ธนภพยอมรับหมดใจเลยว่าตอนนี้เขาหลงเด็กในปกครองของตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว แค่มีเธออยู่ใกล้ๆ เขาก็พร้อมจะเสียการควบคุมตัวเองชนิดที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แม้แต่ประภาพรรณภรรยาผู้ล่วงลับ ภาวิดาเหมือนขนมหวานที่คนกินต้องติดใจ
더 보기“เด็กที่คุณตามหานั่งอยู่นั่นไงคะ”
คนพูดคือหญิงวัยกลางคนผู้เป็นคุณครูใหญ่ของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแห่งนั้น และคนที่เจ้าหล่อนเอ่ยถึงคือเด็กหญิงวัยสิบขวบที่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ชิงช้าเงียบๆ ผิดกับเด็กคนอื่นที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในบริเวณเดียวกัน
“คนที่นั่งชิงช้าตรงนั้นหรือครับ”
“ถ้าคุณหมายถึงเด็กที่มาจากสลัมร่วมอารีที่เพิ่งโดนไฟไหม้ล่ะก็ เห็นจะมีแค่เด็กคนนั้นคนเดียวแหละค่ะ” คุณครูสาวใหญ่ตอบ พลางลอบสังเกตอีกฝ่ายเงียบๆ
บุรุษวัยประมาณสามสิบเศษ ท่าทางภูมิฐาน และน่าจะมีฐานะทางสังคมที่ดี เพราะชื่อบนนามบัตรที่เขายื่นให้ ไกรภพ บุรณากรณ์ ตลอดจนการแต่งกายตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนของมีราคา นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นทอดมองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างหม่นหมอง
ข่าวหน้าหนึ่งที่เคยอ่านแบบผ่านๆ เพราะมีแต่ข่าวร้ายรายวันนั้นคงไม่น่าสนใจ หากไม่บังเอิญสะดุดเข้ากับรูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่แสนคุ้นตา บนข่าวพาดหัวใหญ่สุดของวันนั้น ‘เผาไล่ที่ชุมชนแออัดวอด’ เพียงแค่เห็นชื่อเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตในกองเพลิงอย่างน่าอนาถผู้นั้นกับตา เขาก็แทบล้มทั้งยืน
‘ศศิลดา ธนวิจักร’ ภาพกรอบถัดมาคือเด็กหญิงผู้หนึ่งที่กำลังทำท่าคล้ายจะกระโจนเข้าไปในกองเพลิง ดีแต่คนรอบข้างคอยยื้อหนูน้อยไว้ไม่ให้ทำตามใจได้ ดวงหน้าที่มอมแมมด้วยเขม่าควันดำถอดแบบมาจากสาวเคราะห์ร้ายผู้นั้นราวกับพิมพ์เดียวกันร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ และนี่เองคือเหตุผลที่เขาต้องรีบมาที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแห่งนี้ สายเลือดในอกแห่งเธอผู้นั้นคือสายใยเดียวที่ทำให้เขาเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวที่ติดค้างในหัวใจมาจนถึงวันนี้
“น่าสงสารนะคะ แม่ก็ต้องมาตายเสียในกองไฟ ญาติก็ไม่มีสักคน ยังดีที่มีพลเมืองดีเวทนาเอาตัวมาส่งให้เราเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องเร่ร่อนเป็นภาระสังคมแน่ทีเดียว”
“แล้วพ่อของเด็กล่ะครับ”
“ไม่ทราบสิคะ ตอนมีคนพามาส่งก็ถามแล้วนะคะ แต่ไม่มีใครทราบเลย แถมเด็กก็ไม่ยอมพูดยอม ถามอะไรก็เอาแต่ร้องไห้ นี่ดีขึ้นมากนะคะไม่ค่อยร้องหนักเท่าวันแรก”
“เด็กคนนี้ชื่ออะไรครับ”
