โธ่เอ๊ย! ภูมิกำหมัดแน่น จ้องทานตะวันด้วยความอ่อนใจ "อาขอสั่งห้ามนะตะวัน ห้ามพูดแบบนี้ แล้วก็ห้ามคิดอะไรแบบนี้กับอาเข้าใจไหม!" "ไม่เข้าใจ ก็ตะวันไม่อยากให้อาภูมิเสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นนี่คะ ตะวันทำผิดตรงไหน" เด็กหญิงแก้เก้อ "มันก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา" "เกี่ยวสิคะ ตะวันไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักของอาภูมิไปจากตะวัน" "งี่เง่า" ภูมิสบถ "ไม่ได้งี่เง่าซะหน่อย ตะวันหมายถึงว่าถ้าตะวันโตเป็นสาวแล้วถ้าอาภูมิแก่ตัวลงไม่มีใคร ตะวันอาสาเป็นเจ้าสาวให้อาภูมิเอง อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ" "แก่แดด!" ภูมิขึ้นเสียง แต่เด็กหญิงดูไม่สะทกสะท้านสักนิด "เปล่าแก่แดดซะหน่อย ก็ตะวันรักอาภูมิ" เธอบ่นพลางหน้างอคอหักใส่ ภูมิทวนคำพูดทานตะวันในใจก็สั่นระรัวยิ่งกว่ากลองเพล นี่ทานตะวันคิดว่าความรักคืออะไร คิดว่าตัวเองจะแทนที่ใคร ไม่มีใครแทนที่ใครได้โดยเฉพาะทานตะวัน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นตัวแทนของใคร ไม่เคย... ไม่เคยเลย... ภูมิจะรอให้ถึงวันนั้น วันที่พร้อมทวงสัญญาที่ทานตะวันให้ไว้ คราวนี้ไม่ว่าใครก็อย่าได้ขวาง เพราะเขาจะไม่มีวันยอมปล่อยเธอให้ใคร...
View More“ถ้าตะวันโตเป็นสาว อาภูมิต้องแต่งงานกับตะวันนะคะ”
ใครจะคิดว่าแค่คำพูดประโยคเดียวของคนคนหนึ่ง จะทำให้ใครอีกคนคิดไกลไปถึงเพียงนี้...
อะไรนะ...
แต่งงานงั้นเหรอ...
ภูมิที่นั่งกุมขมับถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงอ่อนโยน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดกึ่งออกคำสั่งแบบนี้จากปากเด็กหญิงวัยยังไม่ถึงสิบห้าที่มารดาของเขารับอุปการะไว้ตั้งแต่ยังแบเบาะ
อะไรทำให้ทานตะวันพูดแบบนี้...
“อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ”
เด็กหญิงไม่พูดเปล่า ยื่นนิ้วก้อยปุ้มป้อมมาตรงหน้า ชายหนุ่มทอดถอนใจไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเด็กหญิงคว้ามือขึ้นมาแนบหน้า ภูมิมือสั่นเมื่อรู้สึกได้ถึงผิวนวลนิ่มและเต่งตึงของวัยเยาว์
ไม่ทันตั้งตัวซ้ำสอง เขาก็ถูกเด็กหญิงโน้มตัวเข้ามาจูบริมฝีปากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ภูมิซึมซับความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่คาดคิด ชายหนุ่มถึงกับผงะลุกขึ้นยืนและส่งน้ำเสียงดุดันใส่เด็กหญิงด้วยความตื่นตะลึง
“ทะ ทะ ทำอะไรน่ะ ตะวัน!”
“ก็ ก็ จะ จูบ”
“จูบอะไรของเรา ไปจำจากไหนมา!”
“ก็จากในทีวีไงคะ”
“แล้วทำทำไม”
“ก็ตะวันจูบมัดจำแล้ว อาภูมิอย่าลืมสัญญาแต่งงานของเรานะคะ”
โธ่เอ๊ย!
