นายแพทย์จิรายุ พลพิพัฒกุลวานิช (ชื่อเล่นวายุ) อายุสามสิบปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี ศัลยแพทย์หนุ่มทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ความจริงแล้ววายุอยากเป็นสถาปนิก แต่ก็ขัดบิดามารดาไม่ได้เพราะเขาเป็นลูกชายคนรอง เมื่อบุพการีอยากให้เป็นหมอ ชายหนุ่มจึงก้มหน้าก้มตาทำตามความฝันของบิดามารดาอย่างหน้าชื่นอกตรม ในขณะที่พี่ชายได้ทำงานตามอาชีพที่ใฝ่ฝัน พายุถูกตามใจทุกอย่าง แต่พอหันกลับมามองที่เขา แม้แต่เรื่องหัวใจก็ไม่สามารถเลือกเองได้ หมอหนุ่มกำลังจะถูกคลุมถุงชนมีหรือที่เขาจะยอม เมื่อหัวใจของเขาเต็มไปด้วยเธอคนนั้น ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเวลาเข้าใกล้เธอ และไม่เคยมีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เหมือนเธอ
ดูเพิ่มเติมบ้านหลังเล็กๆ ที่มีพื้นที่ไม่ถึงไร่ ซึ่งเป็นมรดกตกทอด ตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่คุณย่า จนกระทั่งมาถึงรุ่นบิดามารดา และในเวลานี้มันก็ได้ตกเป็นของนางสาวฝนสุดาและนางสาวขวัญดาว สองพี่น้องที่แสนจะอาภัพ เมื่อทั้งคู่ไม่เหลือใคร บิดามารดาได้จากไปหลายปีแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ดาวตื่นหรือยังวันนี้พี่มีไฟลต์บินเช้านะ ต้องรีบไปแล้ว" ฝนสุดาลากกระเป๋าเดินทาง มายืนเคาะประตูห้องน้องสาว เพื่อบอกลา ซึ่งเธอได้ทำเป็นประจำเวลาที่ต้องออกเดินทาง
"คราวนี้พี่ฝนจะไปกี่วันค่ะ" ขวัญดาวลุกจากเตียงเดินงัวเงีย เพื่อมาเปิดประตูให้กับพี่สาวแล้วถามออกไป ขณะที่เธอยังคงเอามือขึ้นมาขยี้ตาที่กำลังปรือขึ้น เพื่อให้ปรับแสงที่แยงมา
"คราวนี้พี่บินนานหน่อย ประมาณสิบกว่าวันถึงจะได้กลับ อย่าลืมให้น้ำอิงมานอนด้วย แล้วล็อกประตูบ้านให้ดีเข้าใจไหม" ฝนสุดารั้งน้องสาวเข้ามากอด พร้อมทั้งบอกให้เธอพาเพื่อนสนิทมานอนด้วย
"โอเคค่ะ พี่รีบไปเถอะเดี๋ยวตกเครื่อง ใครมารับ ให้ดาวไปส่งไหม" ขวัญดาวเองก็ห่วงใยพี่สาวไม่น้อยเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ที่เธอได้เรียนในคณะที่ใฝ่ฝัน ก็เพราะพี่สาวคนนี้ ที่ยอมเหนื่อยบินกี่ไฟลต์ก็ไม่เคยบ่น
"ดาวเตรียมตัวไปเรียนเถอะ พี่นั่งแท็กซี่ไปได้ ลุงเจ้าประจำที่เคยโทรให้มารับสงสัยแกมารอหน้าบ้านแล้ว พี่ไปนะ"
"โชคดีนะคะ ขอกอดหน่อย" ขวัญดาวโผเข้าไปซบอกอุ่นของพี่สาว เพราะคราวนี้ฝนสุดาไปหลายวัน ทั้งที่พี่สาวก็มักจะไปแบบนี้เป็นประจำแต่ทุกครั้งก็ทำให้ขวัญดาวรู้สึกใจหายไม่ได้
"ดูแลตัวเองด้วยพี่ไปแล้วนะ"
"บ๊าย บายค่ะพี่"
เมื่อสองพี่น้องร่ำลากันเสร็จ ฝนสุดาก็เดินออกไปทันที ซึ่งมีรถแท็กซี่จอดรออยู่หน้าบ้าน เมื่อเธอขึ้นมาบนรถ หญิงสาวๆ ได้นั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย บ่อยครั้งเธอก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับงานที่ทำ แม้ว่าจะเป็นอาชีพในฝัน แต่บางครั้งฝนสุดาก็อดคิดไม่ได้ว่า เธออยากจะเป็นนางฟ้าจริงๆ หรือเปล่า
"โอ๊ย... ทำไมรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่ท้องแบบนี้อีกแล้วนะ" ฝนสุดาร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับเอามือกุมลงไปที่ท้องน้อย ในขณะที่ใบหน้าของเธอนั้นได้ฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเธอจะพยายามกินยา แต่มันยังคงเจ็บอยู่ไม่หายสักที แต่ก็พอทนได้
