เข้าสู่ระบบอยู่ ๆ เจ้าของคาสิโนที่ลี่หลินทำงานอยู่ก็ขายกิจการให้ผู้บริหารคนใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนตกใจอย่างมากก็เป็นเพราะว่านายใหญ่คนใหม่ของที่นี่กลับกลายเป็นอดีตสามีที่หย่าขาดกันไปได้ห้าปีแล้ว เมื่อได้รับรู้ว่าผู้บริหารคนใหม่คืออดีตสามีหล่อนก็พยายามหลบหน้า เพราะยังลาออกในตอนนี้ไม่ได้ เพราะรายได้ที่มากสำหรับหล่อนรวมถึงเสียดายมิตรภาพของเพื่อนร่วมงาน และอีกอย่างคิดว่าตัวเองทำงานกะบ่ายและดึก จึงคิดว่าจะแลกเวรกับเพื่อนเป็นทำงานกะดึกเพื่อจะหลบหน้าบอสคนใหม่ อีกอย่างนางเอกเป็นพนักงานระดับล่าง เจ้านายใหญ่ก็คงไม่ได้สนใจ ทำให้นางเอกคิดว่าจะทนทำงานที่นี่ไปก่อน จนกว่าจะหางานใหม่ที่คิดว่าจะทำได้รอดได้ เกมส์แมวจับหนูและหนูวิ่งโกยอ้าวหนีแมวก็เริ่มต้น มาเอาใจช่วยสาวเสิร์ฟในชุดบันนี่แสนสวยไปด้วยกันนะคะ
ดูเพิ่มเติมรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ค่อย ๆ แล่นเข้ามาในเขตของอพาร์ทเม้นท์สองชั้นที่ตั้งอยู่นอกเมืองมาเล็กน้อย จนกระทั่งมาหยุดนิ่งสนิทลงที่หน้าห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่ริมสุดของชั้นล่างของอพาร์ทเม้นท์
ลี่หลินดับเครื่องยนต์แล้วก็หันไปคว้ากระเป๋าสะพายใบเก่งที่วางอยู่บนเบาะข้างตัวขึ้นมา แล้วก็เปิดประตูรถด้านข้างของคนขับออกแล้วก็ก้าวลงไป พร้อมกับล็อครถเรียบร้อย แล้วก็เดินไปที่ประตูห้องพักที่อยู่ด้านหน้าของตัวรถ
เธอเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่นี่มาได้ห้าปีแล้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่มาเก๊าและสมัครงานที่คาสิโนชื่อกาแล็คซี่ และก็ทำงานที่นั่นมาได้ถึงห้าปีแล้ว ในตำแหน่งสาวเสิร์ฟในชุดบันนี่ ที่จะต้องสวมชุดกระต่ายสาวที่มีหูกระต่ายยาว ๆ สีดำสลับขาว รวมถึงผูกโบว์สีดำที่คอเสื้อ สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนกุด ส่วนกางเกงก็แน่นอนว่าสั้นมากแถมยังมีหางกระต่ายสีดำติดที่ก้นอีกด้วย เธอเองก็แทบไม่เชื่อเลยแม้สักนิดว่าตัวเองจะกล้าทำงานนี้แถมยังสามารถทำได้มาจนถึงห้าปีเข้าไปแล้วอีกด้วย
ลี่หลินมักจะได้ทำงานช่วงกะบ่ายหรือไม่ก็กะดึก ที่ต้องเข้างานช่วงบ่ายสามและเลิกงานเวลาเที่ยงคืน หรือไม่ก็เข้ากะเที่ยงคืนเลิกงานเจ็ดโมงเช้า ที่ลี่หลินไม่คิดจะเปลี่ยนงานทั้ง ๆ ที่เริ่มตั้งหลักและเริ่มจะเคยชินกับการใช้ชีวิตในเมืองแห่งนี้แล้ว ก็เพราะเธอไม่ชอบทำงานประจำ เช่นงานในออฟฟิศในตำแหน่งพนักงานระดับล่างสุดหรืองานในพวกร้านสะดวกซื้อ เพราะว่ามันจำเจซ้ำซาก แต่งานเสิร์ฟในชุดบันนี่นี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่จำเจซ้ำซาก
แต่ถึงแม้จะจำเจซ้ำซากไม่ต่างกันมากนัก แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ได้เงินดีกว่า เพราะมักจะได้ทิปจากแขกที่เธอเดินถือถาดร่อนไปมาเพื่อบริการเครื่องดื่มให้กับพวกเขาในห้องโถงขนาดใหญ่นั้น ไม่ว่าจะเป็นห้องโป๊กเกอร์ที่มีนักพนันเล่นโป๊กเกอร์อยู่ตามโต๊ะพนันขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนมากมายหลายสิบโต๊ะด้วยกัน