ภูมิกำหมัดแน่น จ้องทานตะวันด้วยความอ่อนใจ
“อาขอสั่งห้ามนะตะวัน ห้ามพูดแบบนี้ แล้วก็ห้ามคิดอะไรแบบนี้กับอาเข้าใจไหม!”
“ไม่เข้าใจ ก็ตะวันไม่อยากให้อาภูมิเสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นนี่คะ ตะวันทำผิดตรงไหน” เด็กหญิงแก้เก้อ
“มันก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรา”
“เกี่ยวสิคะ ตะวันไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักของอาภูมิไปจากตะวัน”
“งี่เง่า” ภูมิสบถ
“ไม่ได้งี่เง่าซะหน่อย ตะวันหมายถึงว่าถ้าตะวันโตเป็นสาวแล้วถ้าอาภูมิแก่ตัวลงไม่มีใคร ตะวันอาสาเป็นเจ้าสาวให้อาภูมิเอง อาภูมิสัญญากับตะวันนะคะ”
“แก่แดด!” ภูมิขึ้นเสียง แต่เด็กหญิงดูไม่สะทกสะท้านสักนิด
“เปล่าแก่แดดซะหน่อย ก็ตะวันรักอาภูมิ” เด็กหญิงบ่นพลางหน้างอคอหักใส่
ภูมิทวนคำพูดทานตะวันในใจก็สั่นระรัวยิ่งกว่ากลองเพล นี่ทานตะวันคิดว่าความรักคืออะไร คิดว่าตัวเองจะแทนที่ใคร ไม่มีใครแทนที่ใครได้โดยเฉพาะทานตะวัน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นตัวแทนของใคร
ไปกันใหญ่แล้ว!
ภูมิไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอจะรู้ไหมว่าเพราะคำพูดนั้นทำให้ใจของเขาสั่นไหวแค่ไหน ความรักและการแต่งงานคืออะไรไม่ใช่ใครก็สักแต่จะพูดได้ แล้วยิ่งเป็นเธอคนที่เขารักยิ่งกว่าใคร
ไม่ได้การละ!
เห็นทีจะอยู่ที่ไร่ก่อนตะวันจะโตเป็นสาวไมได้เสียแล้ว...
หลายวันต่อมา...
บรรยากาศหน้าบ้านไม้สักสองชั้นขนาดใหญ่ท่ามกลางไร่ชาสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยความอึมครึมราวกับกำลังปกคลุมด้วยเมฆเทาทะมึนขนาดใหญ่
ภูมิพ่นลมหายใจอึดอัดขณะที่มือยังไม่คลายจากกระเป๋าเดินทางใบโตที่เงื้อค้างขณะยกขึ้นท้ายกระบะ ชายหนุ่มยืนหันหลังให้เจ้าของร่างเล็กกว่าเขาเกือบสองศอกด้วยความอ่อนใจ ไม่อยากหันไปเห็นดวงหน้านวลใสนองน้ำตา
กลัวว่าจะใจอ่อน...
แน่ล่ะ...
แค่เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังมาจากด้านหลัง เขาก็รู้แล้วว่าหัวใจหายไปแค่ไหน หากมันถูกกัดกินด้วยน้ำตา หัวใจของเขาคงแหว่งวิ่นด้วยน้ำตาของทานตะวัน
แต่จะให้เผชิญหน้ากันทุกวันก็คงไม่ได้ ในเมื่อหัวใจของเขาคิดไกลกับเธอเกินไปกว่าจูบปลอบใจในวันนั้นเสียแล้ว...
“อาภูมิขาอย่าไปเลยนะคะ อาภูมิ!”
