ยังไงคะ!!! ย้อนมาเกิดใหม่ในยุคจีนโบราณแต่ไม่ใช่นักฆ่า ไม่ใช่เชฟ ไม่ใช่ดีไซน์เนอร์ แถมไม่ใช่แม่ศรีเรื่อนด้วยจ๊ะ แต่ฉันเป็นครูคณิตวันๆท่องสูตรคูณ แถมสามีก็ยังจะมาหย่าขาดอีก ไม่รอด! ตายกับตายเท่านั้น!!! เฉินเฟยเทียน x จางเจียวซิน “อย่าได้กล่าวอันใดให้มากความ ข้ายืนยันจะยื่นฏีกาขอหย่าขาดกับเจ้า” “ไม่หย่า ยังไงก็ไม่หย่า!” เหอะ! ขืนหย่าออกไปทั้งที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นนี้มีหวังนางและหนิงเออร์ได้อดตายเป็นแน่ “น่ารำคาญเสียจริง” “ไม่หย่าได้ไหม..นะเพคะ..ขอเพียงสองหนาว ข้าจะหย่าให้ท่าน ระหว่างนี้ข้าจะมิทำให้ท่านต้องเคืองใจแม้แต่น้อย” เมื่อดื้อดึงไม่ได้ผลจึงหันมาขอร้องด้วยท่าทีน่าสงสาร “หึ เพียงเท่านั้นจะพอได้อย่างไร ข้าต้องการมากกว่านั้น” “แล้ว…ท่านต้องการสิ่งใด”
View More“จากที่เราอ่านโจทย์ข้อนี้เขาให้หาปริมาตรของถังเก็บน้ำที่เป็นทรงกระบอก ซึ่งมีสูตรอยู่ว่า-”
ตื่อดึ้ง! ตื่อดึ้ง! ตื่อดึ้ง!
ยังไม่ทันที่หนูนิดจะได้พูดจบเสียงไลน์กลุ่มคณะครูในโรงเรียนที่หนูนิดประจำการอยู่ก็ดังขึ้น เผยให้เห็นข้อความเดิม ๆ ที่มักปรากฎขึ้นบ่อยครั้ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนxxx : ขอเรียนเชิญคณะครูทุกท่านเข้าร่วมประชุมด่วนที่ห้องประชุมใหญ่
ผู้อำนวยการโรงเรียนxxx : ขอให้มาในเวลานี้เลยนะครับ
“เฮ้อ! นักเรียนคะพอดีว่าครูมีประชุมด่วน ยังไงนักเรียนลองทำข้อนี้กันไปก่อนนะคะ” หนูนิดได้แต่ถอนหายใจและเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปห้องประชุม ก็อย่างว่าหน้าที่ครูไม่ได้มีแค่การสอน แต่มันก็ไม่ควรให้งานอื่นสำคัญกว่าการสอนไหมคะ!!! การที่ครูหยุดสอนเพื่อไปประชุมด่วนที่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าแบบนี้มันใช้ไม่ได้!!! ตัวเธอเองก็ได้แต่บ่นในใจเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อยู่แล้ว
หึ! ก็หนูนิดครูสาวคนนี้เป็นเพียงครูผู้ช่วยที่ยังไม่ผ่านการประเมิน คนอื่นสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำไป แม้ว่าแทบจะไม่มีเวลานอนมาหลายวันก็ ต้อง ไหว!
