไปก็ทำไม่ได้อีก"ซุนอีเหยียนเองก็ไม่อยากให้ซุนจือหลินแต่งกับคนบ้านมู่ โดยรู้ทั่วกันว่าบ้านมู่นั้นมีเงินเพราะลูกเป็นทหาร แต่ก็มู่น่าหลิงเป็นคนขี้งก และปากจัด นิสัยเสีย รักลูกไม่เท่ากันเป็นที่สุดเห็นได้จากงานแต่งงานของลูกชายคนโตกับคนรองที่ต่างกันจนน่าเห็นใจคนโตอย่างซุนฉวนที่เกิดมาเจอแม่เช่นนี้
เหมือนมู่น่าหลิงจะให้ความสำคัญกับมู่จื่อชิวที่เป็นบุตรคนรองและมู่จื่อเหมยที่เป็นน้องเล็กสุดของบ้าน วัน ๆ ไม่เห็นนางจะทำอะไรเลยแต่งตัวสวยคอยจับผู้ชายบ้านรวยไปวัน ๆ สงสารก็แต่คนโตกับคนที่สามอย่างมู่ซงหยวนได้เงินมาส่งให้ที่บ้านหมดไม่รู้ตนเองจะได้ใช้หรือไม่
มู่ซงหยวนทำได้เพียงนั่งมองไปทางครัวที่กำลังวุ่นวาย เพราะช่วยกันทำกับข้าวทุกคน มีส่วนร่วมกันหมดยกเว้นเขาคนเดียวที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกเสียจากออกเงินเท่านั้น"เดี๋ยวที่เหลือพี่ทำเองพวกเจ้าไปรอข้างนอกกันให้หมด"ซุนจือหลินรู้ว่าพวกเขาจะจามกัน เพราะพริกที่ตำนั้นน่าจะเผ็ดร้อนน่าดู เพราะพวกเขาก็บอกว่าชอบกินเผ็ดรวมถึงคนด้านนอกที่มองมาในครัวไม่วางสายตาเลย"ขอรับพี่สะใภ้"อาหาน/เสี่ยวหหมิง/เจี้ยนโป ขานรับพร้อมกัน"เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะเรียกอีกทีนะ"หลังคนทั้งสามออกไปซุนจือหลินก็ทอดไข่ดาวเสร็จพอดีทั้งหมด 5 ฟอง และที่สำคัญนางอาจจะต้องขอบคุณมู่ซงหยวนหรือเปล่าน้า เพราะข้าวของเครื่องครัวที่มีครบทุกอย่างทำเอานางนั้นปลื้มปีติ เพราะว่าทำอาหารไม่ติดขัดเลย แม้แต่ขั้นตอนเดียว"ฮัดชิ้ว""ฮัดชิ้ว!"..."ฮัดเช้ย!"กลิ่นผัดพริกและกระเทียมตีขึ้นในอากาศภายในห้องครัวจนทะลักออกไปข้างนอกจนได้ยินเสียงจามของบุรุษร่างแกร่งทั้งสี่คนที่จามแข่งกัน"ฮัดชิ้ว! ข้าไม่ไหวแล้วขอออกไปข้างนอกก่อนแล้วกัน"อาหานที่ทนไม่ไหวแล้วเขาจามจนจมูกแดงไปหมดแล้ว ถึงว่าพี่สะใภ้ถึงให้พวกเขาออกมารอข้างนอกแทนที่จะอยู่ในครัวต่อเสี่ยวหมิงกับเจี้ยนโ
"พี่ซงหยวนปล่อยข้าได้แล้ว""เจ้าค่ะ""หึ ฟอด"มู่ซงหยวนไม่ลืมที่จะแอบลักหอมแก้มอีกข้างของซุนจือหลิน เพราะกลัวว่านางอาจจะน้อยใจที่เขานั้นหอมแก้มนางแค่ข้างเดียว"นี่! ทะ พี่มาหอมแก้มข้าทำไมอีก""แก้มเมียพี่มีสิเจ้าจะหอมแก้มพี่คืนพี่ก็ย่อมยินดีเป็นอย่างมาก""โรคจิต"ซุนจือหลินปรับอารมณ์ตามไม่ทันกับมู่ซงหยวนที่อยู่บ้านนั้นมีนิสัยเงียบขรึม แต่พอมาอยู่ที่บ้านใหม่นั้นกับเป็นคนละคนบุคลิกของเขาในตอนนี้คือจู่โจมนางหนักเป็นอย่างมากมู่ซงหยวนไม่ได้ทำอะไรต่อ เขาปล่อยให้ซุนจือหลินจัดข้าวของของนางให้เสร็จแล้วค่อยมาคุยธุระของเขากัน โดยมู่ซงหยวนใช้สายตาจับจ้องซุนจือหลินอยู่ตลอดไม่ว่านางจะขยับตัวไปทางไหนเดินไปทิศทางไหนก็ตาม"เดี๋ยวท่านอยู่บ้านนะข้าจะไปบ้านท่านป้าโจว"หลังจากที่จัดข้าวของเสร็จนางก็เดินเข้าไปดูในครัว ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ มีข้าวของพร้อมใช้แต่ขาดพวกวัตถุดิบเท่านั้นเครื่องปรุงรสก็มีด้วยถึงจะแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากเขาพร้อมที่จะบอกก็คงจะพูดออกมาเอง"ไปทำไมแล้วจะไปยังไง""เดินแล้วก็ไม่ต้องคิดที่จะตามไปด้วยขาพี่ยังไม่หายดีอยู่บ้านเท่านั้นที่พ