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ลุงเห็นหนูเอามือกุมที่ท้องนานแล้ว บินไหวไหมล่ะ ไปหาหมอก่อนไหม" ลุงคนขับแท็กซี่ที่คุ้นเคยกันดี ได้เอ่ยถามฝนสุดาออกมาด้วยความห่วงใย เพราะเขาเห็นเธอเป็นเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง
"ขอบคุณมากนะคะลุง ฝนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ปวดท้องน้อยนิดหน่อย กินยาเดี๋ยวก็หาย" ฝนสุดาฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับตอบคำถามลุงแท็กซี่ออกไป ซึ่งในเวลานี้หญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่า จะทนกับความรู้สึกเจ็บแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะถ้าหากเธอเป็นอะไรไป น้องสาวจะอยู่ได้ยังไง นั่นคือสิ่งที่ฝนสุดากำลังเป็นกังวล มากกว่าห่วงตัวเองซะอีก
เมื่อรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดภายในสนามบิน ฝนสุดาได้จ่ายเงินให้กับคุณลุงขับแท็กซี่ เมื่อ หญิงสาวได้ลงจากรถเธอลากกระเป๋าเดินทาง เข้าไปภายในอาคารสนามบิน พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บจี๊ด ตรงบริเวณท้องน้อยอีกตามเคย แต่เธอก็พยายามไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าทานยาลงไปเดี๋ยวก็หายเหมือนกับทุกครั้งที่เป็น
เมื่อถึงเวลาต้องขึ้นไปสำรวจความเรียบร้อย ซึ่งเหล่าบรรดาแอร์โฮสเตสและสจ๊วต สิ่งที่ต้องทำและคำนึงถึง อันดับแรกคือความปลอดภัยทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งตรวจหาวัตถุระเบิด เช็กวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องดับเพลิงและอะไรอีกจิปาถะ
"อุ้ย...อืม" ฝนสุดาร้องออกมาเบาๆ แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอนั้นกลับดูเจ็บปวด
"เป็นอะไรหรือเปล่าฝน ปวดท้องอีกแล้วใช่ไหม มิราบอกหลายครั้งแล้วว่าให้ไปหาหมอยังไม่ไปอีกเหรอ" เพื่อนสนิทของหญิงสาวถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเธอเห็นฝนสุดาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนกับว่าเธอกำลังเจ็บปวด
"ฝนตั้งใจว่ากลับจากบินเที่ยวนี้ จะไปพบหมอแล้วแหละ แต่ตอนนี้ยังไหว มันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น" หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มร่าให้กับมิรา เพราะเธอกลัวว่าเพื่อนจะไม่สบายใจ
"บินได้ใช่ไหม ถ้าไม่ไหวก็บอก เรายังมีเวลาเหลืออีกสามสิบนาที"
"อืม... มิราไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเราไหว แค่นี้สบายมาก"
"แน่ใจ" น้ำเสียงของมิราที่ถามเพื่อนออกไปเหมือนเธอไม่อยากจะเชื่อ ในสิ่งที่ฝนสุดาพูดออกมา
"อื้ม...ฝนไหว" ฝนสุดาฉีกยิ้มร่าให้กับเพื่อนเพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไหวจริงๆ
~เที่ยวบิน~
การประกาศบนเครื่องบินดังขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารได้ทราบถึงระยะเวลาในการบิน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ เมื่อได้เวลาบิน ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะฝนสุดา เธอมีหน้าที่ดูแลและคอยบริการ ผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส ซึ่งชั้นนี้ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว เพราะผู้โดยสารแต่ละคนนั้น ค่อนข้างมีฐานะ ส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจ คุณหมอ เหล่าบรรดาคนไฮโซทั้งหลาย พูดง่ายๆ ก็คือคนธรรมดาฐานะปานกลางอย่างเรา แทบจะไม่มีปัญญาได้นั่ง เพราะตั๋วค่าโดยสารนั้นค่อนข้างแพงหกหลักขึ้นเลยทีเดียว