“เห็นเจ้าตัวบอกว่าชื่อศุภิสรา ธนวิจักร และชื่อเล่นว่า ‘ทราย’ ค่ะ” ดวงหน้าหวานของเด็กตรงหน้าคงดูสดใสขึ้น หากถูกระบายด้วยรอยยิ้ม เฉกเช่นเด็กสาวแสนสวยที่เขาคุ้นเคยในอดีตที่ติดตรึงใจมากว่าสิบปี อดีตที่อยากลืมแต่กลับเด่นชัดในความทรงจำ จนถึงวันหนึ่งที่เธอผู้นั้นพาความทรงจำแสนงดงามหายไปเหลือไว้เพียงความเจ็บปวดในใจ
“แล้วถ้าผมจะรับเด็กคนนี้ไปอุปการะต้องทำยังไงบ้างครับ”
เมื่อรถเก๋งคันงามแล่นผ่านประตูรั้วอัลลอยที่เปิดอัตโนมัติ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเด็กหญิงวัยสิบขวบคือ บ้านสีขาวหลังงามที่ใหญ่โตราวกับปราสาทในเทพนิยายที่มารดาเคยเล่าให้ฟัง รอยหม่นหมองในดวงตาคู่สวยเริ่มมีความหวังขึ้นอีกครั้ง หลังจากบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยซุกหัวนอนถูกไฟผลาญวอดวาย จนพรากแม่สุดที่รักไปจากเธออย่างไม่มีวันกลับ
“ชอบบ้านใหม่หรือเปล่าหนูทราย” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามอย่างเอ็นดู
“บ้านคุณลุงสวยเหมือนปราสาทของเจ้าหญิงในนิทานของแม่เลยค่ะ” ทราย หรือ ศุภิสรา ยิ้มเศร้าๆ เมื่อเอ่ยถึงคนเป็นแม่ น้ำตาก็เริ่มรื้นขึ้นในลูกแก้วงามคู่นั้นอีกครั้ง “แต่หนูอยู่ที่นี่ได้จริงๆ เหรอคะ” คำถามไร้เดียงสานั้นทำให้คนฟังสะท้อนใจ อดคิดถึงเด็กสาวอีกคนในอดีตขึ้นมาไม่ได้
‘ศศิลดา’ รักแรกและรักเดียวของเขา คนที่เคยฝากบาดแผลไว้ในหัวใจมาเนิ่นนาน หากแต่เหนือสิ่งใดแล้วยังมีอะไรบางอย่างในตัวเด็กหญิงที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษตั้งแต่เมื่อแรกที่ได้พบ
“จริงสิจ๊ะ จากนี้ไปที่นี่จะเป็นบ้านของหนู และลุงสัญญานะว่าจะดูแลหนูอย่างดีที่สุด” คุณไกรภพดึงร่างเล็กเข้ามากอดอย่างเอ็นดู ทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตด้วยความตื้นตัน แต่ด้วยความอ่อนเดียงสา ทำให้หนูน้อยไม่ทันสังเกตเห็นรอยกังวลของผู้มากวัยกว่าที่รู้ดีแก่ใจว่า ‘ปัญหาใหญ่’ ต้องเกิดขึ้นแน่
“อุ๊บ!” คนถูกยัดขนมป้อนอย่างไม่ทันตั้งตัวแทบสำลักหน้าดำหน้าแดง ดวงตาเข้มวาววับเอาเรื่อง แต่ทว่าก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะกลายร่างเป็นกระสอบทราย จู่ๆ เสียงระฆังสวรรค์ก็ดังเข้ามาช่วยชีวิตน้อยๆ ไว้ได้เสียก่อน“คุณทรายคะ คุณทราย อะ...อ้าว” คนมาใหม่ชะงัก ดีที่ร่างบางสะบัดออกมาได้หวุดหวิด ทำให้คนสนิทของคุณพรรณรายไม่ทันเห็นภาพกีฬามันๆ ระหว่างคนทั้งคู่“คุณเพชรก็อยู่ด้วยเหรอคะ ป้านึกว่ากลับตึกใหญ่ไปแล้วซะอีก” ป้าอบมองภาพคนตัวสูงที่พยายามแอบกล้ำกลืนขนมเจ้ากรรมนั้นลงคออย่างยากเย็นด้วยความงุนงง“พอดีได้กลิ่นขนมหอมดี ก็เลยแอบเข้ามาชิมน่ะครับ ไม่นึกว่าเจ้าของเขาจะหวง” เจ้าของขนมค้อนขวับ“โธ่เอ๊ย...หวงแหงอะไรกันคะ ถ้าอยากชิมก็ขอกันดีๆ คุณทรายเธอก็คงใจดีให้ชิม คุณเพชรน่ะช่างหาเรื่องมากกว่า” ท้ายประโยคหันมาพยักพเยิดเอากับคนถูกกล่าวหา “ค่ะ ถ้าแค่ขนม เท่านั้น น่ะ ขอกันดีๆ ก็ไม่หวงหรอกค่ะ” คนพูดพยายามเมินสายตาบอกบุญไม่รับคู่นั้นอย่างจงใจ “นี่ก็กำลังจะยกออกไปให้ชิมอยู่พอดี ป้าอบมาก็ดีแล้วค่ะ งั้นหนูฝากช่วยจัดการให้คุณเพชรเธอชิมด้วยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวทรายขอตัวไปหาคุณท่านก่อน ว่าแต่ตอนนี้คุณท่านอยู่ที่ไหนคะ”“
