ทับแล้วร้อง...ท้องก็รับ "ลูกของฉัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบ แม้ว่าจะไม่อยากได้เธอเป็นเมียก็ตาม" "แล้วคุณเคยถามฉันไหมว่า อยากได้คุณเป็นเมียหรือเปล่า ผัวอย่างคุณน่ะ...ผัวเฮงซวย"
ดูเพิ่มเติม“พี่แพรแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้” ชุติมาถามลูกพี่ลูกน้องเพื่อความแน่ใจ
“แน่ใจสิ แกรีบถ่ายรูปน้องขนมเถอะ” คุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูกได้สามวันบอกชุติมาที่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนถ่ายรูปหลานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม แก้มยุ้ยที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงข้างร่างมารดา “ถ่ายเยอะๆ เลยนะ”
ชุติมาทำตามที่กัญญาภรณ์สั่ง เธอถ่ายน้องขนมหรือเด็กหญิงกัญญาพัชรหลายมุมร่วมยี่สิบกว่าภาพ เมื่อถ่ายเสร็จก็ส่งให้คุณแม่ยังสาวดู
“พอใจไหมพี่แพร”
“ดีมาก เราขึ้นรถก่อนค่อยส่งไปให้เขาดู”
เขา...ที่ว่านี้คือ สิงหนาท สามีของกัญญาภรณ์และเป็นพ่อของน้องขนม “ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถ”
กัญญาภรณ์อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ก่อนก้าวลงจากเตียง สองพี่น้องพากันเดินไปยังลิฟต์โดยสาร และเมื่อมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ทั้งสองเดินไปยังลานจอดรถ หลังจากเข้านั่งประจำที่ กัญญาภรณ์รีบส่งรูปภาพของน้องขนมไปยังไลน์ของสิงหนาท พร้อมกับส่งข้อความตามไป
“เอารูปลูกไว้ดูต่างหน้านะ ขอบคุณที่เป็นพ่อพันธ์ให้ฉัน ลูกของเราน่ารักมาก ฉันจะเลี้ยงน้องขนมให้ดีที่สุด ลาก่อน...ผัวเฮงซวย”
กัญญาภรณ์มองภาพถ่ายและข้อความที่ถูกส่งไป เธอไม่รอให้สิงหานาทอ่าน จัดการบล็อกเขาทันที แต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่า เขาได้อ่านข้อความหรือไม่ แล้วมั่นใจว่า สิงหนาทจะต้องคลั่งถึงขีดสุด
แค่คิด...ความสะใจก็บังเกิด
ขณะที่รถกำลังแล่นไปตามถนน คุณแม่มือใหม่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่มีทั้งสุขและทุกข์ นึกถึงวันแรกที่อยู่กับสิงหนาท วันนั้นเป็นวันที่เธอไม่มีทางลืมได้ลง เช่นเดียวกับวันนี้ วันที่ตัดสินใจจากเขามา เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะพรากลูกเธอไป ซึ่งเป็นเรื่องที่กัญญาภรณ์ยอมไม่ได้ เธอจึงต้องชิงลูกมาจากเขาเสียก่อน ไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะลำบากมากแค่ไหน เธอก็จะเลี้ยงกัญญาพัชรให้ดีที่สุด เท่าที่สองมือแม่นี้จะทำเพื่อลูกได้
เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลกำลังทำกิจกรรมอยู่ในสนาม วันนี้คุณครูพาเด็กๆ มาออกกำลังกายและเรียนรู้เรื่องการปลูกต้นไม้ แต่ด้วยความเป็นเด็กจึงวิ่งเล่นกันเสียส่วนใหญ่
“โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังจากปากเด็กหญิงรสสุคนธ์หรือน้องหวาน ที่ถูกเด็กชายอัศวินหรือโด่งแกล้งด้วยการดึงหางเปียแรงๆ จนอีกฝ่ายหน้าหงาย และไม่เพียงแค่ร้องเจ็บ น้องหวานยังร้องไห้อีกด้วย
“โด่ง เธอแกล้งหวานทำไม” คนถามเดินมาหาเพื่อนที่ถูกแกล้ง และถามหัวโจก นำตัวมาขวางร่างน้องหวาน ปกป้องเพื่อนเต็มที่ แม้ว่าเด็กชายยศวินจะตัวใหญ่กว่า ทว่ากัญญาพัชรก็ไม่กลัว
“ก็อยากแกล้ง” โด่งตอบกวน
“เธอเป็นผู้ชายนะ รังแกผู้หญิงไม่ดี แม่บอกว่าผู้ชายที่รังแกผู้หญิงเป็นผู้ชายไม่ดี” เด็กหญิงกัญญาพัชรหรือน้องขนมต่อว่าเพื่อน
“แล้วมายุ่งอะไรด้วย เราไม่ได้แกล้งเธอซะหน่อย”
“เราช่วยหวาน หวานเป็นเพื่อนเรา เธอห้ามแกล้งหวานอีกนะ ถ้าแกล้งอีกเจอดีแน่”
หนูน้อยน้องขนมบอกอัศวินที่ลอยหน้าลอยตาไม่เชื่อฟัง
“เราจะแกล้ง แกล้งเธอด้วย”
พูดจบก็ผลักหัวไหล่กัญญาพัชร แต่หารู้ไม่ว่า คนที่อัศวินกำลังแกล้งไม่เหมือนรสสุคนธ์ที่ยอมให้แกล้งง่ายๆ กัญญาพัชรผลักอัศวินและใช้กำปั้นน้อยๆ ชกไปที่หน้า แม้ว่าน้ำหนักในการชกจะไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้อัศวินร้องไห้จ้า วิ่งไปฟ้องครู
“น้องขนมแกล้งโด่งทำไมครับ” นิรมลเดินมาพร้อมกับอัศวินที่ตอนนี้สะอื้นไห้
“โด่งมาแกล้งน้อนขนมก่อนค่ะ แล้วก็แกล้งหวานด้วย หวานก็ร้องไห้” กัญญาพัชรบอกคุณครู
“ใช่ค่ะคุณครู โด่งแกล้งหนูค่ะ แล้วก็แกล้งขนมด้วยค่ะ” น้องหวานพูดเสริม
“โด่งทำอย่างนั้นหรือเปล่าครับ” ครูถามโด่งที่พยักหน้า “เป็นเพื่อนกันอย่าแกล้งกันนะครับ ต้องรักกัน ช่วยเหลือกัน โด่งทำผิดโด่งต้องขอโทษขนมกับหวานนะครับ”
“เราขอโทษ” น้องโด่งเอ่ยเสียงเบา กัญญาพัชรยิ้มเอื้อมมือมาจับมือโด่ง
“เราไปเล่นกันเถอะ” ความเป็นเด็กยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อกี้ยังทะเลาะกัน ตอนนี้พากันไปวิ่งเล่นในสนามรวมกับเพื่อนๆ นิรมลยิ้มเมื่อเห็นความไร้เดียงสาของนักเรียนที่ตนดูแล โดยเฉพาะกัญญาพัชรที่มีความแสบและความน่ารักไปในตัว เป็นเด็กหญิงที่ไม่ให้ใครมารังแก และไม่เคยไปรังแกใครก่อน แถมยังชกและเตะเก่งด้วย เธอเคยถามว่าใครสอน คำตอบที่ได้คือ มารดา
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น...
