ถึงเขาจะเคยผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่เธอคนนี้เป็นคนเดียวที่เขาอยากจะรักและมีแค่เธอคนเดียวตลอดไป “เราเลิกกันเถอะนะคะ”
view moreมหาวิทยาลัย
วันสอบวันสุดท้ายของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อตามล่าหาความฝันของตัวเองในเมืองหลวงแห่งนี้ หลังสอบเสร็จนักศึกษาหลายๆ คนต่างก็เตรียมตัวกลับภูมิลำเนาของตัวเอง
บางส่วนก็เตรียมตัวออกไปปาร์ตี้เพื่อฉลองหลังสอบเสร็จกับเพื่อนๆ ทำให้ช่วงเย็นในรั้วมหาวิทยาลัยดูเงียบเหงาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีนักศึกษาบางส่วนที่ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณลานกิจกรรมใต้อาคารเรียนรวม
“เฮ้ออออ…!!!”
“นี่ชูใจ…ยังไม่มีบริษัทติดต่อกลับมาอีกเหรอ?” ใบหม่อนเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง พวกเธอต่างรู้ดีในยุคที่ข้าวยากหมากแพ้เเบบนี้จะหางานทำสักที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ยังเลยอะ…” ชูใจพึมพำออกมาเสียงหงอย พร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่มนของเพื่อนรักอย่างอ้อนๆ
“ลองหาที่ใหม่ดูดีไหมเดี๋ยวเราช่วย” ใบหม่อนลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเพื่อนสาวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยบอกกับหญิงสาวเสียงใสอย่างที่เธอชอบทำมาตลอด
“อือ…เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ชูใจส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนสาวก่อนที่เธอตอบกลับไป
“หม่อนเชื่อว่าคนเก่งอย่างชูใจต้องได้งานทำอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณนะ”
“จ้า…ว่าแต่ชูใจเห็นเบียร์บ้างรึป่าว?” ใบหม่อนมองซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาเพื่อนรักอีกคน พร้อมกับก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองไปด้วย ตอนนี้ก็เลยเวลานัดหมายมาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของฟองเบียร์เพื่อนรักอีกคนของพวกเธอสักที ปกติแล้วฟองเบียร์ไม่ใช่คนที่จะผิดนัดกับเพื่อนๆ แบบนี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอมาไม่ได้เธอก็จะบอกกับใบหม่อนและชูใจออกมาตรงๆ
วันนี้ทั้งสามคนมีนัดทำงานกลุ่มชิ้นสุดท้าย สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 อย่างพวกเธองานชิ้นนี้ถือว่าสำคัญมากและจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปฝึกงาน และถ้าการฝึกงานผ่านไปได้ด้วยดีนักศึกษาทุกคนก็ถือว่าจบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย
“…” ชูใจลุกขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะมองตามสายตาของเพื่อนรักที่กำลังทอดมองออกไปยังทางเดินเล็กข้างตึก ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มออกมาทันทีที่เห็นร่างบางที่เธอคุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา ก่อนที่คิ้วเรียวสวยจะขมวดผูกกันเป็นปมทันทีที่เห็นสภาพที่อิดโรยของฟองเบียร์เพื่อนรักอีกคนของเธอ
“เบียร์! / เบียร์!” ชูใจและใบหม่อนร้องเรียกเพื่อนรักออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มาใหม่ด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับช่วยพยุงร่างบางของหญิงสาวตรงหน้าให้มานั่งลงยังเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล
“อย่าทำหน้าเหมือนเรากำลังจะตายได้ปะ?” เบียร์เอ่ยบอกกับเพื่อนทั้งสองคนพร้อมกับหัวเราะชอบใจไปด้วย
“พูดอะไรแบบนี้ไม่ตลกเลยนะ”
“นั่นสิ…ช่วงนี้ทำงานหนักเหรอ ทำไมดูเหมือนเบียร์ไม่ได้พักผ่อนเลยล่ะ?” ชูใจเอ่ยถามร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้าออกมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับฟองเบียร์ พร้อมกับจ้องมองไปยังเพื่อนรักของเธออย่างรอคำตอบ
ชูใจและใบหม่อนรู้ดีว่าฟองเบียร์ต้องลำบากแค่ไหน ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่กลับต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่ยังเรียนไม่ทันจบ จากที่เคยอยู่กินอย่างสุขสบายกลับต้องมาทำงานจนไม่มีวันหยุดเพื่อหาเงินมารักษาแม่ที่ป่วยติดเตียง
ฟองเบียร์มีน้องอยู่อีกคนแต่กลับไม่ได้ความ เรียนก็ไม่เรียน งานการไม่ยอมทำสร้างแต่ปัญหาให้พี่สาวอย่างฟองเบียร์ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้างที่เธอได้พบกับเพื่อนที่ดีอย่างชูใจและใบหม่อนไม่อย่างนั้นเธออาจจะเรียนไม่จบมหาลัยด้วยซ้ำ
“ถ้ามีอะไรให้เรากับใบหม่อนช่วยก็บอกได้เลยนะ” ชูใจกุมมือบางของเพื่อนรักเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง
“ใช่แล้ว เราเป็นเพื่อนกันไม่ต้องเกรงใจนะ เข้าใจไหม…”
“เข้าใจแล้วจ้า…ขอบคุณมากนะ เราโชคดีมากเลยที่มีชูใจกับใบหม่อนเป็นเพื่อน” ฟองเบียร์เอ่ยบอกกับเพื่อนรักทั้งสองคนก่อนที่เธอจะยกยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องอุบัติเหตุในครั้งนั้นที่ทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไป
เธอก็ไม่เคยพบกับความโชคดีอีกเลยจนกระทั่งเธอได้มาเจอกับเพื่อนทั้งสองคนในรั้วของมหาลัยแห่งนี้ ฟองเบียร์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะซบหน้าลงกับไหล่มนของชูใจอย่างเหนื่อยล้า
หลังจากที่ทุกคนปรับทุกข์กันได้ไม่นานก็ต้องรีบเร่งแจกจ่ายงานที่จะต้องพรีเซนต์ในอีก 3 วันข้างหน้า เพราะตอนนี้เวลาล่วงเลยมามากแล้วนักศึกษาหลายๆ คนที่เคยนั่งจับกลุ่มคุยกันก็ทยอยพากันลุกออกไปจนจะหมดแล้ว
“โอเคตกลงตามนี้”
“ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”
“พวกเราต้องได้จบพร้อมกัน…เย้! / เย้! / เย้!”
