เจ้าแห่งภูตผีปีศาจอย่างนางแมวดำในตำนานพื้นบ้านของทางภาคเหนือ ได้ตกต่ำที่สุดหลังจากถูกดูดกลืนพลังไป เธอได้หลุดเข้ามาในเมืองมนุษย์เพื่อซ่อนตัวหลบหนีรักษาตัวเอง แต่เขาที่เดินทางมาเจอกับนางแมวผู้แสนร้ายกาจในคราบเจ้าเหมียวน้อยน่าสงสารจึงได้เก็บไปเลี้ยง "น่าสงสารจริงเจ้าแมวขี้เรื้อน" ...ไอ้หมอนี่...ปากหรือนั่น เดี๋ยวแม่จะตะปบให้เป็นลายทางเลย... ได้แต่คิดในใจแต่ทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ในร่างเจ้าเหมียวน้อยที่อ่อนแรง คงจะต้องยอมๆไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้...ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้นกับชีวิตของชายหนุ่มไปตลอดกาล....
View More“เจ้าเหมียวขี้เรื้อนนี่...น่าเวทนาเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพาให้นิลมณีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก แต่ในสายตาคมของชายหนุ่มกลับมองว่าแมวดำตัวน้อยนี้ทำหน้าน่าสงสารน่าเอ็นดูเสียจริง เขาค่อยๆนั่งลงด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวน้อยสีดำนั้นขึ้นมา
...ไอ้มนุษย์โสโครกนี่!! ปล่อยข้านะ!!... เสียงที่เอื้อนเอ่ยของเธอในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงร้องเหมียวๆ สายตาดุดันน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสายตาออดอ้อนซึ่งชายหนุ่มมองว่าแมวตัวน้อยนี้คงกำลังดีใจที่เขาจะเก็บมันกลับไปเลี้ยง
“รู้ว่าดีใจ ช่วยเลิกร้องได้ไหมเจ้าเหมียว คอนโดฉันห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่าแกน่าเวทนาหรอกนะ”
...ใครอยากให้มาเวทนากันยะ!!....เฮ้ย!!... ไม่ทันที่จะได้ร้องเหมียวเถียงชายหนุ่มต่อ เขาก็จัดการจับเธอยัดใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาก่อนจะรีบวิ่งกลับคอนโดทันที
ชายหนุ่มรีบเข้าห้องของตัวเองก่อนจะนำกระเป๋าที่ใส่ลูกแมวตัวสีดำสนิทนั้นไปวางไปบนโซฟา ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วอุ้มเจ้าลูกแมวออกมาที่ตอนนี้มันคอพับไปแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ตกใจสุดขีด ก่อนจะพยายามใช้ปลายนิ้วคลำหาหัวใจของเจ้าแมวน้อย
....นี่แกจับตรงไหนกับฮะ?!!.... นิลมณีถึงกับสะดุ้งก่อนจะร้องเหมียวออกมา ชายหนุ่มเห็นว่ามันร้องเหมือนปกติก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ นิลมณีมองใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง พึ่งเห็นชัดๆก็ตอนนี้ว่าเขาหล่อเหลาไม่หยอก เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆห้องอย่างสงสัย ดูจากห้องแล้วคอนโดเขาอยู่คงไม่แพงเท่าไหร่นัก นั่นแสดงว่าเขาคงเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรดาๆแน่ๆ
“หิวไหมเจ้าแมวขี้เรื้อน ฉันซื้ออาหารเปียกมาให้แกด้วยนะ” ว่าแล้วเขาก็วางเจ้าแมวตัวน้อยลง ก่อนจะหันไปค้นกระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วหยิบอาหารเปียกที่เขาพึ่งแวะซื้อมาจากมินิมาร์ทใต้คอนโด นิลมณีมองชายหนุ่มที่กำลังเทอาหารเปียกให้เธอด้วยใบหน้าที่ดูขยะแขยงอาหารเปียกนั้น ก่อนที่เขาจะยกจานอาหารเปียกมาให้เธอแต่ทว่าเธอกลับเบือนหน้าหนีแล้วพยายามเดินไปทางอื่นแต่ทว่า...
ตุ้บ! เหมี๊ยวววว!!