บ้านซุนมู่ซงหยวนมาถึงที่บ้านซุนตอนนี้เขากำลังจะไปรับตัวเจ้าสาวและไม่ลืมที่จะนำสิ่งของไปตอบแทนท่านพ่อท่านแม่ของซุนจือหลินที่เลี้ยงนางมา"เข้าไปสิเจ้าสาม"มู่ต๋าเห็นลูกชายยืนอยู่หน้าห้องไม่เข้าไปในห้องสักที จึงเอ่ยถามอาจจะตื่นเต้นก็ได้วันนี้วันสำคัญของเจ้าสาม"ท่านพ่อข้าไม่กล้าขอรับ"มู่ซงหยวนทั้งตื่นเต้นและก็กังวลเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนไปออกรบก็ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นและวิตกกังวลเช่นนี้มาก่อน"เป็นธรรมดาเจ้าสามวันนี้เจ้ามาในฐานะเจ้าบ่าวและว่าที่สามีของซุนจือหลิน"มู่ฉวนจงใจเอ่ยเสียงดังเพื่อให้คนในห้องได้ยิน"อย่าชักช้าเจ้าสามจะเอาไหมเมียน่ะเดี๋ยวหนูซุนจือหลินรอนานจนเปลี่ยนใจพ่อไม่รู้ด้วยนะ""ท่านพ่อขอรับ"มู่ซงหยวนไม่รอช้าหากเขายังชักช้ามีหวังนางอาจจะเปลี่ยนใจอย่างที่ท่านพ่อของเขาบอกก็ได้ปล่อยให้นางรอนานไม่ดีมู่ซงหยวนเข้ามาในห้องเจอเจ้าสาวของเขานั่งอยู่บนเตียงในห้องมีพี่สะใภ้ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนนาง "เอ่อ พี่มารับเจ้า"มู่ซงหยวนเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก เพราะความสวยของซุนจือหลินทำเขาอาจตายได้"เจ้าค่ะ"หลังผ่านด่านกั้นประตูมาทั้งนางและมู่ซงหยวนต่างต้องมาทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพเจ้า
บ้านสามสหายมู่ซงหยวนอยู่ที่ดินของสหายทั้งสามคนของเขาวันนี้เริ่มสร้างบ้านวันแรกและก็บ้านของเขา เพื่อจะให้ทันเข้าอยู่อาศัยระยะเวลาคงประมาณ 3 วัน รวมบ้านของสหายของเขาด้วย "พี่ซงหยวน 2 วัน น่าจะเสร็จแล้วพี่"เสี่ยวหมิงเองไม่คิดว่าพี่ซงหยวนของเขานั้นจะใจร้อนเช่นนี้ บ้านทำหลังใหญ่จะเอาให้เสร็จภายในวันสองวันนั้นยาก แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ต้องใช้กำลังคนมาก ซึ่งพี่ซงหยวนก็ตัดสินใจจ้างคนในหมู่บ้านมาช่วยกัน"อืม บ้านพวกเจ้าข้าไปคุยกับช่างแล้วทำใหญ่เสียหน่อย เพื่ออนาคตมีครอบครัวกันขึ้นมา"มู่ซงหยวนเองได้พูดคุยกับสหายว่าหากตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่แล้ว ที่ดิน 1 หมู่ อาจจะไม่เพียงพอกับคนทั้งสามหากอนาคตมีครอบครัวกัน แต่ตอนนี้ก็เอาพอใช้อยู่อาศัยกันไปก่อน"ขอบคุณพี่มากเรื่องนี้พวกข้าก็พูดคุยกัน คงจะซื้อที่เพิ่มแต่คงจะให้ผ่านงานของพี่ไปก่อนสักพักหนึ่งหรือไม่ก็คงจะมีใครในพวกข้าสามคนมีเมียเสียก่อน""อืม ไปช่วยเจ้าสองคนนั้นเถอะ"มู่ซงหยวนได้ยินดังนั้นก็พอใจถือว่าวางแผนชีวิตข้างหน้ากันไว้ได้ดี"ขอรับ"มู่ซงหยวนออกแบบบ้านในแบบฉบับที่เขาเคยเห็นผ่านสายตามา บ้าน 1 ห้องนอน 1 ห้องอาบน้ำ และ 1 ห้องครัวใหญ่ เพราะ…ซ