หรือไม่ก็เป็นห้องเล่นการพนันอื่น ๆ เช่น เกมรูเล็ตที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นเกมส์ลูกเหล็กที่ปล่อยให้วิ่งไปวงล้อ และหากลูกเหล็กตกที่สีไหนเบอร์อะไรก็รับเงินรางวัลไปได้เลย หรือไม่ก็ห้องด้านนอกที่เชื่อมต่อกันก็มีตู้สล๊อตแมชชีนตั้งเอาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อบริการนักเล่นพนันตั้งแต่ปากทางเข้ามายังคาสิโนที่เชื่อมต่อกับบริเวณโรงแรม ที่เป็นส่วนของแผนกต้อนรับของโรงแรมที่สร้างอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน เพียงแต่ส่วนด้านหน้าเป็นพื้นที่ของโรงแรมหรูระดับห้าดาว
ถัดเข้ามาด้านในและมีความยาวจรดด้านหลังและกินพื้นที่ส่วนมากของพื้นที่ด้านล่างของอาคารไปจนแทบจะเต็มพื้นที่คือส่วนของคาสิโนขนาดใหญ่ที่มีทางเข้าด้านหน้าฟากหนึ่งเป็นที่ตั้งของตู้สล็อตจำนวนมาก อีกฟากหนึ่งเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟและคาเฟ่ยี่ห้องดังหลายยี่ห้อด้วยกัน ทั้งมีร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูหลายแบรนด์ ทั้งร้านรองเท้า ร้านเครื่องเพชร ร้านนาฬิกาหรู ร้านขายที่มีตู้เอทีเอ็มของแทบทุกธนาคารตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้า รวมถึงร้านมือถือยี่ห้อดังก็มีด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับพนักงานระดับล่างเช่นลี่หลินนั้นไม่เคยได้เข้ามาทำงานทางประตูใหญ่ด้านหน้าโรงแรมกับเขาหรอก เพียงแต่เธอเคยมาเดินเล่นบริเวณนั้นในวันว่าง ๆ เพื่อสำรวจดูส่วนของด้านหน้าคาสิโนที่ตัวเองทำงานเท่านั้น แต่เวลามาทำงานจริง ๆ นั้น เธอมักจะจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านหลังที่เป็นส่วนของพนักงาน และมีประตูทางเข้าที่เป็นประตูเล็กที่เป็นทางเข้าออกสำหรับพนักงานของคาสิโนและโรงแรมที่ลี่หลินทำงานอยู่
เมื่อเปิดประตูห้องพักเข้าไป เธอก็รีบปิดมันลงทันทีเพราะอากาศเย็นด้านนอก และความเหนื่อยล้ามากมายหลังจากเลิกงานที่ต้องเดินวนเวียนไปมาแทบจะตลอดเวลางาน ไม่ค่อยจะได้นั่งพัก จะมีเวลานั่งพาขาจริง ๆ ก็เมื่อเวลาพักหนึ่งชั่วโมงในช่วงเบรคพักทานข้าวเท่านั้นเอง
แต่สิ่งที่ดีอีกอย่างของการเป็นพนักงานคาสิโนก็คือ อาหารฟรีและเครื่องดื่มฟรี ส่วนมากเธอมักจะไปกินกาแฟเย็นรสชาติอร่อยที่ทำงาน เพราะมีบริการตู้กดกาแฟ ชา หรือไม่ก็เครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ฟรี ช่วงพักกลางวันก็ไปกินอาหารที่ห้องอาหารของพนักงาน
อาหารนั้นก็แล้วแต่ว่าโรงครัวจะทำเมนูอะไรในแต่ละวัน แต่รสชาติของอาหารในห้องอาหารสำหรับพนักงานของที่นี่ก็ไม่ได้แย่นัก ซึ่งลี่หลินก็ไม่มีปัญหาใด เธอปรับตัวให้เป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายได้อยู่แล้ว