“เจ้าแมวโง่ เดินยังไงให้ตกโซฟาวะ” นิลมณีร้องเสียงหลง ร่างกายบอบช้ำอยู่แล้วแต่เพราะเชิดหน้าหลับตาเดินหนีอาหารที่เขาให้จนไม่ทันสังเกตว่าตัวเองอยู่ขอบโซฟา ก้าวพลาดร่วงลงกระทบพื้นเข้าอย่างจังโดยไม่ทันได้ตั้งท่า ไม่หนำซ้ำยังโดยมนุษย์ผู้ชายมองว่าโง่เสียอีก
....หายดีเมื่อไหร่ แม่จะตะปบให้แขนลายเลย... ได้แต่คิดอยู่ในใจพร้อมจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่อุ้มเธอขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนชายหนุ่มจะมองสายตาของเธอไม่ออก เพราะมันดูน่ารักไปเสียหมดเมื่ออยู่ในร่างนี้
“จะตั้งชื่อแกว่าอะไรดี แมวดำตาสีฟ้า...อืมมมม...” ชายหนุ่มอุ้มเจ้าเหมียวเข้าไปใกล้จ้องมองสำรวจเจ้าแมวเหมียวแล้วทำหน้าท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
...ข้าชื่อนิลมณี...
“อืมมมม....”
...เจ้ามนุษย์โง่ ข้าบอกว่าข้าชื่อนิลมณี!!...
“รู้แล้วๆ เลิกร้องได้แล้วเจ้าดำ”
...ดำบ้านแป๊ะแกดิไอ้มนุษย์หน้าอาหารเปียก!...
“แกร้องแบบนี้แสดงว่าไม่ชอบ...ตัวผู้หรือตัวเมียวะเนี่ย” ชายหนุ่มคิดชื่อไม่ออกจึงคิดว่าต้องรู้ก่อนว่าแมวตัวนี้ตัวผู้หรือตัวเมียถึงจะคิดชื่อได้ ว่าแล้วก็พลิกเจ้าเหมียวหงายท้องพยายามจ้องมองระหว่างขาเล็กๆของเจ้าแมว แต่เจ้าแมวเหมียวกลับเอาหางปิดเสียอย่างนั้น
...อะ...ไอ้บ้า! คนบ้าอะไรมาดูจิมิคนอื่น!... นิลมณีร้องท้วงขึ้นมาในใจ ทั้งโกรธทั้งเขินจนแทบอยากจะฉีกร่างชายตรงหน้าทิ้งไปเสีย ที่บังอาจมาหยามศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงอย่างเธอ ถึงเธอจะเป็นปีศาจแต่เธอก็ไม่เคยมีชายใดมาแตะต้อง
“เอาหางออกสิ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไง”
...ไม่เฟ้ย! อ๊าย! อย่านะ!! อ๊ะ!!.... ร้องเหมียวห้ามพลางดิ้นไปมาแต่ก็ไม่พ้นมือใหญ่ของชายหนุ่มตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวเขี่ยหางของเธอออกก่อนจะตรวจดูว่าแมวตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
“ตัวเมีย...งั้นชื่อสีนิล” พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งด้วยชื่อที่คิดขึ้นมาง่ายๆ ส่วนนิลมณีนั้นรู้สึกโกรธจนตัวสั่นแถมยังเขินจนแทบจะมุดหน้าหนี ราชาปีศาจอย่างเธอต้องมาเจอชายชาวมนุษย์ทำแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
“สีนิลคือชื่อเธอ ส่วนฉันชื่อดีน ต่อไปฉันจะเป็นคนเลี้ยงเธอเอง” เมื่อรู้ว่าเจ้าแมวเหมียวเป็นตัวเมียก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับดีนนั้นคิดว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนไว้แก้เหงาและคอยอยู่ด้วย
ด้วยความที่ตัวเขาเองค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคุยกับใครในที่ทำงาน เวลาพูดออกไปคนส่วนใหญ่จะรับไม่ได้เพราะพูดขวานผ่าซากจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะคุยกันเสียเท่าไหร่ ถึงเขาจะเป็นถึงหัวหน้าแต่ลูกน้องก็ไม่ได้เข้าหามากมายนอกเสียจากว่าเป็นผู้หญิง ที่ตั้งใจจะเข้าหาเขาเพราะต้องการอย่างอื่น
...ก็ไม่โง่เท่าไหร่นี่นา...สีนิล...ฮึ...ถึงจะดูเชยสะบัดก็เถอะ... เธอคิดอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็ยังดีที่ชื่อที่เขาตั้งนั้นมันคล้ายชื่อเธออยู่บ้าง เพราะอย่างไรเขาคงจะเรียกแค่นิลสั้นๆพยางค์เดียวแน่ และอีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองต้องรักษาตัวให้หายดีก่อน การที่ถูกรับมาเลี้ยงก็คงจะดีกว่าอยู่ข้างถนน
