หยางอี้หรู นักธุรกิจสาว ที่เป็นอัจฉริยะผู้ประสบผลสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าในงานเลี้ยงฉลองผลกำไรของบริษัท เธอกลับได้พบความลับของสามีกับน้องชาย ซึ่งนำมาสู่ความตายของเธอ ทว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเอง ได้อยู่ในอีกมิติที่แตกต่าง ทั้งยุคสมัยและการใช้ชีวิต ที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้น เธอมีลูกแฝดสามในวัยสิบขวบ และเจ้าของร่างยังเป็นขอทานอีกด้วย
Lihat lebih banyakตลาดชายแดนตะวันออก
ณ ตรอกเล็กๆ ขอทานหญิงในชุดมอซอ กำลังพยายามคลานหนี จากการถูกทำร้าย ตุบ! ตับ! ไม้ท่อนพอดีมือ ตีลงบนแผ่นหลังผอมแห้งอย่างไร้ปราณี หญิงสาวเจ็บร้าวเจียนตาย ทว่าก็มิอาจทำสิ่งใดได้เลย ขอทานตัวเหม็นเยี่ยงนางหรือ จะสู้ลูกหลานของขุนนางได้
“เจ้ามันหนังเหนียวนักนะอี้หรู ผ่านมาหลายปี เจ้ายังไม่ยอมที่จะตายไปเสียที”
จางหย๋าชิน พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง นางวางใจมาตั้งหลายปี ว่าอดีตภรรยาของสามี จะตายไปแล้วพร้อมลูกในท้อง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังชะตาไม่ขาด มีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้
“ข้ายอมมอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ไยยังต้องตามติดทำร้ายข้าอยู่อีกเล่า”
หยางอี้หรู ถามภรรยาใหม่ของสามี สตรีผู้ช่วงชิงแม้แต่ตัวตนของนาง เพียงเพราะนางถูกกล่าวหา ว่าเป็นลูกที่มารดานำมาสวมรอย เพื่อให้ฐานะฮูหยินใหญ่มั่นคง พอมารดาสิ้นใจ นางก็ถูกขับออกจากสกุล สามีที่เคยรักใคร่ ก็ยื่นหนังสือหย่าให้อย่างมิคิดใยดี ปล่อยนางที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด ต้องออกมาเผชิญชีวิตอย่างยากแค้น
“ลมหายใจของเจ้าอย่างไรเล่า ที่เจ้ายังไม่ให้มันกับข้า!”
“ชีวิตข้าเป็นเพียงยาจกยากไร้ แค่นี้ข้าก็ลำบากมากพอแล้ว เจ้ายังไม่คิดเมตตาปล่อยข้าไปเลยหรือ”
“ไยข้าต้องเมตตา ข้าคือคุณหนูใหญ่ตัวจริง บุตรสาวที่ถูกลักพาตัวไป จนท่านแม่ต้องไปเก็บเจ้ามาสวมรอย เป็นชีวิตของข้าที่เจ้าช่วงชิงไป! และข้าต้องการมันคืน”
“แล้วข้าจะรู้เห็นกับเรื่องในอดีตหรือไม่เล่า ข้าเองก็หาได้เรียกร้องมาแทนที่เจ้า”
“หุบปาก! พวกเจ้าตีนางให้ตาย”
จางหย๋าชินสั่งการเสียงกร้าว ก่อนจะหันไปกอดแขนสามีเอาไว้ พร้อมส่งสายตาเย้ยหยันให้แก่คนที่กำลังจะตาย นางจะไม่มีวันวางใจอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่อี้หรูยังไม่ตาย ความลับใดในโลกจะไม่ถูกค้นพบ ย่อมมีเพียงจากคนตายเท่านั้น
หลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ถัดไปไม่มาก หญิงชราที่ดวงตาแดงก่ำ กำลังกอดเด็กสามคนเอาไว้แน่น ทั้งกำชับมิให้ทั้งสามส่งเสียงใดออกมา แม้ว่านางรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
ที่ไม่อาจออกไปช่วยผู้เป็นนายได้ แต่ถ้าเด็กทั้งสามถูกค้นพบ ความเจ็บปวดของผู้เป็นนายย่อมสูญเปล่า... แต่ทว่า...หนึ่งในสามพี่น้อง กลับผละออกจากอ้อมกอดของนางไป โดยที่นางมิอาจรั้งเอาไว้ได้ทัน
“อย่าตีท่านแม่ของข้านะ โอ๊ย!”