"ผู้โดยสารรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยด้วยนะคะ คุณคะ..." น้ำเสียงหวานของฝนสุดาดังขึ้น แต่ทว่าหมอหนุ่มกลับนั่งเหม่อคิดอะไรไปไกล เมื่อเขานั้นจำใจต้องออกเดินทางไปรับใครบางคนมาที่บ้าน ตามคำสั่งของมารดา
"คุณคะ"
"เอ่อ...อ้อ ขอโทษครับ" หมอหนุ่มหันหน้ามาสบตากับฝนสุดาพอดี เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสะดุดตาเท่าเธอมาก่อน อาจจะมีผู้หญิงหลายคนที่สวยเซ็กซี่มากกว่าเธอหลายเท่า แต่เขากลับ ไม่รู้สึกสะดุดตาเท่ากับหญิงสาวในเวลานี้
"รัดเข็มขัดด้วยค่ะ" ฝนสุดาพูดพร้อมกับฉีกยิ้มให้กับชายตรงหน้า รอยยิ้มของเธอกลับทำให้เขารู้สึกประทับใจมากขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงน้อยคนที่จะทำให้เขารู้สึกพิเศษแบบนี้
"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มกล่าวกลับไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เพราะเขาแทบจะไม่เคยยิ้มให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ชีวิตที่อยู่ภายใต้กรอบ และขอบเขตที่ไม่เคยมีความเป็นส่วนตัว จึงทำให้เขานั้นกลายเป็นผู้ชายเย็นชาไปโดยปริยาย
งานด้านบริการ รวมถึงการสอดส่องดูแลและสังเกตพฤติกรรมของผู้โดยสาร ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ใครหลายคนต่างก็คิดว่าการเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นสุขสบาย แต่ความเป็นจริงมันก็เป็นงานที่เสี่ยงและอันตราย หลายครั้งที่ฝนสุดาอยากจะลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว แต่เธอก็ยังคงรักในอาชีพนี้อยู่มาก จึงอยากจะทำอีกสักพัก จึงค่อยตัดสินใจทำอะไรที่มันเป็นหลักเป็นแหล่ง พอที่จะทำให้เธอมีรายได้ ซึ่งไม่ต้องลำบากในช่วงบั้นปลายของชีวิต เพราะเธอไม่เคยคิดที่จะมีผู้ชายมาเลี้ยงดู
"คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ" ฝนสุดาเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งปกติไม่ว่าผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสหรือธรรมดาเธอก็บริการด้วยหัวใจ หญิงสาวให้ความสนใจผู้โดยสารทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันอยู่แล้ว
"ผมขอเป็นแชมเปญแล้วกัน" หมอหนุ่มยังคงพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่เขากลับแอบชำเลืองมองไปที่ใบหน้างามด้วยความรู้สึกหวั่นไหวในหัวใจ
"โอ๊ย..." ฝนสุดาร้องออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ท้องน้องอีกครั้ง "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" หมอหนุ่มถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เมื่อเขาเห็นหญิงสาวฉายแววความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้า
"ดิฉันไม่เป็นไรค่ะขอบคุณนะคะ ได้แล้วค่ะ ขอให้แฮปปี้กับการเดินทางครั้งนี้นะคะ" หญิงสาวเสิร์ฟแชมเปญคู่กับกานาเป เธอไม่ได้สนใจในรูปลักของหมอหนุ่มเลยสักนิด นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าหญิงสาวคุ้นชินกับการบริการชายหนุ่มรูปงาม หรือไม่ก็มีหัวใจที่ชินชา เมื่อเธอนั้นไม่เคยคิดอยากจะรักใคร เพราะไม่อยากพาใจไปเจ็บ เนื่องจากเห็นเพื่อนรักอย่างมิราเจ็บเจียนตาย จากการที่โดนผู้ชายอย่างกัปตันหนุ่มทรยศความรักที่มีให้กันมาเกือบสิบปี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกผู้หญิงคนใหม่ ปล่อยให้มิราร้องไห้ฟูมฟายเกือบบ้าตายอย่างไม่ไยดี