เพียะ!เสียงนั้นราวกับสะท้อนมาจากที่ไกลลิบๆ และภาพตรงหน้ากลายเป็นภาพสโลว์โมชั่น วงหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามฝ่ามือที่ฟาดจนเต็มแรง และผลแห่งโทสะที่บันดาลไปตามวาจาที่ยั่วยุคือรอยนิ้วครบทั้งห้าประดับบนแก้มของอีกฝ่ายชัดเจน ดวงตาวาวโรจน์ที่ตวัดมองมาราวกับมีเปลวไฟร้อนร้ายลุกโชนอยู่ในนั้น ทรายมองฝ่ามือพิฆาตของตนที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมจากผ้าก๊อซหนาเตอะฝีมือผู้ชายตัวโตตรงหน้า และแล้วเขาก็ทำสำเร็จจนได้ แม้ความสำเร็จนั่นจะแลกมาด้วยความเจ็บตัวก็ตาม แต่เขาเป็นผู้ชนะกับระเบิดที่เขาจงใจวางล่อไว้... แล้วเธอก็หลงเดินเหยียบมันเข้าจนได้ และดูท่าเจ้าระเบิดนั่นเริ่มทำงานแล้วด้วย สัญญาณอันตรายที่ส่งตอบมาจากชายหนุ่ม ทำให้เจ้าของฝ่ามือถึงกับผงะ แต่พยายามฝืนตัวไม่ให้ถอยหลังหรือเสียหลักล้มจนเป็นที่น่าสมเพชเวทนาไปมากกว่านี้ เพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็นับว่าศักดิ์ศรีของเธอก็ถูกคนตรงหน้าบดขยี้จนแทบไม่มีอะไรเหลือให้ภาคภูมิใจได้อีกแล้ว หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกต่างๆ ไว้เต็มกำลัง“เก่งนี่ ” เสียงกร้าวคำรามลอดไรฟัน ก่อนย่างสามขุมเข้ามาด้วยท่าทีคุกคามทางประสาทอีกครั้ง แต่คราวนี้อีกฝ่ายกลับเดินเกมนิ่งบ้าง สีหน้าเรียบเฉ
“ไม่... ฉันทำไม่ได้ค่ะ”“ฉันไม่ได้ขอร้อง แต่เธอต้องทำตามคำสั่ง หรืออยากให้ทุกคนรู้เรื่องเมื่อคืน...”“คุณขู่ฉัน?” หญิงสาวมองตาค้าง“ขู่หรือเปล่า อยากลองดูก็ได้นี่”“คุณมันใจร้ายที่สุด ” เสียงที่เค้นออกมาสั่นเครือ ขอบตาร้อนผ่าวจนปวดแสบไปหมด“มันก็สมน้ำสมเนื้อดีไม่ใช่หรือ เอาล่ะ เลือกเอานะว่าจะทำตามที่ฉันสั่ง หรือว่า...” เขาแกล้งละคำไว้ให้จินตนาการ หญิงสาวมองหน้าคมเข้มอย่างชั่งใจ เธอรู้ดีว่าเขาทำได้ทุกอย่างตามที่พูด พีรภัทรที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเสือร้ายที่พร้อมขย้ำเหยื่อที่เขาเกลียดชังให้ตายคามือทุกเมื่อ และเธอคือ... เหยื่อคนนั้น“คุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้” ศุภิสราพยายามสะกดกลั้นความโกรธทั้งหมดไว้ ก่อนใช้ส้อมจิ้มขนมในมือคาบใส่ปากตัวเองไว้หลวมๆ นึกเจ็บใจค่าที่ปั้นขนมก้อนเล็กไปจนแทบไม่มีพื้นที่ให้คาบมากนัก สายตาหวานปนโศกจ้องริมฝีปากที่ลอยยั่วเย้าอยู่เบื้องหน้า ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหาเขาเพื่อให้จบๆ เรื่องบ้าๆ นี้ไปเสียทีพีรภัทรยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ มองคนที่หลับหูหลับตาป้อนขนมในท่าสุดแสนพิศดารชวนหวามนั่นอย่างสาสมใจ และเมื่อขนมมาชิดริมฝีปากของเขา แทนที่ชายหนุ่มจะอ้าปากรับ หากเขากลับแ