เด็กชายวิ่งถลาเข้าสวมกอดมารดา ทว่ากลับถูกตีเข้าที่หัวอย่างแรง จนร่างนั้นทรุดลงทับผู้เป็นแม่เอาไว้ และการปรากฏตัวของเด็กชาย อีกทั้งยังเรียกขอทานตัวเหม็นว่าแม่
จางหย๋าชินถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ด้วยไม่คิดว่าเด็กในครรภ์ของภรรยาเก่าสามี จะยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่นางจะตวัดสายตาไปที่สามี ซึ่งมองเด็กคนนั้นด้วยดวงตาลิงโลด นางจะไม่มีวันยินยอมให้เขา รับเด็กคนนี้กลับจวน
“ฆ่ามันสองแม่ลูกให้ตาย คนสกปรกไม่คู่ควรอยู่ให้รกตาข้า ท่านพี่หยุดมองพวกมันได้แล้ว!”
หญิงสาวถลึงตาใส่สามี เมื่อเห็นว่าเขาคิดจะเข้าไปหาสองแม่ลูกนั่น นางที่เป็นภรรยาเอกคนปัจจุบัน อยู่ร่วมหมอนมาจนบัดนี้ ยังไม่มีลูกมิว่าชายหญิง เรื่องอันใดกันที่นางจะยินยอม ให้ลูกภรรยาเก่า มาช่วงชิงทุกอย่างไป
หยางอี้หรู พลิกกายบุตรชายเอาไว้ใต้ร่าง ปล่อยให้ตนเองเป็นเกราะกำบังให้แก่ลูก ความเจ็บแค้นนี้ นางจะไม่มีวันลืม มิว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ นางจะไม่ยอมให้ใครมารังแกได้อีก และหากสวรรค์ยังเมตตาลูกๆ ของนางอยู่ โปรดส่งใครสักคนมาช่วยให้พวกเขารอดพ้น จากคนชั่วช้าเหล่าทีเถิด
เป็นการร้องขอครั้งสุดท้าย ที่หญิงสาวพร่ำสวดภาวนา ชีวิตนางไม่ต่างจากเรือที่พร้อมจ่มสู่ก้นแม่น้ำ แต่ลูกๆ ของนางหาได้รู้เห็นต่อเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย...
เวลาเดียวกัน มิติคู่ขนานหญิงสาวในชุดราตรีสีครีม กำลังวิ่งเท้าเปล่า เพื่อหลบหนีการไล่ล่า เธอต้องไปให้ถึงคฤหาสน์ของเพื่อนให้ได้ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าสามี และน้องชายแท้ๆ รวมถึงครอบครัวของเธอ จะทำแบบนี้กับเธอได้
เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เธอยังคงเต้นรำในงานเลี้ยงฉลอง สำหรับวันครบรอบแต่งงาน โดยมีครอบครัวทั้งสองฝ่าย รวมถึงเพื่อนๆ มาร่วมสังสรรค์กันอย่างคับคลั่ง
หลังงานเลี้ยงเริ่มไปได้ไม่นาน สามีของเธอได้พาน้องชาย ซึ่งดื่มหนักตั้งแต่หัวค่ำขึ้นไปส่งที่ห้องพัก แต่เขากลับหายไปนานเกิน เธอจึงขึ้นไปตาม โดยเปลี่ยนรองเท้าจากส้นสูง เป็นรองเท้าใส่ในบ้าน เพื่อให้เดินขึ้นบันไดได้สะดวก
“เมื่อไหร่พี่จะจัดการกับหล่อน ผมทนอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ อ๊ะ...อื้อ...”