“เธอไม่กินอาหารเปียก แล้วเธอจะกินอะไรละเนี่ย...หรือเพราะป่วยงั้นเหรอ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาเธอไปหาหมอล่ะกัน ยังไงคืนนี้เธอต้องไปนอนกับฉันในห้อง เผื่อตอนดึกเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ดูแลทัน”
ดีนพูดขึ้นพร้อมกับอุ้มร่างแมวของเธอไปยังห้องนอนของเขา ดีนหยุดตรงข้างเตียงก่อนจะยกแมวที่อุ้มขึ้นมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง นิลมณีคาดเดาความคิดของเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงแค่เขามองที่เตียงและตัวเธอสลับกันไปมา
“สงสัย...เธอต้องอาบน้ำก่อนถึงจะนอนเตียงเดียวกับฉันได้” ว่าแล้วก็คว้าผ้าขนหนูในตู้ออกมาสองผืนเอามาพาดบ่าทั้งที่มือหนึ่งอุ้มแมวสีดำตัวเดิมนั่นคือนิลมณีไว้ แล้วพาเข้าห้องน้ำไป นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ร้องเสียงแมวออกมาลั่นห้อง พยายามดีดดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะดีนปิดประตูล็อคกลอนห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว
...ใครเขาจับแมวอาบน้ำยะ! ไม่รู้หรือไงว่าแมวไม่ชอบน้ำตาบ้า!! ไม่เคยเลี้ยงแล้วอยากจะเลี้ยงทำไมเนี่ย!!...ลำบากแมวอย่างข้าจริงๆ!!...
นิลมณีพยายามเดินหนีพลางร้องเหมียวๆไปตลอดทางที่เดิน นั่นคือเสียงบ่นของเธอที่พอจะทำได้เท่านั้น เธอเดินเตาะแตะไปยังหน้าประตูพร้อมกับร้องเสียงแมวขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจเสียงร้องของเธอจนเธอต้องหันหลังกลับไปทางเขา
เหมี๊ยววววว!!!
ร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มรูปงามกำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองแทบจะทุกชิ้น และตอนนี้กำลังจะถอดบ็อกเซอร์แบรนด์หรูออก แต่เพราะเสียงของเธอที่ร้องดังขึ้นทำให้เขาชะงักแล้วมองไปยังเจ้าเหมียวนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เป็นอะไรของเธอ อาบน้ำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้ออกไปแล้วมาอาบน้ำก่อน” พูดแล้วก็ถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออกจนไม่หลงเหลือเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่บนเรือนร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นเลย นิลมณีหันกลับไปยังหน้าประตูแทบไม่ทันและไม่ยอมหันไปทางเขาซ้ำยังไม่ร้องออกมาสักแอะ นั่งแช่แน่นิ่งอยู่หน้าประตูตัวแข็งไม่กล้าขยับ ในหัวนี่คิดคำกร่นด่าชายหนุ่มไม่ทันแล้วไม่รู้ว่าจะด่ายังไงดี
“มานี่” ไม่พูดเปล่า เขาเดินโทงเทงไปอุ้มเจ้าเหมียวตัวน้อยนั้นขึ้นแม้ว่ามันจะร้องเสียงดังแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ ก่อนจะพามันไปยังฝักบัวเปิดน้ำแล้วเอามือที่เปียกชุ่มน้ำมาลูบมันอย่างเบามือ นิลมณีทั้งร้องทั้งดิ้นอยู่ในมือหนาของเขาราวกับกำลังโดนลวนลามอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมือของเขาลูบประปรายไปทั่วร่างแมวของเธอก็ยิ่งทำให้เธอดิ้น
“อย่าดิ้น เดี๋ยวน้ำเข้าตา” ยังคงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบใบหน้านิ่งเฉยและจัดการอาบน้ำให้แมวเหมียวตัวน้อยนั้น นิลมณีจะดิ้นมากก็ไม่ได้กลัวว่าสายตาจะไปปะทะสิ่งที่ไม่ควรมอง เท้าเล็กๆจึงทำได้เพียงกวัดแกว่งไปมากลางอากาศเพราะตัวถูกเขาอุ้มอาบน้ำอยู่ เธอทำได้แค่ตัวสั่นงันงกอยู่ในมือของเขานิ่งๆ