ถ้าหายตัวไปได้ ศุภิสราอยากหายไปซะเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อทำไม่ได้ก็จำเป็นต้องอ้อมแอ้มเบาๆ “ขนมซ่อนรักค่ะ”ชื่อขนมแปลกหูนั่นทำให้คนฟังหนุ่มหันขวับ ดวงตาวาวโรจน์ที่พยายามแลสบมาวาววามมีรอยเยาะหยันแปลกๆ“ขนมอะไรจ๊ะไม่ยักเคยได้ยินชื่อ เห็นจะต้องขอชิมหน่อยล่ะ” คุณพรรณรายเอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ก็นั่นน่ะสิครับ แค่ฟังชื่อก็ชวนน้ำลายสอแล้ว ท่าทางคงเป็นขนมที่อร่อยสิ้นดีเลยนะ ฮึ ขนมซ่อนรัก...” น้ำเสียงลากยาวประชดประชันฟังแล้วกวนประสาทคนฟังได้ดีพิลึก “แหม ขนาดมีรักยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ ซ่อนไว้มากๆ ระวังจะอกแตกตายสักวันนะ”ศุภิสราเม้มริมฝีปากแน่น ข่มใจไม่ให้หลงโกรธไปกับคารมเหลือร้ายนั่น หากแต่ดูเหมือนจะมีเธอคนเดียวที่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ความลับที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ของเขาและเธอกำลังย้อนรอยมาทำร้ายเธอเข้าให้แล้วพอมื้ออาหารเช้าที่เกือบจะกลายเป็นสงครามเย็นจบลง หญิงสาวก็รีบขอตัวไปทำขนมเจ้าปัญหาของเธอต่อโดยไม่สนใจนัยน์ตาเย็นชาที่ชวนหาเรื่องคู่นั้น ‘กับระเบิด’ ที่เขาพยายามวางไว้ เรื่องอะไรเธอจะเดินไปเหยียบมันง่ายๆ ให้เขาหัวเราะเยาะเอาล่ะมือบางค่อยๆ ตักขนมออกจากซึ้งมาจัดเรียงอย่างสวยงาม จานหนึ่งสำหรับคุณท่า
“ว่าไปนั่นน่ะ หลานฉัน ” คุณพรรณรายว่าพลางค้อนหลานชายตัวดี “ ไม่มีใครเขาคิดกับเราอย่างนั้นหรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นป้านี่แหละมั้ง ชักรำคาญหู”ศุภิสราเงยหน้ามองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู เพราะปกติคุณท่านของเธอไม่ค่อยชอบพูดต่อปากต่อคำกับใคร หากกับเขาผู้นี้คุณพรรณรายกลับมีเรื่องให้สนทนาได้ไม่ขาดปาก แต่มานึกอีกทีก็ไม่แปลก ในเมื่อเขาเป็นหลานชายคนโปรดนี่นา ส่วนเธอมันก็แค่... ส่วนเกิน“แล้วนี่เมื่อไหร่หมอเขาจะให้พ่อเรากลับบ้านสักที หืม” คำถามนี้ดึงความสนใจของคนที่กลายเป็นส่วนเกินหูผึ่งไปด้วย“น่าจะอีกไม่กี่วันนี้ล่ะครับ คุณหมอเขาอยากดูอาการให้แน่ใจก่อน อีกอย่างคุณพ่อเองก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วย ถ้าให้กลับบ้านก็คงต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแล เพราะผมไม่ไว้ใจ...ใคร” หางเสียงกระแทกหนักๆ สายตาคมตวัดไปทางคนแอบฟังอย่างรู้ทัน“ถ้าอย่างนั้นก็ดี แล้วนี่แม่เราล่ะ เขาว่ายังไงบ้าง”“ก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ครับ” อันที่จริงควรบอกว่าแม่ของเขาแทบจะไม่ถามถึงพ่อเขาด้วยซ้ำไป “แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา นี่ผมว่าจะเกณฑ์คนให้ช่วยจัดเตรียมห้องสำหรับคนป่วยด้วย ผมอยากให้บรรยากาศในบ้านน่าอยู่กว่านี้ครับ”“อืม ก็ไม่เลวนะ บางทีบรรยากาศดีๆ อาจช
