“คืนนั้น... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีอะไรกับเขา แต่เขากลับมองว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงไร้ค่าที่คิดจะจับเขาด้วยลูก!” ณิชชา หนีไปพร้อมกับบาดแผลและความลับที่ซ่อนไว้ในท้อง ห้าปีต่อมา... เธอกลับมาพร้อมลูกแฝดสามที่หน้าตาถอดแบบเขาราวกับพิมพ์เดียวกัน “คืนนั้นแค่ครั้งเดียว จะมาบอกว่าท้องกับฉันได้ยังไง” “แต่ลูกทั้งสามของฉัน... มีดีเอ็นเอของคุณนะคะ ท่านประธาน” รามิลไม่เคยรัก และไม่เคยคิดจะให้อภัย เขาพร้อมเหยียบย่ำเธอซ้ำๆ แต่ลูกแฝดสามกลับค่อย ๆ ทำลายเกราะน้ำแข็งของชายผู้ไร้หัวใจ... และปลุกให้เขาได้รู้ว่าคนที่เขาเคยขับไล่ไป คือความรักเดียวทั้งชีวิตของเขา!
ดูเพิ่มเติมบทที่ 1
คืนที่ร้าวราน
แสงไฟสีทองสาดส่องต้องร่างสูงสง่าของรามิล เดชาบดินทร์ ที่ยืนอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงบริษัท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองผู้คนเบื้องล่างด้วยความเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิด แก้ววิสกี้ในมือถูกยกขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวมากมายต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนา แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่า
ณิชชาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มพยายามหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุในงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อแอบมองไปยังร่างสูงสง่าบนเวที ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความรัก ความเสน่หา และความเจ็บปวดที่ฝังลึก
ค่ำคืนนั้น ในงานเลี้ยงปิดกล้องโปรเจกต์ใหญ่ เธอถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานในส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความเกรงใจและอยากช่วยเหลือ เธอจึงอาสาชงเครื่องดื่มพิเศษตามสูตรที่เธอเคยทำให้รามิลดื่มอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน
รามิลในสภาพมึนเมา ดวงตาแดงก่ำ เดินโซซัดเซมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม
"เธอ...เธอวางยาฉันใช่ไหม!" เสียงทุ้มต่ำของเขากระแทกกระทั้น ราวกับกำลังกล่าวหาอาชญากร
"ท่านประธานคะ ไม่ใช่นะคะ ฉันเปล่า ฉันแค่..." หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอตกใจจนพูดไม่ออก
"อย่ามาเสแสร้ง! แววตาของเธอมันฟ้องทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันรู้ทันความคิดต่ำ ๆ ของเธอ" รามิลคว้าข้อมือเธออย่างแรง บีบจนณิชชารู้สึกเจ็บร้าว เขาออกแรงลากเธอออกจากงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตาตกตะลึงและเสียงซุบซิบนินทาที่ดังตามหลังมา
"ท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะค่ะ คนกำลังมองเรานะคะ!" ณิชชาพยายามยื้อยุด ฉุดกระชากแขนที่ถูกบีบแน่นจนเจ็บปวด เธออ้อนวอนด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่รามิลไม่สนใจ เขาลากเธอเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่อยู่ชั้นบน ห้องที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้เขา บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวและอึดอัด
"ท่านประธานคะ ฟังฉันก่อน ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว!" หญิงสาวพยายามอธิบายอีกครั้ง เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่รามิลไม่ฟัง เขากลับผลักเธอลงบนโซฟาอย่างแรง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและรังเกียจ
"หุบปาก! ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ" ชายหนุ่มตวาดเสียงต่ำ เขาโน้มตัวลงมาใกล้เธอ กักขังเธอไว้ใต้ร่างแข็งแกร่ง "เธอคิดว่าแค่ทำเป็นใส่ใจ เอาเครื่องดื่มมาให้ ฉันจะโง่เชื่อใจเธองั้นเหรอ?"
"ไม่นะคะ ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ ค่ะ ฉัน..." ณิชชาพยายามดิ้นรน ขัดขืน แต่ไร้ผล แรงของเขาบดขยี้อิสรภาพของเธออย่างง่ายดาย น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพร่ำบอกความบริสุทธิ์ใจ อ้อนวอนขอร้อง "ท่านประธานคะ ได้โปรดเชื่อฉัน..."
