เพียงเพราะสตรีที่เขารักถูกพี่ชายต่างมารดานางฆ่าตาย ฟ่านปิงเยว่จึงกลายเป็นบรรณาการให้กับพยัคฆ์ที่โหดเหี้ยมไร้ใจ และเต็มไปด้วยไฟแค้นอย่างเขา “ตอนนี้เจ้าเป็นของข้า จะตายข้าก็ต้องเป็นคนสั่ง จำเอาไว้!!" "เฮ่อเหรินเซียว" ชินอ๋องแห่งฉินโจว แคว้นที่ยิ่งใหญ่ซึ่งทำศึกกับ "ต้านชิง" เพียงเพราะความแค้นในหัวใจ ที่อดีตคนรักอย่าง "ชุนหลันฮวา" ถูกสังหารหลังจากอภิเษก แต่เมื่อชนะศึก แทนที่เขาจะเลือกดินแดนทั้งหมด แต่กลับเลือก "องค์หญิง" มาเป็นบรรณาการแทน "ฟ่านปิงเยว่" องค์หญิงแปดแห่งต้านชิง นางกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในอีกนาน กับแม่ทัพหนุ่ม "อู๋ซ่างหลี่" แต่สุดท้ายก็ถูกจับมาเป็น "บรรณาการ" ของชินอ๋องเสียก่อน พระเอกเรื่องนี้ปากจัด โหด ดุ ดิบ เถื่อน กินไม่เลือกเวลาและสถานที่ ไม่อ่อนโยนในตอนแรกนะคะ เพราะแค้นฝังใจ แต่หลังจากนั้น.... ฝากติดตามเรื่องราวของทั้งคู่ไปพร้อม ๆ กันด้วยนะค๊า..
더 보기แคว้นฉินและแคว้นต้านชิง ยุติศึกกันมายาวนานกว่าร้อยห้าสิบปี คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะต้องทำศึกขึ้นมาเพียงเพราะสตรีงามล่มเมืองเพียงหนึ่งเดียว บุปผาที่งดงามที่สุดของแคว้นฉิน “ท่านหญิงชุนหลันฮวา” แม้ว่าตัวนางจะไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองเป็นต้นเหตุของศึกใหญ่ในครั้งนี้ก็ตาม….
กองทัพแคว้นฉิน
“ชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว รีบไปทูลท่านอ๋องเร็วเข้า”
นายกองหน้าของกองทัพ รีบวิ่งฝ่ากองทัพที่เหลือเข้าไปหาแม่ทัพใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ที่อาชาศึก ครั้งนี้เขาชนะกองทัพของเมืองหลานเจียงได้อีกครั้ง แต่นั่นมันยังไม่พอ
“ทูลท่านอ๋อง กองทัพข้าศึกแตกพ่าย นายกองหลี่ฆ่าแม่ทัพของพวกเขาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก สั่งให้ทุกคนถอยทัพ!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“เฮ่อเหรินเซียว” หันอาชากลับไปยังที่ตั้งของกองทัพบนภูเขา ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การรบที่ทำให้พวกเขาเป็นต่ออีกแคว้นหนึ่ง ครั้งนี้ที่องค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นเฉิน ตัดสินพระทัยทำศึกก็เพราะท่านหญิงชุนหลันฮวา ถูกองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ของต้านชิง ซึ่งเป็นพระสวามีของนางฆ่าตาย เพียงเพราะมีเรื่องบาดหมางกับสนมในวังหลังของตัวเอง
กองทัพฉินโจว
“ท่านอ๋อง เหตุใดยังไม่ยกทัพกลับเมืองหลวงอีกพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ร่างของท่านหญิงก็ถูกส่งกลับไปแล้ว ตามเงื่อนไขในการชนะศึกครั้งก่อน หรือว่า...”
“ข้ายังมิได้ฆ่าเจ้าเดรัจฉานผู้นั้น แค้นนี้คงยากที่จะหมดลงโดยง่าย”
แน่นอนว่าท่านอ๋องเจ็ด ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ฆ่า “สตรีที่รัก” ของเขาได้รอดชีวิตไปได้ หลังจากที่ลั่นวาจาไป จากนั้นอีกสิบวันเขาก็ลงมือทำศึกด้วยตัวเอง และปลิดชีวิตองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ลงได้ในเวลาไม่นาน
“เดรัจฉานเช่นเจ้าตายไปเช่นนี้ แผ่นดินคงสูงขึ้น เจ้าทำชั่วกับชุนหลินฮวาเอาไว้ กรรมนี่สมควรแล้ว”
ศีรษะขององค์ชายรองแห่งแคว้นต้านชิง ถูกตัดและเสียบไว้กลางสมรภูมิรบเป็นที่น่าสยดสยอง ซึ่งทุกคนก็คิดว่าความโหดเหี้ยมในครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่ทว่า….