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณท่าน ขอโทษที่ซุ่มซ่ามนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปจัดการเก็บให้เรียบร้อย แล้วจัดสำรับให้ใหม่ โอ้ย...” อารามรีบทำให้โดนเศษชามที่แตกบาดมือจนสะดุ้งโหยง เด็กสาวลืมตัวรีบสะบัดมือเร่าๆ ด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นรอยเลือดแดงฉานซึมจากบาดแผลตัวเอง วงหน้าเรียวหวานก็ซีดเผือด รีบเอามือซ่อนไว้ด้านหลังตัวเองทันที หากก็ช้ากว่าคนที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ คนตัวสูงรีบปราดเข้ามาคว้ามือข้างนั้นไว้อย่างว่องไว เสียงห้าวๆ กระซิบคำรามใส่เมื่ออีกฝ่ายพยายามขัดขืน“อยู่เฉยๆ สิ เลือดออกแล้วเห็นไหม” คนฟังชะงัก เงยหน้ามองคนพูดอย่างตกใจราวกับเห็นผี ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้เพียงแค่นิดเดียว ทำเอาเลือดในร่างเย็นเฉียบราวกับจะเป็นน้ำแข็งเสียให้ได้ น้ำเสียงที่เอ่ยไม่ได้นุ่มนวลสักนิด หากฟังแล้วอุ่นใจ หญิงสาวมองมือแกร่งกดที่บาดแผลก่อนล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อของเขากดห้ามเลือดไว้อย่างสืมตัว “แม่อบครับ ขอกระเป๋ายาหน่อยได้ไหมครับ” เสียงสั่งการนั้นทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกสองชีวิตได้สติ แม่อบรีบวิ่งเข้าไปหยิบของตามที่ชายหนุ่มสั่งทันที“พาไปนั่งที่ห้องนู้นก่อนดีกว่านะ ตาเพชร” คุณพรรณรายรีบบอกอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มไม่ได้เอ
“อ้อ ไม่เป็นระ...” ว่าแล้วคนพูดก็นึกอะไรแวบขึ้นมาได้ “ถ้างั้นทรายรบกวนป้าอบช่วยเอาเครื่องกรวดน้ำนี่ไปให้คุณท่านที่หน้าบ้านหน่อยได้หรือเปล่าคะ”คนมากวัยเงยหน้ามองหญิงสาวอย่างแปลกใจ เพราะโดยปกติน้อยกว่าน้อยที่เจ้าหล่อนจะขอไหว้วานให้ช่วยทำอะไรให้ แต่พอได้ยินเหตุผลที่สาวน้อยตรงหน้ายกมาอ้าง คนถูกไหว้วานก็ไม่ได้คิดมาก“พอดีทรายเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เตรียมแป้งทำขนมเลย พี่โทจะมาบ่ายนี้แล้วด้วย ทรายกลัวจะทำไม่ทัน” แม่อบยิ้มเอ็นดูเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่คนตรงหน้าบอกว่าอาสาจะมาติวหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน และสาวน้อยก็ตั้งใจจะทำขนมสูตรอร่อยของย่าโทรินทร์ให้เขาและคนในบ้านชิมเป็นการตอบแทนน้ำใจ“ได้สิคะ เดี๋ยวป้าเอาไปให้คุณท่านเอง แต่ข้าวต้มนี่...”“อ๋อ ไม่ต้องห่วงค่ะเดี๋ยวหนูจัดการต่อให้เอง เชื่อมือได้เลย รับรองกินได้แน่นอนค่ะ” คนพูดทำเป็นยิ้มร่าเริงกลบเกลื่อน แต่ในใจนั้นเต้นระทึก“ค่า ป้าเชื่อแล้วค่ะ” แม่อบว่ายิ้มๆ ไยจะไม่รู้ฝีมือกับรสมือลูกศิษย์ที่ทั้งตนและนายของตนเพียรถ่ายทอดวิชาให้กับมือ แล้วเด็กสาวตรงหน้าใช่แค่จะรับวิชามาแบบผิวเผิน หากทว่าศุภิสรานั้นต้องเรียกว่าเป็นศิษย์เอกที่มีฝีมือ