"เชื่อเธอ? ผู้หญิงที่คิดจะจับฉันด้วยเล่ห์เหลี่ยมสกปรกแบบนี้เนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!" รามิลเยาะเย้ยเสียงเย็น "เธออยากได้ฉันมากนักไม่ใช่เหรอ อยากจะจับฉันด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่ำ ๆ ใช่ไหม" ดวงตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความดูถูกเหยียดหยาม "ฉันจะสนองความต้องการของเธอ แต่จงจำไว้ ว่ามันจะเป็นความทรงจำที่น่ารังเกียจที่สุดในชีวิตของเธอ"
คำพูดของเขาราวกับตอกตะปูลงบนความหวังสุดท้ายของณิชชา น้ำตาที่ไหลอาบแก้มร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลวก เธอพยายามเบือนหน้าหนีจากสายตาที่เย็นชาคู่นั้น แต่ใบหน้าของเธอก็ถูกมือหยาบกระด้างของเขาล็อกไว้แน่น
"มองหน้าฉันสิ นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรือไง?" รามิลบังคับให้เธอสบตา ดวงตาของเขาว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึกใด ๆ นอกจากความโกรธเกรี้ยวและการดูถูก
ณิชชาสั่นสะอื้น ตัวเธอเกร็งไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวกัดกินหัวใจจนแทบแหลกสลาย เธอพยายามเบี่ยงเบนใบหน้า หนีจากสัมผัสที่น่ารังเกียจนั้น แต่รามิลก็กดเธอไว้แน่น เขาโน้มตัวลงมาทาบทับร่างของเธอ กดทับอิสรภาพและความบริสุทธิ์ของเธออย่างโหดร้าย
"ท่านประธานคะ ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ" เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ เธอพยายามดิ้นรน ขัดขืน แต่เรี่ยวแรงที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินทำให้ทุกการต่อต้านของเธอไร้ความหมาย
"ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นคนเริ่มเองไม่ใช่เหรอ" มือของเขาบีบเค้นต้นแขนของเธออย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกระดูกจะแตก สัมผัสของเขารุนแรงและปราศจากความอ่อนโยน
ณิชชารู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัว น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ความรู้สึกของการถูกรุกล้ำกลับชัดเจนจนเกินทนทาน ความรู้สึกเย็นเฉียบของความสิ้นหวังเกาะกุมไปทั่วทั้งหัวใจ
ลมหายใจของเธอขาดห้วง เธอพยายามกลั้นสะอื้น แต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกสัมผัสของเขาสร้างความรังเกียจและความเจ็บปวดให้กับเธออย่างแสนสาหัส เธอภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ค่ำคืนอันแสนเลวร้ายนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด
รามิลไม่ได้สนใจเสียงอ้อนวอนหรือน้ำตาของเธอ เขายังคงกระทำราวกับเธอเป็นเพียงวัตถุไร้ชีวิต ที่เขาสามารถระบายโทสะและความเข้าใจผิดใส่ได้ตามใจชอบ ทุกการกระทำของเขาตอกย้ำให้ณิชชารู้สึกถึงความต่ำต้อยและความไร้ค่า
เสียงครางต่ำของชายหนุ่มแทรกซึมอยู่ในความเงียบ ขณะที่บั้นเอวแข็งแกร่งกระแทกเข้าหาเธออย่างไม่ลืมหูลืมตา
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องแคบ ราวกับทุกแรงปะทะเป็นการลงโทษ การสะสางความแค้น หรือการปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบที่เขาเก็บกดมานานณิชชาเหมือนร่างไร้วิญญาณที่ถูกโยนลงกลางพายุร้าย ทุกสัมผัสของเขาเหมือนมีเปลวไฟแผดเผาผิวเนื้อ หน้าอกของเธอถูกกอบกุมขย้ำรุนแรง ทั้งบีบ ทั้งเคล้นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
“เจ็บ...” เธอร้องเสียงเครือ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน หรือจงใจไม่รับรู้