กว่าจะเดินมาถึงห้องประชุมร่างอวบอิ่มของหนูนิดก็เปียกโชคไปด้วยเหงื่อ เธอเลือกเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ ยังดีที่ครูท่านอื่นยังมากันไม่ครบ ยังพอมีเวลาให้เธอได้พักให้หายเหนื่อย หนูนิดเปิดโทรศัพท์เช็คการแจ้งเตือนจากแอพอ่านนิยายออนไลน์ นิยายที่อ่านค้างไว้เกือบสิบเรื่องได้อัพตอนใหม่รอให้เธอกดเข้าไปอ่าน ส่วนมากหนูนิดจะอ่านเรื่องแนวย้อนยุค ทะลุมิติ แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และขัดกับจิตวิญญาณของครูคณิตศาสตร์อย่างเธอ
แต่แล้วยังไงจ๊ะ? ฉันอ่านเพื่อความบันเทิงรื่นเริงใจจ้ะ! ใครมันจะทำไม
หากถามว่าเธอเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ การย้อนเวลา หรือชีวิตหลังการตายไหม เธอก็คงตอบไม่ได้เช่นกัน เรื่องแบบนี้อยู่ที่ความเชื่อหรือไม่ก็คงต้องพบเจอกับตนเองก่อนจึงจะบอกได้ว่ามีจริงหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล นั่งรอซักพักท่านผู้อำนวยการก็กล่าวเริ่มการประชุม
“ที่ผมเรียกทุกคนมาวันนี้ จะมาแจ้งเรื่องสัมมนาที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้-”
วิ้ง~ หูของหนูนิดดับตั้งแต่รู้ว่าวันเสาร์ อาทิตย์นี้จะต้องไปทำงาน ไหนจะแผนการสอนที่ยังไม่ได้เขียน งานเอกสารต่างๆ ที่ต้องทำ แล้วยังมีสื่อการสอนที่ต้องเตรียมอีก โอ้ย~ ชีวิตนี้ทำไมมันยากเย็นนักนะ อยากกลับไปเรียนเหมือนเดิมจังเลย ที่ใครเขาว่าช่วงเวลาเรียนเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด สบายที่สุดน่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ
“เฮ้อ” ไม่รู้ว่าวันนี้หนูนิดถอนหายใจไปกี่ครั้ง งานเยอะแต่เงินเดือนน้อย แต่ละเดือนแทบไม่พอใช้จ่าย ดีที่ยังไม่มีหนี้สิน ถ้ามีหนี้มาสินอีกคงต้องขายตับไตใส้พุงกันแล้ว
แต่ก็เอาเถอะยังไงก็เป็นอาชีพที่เธอรักและเลือกเอง เธอรักการสอนเด็กๆ รักในวิชาคณิตศาสตร์ จึงอยากส่งต่อความรู้คณิตศาสตร์ที่การันตีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังให้กับนักเรียน แม้จะมีบางครั้งที่ท้อกับระบบการศึกษา และสังคมในโรงเรียน แต่คนตัวคนเดียวอย่างหนูนิดก็คงมีแต่งานที่รายล้อมไปด้วยเด็กๆ เท่านั้นที่จะทำให้คลายความคิดถึงครอบครัวที่เฝ้ามองเธออยู่บนสวรรค์ได้หลังจากประชุมเสร็จหนูนิดก็มุ่งหน้ากลับไปห้องพักครูเพราะหากจะให้เธอ กลับเข้าไปสอนนักเรียนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ระหว่างเดินกลับในหัวของได้แต่คิดวางแผนว่าจะทำอะไรก่อนหลังไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
“วันนี้ต้องเตรียมสื่อการสอนที่จะใช้พรุ่งนี้ก่อน แล้วค่อย…”
แต่จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโหวกเหวกมาจากด้านบน คงจะเป็นคนงานที่มาก่อสร้างตึก เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินต่อไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ในหัวพลันคิดวางแผนว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ทว่า...