“ท่านอ๋อง หนังสือขอยอมแพ้พ่ะย่ะค่ะ”
“ยอมแพ้งั้นหรือ หึ สู้ศึกกันมาร่วมสามเดือนพึ่งจะมายอมแพ้ในตอนนี้ มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก”
“แต่ว่าเรื่องนี้”
“ข้ามิได้บอกว่าจะทำศึกอีก”
“เช่นนั้น…”
“ไปอาราม “ซานไท่” เขาไท่ลี่เหอ”
“อารามงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ไปเพื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปรับบรรณาการเมืองต้านชิงกลับไปยังฉินโจว หากพวกเจ้าอยากจะกลับเมืองหลวงโดยเร็ว ก็อย่าได้รอช้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
รองแม่ทัพรีบสั่งกำลังพลที่เหลือวิ่งกลับไปทันที ส่วนพวกเขาตามเสด็จท่านอ๋องมาที่เชิงเขาทางตะวันออก ซึ่งอยู่ระหว่างสองแคว้น เมื่อท่านอ๋องเงยพระพักตร์มองขึ้นไป ก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาในทันที
“ทะ ท่านอ๋อง ที่นี่คือ…”
“ที่นี่เป็นอารามศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นต้านชิง สตรีชั้นสูงที่พึ่งผ่านพิธีปักปิ่น หรือกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานมักจะมาพักอยู่ที่อารามแห่งนี้เพื่อรักษา “พรหมจรรย์” ก่อนแต่งงานสามเดือน”
ทุกคนล้วนไม่เข้าใจสาเหตุที่ท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่ แต่เขามิได้รอให้ผู้ใดถาม เทพสงครามผู้หิวเลือดและกระหายศึก ทะยานควบอาชาคู่กายขึ้นไปยังอารามโดยไม่สนใจผู้คนที่แตกตื่นอยู่บนนั้น
“กรี๊ดดดดดด!!!”
หอคอยศักดิ์สิทธิ์
เพียงแค่ยกดาบขึ้นมา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขวางพวกเขา แต่ท่านอ๋องไม่ได้สนใจผู้ใด
“ใครขวางทางข้า นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเจ้าได้เห็นในชีวิตนี้”
หอคอยชั้นสูงสุดตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน สตรีที่อยู่ในนั้นหาได้รู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดภัยร้ายแรงที่สุดในชีวิตขึ้นกับตัวเอง นางกำลังอธิษฐานให้กับแคว้น เมื่อประตูถูกผลักออก ร่างบางก็สะดุ้งสุดตัวและหันมามองผู้มาเยือน
“ผู้ใดกัน บังอาจ…”
ฉับ!
“กรี๊ด!!!”
เพียงเสียงเดียวที่เอ่ยถาม ก็ถูกคมดาบของเขาฟันลงไปทันที สตรีในชุดสีขาวบริสุทธิ์เปื้อนเลือดจากคมดาบนั้น “ฟ่านปิงเยว่” ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลังม่านผ้าโปร่งซึ่งบัดนี้เปื้อนไปด้วยเลือดขององครักษ์หญิง
“นั่นใคร!”
ผู้ที่มาเยือนมิได้ตอบนาง
“ม่านนี้ช่าง… เกะกะเสียจริง”
ฟึด!
ดาบที่พาดเพียงครั้งเดียว ทำให้ผ้าม่านขาดเป็นสองท่อน เฮ่อเหรินเซียวเดินเข้าไปด้านใน ก็พบกับสตรีที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้านางผุดผ่องราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรดัง
ริมฝีปากแดงจัดนั้นกำลังสั่น แม้ว่านางจะพยายามทำตัวให้นิ่ง สายตากลมโตจ้องมองเขา ทำเอาท่านอ๋องตกตะลึงไปกับความงามนี้ชั่วขณะ
“เจ้าก็คือ “ฟ่านปิงเยว่” องค์หญิงแปดแห่งต้านชิงสินะ”
“เหตุใดข้าต้องบอก…”
ดาบที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดพาดมาที่ไหล่ หญิงสาวทันได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นของคนตรงหน้า นางไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ดูจากชุดเกราะที่เขาสวม ไม่ใช่คนต้านชิงอย่างแน่นอน
“เจ้าจะไม่บอกก็ได้ เพราะหลังจากนี้ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติหรือเรียกนามโสโครกของคนต้านชิงอย่างพวกเจ้า”
“ท่านต่างหากที่โสโครก”
ปลายดาบแหลมขยับเข้าไปใกล้คอระหงอีกนิดและเริ่มบาดนาง แต่สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความแค้นที่ยากจะดับลงได้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดจากสิ่งใด
“องค์หญิง!”