เพราะตอนนี้ลี่หลินนั้นเหลือเพียงตัวคนเดียวในโลกใบนี้ พ่อของเธอที่เป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็จากไปได้เกือบจะหกปีแล้ว หลังจากนั้นเธอก็แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนพ่อที่มีชื่อว่าเฉินเฟยหรง เขาทำงานในบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเกี่ยวกับงานเขามากมายนัก
เขาเคยบอกเพียงว่าเกี่ยวกับเรื่องการเงิน แต่ว่าชีวิตคู่ของทั้งสองก็ดำเนินมาได้ไม่ถึงปีก็มีอันต้องจบสิ้นลง ขณะนั้นเธอมีวัยเพียงแค่สิบแปดปี ถือว่ายังเด็กมาก ยังไม่เข้าใจชีีวิตมากมายนัก และยังเอาแต่ใจตัวเองเป็นอย่างมาก
ส่วนเฟยหรงมีวัยที่แก่กว่าเธอเกือบแปดปี เขาอายุยี่สิบเจ็ดปีในขณะที่แต่งงานกับเธอ สาเหตุที่เขาแต่งงานกับเธอในเวลาไม่นานหลังจากที่พ่อของลี่หลินเสียนั้น อาจเป็นเพราะความสงสาร ลี่หลินคิดเช่นนั้น เขาสงสารที่เธอโดดเดี่ยวและยังทำใจไม่ได้กับความสูญเสีย
ในเมื่อเขาและเธอก็เคยรู้จักกันมาก่อนตั้งแต่วัยเด็ก แต่มาห่างเหินไปก็เพราะเขานั้นไปเรียนหนังสือที่ฮ่องกง ส่วนเธอนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับพ่อของเธอในหมู่บ้านที่ใกล้กับบ้านของคุณพ่อของเฟยหรง
เฟยหรงกลับมาเยี่ยมพ่อเมื่อตอนที่เขาเรียนจบและทำงานแล้ว และก็ได้มาเยี่ยมที่บ้านของลี่หลินกับพ่อของเขาด้วย และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในช่วงนี้พอดี พ่อของลี่หลินเสียด้วยอุบัติเหตุและจากไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน คุณลุงเฉินพ่อของเฟย หรงเป็นธุระช่วยจัดการงานศพให้กับพ่อของลี่หลิน
รวมถึงวิ่งวุ่นช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ หลายเรื่องด้วยกัน เฟยหรงเองก็คอยช่วยด้วย และคอยอยู่เป็นเพื่อนและปลอบใจเธอที่ร้องไห้และทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่เคยเผชิญกับเรื่องพวกนี้มาก่อน และทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ลี่หลินเอาแต่ร้องไห้และสมองก็เบลอไปหมด
ทุกอย่างถูกจัดการโดยคุณลุงเฉินและพี่เฟยหรงของเธอ และเมื่อทุก ๆ อย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว ลี่หลินก็เหลืออยู่ตัวคนเดียวภายในบ้านและเอาแต่เก็บตัวเงียบ เพราะเธอไม่อยากจะพบใคร และยังทำใจไม่ได้ดีนัก เธอเรียนจบเพียงมัธยมปลายและยังไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยพ่อก็มาจากไปเสียก่อน ลี่หลินจึงไม่มีอารมณ์จะคิดอ่านเรื่องอนาคตใด ๆ ในตอนนี้ทั้งสิ้น
และเมื่อเฟยหรงเห็นความเศร้าโศกและว้าเหว่ของลี่หลิน เขาจึงได้ตัดสินใจขอเธอแต่งงานหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนในการที่เขาไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านเขากับบ้านของลี่หลินด้วยความเป็นห่วง
ลุงเฉินไม่ได้ขัดข้องใด ๆ เพราะพี่เฟยหรงนั้นอายุแก่กว่าเธอเกือบจะแปดปีย่อมมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ และสามารถตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเองได้