โครม~
ความเจ็บปวดมหาศาลบริเวณศีรษะฉุดรั้งไม่ให้ร่างกายของหนูนิดก้าวเดินต่อไปได้อีก สายตาพล่ามัวมองรอบข้างแทบไม่เห็น หนูนิดพยายามฝืนตัวเงยหน้ามองหาสาเหตุของความเจ็บปวด แต่ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือแผ่นไม้ขนาดใหญ่ที่กำลังร่วงหล่นลงมาใส่ตัวเธอ
โครม~
“ยึ้ย! นี่มันอันใดกัน! ใครถ่ายหนักแล้วเอามาเช็ดตรงนี้ แหวะ!” ไฉ่หงรีบเช็ดมือเข้ากับบานประตูแล้วรีบออกมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีผู้ใช้ห้องสุขาต่อและคิดว่าตนเองเป็นคนทำ แต่ทว่าเด็กน้อยมิทันได้ระวังจึงเหยียบเข้ากับน้ำมะม่วงที่สองแฝดเทเอาไว้จนรองเท้าหรูเปรอะเปื้อนไปหมด“อ่าว! ไฉ่หงอยู่นี่เอง ข้าอยากขอโทษที่ต่อว่าเจ้าเมื่อวันก่อน ยกโทษให้ข้านะ” ซินอี๋ทำทีว่าบังเอิญเจอไฉ่หงที่หน้าห้องสุขา เขาแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับว่าเรื่องวันก่อนเขาได้ทำผิดไป“อะ เอ่อ ข้ายกโทษให้ แต่เจ้าอย่าได้มาขึ้นเสียงกับข้าอีกเล่า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน หึ!”“ขอบใจเจ้ามากนะไฉ่หง น้องข้าก็เอาแต่ใจเช่นนี้ มิได้ความเสียจริง” หย่งเล่อที่จู่ก็โผล่มาเกาะไหล่ไฉ่หงจากด้านหลัง มือเล็กของหย่งเล่อลูบไปทั่วแผ่นหลังและบั้นท้ายของไฉ่หง“อืม ข้าต้องไปแล้ว เจ้าก็สั่งสอนน้องเจ้าให้ดีด้วยเล่า” ว่าแล้วไฉ่หงก็เดินกลับเข้าห้องเรียนของตนทันทีหย่งเล่อและซินอี๋ที่มองไฉ่หงจากด้านหลังก็ยิ้มกริ่มพอใจกับผลงานตนเอง เพราะอาภรณ์ด้านหลังของไฉ่หงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมะม่วงสุกที่หย่งเล่อลงทุนใช้มือตนเองป้ายลงไป“ข้าว่าเจ้าไปล้างมือก่อนเถิด ข้าเหม
“หย่งเล่อเจ้าว่าน้องของเราจะเป็นหญิงหยือชาย” ซินอี๋และหย่งเล่อกำลัง ยืนเกาะขอบประตูห้องทำคลอด ที่บัดนี้ด้านในกำลังทำคลอดให้มารดาของพวกเขาอยู่หลังจากที่บิดาของพวกเขาให้คำมั่นว่าจะมีน้องชายน้องสาวมาให้พวกเขาเลี้ยงมานานนับหลายปีจนตอนนี้พวกเขาอายุได้สี่หนาวย่างเข้าห้าหนาวแล้วมารดาพวกเขาถึงได้ตั้งครรภ์และกำลังจะคลอด มิเหมือนกับท่านลุงซีห่าวกับท่านน้าเฟยเฟิ่งที่บัดนี้มีทั้งน้องชายวัยสองหนาว ทั้งท่านน้าเฟยเฟิ่งยังตั้งครรภ์ได้กว่าแปดเดือนแล้ว แต่ก็ช่างเถิด อย่างไรเสด็จพ่อก็ทำตามสัญญาแม้จะช้าไปหลายปีก็เถอะนะ…“ไม่รู้” หย่งเล่อจดจ้องอยู่ที่ประตูตาไม่กระพริบ เด็กน้อยกำลังกังวลว่าเสด็จแม่และน้องจะปลอดภัยหรือไม่ แต่ปากเล็กก็ยังเอ่ยตอบน้องชาย“แล้วเจ้าว่าน้องจะหน้าตาเหมือนผู้ใด เสด็จพ่อหยือเสด็จแม่”“ไม่รู้”“แต่ข้าว่าให้น้องเหมือนข้าน่าจะเข้าท่า เพราะข้าเป็นชายหนุ่มที่หย่อเหยาที่สุดในแคว้นเฉินแห่งนี้” ซินอี๋ใช้มือเล็กๆ ลูบคางของตนเองไปมา ดึงท่าทีคล้ายต้องการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเองนั้นหล่อเหลาเพียงใด สองแฝดคู่นี้แม้หน้าตา จะเหมือนกันจนแยกไม่ออกแต่ทว่านิสัยใจคอกลับแตกต่างกับลิบลับ คนหนึ่งนิ่งข