มือบางที่กำลังจะเปิดประตู นิ่งค้างเมื่อเสียงที่ได้ยิน เป็นน้องชายของเธอเอง ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าน้องชายอาจนัดคนรักมาที่ห้อง เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงเปลี่ยนความตั้งใจที่จะเข้าไป พร้อมเปลี่ยนความคิด ว่าควรไปดูสามี ที่ห้องนอนของเขาและเธอแทน
“รอให้ทุกอย่างมันเป็นของพี่ก่อน รับรองว่าหล่อนจะไม่อยู่ให้รกสายตาของนายแน่นอน”
ทว่า...ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ก้าวจากไป เสียงที่คุ้นเคยอีกเสียง ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวหันขวับกับไปมองประตูบานใหญ่ตรงหน้า ตลอดร่างสั่นเทิ้ม ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย
แต่ที่แน่ๆ เธอรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ยิ่งเสียงครางที่ดังออกมาเป็นระยะ มันบอกได้อย่างเดียว แต่...แต่พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา ให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง
สามีเป็นชู้กับน้องชายของเธอ บ้าบอกสิ้นดี! แต่ยังไงวันนี้เรื่องมันต้องเคลียร์ให้จบ หญิงสาวแตะคีย์การ์ดที่ประตู แล้วผลักบานประตูให้เปิดออก ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน
ภาพตรงหน้าที่เธอทำใจไว้ก่อนแล้ว ว่ามันจะต้องเป็นแบบไหน ได้ปรากฏต่อหน้า และมันทำให้เธอ ถึงกับเซถอยไปหลายก้าว เพราะต่อให้เตรียมใจเอาไว้มากแค่ไหน เอาเข้าจริง! เธอก็ไม่อาจทนรับกับมันได้อยู่ดี
พี่ม่อเหลียว เราควรกลับบ้านกันได้แล้วนะขอรับ รถม้าและทุกอย่างสำหรับเดินทาง พร้อมแล้ว” ต้วนอี้หลาง เอ่ยกับว่าที่น้องเขย ด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาได้คุยกับพ่อแม่ของชายหนุ่มแล้ว ว่าจะพากลับไปยังแคว้นจ้าว และทั้งสองคนก็ยินดี ที่จะตามเขากลับไป ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่วุ่นวายกับอำนาจเหล่านี้อีก “ขอรับ” ม่อเหลียวตอบรับอย่างยินดี โดยไม่คิดที่จะถามอะไรให้มาก เพราะถ้าคุณชายใหญ่พูดแบบนี้ นั่นหมายความว่าได้ตกลง กับพ่อแม่ของเขาดีแล้ว ส่วนเรื่องที่คุณชายใหญ่ ไปพบพ่อแม่ของเขาได้อย่างไร เขาไม่คิดถามเช่นกัน เพราะอย่างไรคุณชายก็ต้องเล่าสู่เขาฟังอยู่ดี “ทำความสะอาดซะ เราจะออกเดินทางกันแล้ว” ต้วนอี้หลางสั่งการกับคนของเขา ก่อนจะประคองน้องสาวละน้องชาย เพื่อที่จะออกจากที่นี่ “นายท่าน พวกข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ” ตู้ฮั่น เอ่ยถามผู้เป็นนาย หนานเผิงหันไปมองหน้าบุตรชาย ก่อนจะมองไปที่ตู้ฮั่นอีกครั้ง “หากท่านอาตู้ไม่คิดเรื่องอำนาจ ข้าย่อมไม่ขัดข้องขอรับ” เป็นม่อเหลียวที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มละมุนให้กับตู้ฮั่น ชายผู้ภักดีของครอบครัวบิดา