“อาเค้าไปทำงานนะลูก”
“แต่อาภูมิทิ้งคุณย่าด้วยนะคะ”
“อาบอกไม่ได้ทิ้ง”
“แต่อาภูมิจะไปอยู่ในเมืองทำไม อาภูมิจะทิ้งตะวันกับคุณย่าไปได้ยังไง คุณย่าขา...” เด็กสาวลากเสียงยาวฟ้องหญิงชราที่กอดร่างเล็กของเธออยู่
ภาคินีสบตากับภูมิก่อนจะพยักเพยิดให้ “ย่าไม่ยุ่งด้วยแล้ว สองอาหลานคุยกันเองก็แล้วกัน”
“คุณย่าขา”
ภูมิได้แต่ส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดกลายๆ พอสบตามารดาก็เห็นสีหน้าตึงเปรี๊ยะบ่งบอกว่าเขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
“โอเคๆ เอางี้นะตะวัน”
“อาภูมิจะไม่ไปแล้วใช่ไหมคะ”ภูมิส่ายหน้าทันควัน จำต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ที่อาต้องไปค้างในเมืองก็เพราะงาน ไม่ได้จะทิ้งเรากับคุณย่า เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ตะวันอยู่ดูแลคุณย่าแทนอาได้ไหมคะ”
“แค่เรื่องงานจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ”
“ไม่ใช่เพราะอาภูมิ...” เด็กหญิงรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อเห็นสีหน้าดุของเขา
ภูมิรู้ดีว่าเขาสปอยล์เด็กหญิงมากแค่ไหน และบางครั้งอาจจะมากเกินไปโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวจนกระทั่งวันที่ทานตะวันจูบเขา
ตั้งแต่นั้นความรู้สึกนั้นมันแปลกไปจนไม่อาจคาดเดา นับวันจะยิ่งรุนแรงจนเขาแอบเก็บเอามาฝัน ฝันอะไรไม่ว่า
ฝันว่ามีอะไรกับทานตะวันนี่สิ!
จะชั่วเกินไปแล้ว!
ไอ้อาชั่ว!
ภูมิตัดสินใจในนาทีนั้นว่าเขาต้องไปอยู่ที่ออฟฟิศในเมืองสักพักจนกว่าเปิดเทอมที่ทานตะวันจะย้ายไปอยู่หอพักในโรงเรียน หรือหากทานตะวันยังดื้อรั้นไม่ยอมไปตามที่เสนอ เห็นทีเขาต้องเป็นฝ่ายไปเองยาวๆ ไปให้ห่างจากทานตะวันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“แต่ตะวันไม่ยอมให้อาภูมิไปอยู่กับผู้หญิงที่ไหนอีกนะคะ!”
เด็กหญิงขึ้นเสียง ทำให้สองแม่ลูกตาค้าง และเป็นภูมิที่หันขวับมาดุใส่
“ตะวัน!”
“ก็อาภูมิจะทิ้งตะวันกับคุณย่า เกิดไปเจอผู้หญิงสวยๆ แบบอาสร้อยอีกจะทำยังไง”
“อย่าลามปามสิตะวัน อาไปทำงานต้องกลับดึก อาไม่อยากขับรถไปกลับมันอันตราย”