“อ๊ะ อื้ออออ”จุ๊บ! จ๊วบ! ปากหนาเลื่อนไปครอบยอดถันสีแดงก่ำ ทั้งไล่เลีย ทั้งดูดดึงดั่งทารกที่หิวโหย เฟยเฟิ่งที่พึ่งเคยถูกสัมผัสที่ลึกซึ้งถึงกับตัวอ่อนระทวย ปล่อยให้ร่างหนารุกเร้าอยู่อย่างนั้น ปากบางถูกเจ้าของขบกัดจนแดงก่ำ สองมือลูบไล้ไปตามร่างกายอันกำยำของสามีอย่างหลงไหล“ทะ ท่านพี่ ของ ของท่านมัน-” ร่างกายเปลือยเปล่าบดเบียดแนบชิดกันจนเฟยเฟิ่งรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งดุนดันอยู่ที่บั้นท้ายของนางอยู่“อะฮึ่ม! มันคงอยากมาเล่นกับเจ้ากระมัง มาเถิด ทำให้พี่ดูว่าที่เจ้าเล่าเรียนมานั้นจะใช้ได้จริงหรือไม่” ซีห่าวผละกายออกจากเฟยเฟิ่งพลางถอยไปพิงอ่าง สองแขนแกร่งยกขึ้นพาดขอบอ่างดั่งคุณชายเจ้าสำราญที่รอรับการปรนนิบัติ เฟยเฟิ่งที่ถูกทวงถามก็รีบเค้นบทเรียนที่เล่าเรียนมาปรนนิบัติให้สามีประทับใจ“อึก! ของท่านดูเหมือนจะใหญ่กว่าแท่งหยกที่เสด็จแม่นำมาสอน” เฟยเฟิ่งเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแตะแท่งทวนของสามีที่อยู่ใต้น้ำ มือบางชักรูดเบาๆ พลางวนนิ้วโป้งบนปลายหยัก“อืมมมม ดี มือเจ้านุ่มเหลือเกิน ซี๊ดดด” ซีห่าวแหงนหน้าสูดลมเข้าปากด้วยความเสียวซ่าน เฟยเฟิ่งเห็นท่าทีของสามีก็ได้ใจรีบรูดรั้งแท่งทวนช้าบ้างเร็วบ้างหวังให้สา
“เป็นอย่างไรบ้าง มาให้แม่ดูเสียหน่อยว่าเรียบร้อยดีหรือไม่” ฮองเฮาหลี่เดินเข้ามาจัดชุดพิธีการสีแดงปักดิ้นทองที่เฟยเฟิ่งใส่อยู่ให้เป็นระเบียบมากขึ้น มือบางลูบไล้จัดแต่งเรือนผมของบุตรีพลางย้อนนึกถึงตอนที่เฟยเฟิ่งยังเป็นเด็กซุกซนวิ่งเล่นอยู่ในตำหนัก แต่มาบัดนี้เด็กน้อยแสนซนผู้นั้นกำลังจะได้ตบแต่งออกไปมีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว“ลูกงดงามหรือไม่เพคะ” เฟยเฟิ่งที่เห็นว่ามารดานิ่งเงียบไป จึงเอ่ยถามขึ้น“งดงาม แต่คงมิเท่าแม่ หึๆ”“โถ่! วันนี้เป็นวันสมรสของลูก เสด็จแม่จะมิยอมให้ลูกงดงามที่สุดบ้างเลยหรือเพคะ”“ฮ่าๆ ได้ๆ วันนี้แม่ให้เจ้างดงามที่สุด…เฟิ่งเออร์ แม้ตบแต่งออกไปแล้วแต่เจ้าก็ยังเป็นบุตรของแม่และเสด็จพ่อ หากว่าซีห่าวทำสิ่งใดให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจขอเพียงเข้าบอกแม่ แม่จะให้เสด็จพ่อจัดการกับเขาเอง” ฮองเฮาหลี่อดเป็นห่วงบุตรีของตนมิได้ ด้วยเพราะตั้งแต่เกิดมาเฟยเฟิ่งมิเคยห่างจากอกบิดามารดาเลยสักครา“หึ อย่างซีห่าวนะหรือจะทำให้เฟิ่งเออร์เจ็บซ้ำน้ำใจ คงจะมีแต่คนของเรามากกว่าที่จะทำให้เขาปวดหัว” ฮ่องเต้เฟยหลงที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยเย้าบุตรของตน“โถ่ เสด็จพ่อละก็ ลูกมิได้ซุกซนถึงเพียงนั้นเสียหน่อย อีก