“ตกลง ท่านปู่ทั้งสอง พี่ม่อเหลียว ท่านลุงอู๋ เรากลับบ้านกันเถอะ” “ไม่ได้! ชู่เจากับม่อเหลียว คือคนของบ้านข้า” หนานเผิงปฏิเสธเสียงกร้าว “ไหนหลักฐาน หากไม่มี ก็อย่าได้พูดไปเรื่อย” แม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ดังเหมือนตะโกน ทว่ามันกลับทำให้คนฟังเริ่มหวาดหวั่นอยู่ภายในใจ “ข้าคือบิดา นี่คือหลักฐานชั้นดี” “หึๆ ข้านึกว่าน้องเขยของข้า คือบุตรชายท่านเสียอีก ท่านอาหนานเผิง” ต้วนอี้หลาง ชำเลืองมองไปด้านข้าง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ ของชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะซูบตอบไปบ้าง จากการถูกจองจำ แต่ก็ยังคงดูสง่าเยี่ยงชาติกำเนิด “นายท่าน!” ตู้ฮั่น เรียกนายแท้จริงด้วยเสียงอันดัง เขาดวงตามืดบอดขนาดไหนกัน จึงจดจำนายของตนเองผิดไป “ขอบใจเจ้ามาตู้ฮั่น ที่ปกป้องบุตรชายข้ามาตลอด” หนานเผิงตัวจริง เอ่ยกับคนสนิท ที่ถูกล่อลวงจากคนชั่ว เขาเอ๊ะใจตั้งแต่วันที่ถูกกรีดเอาเลือดไปแล้ว เป็นอย่างนี้เอง บุตรชายของเขากลับมาแล้ว “พี่ใหญ่” ชู่เจาหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะดวงตาเป็นประกาย นั่นต่างหากน้องสาวขอ
ยี่สิบวันต่อมา ณ เมืองหลวงแคว้นหนาน ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ม่อเหลียวยืนประจันหน้า กับคนที่อ้างตนเอง ว่าเป็นพ่อแม่ของเขา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อเวลานี้...สตรีที่เขาเรียกมารดามาร่วมเดือน กำลังเอามีสั้นจ่อที่ลำคอท่านลุงของเขาอยู่ “ข้าคือมารดาของเจ้า แต่ทุกอย่างเจ้ากลับฟังเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะอยู่ ขัดขวางเราแม่ลูกจริงไหม ม่อเหลียว” ชู่จิ่นเอ่ยกับบุตรชาย ด้วยรอยยิ้มอย่างคนจิตวิปลาส ทว่าสองลุงหลานที่สบตากัน กลับยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีตื่นกลัว แม้ว่าจะยืนอยู่ภายใต้คนอาวุธ “เจ้ามิใช่น้องสาวของข้า อย่าได้มาเรียกหลานชายข้าว่าลูก” ชู่เจาเอ่ยกับคนที่จ่อมีดสั้น ที่ลำคอของเขา ด้วยน้ำเสียงอันกร้าวกระด้าง สตรีผู้นี้เป็นตัวปลอม ต่อให้เขามิได้พบหน้าน้องสาวมานาน เขาก็รู้ได้ว่านี่มิใช่ชู่จิ่น “ท่านมิได้อยู่กับข้ามานาน รู้ได้อย่างไรว่าข้ามิใช่ชู่จิ่น” คนถามแม้จะใช้น้ำเสียงเป็นปกติ แต่ภายในใจนั้นกำลังตื่นกลัวอย่างที่สุด นางไม่เชื่อว่าตาแก่นี่ จะรู้ถึงตัวตนของคนที่ไม่พบหน้ากันมาหลายสิบปี “ข้าเลี้ยงนางมากับมือ เ
“ไยหน้าแดงเล่า ไม่สบายตรงไหนหรือไม่” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าอยากอาบน้ำ” “รอข้ากลับมาเจ้าค่อยอาบ เจ้าหน้ามืดบ่อย ไม่ควรที่จะเดินไปไหนเลย” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอนกายลงนอน ตามการประคองของสามี ก่อนจะใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งท้อสุก เมื่อสามีประทับจูบนางอย่างอ่อนโยน ต้วนอี้หลางดึงผ้าห่มคลุมกายให้ภรรยา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่อต้มโจ๊กให้ภรรยา “นายท่าน ท่านแม่ทัพเหนือมาขอพบขอรับ” “เขามาแล้วหรือ ให้ไปพบข้าที่ห้องครัว” ชายหนุ่มสั่งการก่อนจะก้าวตรงไปที่ห้องครัว โดยไม่สนมารยาทการเชื้อเชิญแขก “นายท่าน” ผู้ติดตามและบ่าวไพร่ที่กำลังง่วนอยู่ในห้องครัว ต่างเอ่ยเรียกขานผู้เป็นนาย ก่อนจะหลีกทางให้แก่ชายหนุ่ม ต้วนอี้หลาง เดินไปหยิบหาสิ่งของทั้งหมด มาวางอยู่ข้างๆ เตา เพื่อลงมือทำทุกขั้นตอนให้ลูกเมียด้วยตนเอง เช่นที่บิดาทำให้มารดา ในตอนที่นางตั้งครรภ์น้องชายคนเล็ก “ช่างเป็นพ่อบ้านที่รักลูกเมียยิ่งนัก” เป็นคำพูดของคนที่โผล่หน้าผ่านหน้าต่างเข้ามา ชะโงกมองว่าเจ้าบ้านกำลังทำสิ่งใดอยู่ “เหอะ! ข้ามาถึงตั้งนาน เจ้าเพิ่ง