เมื่อลุงเฉินไม่ขัดข้อง การแต่งงานเรียบง่ายและเชิญเพียงคนรู้จักไม่กี่คนมาร่วมพิธีแต่งงานเล็ก ๆ พร้อมกับจดทะเบียนสมรสก็เกิดขึ้น ในที่สุดลี่หลินก็กลายเป็นคุณนายเฉิน ภรรยาของพี่เฟยหรง และเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่กับเธอที่บ้านของเธอ เพราะไม่อยากจะปิดบ้านหลังนี้ทิ้งเอาไว้ ลุงเฉินก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายินดีเพราะเอ็นดูลี่หลินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
วันต่อมา เฟยหรงเรียกผู้จัดการใหญ่ที่คุมส่วนของคาสิโนมาสอบถามและให้ไปสืบมาจากใครก็ได้ที่รู้เรื่องของพนักงานสาวเสิร์ฟคนนั้นมากที่สุด แล้วให้มารายงานเขา ผู้จัดการแปลกใจ แต่ก็คิดไปว่าหรือว่านายใหญ่จะสนใจสาวเสิร์ฟในชุดบันนี่สาวเข้าแล้ว เขาไม่กล้าถามให้มากความ ได้แต่รับคำแล้วก็ลงมาจัดการให้ตามคำสั่งของนายใหญ่ เพราะนายใหญ่อยากได้ผู้หญิงคนไหน เขาก็ต้องจัดการให้ได้ตอนเที่ยงคืนคืนนั้น ร่างสูงสง่าในชุดสูทที่บัดนี้ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อกั๊กสีเข้ากันกับชุดตัวใน ที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตออกแล้ว เพราะเขานั่งดื่มบรั่นดีอยู่ในห้องมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว หลังจากที่เข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาบนชั้นสูงสุดของโรงแรมที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องทำงาน เพราะบนชั้นสูงสุดของโรงแรมแอนด์คาสิโนแห่งนี้ บนชั้นสูงสุดทั้งชั้นนั้นเป็นพื้นที่ของเขาทั้งชั้น แบ่งเป็นฟากหนึ่งเป็นห้องนอน อีกฟากเป็นห้องทำงาน และมีประตูลับที่ทำเป็นพิเศษมีเขาเพียงคนเดียวที่มีรหัสประตูที่เชื่อมต่อกัน ตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของตัวเองที่อยู่ส่วนด้านหลัง ที่เมื่อมายืนอยู่ในห้องรับแขกห้องใหญ่ของเขา แล้วไปยืนอยู่ที่ผนังกระจก
เมื่อจอดรถที่ชั้นจอดรถของห้างแล้ว ก็พากันเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่มีโรงหนัง เพื่อจะไปดูโปรแกรมหนังว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้าง เมื่อทั้งสองเลือกหนังที่ต้องการจะดูพร้อมกับรอบหนังแล้ว ซานฉีก็เข้าไปจองตั๋วแล้วบอกให้ลี่หลินไปนั่งรอที่โซฟาที่ริมทางเดินรอเขา ลี่หลินจึงได้เดินไปนั่งรอตามที่เขาบอกระหว่างที่รอซานฉีไปจองตั๋วนั้น เธอก็หันมองไปมารอบ ๆ แล้วสายตาเจ้ากรรมของเธอก็พลันสบเข้ากับร่างสูงสง่าที่คุ้นตาในชุดลำลอง เขาควงคู่มากับผู้หญิงคนเดิมที่เธอเคยเห็นมาสองครั้งแล้ว ผู้หญิงคนใหม่ของเขา หรือไม่ก็อาจจะเป็นภรรยาคนใหม่ของเขา วันนี้สองคนนั้นเดินมาพร้อมกับบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำที่เดินตามหลังมาเพียงแค่สองคนพวกเขาเดินมุ่งไปที่บันไดเลื่อนเพื่อจะขึ้นไปที่โรงหนังที่อยู่ชั้นบน โดยไม่ได้เดินมาที่บริเวณที่จะซื้อตั๋วหนัง อาจเพราะจองตั๋วเอาไว้แล้ว ลี่หลินเห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินแยกไปซื้อน้ำอัดลมกับป็อปคอร์นแล้วเดินตามหลังพวกเขาขึ้นบันไดเลื่อนไป ลี่หลินเบือนหน้าไปทางอื่น ตอนนี้เธอคิดว่าเธอคงไม่ต้องหลบหน้าหลบตาเขาแล้วเขาจำเธอไม่ได้ หรืออาจจะไม่คิดจะจดจำเลยก็เป็นได้ เธออาจจะสำคัญตัวผิดไป ว่าผู้หญิงจน ๆ ตัว