หลังจากตกลงกันแล้วว่าใครจะพูดส่วนไหน ทั้งสามคนก็จำเป็นต้องแยกย้ายกันกลับ เพราะต่างคนต่างมีธุระส่วนตัวที่ต้องรีบกลับไปจัดการกันต่อ
ชูใจมองตามเเผ่นหลังของเพื่อนรักที่กำลังเดินห่างออกไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเดินไปขึ้นรถยังป้ายรถเมย์ที่อยู่บริเวณหน้ามหาลัยในทันทีไม่รอให้มืดค่ำไปมากกว่านี้
“เฮ้อ…!!” ตะวันถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอยังคงคิดถึงหน้าฟองเบียร์ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอเองก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้จริงๆ ปกติเบียร์ก็ทำงานหนักอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันเหมือนจะหนักเกินไปจริงๆ
ชูใจรู้ดีว่าชีวิตของคนเราแต่ละคนต่างก็ไม่ง่าย เหตุผลที่เธอเข้าใจมันดีก็คงจะเป็นเพราะ...กว่าที่เธอจะมีชีวิตที่ดี ได้กินอิ่ม มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัยอยู่ในขณะนี้ ชูใจกับตะวันพี่สาวของเธอก็เคยลำบากมาก่อนเหมือนกัน
“ชูใจกลับมาแล้วจ้า” ชูใจเดินเข้ามาภายในบ้านสวนที่พี่สาวของเธอเช่าอยู่ด้วยกันกับเธอแล้วก็น้องชายอีก 2 คน จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้ให้กำเนิดหลานชายอีกคนเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้
“พี่ชูใจสวัสดีครับ / สวัสดีครับ” ไต้ฝุ่นกับกำปั้นที่กำลังช่วยตะวันทำอาหารเย็นเงยหน้าขึ้นมามองพี่สาวอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาภายในบ้าน ก่อนที่พวกเขาจะทักทายเธออย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับ…วันนี้ทำอะไรกินครับเนี่ย กลิ่นหอมไปถึงหน้าปากซอยเลยครับ” ชูใจแกล้งแซวเด็กชายทั้งสองคน
“จริงเหรอครับเนี่ย / หึหึ…” กำปั้นมองไปยังพี่สาวของตัวเองอย่างอึ้งๆ ต่างจากไต้ฝุ่นที่ยื่นหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับสายหัวไปมาอย่างเอือมละอากับนิสัยของน้องชายที่เชื่อคนง่ายของเขา
“พี่หยอกเล่น”
“เอ้า!”
“กับข้าวเสร็จพอดีเลย…ไปล้างไม้ล้างมือแล้วมากินข้าวกัน” ตะวันจัดโต๊ะทานข้าวตรงหน้าเรียบร้อยแล้วเธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองน้องสาว พร้อมกับเอ่ยบอกกับร่างบางที่พึ่งมาถึงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง
“รับทราบค่า” ชูใจเดินไปล้างมืออย่างว่างง่ายก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปอุ้มหลานชายออกมาจากคอกกั้นเด็ก
“เย้! น้าชูใจกลับมาแล้ว” เด็กน้อยหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับกอดน้าสาวคนสวยของเขาเอาไว้แน่นนด้วยความคิดถึง
“คิดถึงน้าเหรอคะ”
“คิดถึงที่สุดครับ”
“น้าก็คิดถึงเฮคเตอร์ที่สุดเลยค่ะ…ฟอดดดด!” ชูใจตอบกลับหลานชายเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมกับฟัดแก้มนุ่มนิ่มของหลานชายอย่างหมั่นเขี้ยว
“คริคริ…”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง
Mga Comments