“เพิ่งโทรมา คุณคิดว่าไง อยากไปอยู่ที่โน่นหรือเปล่าครับ สำหรับผมแล้วอยู่ที่ไหนก็ได้ แค่มีคุณกับลูกก็พอ” น้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองมาที่ใบหน้างามด้วยความอบอุ่น แต่ทว่าก็แฝงความหวานหยาดเยิ้มเอาไว้ในทีด้วย จากนั้นฝ่ามือของนายแพทย์หนุ่มได้กุมมือนุ่มของภรรยาเอาไว้ ทำให้ฝนสุดารู้สึกเขินอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขามักจะแสดงออกแบบนี้กับเธอบ่อยครั้ง “ฝนเองก็อยากอยู่ที่นี่ค่ะ เพราะเจ้าดินคงไม่อยากจากไร่ชา แต่อีกใจก็ไม่อยากทำให้คุณแม่ผิดหวัง เพราะท่าทางท่านจะคิดถึงเจ้าดินกับหนูน้ำมากเลยนะคะ” น้ำเสียงของฝนสุดาดูเป็นกังวลขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้ดีว่าลูกชายชอบที่นี่มาก แต่ลูกสาวติดบิดามารดา หนูน้ำอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีฝนสุดากับนายแพทย์จิรายุ เด็กหญิงก็ไม่อิดออด ขอแค่มีบิดามารดาอยู่ข้างๆ “ผมคิดว่าเจ้าดินคงชอบบรรยากาศแบบนี้ หวังว่าโตขึ้นเขาคงสามารถสานฝันให้กับคุณทวดได้” น้ำเสียงของนายแพทย
“อ๊า อ๊าย คุณพายุ” เสียงหวานร้องเรียกชื่อสามีหนุ่มออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า เมื่อเขาใช้ฝ่ามือเคล้นคลึงลงมาที่สองเต้า ขณะที่ปลายจมูกคมกำลังปลุกเร้าที่แผ่นหลังนวลเนียน เขาพรมจูบพร้อมกับใช้ฟันครูดเบาๆ สร้างความเสียวซ่านวาบหวิวไม่เบา จนมิราบิดตัวเกร็งงอ เมื่อเธอกำลังต้องการเจ้ามังกรยักษ์ลำเขื่องเต็มที “อื้ม” เพล้ง!! ร่างอรชรถูกสามีหนุ่มรั้งขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ข้าวของที่หล่นลงพื้นระเนระนาดไม่มีผลต่ออารมณ์ที่กำลังได้ที่ เมื่อต่างคนต่างก็ปรารถนาในกันและกัน จนยากจะหยุดยั้งลงได้ “อื้ม อร้ายยย!” หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงหลง เมื่อขาเรียวเสลาถูกจับพาดลงมาที่บั้นเอวของคนตัวโต ขณะที่สองมือของเธอกำลังหาที่จับให้มั่น มิรากำลังเอนลำตัวไปทางด้านหลัง สองเต้ากลมโตตั้งอยู่ในระดับสายตาคมของชายตรงหน้า ที่เขากำลังกวาดมองอย่างกับจะกลืนกินหญิงสาวร่างอรชรลงไปทั้งตัว พรึ่บ!!
“อื้มเมียจ๋า ผมจะแตกแล้ว อ๊า” สะโพกสอบเข้าออกไม่หยุดหย่อน ร่างกายของนายแพทย์หนุ่มเริ่มกระตุกเกร็ง ขณะที่เจ้ามังกรยักษ์ลำเขื่องถอดถอนเข้าออกในร่องเสียว ไม่นานน้ำลาวาขาวขุ่นได้พวยพุ่งออกมาจนเลอะเปรอะเปื้อนต้นขาของภรรยา คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ นับจากวินาทีนี้ไป วิวาห์วุ่นๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนายแพทย์หนุ่มกับฝนสุดา คงต้องจบลงอย่างสวยงาม เมื่อเธอได้อุ้มบุญรักทายาทของพลพิพัฒ แม้จะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจของหญิงสาว แต่เรื่องราวทั้งหมดนายแพทย์จิรายุได้คิดทบทวนและวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี จวบจนในตอนนี้ เขาก็ยังคงยืนยันตามเจตนารมณ์ที่เคยมี แม่ของลูกต้องเป็นฝนสุดาเท่านั้น เสปิร์มที่เขาตั้งใจฝากฝังเอาไว้ได้ผลเกินคาด “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่คุณเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย ขอบคุณที่คุณทำให้วิวาห์วุ่นๆ จบลงด้วยอุ้มรักของสองเรา” นายแพทย์จิรายุก้มลงไปสบตาหญิงสาวที่อยู่ภายใต้ออกกอด แม้เธอจะไม่ตอบกลับ แต่รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าของฝนสุดา พร้อมทั้งการแสดงอาการออดอ้อนออกมา ด้วยการซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่ง โดยมีเรียวแขนเล็กโอบลงไปที่เอว
“รักแรกพบเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาขณะที่ตักอาหารเข้าปากด้วยความอร่อย เมื่อคนปรุงรสพิถีพิถันเป็นพิเศษ สำหรับเธอและลูกน้อยในครรภ์ “วันแรกที่ผมเจอคุณบนเที่ยวบิน วันนั้นผมยังคงจำไม่เคยลืม รอยยิ้มของคุณยังคงตราตรึงในหัวใจ ผมดื่มไวน์คู่กับกานาเปด้วยความรู้สึกสุขใจ เมื่อนึกถึงคนที่นำมาเสิร์ฟ” นายแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับเอียงหน้าเข้าหาภรรยา นัยน์ตาคมกำลังสะท้อนความหมายที่เขากำลังพยายามสื่อให้ฝนสุดาได้ทราบ เมื่อความอบอุ่นในหัวใจกำลังแผ่ซ่านไปทั้งดวง ส่งผลให้คนตัวเล็กรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาคมที่กำลังหวานหยาดเยิ้ม ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้เลย นอกจากความต้องการกลืนกินเธอแทนมื้อเย็น “วันนั้นฝนก็จำได้ดี ยังแอบคิดเลยว่าอยากได้คุณมาเป็นแฟน” หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “คุณพูดจริงหรือเปล่า ดีใจจัง” “ฝนท้องอยู่นะคะ” น้ำเสียงที่กำลังประท้วงบ่งบอกให้ชายตัวโต ที่กำลังโน้มตัวเข้าหาภรรยาสา
“ขอบคุณนะคะคุณสรวิช” ฝนสุดากล่าวขอบคุณออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ก่อนที่เธอนั้นจะเดินนำหน้าสรวิชตรงไปยังรถที่เขาจอดเอาไว้ ระหว่างทางคนทั้งคู่ไร้ซึ่งบทสนทนา เมื่อฝนสุดาพอจะเดาความรู้สึกของสรวิชที่มีให้กับเธอได้ แต่หญิงสาวก็ทำเป็นไม่เป็นใจ เพราะถึงยังไงหัวใจของเธอก็ไม่เคยรับใครเข้ามา นอกจากผู้ชายอย่างนายแพทย์จิรายุ “สวยจัง” เมื่อรถแล่นเข้ามาจอด ฝนสุดาถึงกับตกตะลึงในความงามของที่นี่ ซึ่งด้านหน้าของเธอในเวลานี้ มันคือบ้านเรือนไทยหลังเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีดอกไม้นานาพันธุ์ที่กำลังเบ่งบานชูช่อ เหมือนกับรอเจ้าของเข้าไปเชยชม “ผมต้องไปแล้ว ขอให้ฝนกับคุณหมอมีความสุขกับชีวิตคู่นะครับ”สรวิชพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ฝนสุดา นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นรอยยิ้มจากเขา นับตั้งแต่มาอยู่ที่ไร่ชา
“ไร่นี้เป็นของคุณหมอไม่ใช่เหรอคะ” “ใช่ครับ ซึ่งไร่ชามันก็เป็นของคุณกับลูกด้วยนะ ผมตั้งใจว่าจะให้คุณคลอดที่นี่ ลูกของเราจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ คุณชอบที่นี่หรือเปล่า” นายแพทย์จิรายุยิ้มกว้าง เขาเอ่ยถามภรรยาออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้ากับมองมาที่เขาด้วยแววตาค้อนใส่ “ไร่ของคุณหมออย่างนั้นเหรอ แต่ฝนว่ามันน่าจะเป็นของคุณสรวิชกับครอบครัวของเขามากกว่านะคะ ทุกคนตั้งใจอุทิศทำงานให้กับไร่ชา ในขณะที่เจ้าของยังเด็ดยอดชาไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ” รอยยิ้มเหยาะของภรรยา กำลังส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เขายอมรับว่าตัวเองไม่เคยใส่ใจหรือศึกษากระบวนการผลิตชา หรือแม้แต่การดูแลต้นชา เมื่อนายแพทย์จิรายุมีเชิดชัยบิดาของสรวิชคอยกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นคนงานหรือแม้แต่รายรับรายจ่ายในแต่ละเดือน ทุกอย่างที่อยู่ในไร่ชาจิรายุ นายเชิดชัยจะเป็นคนคอยรายงานเขาอย่างสม่ำเสมอ และเขาก็ไว้ใจ คนอย่างนายเชิดชัยไม่มีทางหักหลังเขาแน่
ความคิดเห็น