ซานฉีก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง เขามีความคล้ายพระเอกหนังฮ่องกงคนหนึ่ง เขามีผิวสองสีออกไปทางขาว เป็นคนร่าเริงสนุกสนานและที่สำคัญดูเขาจริงจังในการจีบเธออย่างมากเวลาผ่านมาเกือบจะสองปีแล้วก็ยังมุ่งมั่นเช่นเคย ชวนเธอไปนั่นมานี้หลายครั้งแล้ว แต่ลี่หลินไม่เคยรับปากเขาสักครั้ง ครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะภาพที่เธอเห็นเมื่อกลางวันนี้ก็เป็นได้ ที่ทำให้ลี่หลินตัดสินใจรับนัดซานฉีที่โทรมาพอดีบางทีการมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตบ้าง ก็จะทำให้เราไม่หมกมุ่นกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วได้บ้าง เพราะไหน ๆ เธอก็ตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นขีวิตใหม่แล้ว ก็ควรลองเปิดใจคบหาคนอื่นๆ ให้สนิทสนมมากกว่าที่ผ่านมาดูบ้างวันต่อมาลี่หลินก็มาเริ่มงานในคาสิโนเช่นเคย หลังจากพักเบรคทานอาหารแล้ว เธอก็มาเดินถือถาดเครื่องดื่มร่อนไปมาในห้องโป๊กเกอร์ดังเช่นเคย เดินผ่านโต๊ะที่ซานฉีทำงานอยู่ เขาก็หันมาร้องทักทายเธอพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ทำให้ลี่หลินอดจะยิ้มตอบเขาไม่ได้ แล้วก็เดินร่อนถาดเครื่องดื่มต่อไป ขณะที่เธอกำลังเดินไปมาอยู่นั้นอยู่เธอก็เห็นขบวนเล็ก ๆ ของผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ของที่นี่ คนที่เธอพยายามเหลือเกินที่จะหลบหน้าแต่วันนี้เขาเดินม
เมื่อเสร็จธุระที่ตั้งใจไว้แล้ว เธอกำลังจะเดินไปที่บันไดเลื่อนเพื่อจะลงไปชั้นล่าง และคิดว่าจะแวะซุปเปอร์สักหน่อยก่อนจะกลับบ้าน สายตาของเธอก็พลันมองไปเห็นคน ๆ นั้นอีกแล้ว วันนี้เขาแต่งชุดลำลองตามสบาย แต่ดูก็รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ดังและแน่นอนว่าราคาแพงโดยมีผู้หญิงสวย ๆ ที่เธอเห็นนั่งรถออกไปด้วยกันเมื่อวานนี้ ควงแขนเขาเดินอยู่ด้วยกัน ทั้งสองกำลังชี้ชวนกันดูสินค้าในตู้โชว์ระหว่างที่เดินผ่าน โดยมีบอดี้การ์ดที่ติดตามด้วยหอบหิ้วถุงช็อปปิ้งจำนวนหลายถุงและในหลายถุงนั้นมีถุงของสินค้าแบรนด์ดัง ๆ แทบจะทั้งสิ้นลี่หลินรีบเร่งฝีเท้าเดินลงบันไดเลื่อนไปก่อนที่ขบวนของเจ้านายใหม่จะเดินมุ่งมาทางนี้ ขณะที่ใบหน้าหล่อคมคายของเฟยหรงที่หันมองไปมาอยู่นั้นบังเอิญหันมาทางบันไดเลื่อนเข้าพอดี และเขารู้สึกว่าผู้หญิงที่หิ้วถุงกระดาษหลายใบนั้นรูปร่างหน้าตารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แม้การแต่งตัวและบุคลิกไม่น่าจะใช่ผู้หญิงที่เขาเคยพบ แต่มันก็รู้สึกคุ้นๆ ตาอย่างบอกไม่ถูกเขาหยุดชะงัก และจ้องมองร่างของหญิงสาวที่ยืนจับบันไดเลื่อนลงไปด้านล่างแล้วก็หายลับไป เขารีบเดินอย่างเร็วมาที่ขอบระเบียงกระจกกั้นที่อยู่ใก