“จับนางเอาไว้ อย่าพึ่งฆ่าล่ะ เอาเป็นว่าไม่ผิดตัวแน่นอน”
“ท่านต้องการอะไร บุกมาฆ่าคนเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าต้องการจับข้าเป็นตัวประกัน”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแฝงไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำเอาฟ่านปิงเยว่รู้สึกมวนท้องจนอยากจะอาเจียน
“สิ่งที่ข้าต้องการอยู่ตรงหน้านี้แล้ว นับจากนี้ไป เจ้าก็คือ “บรรณาการ” ของข้า… ฟ่าน ปิง เยว่…”
เพียงแค่อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหล่นลงกับพื้น ม่านเตียงมงคลก็ถูกดึงลงมาปิดบังทั้งคู่เอาไว้ จุมพิตหวานและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามฤทธิ์ของสุรามงคลที่ดื่มเข้าไป จอกแล้วจอกเล่าในค่ำคืนนี้ ริมฝีปากของท่านอ๋องสั่นเครือเพราะความกระหายที่เกินจะควบคุม“อื้อ…ท่านพี่”“อาาา เยว่เอ๋อร์ของข้า ยามเจ้าเรียกข้าเช่นนี้ ช่างดียิ่งนัก”ลิ้นอุ่นของเขาเริ่มสำรวจที่หน้าอกคู่งาม ซึ่งบัดนี้เริ่มเต่งตึงและมีขนาดใหญ่ขึ้นมา เพราะนางกำลังมีครรภ์ เขาอ่อนโยนลงมาก หลังจากที่รู้ว่านางต้องดูแลร่างกาย ก่อนหน้านี้ปิงเยว่แพ้ท้องอย่างหนัก แทบจะกินอะไรไม่ได้เลยจนเขารู้สึกกังวล“อื้อ อย่านะเพคะ ตรงนั้นไม่ได้ อ๊าาา!!”นางเอ่ยห้ามเขา แต่เหรินเซียวมีหรือจะฟังที่นางพูด นับสิบวันที่เขามิได้สำรวจเรือนร่างของพระชายาเลย ทำเอาเขานึกหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง ลิ้นอุ่นปรนเปรอไปทั่วเรือนกายที่หอมกรุ่นตรงหน้า ผิวเนื้อเนียนทำเอาเขาเคลิ้มจนหัวใจแทบระเบิด ไฟปรารถนาเริ่มโหมกระหน่ำ เมื่อมาหยุดอยู่ตรงร่องกลีบบุปผาตรงหน้า เมื่อเขาเริ่มคลี่ออกและใช้ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้าไปและใช้นิ้วบดบี้เม็ดทับทิมเหนือร่อง จนร่างบางบิดเราเพราะความเสียวที่เขามอบให้“อ๊าา ท่านพ
ยี่สิบวันถัดมาบัดนี้อายุครรภ์ของปิงเยว่ ย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว และวันนี้ก็เป็นพิธีการสำคัญของนางและชินอ๋อง “พิธีสมรสพระราชทาน” ซึ่งจัดขึ้นในวังหลวง ตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ที่ต้องการให้ทั้งคู่จัดพิธีอันทรงเกียรตินี้ เพื่อเป็นของขวัญมอบแก่ทั้งสอง“คู่บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”บ่าวสาวในชุดสมรสพระราชทาน ซึ่งปักด้วยดิ้นไหมสีทองเปล่งประกายเข้าคู่กัน คำนับครั้งที่หนึ่งตามคำบอกของตั้วกงกง ผู้รับหน้าที่นี้ ต่อหน้าฝ่าบาท และฮองเฮาในท้องพระโรงใหญ่“คำนับที่สอง คู่บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”ทั้งสองหันมาคำนับให้กับฝ่าบาทและฮองเฮา ท่านอ๋องต้องคอยพยุงให้พระชายาลุกนั่ง เพราะเกรงว่าเจ้าสาวของเขาจะล้มลง ทำเอาฝ่าบาทและฮองเฮาถึงกับเผยแย้มพระสรวลออกมา "นาน ๆ ข้าจะได้เห็นมุมอ่อนโยนเช่นนี้ของเซียวเอ๋อร์"“เจ้าลูกคนนี้เลือกปฏิบัติน่ะสิ หึหึ แค่ให้เข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อน ทำเหมือนจะตาย แต่เจ้าดูสิ”“พอเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงบ่นเรื่องนี้กับหม่อมฉันเกินเจ็ดรอบแล้ว เซียวเอ๋อร์รักอิสระและชอบปลีกวิเวก พระองค์ก็เอาแต่บังคับเขา หม่อมฉันไม่เห็นใจหรอกนะเพคะ”“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด เจ้าน่ะลำเอียงเข้าข้างเขาตลอดเวลา เพราะแบบนี้อย่