...พอแล้ว ฮึ่ย...บอกให้พอไงเจ้ามนุษย์!... ร้องเหมียวๆอยู่ในมือทั้งที่ตัวสั่นเทิ่ม อุณหภูมิของน้ำทำให้ร่างกายเล็กนี้หนาวสั่นจนคุมร่างกายไม่ได้ นิลมณีได้แต่หลับตานิ่งก่อนจะรู้สึกถึงความอุ่นจากผ้าขนหนูที่เขาคว้ามาพันรอบกายของเธอเอาไว้
“รอตรงนี้ก่อนนะ ขออาบน้ำก่อน” ดีนพูดพร้อมกับวางเธอไว้ตรงเคาน์เตอร์หน้ากระจกในห้องน้ำ แล้วหันไปอาบน้ำอาบท่าอย่างอารมณ์ดี นิลมณีในร่างแมวเหมียวนั่งขดหันหลังให้เขาอย่างหัวเสีย แต่ก็อดไม่ได้ที่แอบเหลียวหลังไปมองชายหนุ่มที่กำลังอาบน้ำอยู่ สายตาไล่มองเรือนร่างที่น่าหลงใหลของเขาก่อนจะรีบหยุดสายตาตัวเองไว้เมื่อมันเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆแล้วหันกลับไปนอนขดตัวดังเดิม
เจ้าแมวสีดำสนิทที่มีความคิดความอ่านนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแมวธรรมดาอย่างที่ชายหนุ่มคิด แมวน้อยเพศเมียจอมหยิ่งตัวนี้มาพร้อมกับความมืด ตามตำนานเคยบ่งบอกความเชื่อเรื่องแมวดำไว้หลายตำนานและเป็นตำนานที่ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ ผู้คนมักจะกลัวแมวดำกันเสียส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ความเชื่อนี้จางหายไป
ตั้งแต่นิลมณีมายังโลกมนุษย์เพียงแค่วันแรก ชายหนุ่มที่ชื่อว่าดีนก็ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าราชาปีศาจอย่างเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ในโลกมนุษย์ ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นที่น่านับถืออีกต่อไป ความน่าเกรงขามในตัวเธอก็จะกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับภูตผีระดับล่างแน่ๆ
“เจ้าไม่รู้กิตติศักดิ์ของข้ารึ? นางจิ้งจอก” พูดพลางบีบลำคอของฮู่ลี่แน่นขึ้นจนนางจิ้งจอกตรงหน้าเจ็บปวดเพราะโดนแผดเผา ลำคอไหม้ขึ้นเป็นสายเปื้อนรอยดำ ก่อนที่สายตาเหลือบปรายไปมองนิลมณีที่ทรุดตัวลงกับพื้น เธอปรือตามองภาพตรงหน้าแล้วล้มลงไป นั่นทำให้ดีนที่มีจิตวิญญาณของปีศาจพญาสิงห์ถึงกับละมือจากนางจิ้งจอกตรงหน้า รีบรุดเข้าไปหานิลมณีที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ฮู่ลี่ที่ล้มลงกับพื้นเอามือจับที่ลำคอของตนด้วยความเจ็บปวด ได้ทีก็รีบลุกขึ้นแล้วหนีหายออกจากห้องนั้นเพราะในสภาพตัวเองที่ตอนนี้รอยไหม้มันเริ่มลุกลามคงจะสู้พญาสิงห์ไม่ได้เป็นแน่ การกลับไปตั้งหลักคือเรื่องที่ดีที่สุด ... “นิลมณี” เขาพยายามเอ่ยเรียกแต่เธอกลับไม่มีการตอบสนอง ปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไปปรายตรงใต้จมูกโด่งสวยนั้น เพราะตอนนี้เธอเป็นมนุษย์ย่อมมีลมหายใจแต่ทว่า...ลำหายใจของเธอนั้นช่างโรยรินเสียเหลือเกิน...แทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ... “...ถ้าเป็นเช่นนี้...ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกเหนือจากนี้” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองใบหน้าสวยนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ บรรจงจุมพิตลงบนร