เมื่อขบวนนั้นลับหายไปจากประตูนั้นแล้ว ลี่หลินก็แทบจะถอนหายใจด้วยเสียงดัง ๆ ออกมา เธอยกนาฬิกาข้อมือเรือนจิ๋วขึ้นมาดู เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงเธอก็จะเลิกงานแล้ว ลี่หลินแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ การทำตัวเหมือนโจรผู้ร้ายที่ต้องคอยหลบหนีตำรวจที่กำลังตามจับตัวเองอยู่นั้นมันลำบากลำบนอย่างนี้นี่เอง ลี่หลินเพิ่งจะเข้าใจหัวอกโจรก็คราวนี้เมื่อเวลาเลิกงานมาถึง ลี่หลินรีบนำถาดไปคืนที่บาร์ “ ลี่หลินเมื่อกี้ บอสใหม่มาตรวจงาน เธอเห็นเขาแล้วหรือยัง ยังหนุ่่มอยู่มาก ๆ เลย พี่คิดว่าเขาจะอายุมากกว่านี้เสียอีก ” บาร์เทนเดอร์ชวนลี่หลินคุย “ เห็นแล้วค่ะ แต่วันนี้แขกน้อยกลัวจะไม่ค่อยได้ทิปก็เลยร่อนไปมาตลอด ไม่ค่อยได้สนใจพวกเขาเท่าไหร่ค่ะ ” ลี่หลินตอบไปเสียอย่างนั้น แล้วก็รีบขอตัวบอกว่ามีธุระแล้วก็รีบตรงไปที่ห้องล็อคเกอร์ เพื่อจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแจ้นไปตั้งหลักที่บ้านก่อน ลี่หลินกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้ หัวใจมันเต้นตึกตักเพราะกลััวว่าเขาจะหันมาพบเธอเข้า การต้องคอยหลบหน้าคนนี่ช่างเหนื่อยเหลือเกิน แต่ว่าเธอจำเป็นต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน เพราะยังหางานที่คล้ายกันแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็จะลองพ
ขณะที่เฟยหรงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ทำงานของเขาอยู่ โดยที่มองเหม่อไปด้านหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขาก้มมองที่หน้าจอก็พบว่าเป็นลินดาที่โทรมา เขาจึงได้ยกมือถือขึ้นมากดรับสายของหล่อนทันที ลินดาเป็นคู่ควงที่เขากับหล่อนเพิ่งจะคบหากันได้เพียงไม่กี่เดือนนี้ หล่อนเป็นลูกครึ่งอเมริกันฮ่องกง หล่อนเป็นลูกสาวของผู้พระคุณของเขา คุณหยาง ที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ เขารู้ว่าคุณหยางเองก็อยากจะได้เขาเป็นลูกเขย แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แค่เพียงถูกอัธยาศัยและเอ็นดูลินดาดังเช่นน้องสาว จึงได้ตัดสินใจคบหากับหล่อน และก็เพราะว่าเขาไม่มีใคร วันเวลาที่แยกจากลี่หลินอดีตภรรยานั้นผ่านมาถึงห้าปีแล้ว และก็ยังตามตัวหล่อนไม่พบ ไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย จึงได้ลองเปิดใจคบหาผู้หญิงดูบ้าง เพื่อจะได้มีคนไปดินเนอร์ด้วย หรือมีคนไปเที่ยวด้้วยบ้าง จะได้ไม่เงียบเหงาและว่างเปล่าเหมือนหลายปีที่ผ่านมาอีกต่อไป“ ว่าไง ” เขาทักหล่อนไป “ เฟยหรงคะ เย็นนี้ไปดินเนอร์กันไหมคะ ฉันเพิ่งจะมาถึงมาเก๊าเมื่อตอนบ่ายนี้เอง เข้าที่พักเรียบร้อยก็เลยโทรหาคุณ ฉันพักที่โรงแรมของคุณนะคะ เซอร์ไ
ความคิดเห็น