มือถือยี่ห้อดังถูกวางอยู่ตรงขาตั้งมือถือที่ปรับระดับได้สี่ระดับความสูงถึงสองเมตร เจ้าของมือถือกดตั้งระบบถ่ายวิดีโอไว้ ก่อนรีบวิ่งมายืนประจำที่เตรียมตัวถ่ายวิดีโอพร้อมกับกัญญาภรณ์และกัญญาพัชรหลานสาว
“พร้อมนะ...ไป” กัญญาภรณ์บอกชุติมาและกัญญาพัชรลูกสาว จากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้น ทั้งสามกำลังร้องเพลงโคฟเวอร์เพลงยอดฮิตที่ดาราและคนดังต่างพากันทำคลิปลงยูทูป นั่นคือเพลงซุปเปอร์วาเลนไทน์ ศิลปินสามสาววง ซุปเปอร์วาเลนไทน์
สองสาวหนึ่งเด็กหญิงร้องและเต้นท่าเต้นตามที่ซักซ้อมไว้ จนมาถึงท่อนสำคัญของเพลง ทั้งสามก็ผลัดกันร้องทีละคน เริ่มจากเด็กหญิงกัญญา-พัชรวัยสี่ขวบ สวมชุดเดรสยีนลายการ์ตูน ผมหยักศกยาวเลยบ่ามาเล็กน้อยถูกเกล้าสูงมีที่คาดผมมงกุฎสวมไว้กลางศีรษะ ปล่อยผมหน้าม้าไว้เช่นเคย กัญญาภรณ์ยืนอยู่ข้างซ้าย ส่วนชุติมายืนอยู่ข้างขวา
“เจนค่ะเจนค่ะ หนูชื่อเจนมากับนุ่นและก็มากับโบว์”
เด็กหญิงตัวน้อยเต้นไปตามท่วงท่าที่ชุติมาสอน ตามองมือถือและยิ้มอย่างมีความสุขก่อนส่ายสะบัดไปตามจังหวะ มืออูมๆ ทำท่าทางถูอยู่ตรงบริเวณแก้มทั้งสองข้างอย่างน่ารัก
Chapter71“ถ้ามึงไม่อยากตายก็อยู่แต่ในห้อง อย่าคิดหนีไปไหน จะมีคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้กินสามมื้อ รอจนกว่าเถ้าแก่สันต์จะจัดการเรื่องนี้เสร็จ มึงสองตัวก็จะไปจากที่นี่ได้ แต่ถ้ามึงคิดหนี กูไม่รับรองความปลอดภัยมึงนะ”สุชาติย้ำบอกโย่งกับดำ ที่พร้อมทำตามอย่างคนกลัวตาย เมื่อจัดการทางนี้เรียบร้อย สุชาติเดินไปนั่งรถยนต์คันเดียวกับเถ้าแก่สันต์ ก่อนที่เขาจะขับรถพาเถ้าแก่สันต์กลับบ้านงานวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว งานวันพรุ่งนี้คืองานใหญ่ที่เถ้าแก่สันต์ต้องรีบเร่งจัดการ ก่อนที่พวกนั้นจะคิดแผนชั่วทำลายทายาทตัวน้อยๆ ในท้องกัญญาภรณ์ทำใครทำได้ แต่อย่าคิดทำลูกสะใภ้ของเถ้าแก่สันต์...ใครคิดแตะ...ตายอริยะทำหน้าแปลกใจและตกใจเมื่อรู้จากลูกน้องว่า เถ้าแก่สันต์มาหาถึงบ้าน เขามองหน้าประดิษฐ์ พี่ชายที่มาค้างบ้านตนตั้งแต่เมื่อวาน สงสัยว่าเถ้าแก่สันต์มาหาตนทำไม “หรือว่ามันจะรู้เรื่องเมื่อวานนี้” ประดิษฐ์คาดเดา “คงไม่รู้หรอก ไอ้สองตัวมันทำงานกับฉันมานาน มันรู้ดีว่าต้องทำยังไง อีกอย่างมันหนีออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ป่านนี้ไปไกลแล้วมั้ง”อริยะได้ข่าวมาว่า โย่งกับดำสองลูกน้องที่ให้ไปทำงานเมื่อวาน
Chapter70 “คุณสิงห์ระวังค่ะ” กัญญาภรณ์ตะโกนดังลั่นรถ สิงหนาทที่ขับรถไม่เร็วรีบเหยียบเบรก ความที่รถยนต์ของเขาเป็นขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัย และมีระบบเบรก ABS หรือ Anti-lock Brake System นั้น เป็นระบบที่ใช้การผสมผสานระหว่างระบบกลไกลและระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยหน้าที่มันคือป้องกันล้อไม่ให้เกิดการล็อคเมื่อมีการใช้เบรกหนัก ทำให้สามารถมีโอกาสในการหลบสิ่งกีดขวางช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ ก่อนจะหักรถหลบเข้าข้างทาง โครม!...