คำนั้นมีผลทำให้มือที่กำลังจัดเรียงถุงอาหารพลันชะงักค้าง ชื่อที่หลุดออกมาราวกับลิ่มคมๆ ตอกย้ำซ้ำเติมเข้าใส่ แม้ทำเป็นไม่ได้สนใจ วงหน้างามกลับสลดวูบ รีบหันขวับไปมองทางตึกใหญ่ทันควัน ขณะนั้นร่างสูงใหญ่กำลังเดินลงมาจากตึกและมีทีท่าว่าจะตรงดิ่งมาในไม่ช้า หญิงสาวรู้สึกเลือดในตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปชั่วขณะ อุปทานหรือไรนะ... เธอเห็นรอยยิ้มจากคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา มันเป็นรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่สะกดสายตาให้คนที่ได้เห็นหลงใหล แต่ทว่ากลับแฝงด้วยอันตรายอะไรบางอย่างที่ชวนให้พรั่นพรึงหัวใจสำหรับเธอ... รอยยิ้มซาตาน!“อ้าว แล้วนั่นเราจะไปไหนน่ะ” หญิงมากวัยเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กในปกครองเริ่มมีทีท่าลุกลี้ลุกลนแปลกๆ“ลืมเครื่องกรวดน้ำค่ะ จะเข้าไปเอาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ” หญิงสาวรีบหาข้ออ้าง จะหาว่าขี้ขลาดหรืออะไรก็ช่างหัวมันเถอะ แต่เธอยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขาเวลานี้ โดยเฉพาะต่อหน้าคุณพรรณราย!“เดี๋ยวก่อน... ค่อยกลับไปกรวดที่บ้านก็ได้... แล้วกัน” ห้ามไม่ทันขาดคำ ร่างบางก็รีบร้อนเดินจ้ำอ้าวหายลับไปจากตรงนั้นเสียก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินมาถึงอย่างเฉียดฉิว แม้แปลกใจแต่คุณพรรณรายก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรสายตาคมกริบตวัดมอง
มันช่างเป็นความสะใจที่น่าหงุดหงิดสิ้นดี! ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอิงประตูระเบียงห้องนอนของตน อารมณ์สดชื่นยามเช้ามีอันต้องขุ่นมัวไปทันใด เมื่อสายตาคมกล้าทอดมองผ่านรถวีลแชร์ของผู้เป็นป้าที่ถูกเข็นโดยคนสนิทไปยังเจ้าของเรือนร่างโปร่งระหงที่เดินกระเดียดถาดสำรับสำหรับใส่บาตรตามมาเบื้องหลังมา ดวงหน้าขาวนวลผุดผาดเรียบตึงราวขึงด้วยไหมชั้นเลิศ แม้เขาไม่อยากจะยอมรับสักนิดก็ตาม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอดูดีเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก แถมเป็นความสวยแบบธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องเติมแต่งเลยด้วยซ้ำ แม้ยามนี้จะเผือดซีดไร้สีเลือดไปบ้าง แต่นอกนั้นก็ดูปกติ ใช่... มันดูปกติดีเกินไปจนน่าหงุดหงิดด้วยซ้ำแม้จะไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องที่เขาจงใจก่อเหตุไว้เมื่อคืนจะสร้างรอยร้าวจนทำให้เจ้าหล่อนกระเด็นออกไปจากวงจรชีวิตของเขาและครอบครัวแบบถาวรได้ แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ... เขาไม่อาจคาดเดาอารมณ์ใดๆ จากเจ้าของดวงหน้าหวานล้ำนั้นได้นี่สิเจ็บปวด... เศร้าโศก... เสียใจ... ตกใจ... โกรธขึ้ง... เกลียดชัง... หรือแม้แต่... ช็อก อะไรก็ได้สักอย่างสิน่า แต่นั่นล่ะ... ทุกอย่างที่เขาหวังจะได้เห็นล้วนไม่ปรากฏบนใบหน้า
댓글