“แต่เมื่อก่อนก็ไปกลับได้”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“อาภูมิอย่าประชดแบบนี้สิคะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!”“อารุ้แค่ว่าตะวันรังเกียจความรู้สึกของอา”“ตะวันไม่ได้รังเกียจ!”เธอหรือจะกล้าคิดอย่างนั้น...เด็กสาวน้ำตาหยดทันที ไวเท่าความคิดเท้าที่เจ็บเมื่อครู่กลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด มันก้าวนำเธอไปทางฝั่งที่อาหนุ่มกำลังเปิดประตูรถโดยไม่นำพาว่าภูมิจะคิดยังไง“หยุดพูดว่าตะวันรังเกียจอาภูมินะคะ!” เธอตวาดลั่นดึงแขนอาหนุ่มให้หันกลับมาฝนกระหน่ำแรงกว่าเดิมจนเสื้อผ้าหน้าผมอาหลานต่างเปียกลู่ แต่ดวงตาทั้งสองยังคงจ้องกันแน่วแน่นิ่งงัน“ก็ได้... ต่อไปอาจะไม่พูด ไม่ทวงถามอะไรตะวันอีก” ภูมิแกะมือเย็นเฉียบของเด็กสาวออกและมองเธออย่างชั่งใจครู่หนึ่งก็ถอนใจพูดต่อ “อาจะถือว่าเรื่องระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น ตะวันไม่ได้รักอา"“ไม่จริง!” ทานตะวันสะอึกสะอื้นทันทีภูมิก้มมองสองมือเรียวโอบรอบเอวของตนด้วยความตื่นตะลึง ทานตะวันแนบหน้ากับอกเขาตัวสั่นเทา ภูมิผละมือจากประตูลงกุมมือเด็กสาวไว้จะหันกลับไปแต่เธอขืนตัวไว้แล้วกอดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนเขาแทบหายใจไม่ออก“หากอาภูมิรักตะวันจริง” เธอพูดเสียงสั่นเครือ มือกำจิกเสื้อเชิ้ตชายหนุ่มแน่น “คืนนี้เราค้างด้วยกันนะคะ”“อะไรนะ!” ภูมิค
เธอร้องเสียงหลงเหลียวหาคนช่วยแต่ถนนยามดึกเปลี่ยวจนน่าใจหาย ไม่มีรถแม้สักคันติดไฟแดงหรือผ่านไปมา ภูมินึกโมโหจนต้องตวาด“หยุดเดี๋ยวนี้! ร้องยังกะวัวถูกเชือดไปได้ อาไม่ได้จะพาไปฆ่าสักหน่อย”“อาภูมิไมได้ฆ่าให้ตายแต่อาภูมิจะฆ่าตะวันทั้งเป็นรู้ตัวรึเปล่าคะ” เธออุทธรณ์น้ำตาท่วมแก้ม“อาฆ่าตะวันทั้งเป็นตรงไหน ก็เห็นๆ อยู่ว่าตะวันก็เคลิ้มไปกับอา”“อาภูมิ!” เด็กสาวตวาดลั่นทุบอกอาหนุ่มทั้งที่ตัวยังลอยอยู่ในอ้อมแขน “ปล่อย! ถ้าจะดูถูกกันขนาดนี้ก็อย่าสนใจตะวันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้”“ไม่ได้...”“ทำไม!”เด็กสาวช้อนตามอง หวังได้ยินคำตอบที่จะทำให้จิตใจดีขึ้น แต่ภูมิกลับนิ่งเฉยทำให้เธอฉุนจัด ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอาหนุ่มอย่างลืมตัว “นี่สำหรับสิ่งที่อาภูมิทำกับตะวัน”“ตะวัน! กล้าตบอาเชียวเหรอ” ภูมิถึงกับตะลึงตั้งตัวไม่ทัน ทั้งโมโหแต่ก็เหมือนจะมือไม้อ่อนเพราะดวงหน้าหลานสาวนอกไส้ทั้งเจ็บปวดและน่าสงสารเหลือเกิน แต่ที่เขาทำไปเพราะหึงหวงเกินต้านไหว เขาต้องหักใจดูทานตะวันเติบโตเป็นสาวอยู่ไกลตามากแค่ไหนแต่ตอนนี้ทานตะวันเรียนจบและโตพอที่จะไม่เป็นเพียงหลานสาวบุญธรรมของเขาแล้วหากบังคับให้เธอเป็นของเขาเสียแต่เดี๋ยวนี้ได