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมากัดที่ลาดไหล่เนียน ปลายฟันกดลึกจนน้ำตาเธอไหลพราก ก่อนที่เขาจะลากลิ้นร้อนผ่านรอยกัดอย่างจงใจ ลากลิ้นชื้นไล้จากไหล่ขึ้นไปยังข้างกราม แล้วตะครุบดูดเม้มซ้ำตรงข้างลำคอจนเป็นรอยแดงเข้ม
“รู้รึยังว่าฉันรังเกียจการเสแสร้งของเธอแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำราวกับงูพิษที่กระซิบข้างหู ก่อนที่เขาจะจูบเธออีกครั้ง ไม่ใช่จูบที่มีความอ่อนโยน ไม่แม้แต่จะเรียกว่าจูบได้
เขาบดขยี้ริมฝีปากเธอราวกับจะกลืนกิน มือหนาร้อนจัดลูบไล้ไล่ลงต่ำ ลากผ่านหน้าท้องแบนราบไปจนถึงต้นขาด้านใน เขาแยกเรียวขาของเธอออกด้วยความไม่ปรานี และบดเบียดตนเองเข้าไปลึกจนสุดทางอีกครั้ง เสียงครางต่ำในลำคอของเขาสั่นสะท้าน ร่างของเขาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างของเธอ ทุกแรงกระแทกหนักแน่น เร็ว แรง...เหมือนเขาไม่สนใจว่าร่างเธอจะรับไหวหรือไม่
“จะเสแสร้งไปถึงไหน” เขากระซิบขณะมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตาของเธอ “น้ำตาน่ะมันใช้หยุดฉันไม่ได้หรอก” เขากระแทกตัวเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้แรงจนร่างของเธอกระเด้งขึ้นจากเตียง หอบหายใจถี่ สั่นระริกเหมือนคนใกล้ขาดใจ
ณิชชารู้สึกราวกับร่างกายกำลังแตกสลาย ความรู้สึกของการเป็นเพียง ของเล่น ที่ถูกใช้สนองอารมณ์ ทำให้เธอเจ็บจนแทบกลืนไม่ลง หัวใจของเธอเต้นช้าเหมือนจะหยุดเต้น ทุกเสียง ทุกสัมผัส ทุกแรงผลักดัน กลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เขาเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเสียงกระแทกดังชัดเจน “ของฉัน...”
เขากระซิบเสียงแหบพร่า ชั่วขณะที่ขยับตัวเข้าไปลึกสุดปลายทาง เขาฝังตัวแน่นอยู่ในกายเธอ ร่างแกร่งกระตุกเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาโดยไม่สนเสียงสะอื้นที่ยังคงดังอยู่ในความเงียบ
เขาทิ้งตัวลงแนบกับเธอ ใช้หน้าผากซบไหล่เธอ แค่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนกายออกอย่างเย็นชา
บนผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ เปื้อนรอยแดงจาง ๆ จากรอยข่วน รอยฟัน และร่องรอยของน้ำตา
ณิชชานอนนิ่ง ไม่แม้แต่จะสบตาเขา
เธอไม่เหลืออะไรเลย...แม้แต่ศักดิ์ศรี
รุ่งเช้าของวันต่อมา ณิชชาตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่บอบช้ำและจิตใจที่แตกสลาย ร่องรอยของการถูกกระทำยังคงปรากฏอยู่บนร่างกายและในความทรงจำของเธอ ข้างกายเธอคือรามิลที่นอนหลับใหลอย่างไม่รู้สึกผิด ดวงตาของเขาปิดสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเห็นเธอ สายตาของเขาก็ยังคงเย็นชาและไร้ความรู้สึกผิด ราวกับเธอเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอมที่เขาต้องการกำจัด
"ออกไปจากห้องของฉัน" รามิลสั่งเสียงแข็ง โดยไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ
"ค่ะ..." หญิงวสาวตอบเสียงแผ่วเบา เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบ ๆ เธอไม่พูดอะไรสักคำ เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น คำสั่งไล่ออกก็ถูกส่งมาถึงมือเธอพร้อมกับสายตาเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมงาน ข่าวลือกระฉ่อนไปทั่วบริษัทว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ใจง่าย หวังใช้มารยาหญิงยั่วยวนท่านประธาน
ณิชชาตัดสินใจหนี หนีจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทรงจำอันเลวร้าย โดยที่ไม่รู้เลยว่าในท้องของเธอกำลังมีชีวิตน้อย ๆ ถึงสามชีวิต กำลังก่อกำเนิดขึ้นจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายนั้น...
เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด""ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด
ณิชชานั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคำพูดของรามิลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทนายพูดถึงเรื่องกฎหมายก็ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้"คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะให้โอกาสเด็ก ๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ท่านสามารถมอบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ทั้งการศึกษาที่ดี สังคมที่ดี และชีวิตที่สุขสบาย ดังนั้นพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านพ่อของพวกเขาเถอะนะครับ" ทนายวรุตม์โน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับรามิล แววตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเช่นเคย กลับฉายแววของความจริงจังและความปรารถนาบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก"แล้วฉันล่ะคะ?" ณิชชาถามเสียงเบา "ฉันต้องอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?""คุณก็คือแม่ของลูก ๆ ของผม" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "คุณจะได้รับการเคารพและดูแลอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของคุณ""คำพูดของคุณ ฉันจะเชื่อได้แค่ไหน" ณิชชาถามด้วยความไม่ไว้วางใจ"ผมรู้ว่าผมเคยทำลายความเชื่อใจของคุณ" รามิลตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ผมหวังว่าเวลาและการกระทำของผมจะสามารถทำให้คุณเห็นความจริงใจของผมได้"ณิ
"ลูก ๆ ของฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของพวกเขามาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ทันที"แต่พวกเขาควรจะมีพ่อ และผมต้องการที่จะเป็นพ่อคนนั้น ผมอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป ผมอยากที่จะ...""มันสายเกินไปแล้วค่ะ ท่านประธาน มันสายเกินไปมากแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเด็ดขาด"ไม่สายเกินไปหรอก ถ้าคุณเปิดใจให้ผม ถ้าคุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง" รามิลยังคงยืนกราน"ฉันไม่เชื่อใจคุณ" หญิงสาวตอบตรง ๆ"ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมสัญญา"ทนายวรุตม์ก้าวเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกดดัน "คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะพูดคุยถึงเรื่องการดูแลบุตรอย่างเป็นทางการ ท่านหวังว่าจะสามารถตกลงกันด้วยดีโดยไม่ต้องถึงศาล ท่านต้องการที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด และท่านก็ยินดีที่จะให้คุณเป็นผู้ดูแลหลัก โดยที่คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณรามิล""คุณหมายความว่ายังไง" ณิชชาถามด้วยความสับสนระคนสงสัย"คุณรามิลต้องการที่จะสนับสนุนทางการเงินและการศึกษาของเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของคุณในการเลี้ยงดูพวกเขา ท่านเพียงแต่ต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิ
บทที่ 5เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านายเมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขารามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา""ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตา
บทที่ 4ผลตรวจดีเอ็นเอ หลังจากรามิลเดินออกจากร้านไป ความเงียบก็ปกคลุม ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ความกลัวที่เธอพยายามกดเอาไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเขาต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องลูกในตอนนี้? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดของณิชชา เธอไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรามิล การปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันและการพูดถึงเรื่องลูกทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง"คุณแม่ฮับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครเหรอฮับ? ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเลย แล้วทำไมต้องมาที่ร้านของเราด้วย?" น้องเมฆาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจับจ้องมองใบหน้าของณิชชาอย่างเป็นห่วง“หืม ? หนูเห็นคุณลุงด้วยเหรอจ๊ะ” เธอถาม“เห็นคับ พวกเราแอบดูตรงหน้าต่าง ไม่เห็นซื้อขนมเลย แต่ทำหน้าเหมือนจะกินแม่เลยฮับ หรือว่าเขาเป็นยักษ์แปลงตัวมา”ณิชชาฝืนยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก ลูบศีรษะเขาเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเมฆา คุณลุงเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ""แต่หนูกลัวเขาจังเลยค่ะ เขาดูดุ ๆ หนูไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก" น้องวารินเอ่ยเสียงเบา เกาะแขนณิชชาแน่น น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย"ไ
บทที่ 3ปริศนาในสายเลือดความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้นรามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ""เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"รามิลพยักหน้า สีหน้าของเ
ความคิดเห็น