“อืม…แค่กๆ” เฟยฉีรู้สึกตัวขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ตาคมมองไปรอบๆ ก็พบว่าตะเกียงในห้องของเขาถูกจุดสว่างไสว ความทรงจำสุดท้ายคือเขารู้สึกตาพร่ามัว ทั้งยังเจ็บปวดไปทุกส่วน และหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับไป“องค์รัชทายาท ได้สติแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” จินเยว่ที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงได้ ไม่นานก็ได้เสียงไอของคนบนเตียงเขาจึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา จิเยว่รีบเดินไปรินน้ำอุ่นมาให้เฟยฉีทันที ร่างบางพยายามประคองร่างสูงให้ดื่มน้ำให้มากๆ ด้วยการขับพิษในครั้งนี้เฟยฉีเสียเลือดไปมาก“แค่กๆ จินเยว่” ปากหนาเอ่ยเรียกคนรักด้วยเสียงออดอ้อน ยังดีที่เฟยเทียนสั่งให้นางกำนัลเฝ้าอยู่หน้าห้องบรรทม ภายในห้องจึงมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น“พ่ะย่ะค่ะ”“จินเยว่”“อึก! พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทมีสิ่งใดจะรับสั่งกับกระหม่อมหรือ” ดวงใจน้อยๆ ของจินเยว่ถึงกับกระตุกเมื่อเห็นแววตาเว้าวอนของคนรัก“เยว่เยว่ เยว่เยว่”“ว่าอย่างไร”“ข้าเจ็บไปทั้งตัวเลย ฮึก! ใจข้าก็เจ็บ” ร่างสูงโถมกายเข้าซุกซบกับอกของ จินเยว่จนล้มหงายหลัง“ชะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปนำยามาให้ องค์รัชทายาทปล่อยกระหม่อมก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ หากข้าปล่อยเจ้า เจ้าก็จะหนีไป”“กระห
"ซี๊ดดดดด ตัวเล็กกระจิดริดเหตุใดจึงกัดเจ็บถึงเพียงนี้นะ”จินเยว่ที่กำลังเก็บสมุนไพรเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังแว่วเข้ามาในหู ใบหน้าแสนน่ารักหันไปหันมาเพื่อสำรวจหาต้นเสียง เขาเดินไปตามเสียงที่ได้ยินสุดท้ายก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังก้มๆ เงยๆ ล้างเลือดออกจากแผลบนมือ จินเยว่ขมวดคิ้วแน่นคิดไม่ตกว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่ หากเข้าไปช่วยจะเกิดเหตุการณ์ดังเช่นครั้งก่อนหรือไม่“เจ็บๆ หากรู้ว่ากัดเจ็บถึงเพียงนี้ อย่าหวังว่าข้าจะช่วย ข้าจะปล่อยเจ้าแห้งตายอยู่ในกับดักโง่ๆ นั่น ฮึ่ย!” เสียงบ่นกับตนเองของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นทำให้จินเยว่อดยิ้มขำออกมามิได้ หากให้เขาคาดเดาชายหนุ่มผู้นี้คงจะช่วยสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดักแต่ดันถูกสัตว์ตัวนั้นกัดมาเป็นแน่จึงได้มานั่งบ่นอยู่เช่นนี้น่าสงสารเสียจริง…“คิกๆ” จินเยว่หยุดหัวเราะออกมาโดยมิรู้ตัว“ใครน่ะ” แย่แน่แล้ว!!! จินเยว่รีบหลบไปอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ร่างบางตัวสั่นเทา ใจหนึ่งก็นึกกลัว แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารชายหนุ่มผู้นั้นมิได้ หากชายหนุ่มถูกสัตว์มีพิษกัดเข้าเล่าจะทำเช่นไร“ข้าถามว่าใคร ออกมา! มิเช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้ามาร้าย” จินเยว่ได้ยินเสียงเข้มเอ่ยดังนั้นจ
Comments