เสียงดังโครมใหญ่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับที่สิงหนาทเหยียบเบรก รถคันที่แซงหน้าสิงหนาทไป ได้ชนรถอีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนเลนมาคล้ายกับว่าจะวิ่งมาชนรถยนต์ของสิงหนาท ทำให้เกิดเสียงโครมใหญ่ “เป็นอะไรไหมแพร” สิงหนาทห่วงคนข้างกายมาก เขารีบถาม “ไม่เป็นไรค่ะ คุณสิงห์ขับรถไม่เร็วเลยประคองรถได้” เธอตอบ “แน่นะว่าไม่เป็นอะไร ท้องโดนกระแทกหรือเปล่า ฉันว่าไปหาหมอให้หมอตรวจร่างกายดีกว่านะ” สิงหนาทบอกเสียงรัว ใจเขาเป็นห่วงเธอที่สุด “ไม่ต้องค่ะ แพรไม่เป็นอะไรค่ะ” กัญญาภรณ์ยืนยันเสียงแข็ง “คุณสิงห์ลงไปดูรถที่เกิดอุบัติเหต
Chapter69ส่วนสิงหนาททำงานอยู่ในโรงงาน เขากำลังพาตัวแทนจากเมืองจีนดูไม้ที่สั่งไว้ โดยมีสุชาติเป็นผู้ช่วยอธิบายเรื่องไม้ ทว่าสิบห้านาทีต่อมาเขาปลีกตัวเดินห่างจากกลุ่มลูกค้า โทรศัพท์หากัญญาภรณ์ผ่านทางไลน์ โทรแบบเห็นหน้ากัน ก่อนถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง จะเอาอะไรเพิ่มไหม เมื่อแน่ใจว่ากัญญาภรณ์สบายดี เขาจึงยุติการสนทนา และทำเช่นนี้ทุกสิบห้านาที ในขณะเดียวกัน คนงานชื่อเต้ยวัยยี่สิบสองปี คนงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ยี่สิบวันกำลังโทรศัพท์ถึงใครบางคน ก่อนรายงานบางอย่างให้ปลายสายรับรู้ จากนั้นก็เดินไปทำงานกับเพื่อนตามปกติราวสี่โมงเย็นสิงหนาทพากัญญาภรณ์กลับบ้าน แต่ก่อนกลับเขาแวะไปที่ร้านป้านิด ร้านขายของสดติดแอร์ที่มีทุกอย่างให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ หมู ไก่ เนื้อ กุ้ง ปลาหมึก และปลาหลายชนิด ผักสดก็มีให้เลือกซื้อมากกว่ายี่สิบรายการ ของแห้งก็มีครบถ้วน กะปิ น้ำปลา ของที่ต้องใช้ในการปรุงอาหารก็มี ที่สำคัญมีปลาร้ารสชาติเยี่ยมที่ส่งตรงมาจากบ้านลูกสะใภ้ของป้านิดที่รับรองความอร่อยและสะอาด เหตุผลที่เขาแวะร้านป้านิดเพราะโทรมาสั่งปูจืดไว้เพื่อทำส้มตำไทยใส่ปูให้กัญญาภรณ์กินในวั
Chapter68หนึ่งเดือนต่อมา สิงหนาทเอาอกเอาใจกัญญาภรณ์เต็มที่ เขาทำตามที่แพทย์ทุกอย่าง ระมัดระวังตัวกัญญาภรณ์เต็มที่ จะลุกจะนั่งจะเดินก็ต้องมีเขาคอยประคอง สิงหนาทแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย ขลุกอยู่กับกัญญาภรณ์ทั้งวัน หากมีงานด่วนจึงออกไปทำงาน อีกหน้าที่หนึ่งคือ ทำอาหารให้เธอกินทุกวัน ความอยากกินปลาร้าของกัญญาภรณ์คือหนึ่งในอาการแพ้ท้อง และเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิงหนาทสรรหาเมนูที่ทำจากปลาร้ามาให้เธอกินทุกวัน ที่โปรดปรานที่สุดก็คงจะเป็นปลาร้าสับผัดกับต้มยำน้ำปลาร้า สองอย่างนี้กัญญาภรณ์กินได้ทุกวัน ทว่าสิงหนาทกลัวเมียจะเบื่อจึงเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องมีสองอย่างนี้บนโต๊ะอาหาร เรื่องข้อตกลงระหว่างสิงหนาทกับกัญภาภรณ์ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่พูดถึง หลังจากรู้ว่ากัญญาภรณ์ท้อง สิงหนาทห่างกับพรรณนาราไปโดยปริยาย จะมีเพียงการโทรพูดกันเท่านั้น เพราะเขาทุ่มเวลาดูแลภรรยาที่กำลังตั้งท้อง ที่ทำไม่ใช่เพราะเถ้าแก่สันต์บอก ทว่าสิงหนาททำเพราะอยากทำ ทำตามหน้าที่สามีที่ดี ซึ่งเขาก็มีความสุขในทุกเรื่องที่ทำให้กัญญาภรณ์ “เสร็จแล้วครับคุณแม่ ตำถาดแซ่บนั