หมับ! ทว่าในตอนที่นางถูกผลักดันให้ถอยออกไปหน้าเรือน จนเกือบจะพลาดตกลงบันได้หน้าเรือน ร่างงามก็ถูกรับเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที ด้วยอ้อมกอดอันคุ้นเคย ฉึก! และมันรวดเร็วจนผู้ที่รุกไล่ มิทันได้คาดคิดและตั้งรับ กลางอกของเขาถูกดาบใหญ่แทงทะลุ ก่อนที่ร่างของเขาจะเซถอยไปด้านหลัง เมื่อดาบในมือของผู้มาใหญ่ ถูกดึงออกจากร่างของเขา “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของสามี ทำให้หญิงสาวรุ้สึกอุ่นใจขึ้นมามากทีเดียว ก่อนที่นางจะซบใบหน้ากับอกของสามี ดวงตาที่หมุนวน ราวทุกอย่างกำลังกลับหัว ได้หลับลงอย่างวางใจ ต่อเจ้าของอ้อมแขนนี้ “เจ้า!” “ภรรยาข้า ใครให้สวะเยี่ยงเจ้ามาแตะต้อง!” ต้วนอี้หลาง เอ่ยกับคนที่กำลงัจะตาย ด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้าง แววตาที่ตวัดมองไปยังคนผู้นั้น ไร้ซึ่งคำว่าเมตตาฉายให้เห็น “นางไม่คู่ควรต่อตราพยัคฆ์หมอกสักนิด” ชายสวมหน้ากากเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน แต่กระนั้นเขาก็ยังไร้โอกาสได้ครอบครอง สิ่งที่จะเบิกเส้นทางให้เขา กลับสู่อำนาจ เขายอมแม้แต่จะคบค้า กับทายาทจากราชวงศ์ก่อน เพื่อล้มล้างน้องชาย แล้วกล
ชายวัยกลางคน ที่ยืนสบจากับชายหนุ่มอ่อนวัยกว่า หรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะชายหนุ่มทำเหมือนรู้จักเขาอย่างไรอย่างนั้น “ราชบุตรเขยฝีมือไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” ชายต่างแคว้นเอ่ยกับคนตรงหน้า เขาแค่ทดสอบว่าอีกฝ่าย จะไหวตัวทันหรือไม่ผลคือ ทั้งรวดเร็วและฉับไว ทีหน้าแปลกคือการหลบหลีกของชายหนุ่ม ช่างเหมือนคนที่เขาคุ้นเคย “ยินที่ดีได้พบกันอีกครั้ง” “หือ!”ชายวัยกลางคนทำเสียงในลำคอ ก่อนจะพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ ทั้งที่ยังงงอยู่ว่าเคยพบกับชายหนุ่มตอนไหน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ขบคิด ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเชร้ง! ชายวัยกลางคนถึงกับดวงตาเบิกกว้าง การโต้ตอบนนี้ มันช่างเหมือนกันกับศิษย์พี่ของเขาเลย ปึก! ฝ่ามือหน่ากระแทกเข้าที่กลางอกของชายจากแคว้นฉิน ทำให้ร่างนั้นกระเด็นไปไกลโครม! โต๊ะที่อยู่ข้างหลังหักแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อร่างสูงใหญ่ตกกระทบ“ความเผลอเลอ จะทำให้เจ้าพลาด”ต้วนอี้หลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ชายติที่แล้วเขาวางใจคนผู้นี้เป็นที่สุด ไหนเลยวันนี้จึงพบอีกฝ่าย มาอยู่ในฝ่ายตรงข้ามได้ ไรซึ่งฉนวดเหตุ นอกจากว่าที่ผ่านมา ศิษย์ผ
Komen