หลังจากนั้น ทั้งจวนก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลยจนข้ามมาวันใหม่ ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องบรรทมชั้นนอก และมิให้ผู้ใดรบกวนทั้งสองพระองค์“ข้าป้อนเจ้าดีกว่า”“คนใจร้าย”“ไม่เอาน่า ข้าก็บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า คำบอกรักของข้ามีมากมาย สามวันสามคืนก็พูดไม่หมด”“แต่ท่านไม่ได้พูด ท่าน…”ปิงเยว่หน้าแดงจัด ไม่รู้เพราะโกรธหรือว่าอายกันแน่ เมื่อท่านอ๋องที่อัดอั้นในการร่วมเตียงกับนางมาเกือบสองเดือน พอมีโอกาสก็แทบจะไม่ให้นางได้พัก ทั้งวันทั้งคืนเขาบอกรักนางไม่หยุดก็จริง แต่ก็ไม่หยุดที่จะรังแกนางด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้ร่างของนางก็ระบมจนหมดแรง แม้แต่จะกินข้าวเอง ก็แทบจะถือตะเกียบไม่ไหว“อีกสองวัน เจ้าต้องเข้าวังกับข้านะ”“เข้าวังหรือเพคะ นี่คงจะไม่…”“แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับข้า เพื่อรับราชโองการสมรสพระราชทาน และดูฤกษ์งานอภิเษก เจ้าอย่าลืมสิ ถึงแม้ว่าข้าจะพาเจ้ามาแล้ว แต่กว่าจะทูลขอราชโองการนี้ได้ ไม่ง่ายเลยนะ”“ทำไมหรือเพคะ”ย้อนกลับไปสามเดือนก่อน“เหอะ! กว่าจะโผล่หน้ามาหาข้าได้ ก็ผ่านไปกี่วันแล้วเจ้าตัวดี! เจ้านะเจ้า ยกทัพออกไปทำศึกโดยพลการ ข้ากับพี่ชายเจ้า หาเหตุผลสารพัดที่
“ท่านว่าอย่างไรนะ เหตุใดจึงมีสาน์สลับนี้ด้วย มิได้มีเพียงสัญญาสงบศึกหรอกหรือ จริงสิเมื่อคืนนี้ท่านให้อู๋ซ่างหลี่อ่านจดหมาย...”“ที่จริงแล้วการที่ข้าไปหาเจ้าที่อารามนั่น มิใช่เรื่องบังเอิญ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ข้าสังหารพี่ชายต่างมารดาของเจ้ากลางสมรภูมิรบ กลางดึกคืนนั้น ฝ่าบาทแคว้นต้านชิงส่งจดหมายลับมากับแม่ทัพใหญ่ของต้าชิง”“ท่านลุงซังลี่เหมิน”"ใช่ แม่ทัพซังลี่นำสาน์สลับนี้มา มอบให้ข้าที่กองทัพด้วยตัวเอง เขาเจรจากับข้าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆสามเดือนก่อน / ค่ายทหารฉินโจว เมืองหลานเจียง“กระหม่อมซังลี่เหมิน แม่ทัพใหญ่กองทัพหลวงแห่งต้านชิง ถวายบังคมชินอ๋อง”“ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด มายับยั้งมิให้ข้าโจมตีเมืองหลานเจียงของท่านงั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมา เพราะมีเจตนาอยากจะขอยอมแพ้และสงบศึก เพื่อคืนความสงบสุขให้เมืองหลานเจียง ฝ่าบาทยินยอมรับเงื่อนไขที่ฉินโจวต้องการ ขอเพียงราษฎรของทั้งสองฝ่ายที่ชายแดนปลอดภัย นี่เป็นสาน์สลับ ที่ฝ่าบาทเตรียมมาส่งมอบให้กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อท่านอ๋องเปิดอ่านดู ก็ทราบถึงเจตนารมณ์ของฝ่าบาทดี ที่เขาเปิดศึกค