Chapter67 สิงหนาทพยายามทำใจเย็น เขาตั้งใจว่าอีกห้านาทีถ้าไม่มีใครออกมาบอกอะไร เขาจะเข้าไปหาคำตอบด้วยตัวเองว่า กัญญาภรณ์เป็นอะไรมากหรือไม่ แต่รออีกแค่หนึ่งนาที กัญญาภรณ์นั่งรถวีนแชร์ออกมาจากห้องฉุกเฉิน “เธอเป็นไงบ้าง” สิงหนาทรีบเดินไปถามกัญญาภรณ์ที่นั่งยิ้มอยู่บนรถวีนแชร์ เธอไม่ตอบแต่กลับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา “อะไร” “ฉันท้องค่ะประมาณสี่สัปดาห์”สิงหนาทอ้าปากค้างมองหน้ากัญญาภรณ์ที่ส่งยิ้มให้ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือ ดีใจ สิงหนาทดีใจมากที่กัญญาภรณ์ท้อง ใบหน้าเขาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม ทรุดกายนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ ก่อนสวมกอดกัญญาภรณ์ไว้แน่น “ฉันดีใจที่สุดที่เรามีลูกด้วยกัน” กัญญาภรณ์ยิ้ม สวมกอดกลับร่างหนา “ฉันก็ดีใจค่ะ” เป็นความรู้สึกจากใจเธอเช่นกัน “แล้วฉันต้องทำไงต่อ ต้องทำอะไรบ้าง” สิงหนาททำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน “ก่อนอื่นต้องพาคุณแม่ไปฝากท้องค่ะ” คนตอบคือพยาบาล “ใช่ๆ ไปฝากท้อง ไปกันเลยนะ” สิงหนาทยิ้มไม่หุบ เป็นฝ่ายเข็นรถวีนแชร์ไปยังแผนกสุตินารีที่อยู่ชั้นสี่ของโรงพยาบาล
Chapter66น้อมร้องเรียกคนให้ช่วย เพราะตัวเองคงช่วยไม่ได้แน่ มั่นเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผลักตนเมื่อกี้ยังกระเด็น น้อมหันไปมองคนงานอีกสองคนที่ตอนนี้นอนหลับเพราะฤทธิ์เหล้าคงช่วยอะไรไม่ได้ น้อมจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ขณะที่น้อมวิ่งไปตามคนมาช่วย กัญญภรณ์ก็ปล่อยแม่ไม้มวยไทยใส่ร่างมั่นสิงหนาทกับสุชาติเดินมาหยุดตรงคอกม้าที่อยู่ห่างจากบ้านพักคนงานหนึ่งร้อยเมตร ทั้งสองมาดูคอกม้าเพื่อปรับปรุงใหม่หลังจากไม่ได้จัดการมาหลายปี ทั้งสองได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย สองเจ้านายลูกน้องจึงหันไปมองต้นเสียงที่วิ่งกระหืดกระหอบ ราวกับหนีใครมา“เป็นอะไรน้อม แล้ววิ่งหนีใครมา” สุชาติถาม “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่ได้วิ่งหนีจ้ะ วิ่งมาตามให้ไปช่วยคุณแพร ตอนนี้มั่นทำร้ายคุณแพรจ้ะที่บ้านพักคนงาน”น้อมตอบ ยังไม่ทันที่น้อมจะตอบจบประโยค สิงหนาทก้าวเท้าวิ่งไปยังบ้านพักคนงานเป็นคนแรก ตามด้วยสุชาติและลูกน้องที่อยู่ตรงคอกม้า รั้งท้ายด้วยน้อมที่วิ่งแทบไม่ไหว“ไอ้มั่น...”สิงหนาทตะโกนชื่อมั่นดังลั่น หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากน้อม เขาวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี พอมาถึงก็ต้องหยุด
ความคิดเห็น