ราวกับรอบข้างหยุดชะงักไปทันตา..นิลมณีที่ตั้งจะเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบก็ถูกผลักไปติดกำแพงพร้อมกับมือเรียวจับอยู่ที่ลำคอของเธอ ความรู้สึกอึดอัดจนรู้สึกหายใจไม่ออกจากแรงบีบนั้น มือหนึ่งของนิลมณีได้แต่จับดันข้อมือของนางปีศาจจิ้งจอกเอาไว้ อีกมือหนึ่งทุบตีข้อมือข้างที่คว้าบีบเธออยู่ แว่นตาใสบนใบหน้าน่ารักที่ดูเฉิ่มเริ่มร้าวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะแตกละเอียดสลายหายไปชั่วพริบตา เผยให้ดวงตาสีแดงฉานของฮู่ลี่ นางปีศาจจิ้งจอกฮู่ลี่แสยะยิ้ม จ้องมองสีหน้าของนิลมณีด้วยแววตาที่ดูเหมือนว่าตนนั้นเหนือกว่า “แฮ่กๆ...แค่กๆ” นิลมณีพยายามที่จะหายใจเข้าออกสู้แรงบีบรัดของมือนั้น “เพราะเจ้าโง่เขลา...เข้าไปยุ่งกับมนุษย์อย่างลึกซึ้งถึงได้สูญพลังไปเสียสิ้นเช่นนี้” พูดพลางแสยะยิ้มเหลือบดวงตาสีแดงมองนิลมณีที่ใบหน้าขึ้นสีแดงไปหมดเพราะขาดอากาศหายใจ “แต่จะฆ่าทิ้งเสียก็คงจะง่ายไปหน่อย...อยากดูการละเล่นที่สนุกๆเสียหน่อย” ทันทีที่พูดจบร่างของนิลมณีและนางปีศาจจิ้งจอกอย่างฮู่ลี่ก็พุ่งไปยังห้องทำงานของดีนโดยที่สิ่งรอบข้างยังคงหยุดนิ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติราว
แม้ใบหน้าสวยจะเต็มไปด้วยรอยตบ เธอก็ยังหยัดตัวลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะกลับขึ้นไปทำงานตามปกติ เพียงแต่เธอเลือกที่จะหลบหน้าดีนก็เท่านั้น มีหรือที่ดีนจะไม่สังเกตเห็นแม้เธอจะพยายามนั่งทำงานหน้าคอมแล้วหันไปทางอื่นก็ตามดีนนั่งขมวดคิ้วมองท่าทีของนิลมณพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นรอยแดงบนใบหน้าที่ดูผิดปกติ ใบหน้าของเธอบวมเปล่งไม่เรียวสวยเหมือนก่อนหน้าที่เขาได้จ้องมอง ด้วยความสงสัยดีนเลือกที่จะเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเธอ นิลมณีก็เลือกที่จะหันเก้าอี้หลบเขาอีกจนเขาเดินอ้อมไปทางด้านที่เธอนั่งแล้วถือวิสาสะหันเก้าอี้ของเลขาสาวให้กลับมาเผชิญหน้ากับเขาใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอยบวมแดงนั้นเป็นรอยนิ้วมืออย่างชัดเจน ดีนยิ่งขมวดคิ้วและขบกรามแน่นกว่าเดิม สายตาคมที่ดูสงสัยในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันจนน่ากลัว...“ใครเป็นคนทำคุณ”“อะไร...”“ผมถามว่าใครเป็นคนทำคุณ!” เผลอเอ่ยเสียงดุจนคนที่นั่งอยู่อย่างนิลมณีถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะดีนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เขาไม่เคยขึ้นเสียงหรือดุเธอเลยสักครั้ง มีแต่ทำหน้ากวนประสาทไปวันๆ แต่นี่เขากลับดูโกรธจนเธอเองรู้สึกเกรง“ฉัน...จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่รู้จักยัยพวกนั้นสั
“เอ่อ...ไปกันได้รึยัง” นิลมณีพูดพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลบเลี่ยงสายตาคมและใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดีนได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักแต่ยังไม่ยอมละสายตาจากคนตรงหน้า ภายในใจรู้สึกว่าเธอกำลังปฏิเสธการกระทำของเขา อดคิดไม่ได้ว่า...หลังจากคืนนั้น เธอรังเกียจเขาหรือเปล่า “คุณนิล...รังเกียจผมเหรอ?” เลือกที่จะเอ่ยถามไปตรงๆ ถ้าหากเธอตอบว่ารังเกียจ เขาก็จะไม่ยุ่งกับเธออีกเพื่อให้เธอสบายใจและไม่ต้องอึดอัดเวลาที่อยู่กับเขา “ก็...ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ อีกไม่กี่นาทีเราก็ต้องเข้างานแล้ว” นิลมณีพูดบ่ายเบี่ยงก่อนที่ดีนจะยกข้อมือของตัวเอาขึ้นมาดูเวลา เขาเหลือบสายตามองใบหน้านิลมณีครู่หนึ่ง มือที่ค้ำยันกำแพงกั้นนิลมณีไว้ยอมละออก ดีนยิ้มรับเพราะมันจริงอย่างที่เลขาของเขาพูดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว “งั้นเราเข้าบริษัทกันเถอะ” เขาพูดพลางถือวิสาสะเดินจูงมือของนิลมณีเดินออกมาจากซอกตึกนั้น นิลมณีตั้งใจจะอ้าปากร้องห้ามแต่เขากลับไม่หันมามองเธอสักนิด เดินจูงมือเธออยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างจนมาถึงหน้าบริษัทใหญ่ นิลมณีชะ
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันกับดีนมาปกตินิลมณีและดีนจะตัวติดกันตลอด แต่พอช่วงหลังๆมานี้ แม้จะทำงานอยู่ห้องเดียวและเหมือนจะไปทานข้าวด้วยกันเพราะดีนเป็นคนเอ่ยปากชวนเสมอ แต่ก็มักจะถูกขัดจากพัชรรินทร์และฮู่ลี่ที่เอาเรื่องงานมาอ้างแยกดีนออกไปเสมอ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน...ด้วยความที่นิลมณีเป็นห่วงเนื่องจากหนึ่งในหญิงสาวที่ชวนดีนไปทานข้าวเสมอนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจ ขึ้นชื่อว่าปีศาจจิ้งจอกตำนานก็มักจะจบลงที่ควักหัวใจของชายหนุ่มหรือหญิงสาวมากินเป็นอาหารเพื่อเสริมพลังของตัวเอง เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นอมตะ...เธอจึงแอบตามพวกเขามาเงียบๆ สุ่มดูอยู่ข้างนอกและพลางตัว..“ร้อนก็ร้อน...หมอนั่นก็ซื่อบื้อชะมัด” นิลมณีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ตัวเธอเองแอบซุ่มดูอยู่นอกร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม้จะใส่แว่นและผ้าโพกหัวเพื่อพลางตัวแต่ก็ไม่อาจจะทนไม่บ่นเรื่องแดดจ้าได้...ทำไมเธอต้องมาทนทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ...เธอแอบคิดในใจ ไม่ใช่ว่าหาเหตุผลไม่ได้ แต่หากปล่อยให้โดนนางปีศาจจิ้งจอกกินไปเสียเธออาจจะได้พบกับอดีตจอมราชาก็ได้...แล้วทำไมเธอถึงเลือกที่จะช่วยกันล่ะ ในหัวตีกันยุ่งๆไปหมดจนไม่ได้ทันได้สังเกตว่าคนในร้านที่เธอมาเฝ้าดูได้หา
นิลมณีจ้องมองคนที่ลุกขึ้นยืนแนะนำตัวด้วยสายตาเขม็ง ดีนที่หันไปมองหน้าเลขาสาวก็พลอยเข้าใจผิดไปด้วยว่าเธอคงกำลังขู่ฮู่ลี่ด้วยสายตา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนิลมณีต้องการจะรู้จุดประสงค์ร้ายของนางปีศาจตรงหน้าที่แปลงเป็นคนมาเพื่อเหตุผลบางอย่าง เพราะเธอพึ่งจะมารู้ว่าเป้าหมายของนางจิ้งจอกไม่ใช่เธอการประชุมดำเนินต่อไปอย่างไม่มีติดขัด ระหว่างการประชุมแน่นอนว่านิลมณีจ้องมองฮู่ลี่เป็นระยะ แม้ว่าฮู่ลี่จะไม่ได้สนใจเธอเอาแต่จ้องมองดีนก็ตาม มันเป็นแบบนั้นจนจบการประชุม ทุกคนที่เข้าประชุมต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ มีเพียงนิลมณีที่เดินตามหลังดีนเพื่อกลับไปยังห้องทำงาน แต่ก็ไม่ทันที่จะได้เดินออกจากห้องประชุมก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน“เอ่อ...ประธานคะ” ดีนหันไปตามเสียงเรียกพร้อมนิลมณีด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง มองฮู่ลี่ที่ทำท่าทาเคอะเขินช่างแตกต่างจากสายตาที่มองดีนระหว่างประชุมเสียจริง“ครับ?”“ฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่...ไม่คิดว่าคุณจะเป็นประธานบริษัท ดีจังเลยค่ะอย่างน้อยก็ได้เจอคนคุ้นหน้า” แสร้งพูดแล้วยิ้มหวานอย่างนึกโล่งใจ&ldqu
Comments