เธอตัดสินใจผลักอาหนุ่มเต็มแรงจนร่างหนาเซชนกระจกฝั่งคนขับ ศอกชายหนุ่มสัมผัสโดนปุ่มกระจกเต็มแรง หน้าต่างฝั่งคนขับเลื่อนลงโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณ... คุณ”“อย่ายุ่งน่า ใครวะ!” ภูมิสบถหันขวับไปมองถึงกับเบิกตาค้าง “เฮ้ย! ตำรวจ!”“ก็ตำรวจสิครับ” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจเฮือกยกมือวางบนกระจกอีกมือส่องไฟฉายเข้ามาในรถสำรวจทานตะวันน้ำตาร่วงผล็อยเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งทันที อาหนุ่มแทบจะดึงทึ้งศีรษะตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์ใคร่พาไป มือหนาเอื้อมไปลูบผมเด็กสาวขยี้เบาๆ ก่อนเอาตัวบังให้แล้วบอก“ติดกระดุมเสื้อก่อน อาจะบังให้”ทานตะวันหน้าเหยเกตะครุบสาบเสื้อที่เปิดอ้าหันข้างให้แสงไฟก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้อมือไม้สั่น น้ำตาหยดลงบนหลังมือด้วยความคับแค้นแต่ไม่มีแม้แต่เสียงให้อีกฝ่ายได้ยินเพราะเธอกัดริมฝีปากแน่นแทนการกักเก็บเสียงจนปากนุ่มแทบห้อเลือด อาภูมิใจร้าย...ทำแบบนี้กับเธอทำไม... “ดึกดื่นมาจอดทำอะไรกันที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ” ตำรวจหนุ่มค้อมตัวลงต่ำจ้องมองลึกไปยังที่นั่งอีกฝั่ง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กนั่งหันหลังให้
ทานตะวันอาศัยทีเผลอเปิดล็อคประตูรถจะก้าวลงไป มือหนาๆ ของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แล้วกระชากกลับก่อนจะปิดล็อคจากฝั่งตัวเอง“เจ็บนะคะ!” เธอร้องบอก“เจ็บก็ดีแล้ว กล้าดียังไงดื้อกับอาแบบนี้ ลงไปเกิดอันตรายจะทำยังไง”“อยู่ที่นี่ก็อันตรายพอกันแหละค่ะ” เธอตอบพลันน้ำตาก็หยาดหยด “โอ๊ย! ตะวันเจ็บค่ะอา”ภูมิกัดฟันกรอดเบือนหน้าหนียังคงบีบข้อมือเธอแทบห้อเลือด หน้าเข้มเครียดขึ้ง สันกรามบดกันเป็นสันนูน ดวงตาวาวไปด้วยไฟแห่งความโกรธคุโชน เขาโมโหเธอที่ทำเหมือนไม่เคารพกัน“เจ็บงั้นเหรอ! อาสิเจ็บกว่าที่เห็นตะวันก้อร่อก้อติกกับผู้ชายพวกนั้น”“อะไรนะคะ!” เธอถามย้ำตาเหลือกลานกับคำพูดประชดประชัน “อาภูมิหมายความว่ายังไง ทำไมถึงเจ็บ ทำไมคะบอกให้ตะวันรู้หน่อย”“ไม่มีอะไร อาแค่ไม่ชอบที่ตะวันเห็นคนอื่นดีกว่าอา”“แค่นี้เหรอคะเหตุผล” เธอเอ่ยเสียงแผ่วราวกับให้ได้ยินแค่ตัวเองผิดหวัง...ดวงหน้าสดใสพลันหม่นหมองลงทันที เธอเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง ลอบถอนหายใจกลั้นสะอื้นไม่ให้น้ำตาหยาดไหล แต่ดูเหมือนความเสียใจจะไม่ฟัง เพราะไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน หัวใจคนฟังตกอยู่ที่ตาตุ่มทันใด...“ร้องไห้