บ้านซุนซุนจือหลินเองไม่ได้เดินไปส่งแขก แต่เป็นท่านแม่เล็กของนางที่เดินไปส่งตอนแรกท่านแม่เล็กจะให้เดินไปส่ง แต่นางนั้นอ้างว่าจะอยู่เก็บของท่านแม่จึงไม่รั้งรอให้เดินไปส่ง"ดูเขาจะชอบเจ้านะซุนจือหลิน"ซุนอีเหยียนเองก็คิดว่าได้เจอกันครั้งแรกก็ถูกชะตามู่ซงหยวนคนนั้นเสียแล้วสามีนางเองก็เช่นกัน"ท่านแม่เล็กดูท่าจะชอบเขาเอามาก ๆ นะเจ้าคะ""ชอบสิรูปหล่อ ร่างกายกำยำ ดูแข็งแรง""งั้น ๆ""เจ้าว่าอะไรนะ"ซุนอีเหยียนได้ยินเหมือนซุนจือหลินเอ่ยอะไรออกมา เหมือนจะเป็นคำสั้น ๆ ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่"ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยเจ้าค่ะ"ซุนจือหลินนางต้องพูดปลดออกไป ดูท่านางจะไม่มีพรรคพวกเลยเพราะทั้งท่านพ่อท่านแม่ดูท่าจะชอบมู่ซงหยวนคนนั้นเอามาก ๆ โดยเฉพาะท่านแม่เล็กของนาง"เดี๋ยวเก็บของล้างคนเดียวได้ใช่ไหม แม่จะเอาข้าวเที่ยงไปให้ท่านพ่อของเจ้า""ได้เจ้าค่ะท่านแม่เล็กเดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเอง"กับข้าวที่ทำให้วันนี้มีทั้งผักที่ไปซื้อในหมู่บ้าน เพราะมีคนที่ขายอยู่ แต่ไม่ได้ขายทุกวันโชคดีคงจะได้ซื้อหากแม่ค้าคนนั้นผ่านเข้ามาขายในหมู่บ้าน เพราะผักบางอย่างก็ไม่ได้ขึ้นบนภูเขาเงินที่ท่านแม่เล็กให้ติดตัวไว้ยามออกเรือนนางก
ซุนกวางหวาที่ได้ยินคำมั่นสัญญาเช่นนั้นเขาก็มองที่ใบหน้าของลูกสาวอย่างน้อยเขาเองจะได้หมดห่วงอย่างนี้คนที่จะมาดูแลลูกสาวของเขานั้นก็เป็นคนดีอย่างแน่นอน"จงจำคำสัญญาของเจ้าในวันนี้ไว้ให้ดีมู่ซงหยวน""ท่านอาวางไว้ได้ข้าจะไม่มีทางผิดคำพูดอย่างแน่นอนขอรับด้วยเกียรติของทหาร""ซุนจือหลินลูกได้ยินที่พี่เขาสัญญาแล้วใช่หรือไม่""เจ้าค่ะท่านพ่อ"ซุนจือหลินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาจนทำให้ใครบางคนรู้สึกซึมขึ้นมาทันที แต่นางไม่ได้สนใจเพราะรู้ว่าคำพูดพวกนั้นมันจอมปลอมเชื่อไม่ได้เลยสักนิด"เช่นนั้นเดี๋ยวให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อนนะ เดี๋ยวเด็ก ๆ มารอกินข้าวกัน ซุนจือหลินเดี๋ยวไปช่วยแม่เตรียมของ""เจ้าค่ะท่านแม่เล็ก"ในห้องเหลือแค่มู่ต๋ากับซุนกวางหวาที่ต้องการพูดคุยกันอย่างส่วนตัว เพราะบางเรื่องก็ไม่สามารถที่จะให้ใครรับรู้ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องรับรู้..."เดี๋ยวพี่ไปช่วยยกกับข้าวนะ""เจ้าค่ะ""…"มู่ซงหยวนมองตามหลังคนทั้งสองเข้าไปในห้องครัว เขาเองก็อยากที่จะไปช่วยบ้าง แต่ถูกท่านน้าอีเหยียนเอ่ยห้ามไว้เพราะขาของเขานั้นยังไม่หายดีท่านน้าอีเหยียนเป็นห่วงจึงสั่งให้นั่งรออย่างเดียว"เดี๋ยวพี่ช่วย"มู่ซงหยวน
Mga Comments