เพียงแค่หลังแตะเตียงอุ่น ๆ ปิงเยว่ก็รู้ทันทีว่า ค่ำคืนนี้นางคงไม่รอดพ้นจากเขา ท่านอ๋องบรรจงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือและอ่อนโยน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้“เยว่เอ๋อร์ ข้ารักเจ้า”“ข้าก็รักท่าน เฮ่อเหรินเซียว”เพียงคำนี้ของนาง ก็ทำเอาท่านอ๋องหนุ่มที่กำหนัดเต็มที่ เขาอดกลั้นมานานเพื่อรอวันนี้ วันที่นางเปิดปากพูดความในใจกับเขา ร่างกำยำคุกเข่าคร่อมตัวนางเอาไว้ และสะบัดชุดของเขาทิ้งไปในทันทีปิงเยว่เพียงแค่เห็นกล้ามท้องที่เป็นลอนงดงาม และอกกว้างตรงหน้าก็แทบจะทนไม่ไหว เมื่อเขาเลื่อนลงมา นางก็เห็นรอยเล็บของสตรีอื่น"เจ้าจะทำอะไร"“เจ็บหรือไม่เพคะ”“เจ็บสิ แต่มันไม่มากเท่ากับที่ทำให้เจ้า เข้าใจผิดข้ามาร่วมสองเดือนนี้ มันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำตาของเจ้า”“ข้า… ไม่คิดว่าท่านจะวางแผนเอาไว้”“หากข้าบอก เจ้าจะเชื่อข้างั้นหรือ”นางยอมรับแต่โดยดี เมื่อเขาก้มลงมาและจูบนางเนิ่นนาน บทรักเริ่มขึ้นอย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ กระโจนใส่กองไฟปรารถนา ที่ลุกโชนอย่างเร่าร้อนทุกชั่วขณะ"อ๊าาา…. เหรินเซียวท่านเบาหน่อย อื้อ…"ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกตรงหน้า เมื่อจับนางตรึงแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง เขากวาดปลายลิ้นสำรวจทั่
ปิงเยว่ลุกขึ้นมาจากตักของเขาทันที นางมิอาจทนฟังเรื่องของเขาและสตรีอื่นได้ ท่านอ๋องเดินมาและรีบคว้านางเอาไว้ เขากอดนางจากด้านหลังเพื่อมิให้นางหนีอีก“เจ้าช่วยฟังข้าให้จบก่อน หลังจากนั้นจะตบจะตี หรือกัดข้าอีกครั้งก็จะไม่ห้ามเจ้าเลย”“อย่าแตะต้องข้า ปล่อย!”“ไม่ปล่อย! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปได้หรอก รู้หรือไม่ว่า ตอนที่ได้ข่าวจากองครักษ์ลับว่าเจ้าถูกจับตัวไป ข้าร้อนใจมากเพียงใด และยิ่งเห็นว่าชายอื่นจะแตะต้องเจ้า หัวใจข้าก็ลุกเป็นไฟ จนอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังจะขอชีวิตให้เขาอีก ไม่คิดถึงหัวใจข้าบ้างเลยหรือ”“ท่านก็เลยเอาคืนข้า โดยการดึงหวังอิ่นจางไปพลอดรักกันในห้องอาบน้ำ จนเสียงดังลอดออกมาทั่วจวนสินะ ปล่อยข้านะคนสกปรก!”แต่เขากลับกอดนางแน่นมากขึ้น มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย“ที่แท้เจ้าก็โกรธข้าเรื่องนี้เองหรอกหรือ ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าฟังให้จบก่อน”ปิงเยว่นิ่งลง เมื่อท่านอ๋องยืนยันที่จะไม่ปล่อย ใช่ว่านางจะไม่ใจอ่อนเสียหน่อย เมื่อเห็นว่าปิงเยว่นิ่งลงแล้ว เขาจึงเริ่มเล่าทันที“ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง เจ้าตั้งใจฟังให้ดี จะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที ข้าเบื่อที่เจ้าทำหมางเมินเช่นนี้มานาน
댓글