ทานตะวันผงะกับถ้อยคำประหลาด หัวใจเธอพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ภูมิมีศักดิ์เป็นอาส่วนเธอมีฐานะเป็นเพียงหลานบุญธรรมของคุณภาคินีมารดาของภูมิ เธอไม่กล้าแม้แต่จะอาจเอื้อมคิดเผยอเทียบเคียงกับเขาได้เลย“อา... คือว่า... อา”ภูมิตั้งท่าจะสารภาพความรู้สึกกับทานตะวัน ถึงยังไงเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอเป็นของใครแต่ทว่า...“อ้าว! ยังไม่กลับอีกเหรอคุณตะวัน”“คุณชลทิศ!”สองอาหลานผละออกจากกัน ทานตะวันเหลียวมองต้นเสียงสีหน้าเหยเก ส่วนภูมิกำหมัดแน่นเพราะอีกฝ่ายอมยิ้มมองมายังเขาคล้ายรู้ทัน ครู่เดียวก็ละสายตาไปรอคำตอบจากเด็กสาว“ตกใจอะไรเหรอครับคุณตะวัน”“ปละ... เปล่าค่ะ ตะวันกำลังจะกลับพอดีค่ะคุณชลทิศ”“งั้นเอาไว้เจอกันนะครับ” ชลทิศพูดจบทิ้งสายตามองภูมิที่ยืนหน้าตึงมองอยู่ครู่หนึ่งจึงหันมากระซิบบอก “ผมจะไปเยี่ยมคุณตะวันที่ไร่เร็วๆ นี้”“ไปทำไม!” ภูมิแย้งหน้าตึงทันที“เมื่อกี้ผมบอกไปแล้ว เกรงว่าคุณอาจะไม่ทันฟัง”“ใครเป็นอาคุณ” ภูมิตีรวนเสียงขึ้นจมูก “ไปตะวันกลับ!” “เอ่อ... แต่ตะวันว่า” เธอตอบได้เพียงเท่านี้ก็ถูกกระชากแขนออกห่างอีกฝ่าย “กลับ!” “เดี๋ยวสิคะอาภูมิ!” ทานตะวัน
แค่คิดก็เบื่อ ดีที่มีชลทิศมาคุยเป็นเพื่อน แต่คุยได้ไม่นานภูมิก็เดินตรงเข้ามาสีหน้าถมึงทึงจนทานตะวันที่กำลังหัวเราะร่วนถึงกับหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว“คุยอะไรอยู่หัวเราะสนุกเชียว”คำถามราบเรียบแต่น้ำเสียงดุดันของอาหนุ่ม ทั้งมองเธอและตวัดหางตามาทางชลทิศ ทำให้ทานตะวันขนคอลุกชัน เธอยิ้มแหยๆ แนะนำอีกฝ่ายกับอาของเธอ “นี่คุณชลทิศค่ะ ส่วนนี้คือ...” “คุณภูมิ ภูมิรัตน์ ลูกชายคนเดียวของคุณภาคินี ภูมิรัตน์ เศรษฐีนีเจ้าของสวนปาล์มทางใต้ใช่ไหมครับ” ชลทิศต่อให้สบตาภูมิแบบไม่มีใครยอมใคร ภูมิหัวเราะหึๆ ก่อนตอบ “ครับ... และรีสอร์ตกำลังจะเปิดตัว” “อ๋อ มีรีสอร์ตด้วย” ชลทิศทวนคำแล้วพยักหน้ารับรู้ตาม “ถ้ามีโอกาสผมคงได้ไปพักบ้าง” “น่าจะยังไม่เร็วๆ นี้” ภูมตอบหน้านิ่ง ทานตะวันอึ้ง มองทั้งสองแล้วลอบพรูลมหายใจไม่มีออมคำพูดเลย... ทานตะวันลอบพรูลมหายใจ อดเหน็บแนมอาหนุ่มในใจไม่ได้ แต่ภูมิยักไหล่ เธอทันเห็นจึงเบะปากใส่แต่อีกฝ่ายกลับลอบยกยิ้มทำให้เธอนึกเคืองในใจ“โอว... ผมตกข่าว เพิ่งรู้ว่าไร่ภูมิวัฒน์ทำรีสอร์ตด้วย” ชลทิศตอบแก้เก้อนึกรู
Comments