LOGINหยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้ และการแก้แค้นของฮ่องเต้หนุ่มก็เริ่มต้น หงลี่จะรอดพ้นหนี้แค้นที่อดีตชายคนรักกำลังจะทวงคืนจากนางได้หรือไม่เรามาเอาใจช่วยหงลี่กันด้วยนะคะ …….
View Moreหยูหงลี่บุตรีขุนนางขัั้นสามที่อยู่ๆ ก็เกิดได้เข้าถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการสถาปนา และนางก็พบว่าฮ่องเต้พระองค์นั้นคืออดีตชายคนรักที่นางสลัดเขาทิ้งก็เพราะนางจำต้องเลือกครอบครัว
แม้นางจะรักเขามาก แต่ก็มิอาจจะหนีตามเขาไปได้ เพราะครอบครัวของนางที่บิดาเป็นขุนนางขั้นสาม แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างหนิงโจว ก็ย่อมจะดูสูงส่งกว่าชาวบ้านโดยทั่วไป และบิดาไม่มีทางยอมรับเขยที่เป็นเพียงช่างไม้จนๆได้
อดีตชายคนรักที่มีนามเดิมว่า ซ่งหลี่หมิง เขาเป็นบุตรชายของสตรีหม้ายนางหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหรือตำบลท่ี่นางย้ายมาอยู่รู้ว่าสองแม่ลูกมาจากที่ใด พวกเขาทราบเพียงว่าท่านป้าซ่งผู้นั้นหอบบุตรชายที่ยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆ มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่นอกเมืองหนิงโจว
นางบอกกับใครๆ ว่านางเป็นหญิงหม้ายเพราะสามีเสียชีวิตไปแล้ว และนางเองก็ไร้ญาติขาดมิตร มีเงินทองติดตัวมาเพียงเล็กน้อยจึงได้ขอซื้อที่ดินของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยอมแบ่งขายให้ผืนหนึ่ง
ซึ่งนางก็จ้างชาวบ้านที่นั่นช่วยกันปลูกบ้านหลังเล็กๆ และล้อมรั้วให้แน่นหนาให้พอเป็นที่พำนักของหญิงหม้ายเช่นนางกับบุตรชายได้ และที่ดินผืนเล็กที่นางขอซื้อมานั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆติดมาด้วย ทำให้นางกับบุตรชายไม่ต้องลำบากไปหาบน้ำมาจากที่อื่น ทำให้พอใช้ชีวิตกันไปได้
ไม่มีใครรู้ว่าท่านป้าซ่งนั้นสามารถดำรงชีวิตโดยมีอาชีพแค่เพียงรับจ้างเย็บปักถักร้อยนั้นได้อย่างไร นางรับงานที่ร้านอาภรณ์ที่ตลาดในเมืองหนิงโจวมาเย็บที่บ้าน เป็นอาชีพที่นางใช้เลี้ยงดูบุตรชายมาจนเติบใหญ่ พร้อมกับปลูกผักที่แปลงหลังบ้าน พร้อมกับเลี้ยงไก่เล้าเล็กๆ เพื่อเอาไว้เก็บกินไข่ ส่วนข้าวสารก็หาซื้อมาหุงหากันกิน เพราะมีเพียงแค่สองปากสองท้อง
พอบุตรชายเติบใหญ่ขึ้นเขาก็ออกไปรับจ้างทำงานช่วยมารดาอีกแรงหนึี่ง ด้วยอาชีพช่างไม้รับจ้าง และเขาก็ได้พบกับคุณหนูหยูหงลี่ที่เขาไปรับจ้างสร้างเรือนหลังเล็กๆในจวนของนาง โดยที่เขาเองก็เป็นเพียงลูกจ้างของช่างไม้ที่รับเหมาสร้างบ้านนั้นอีกที เพียงทั้งสองได้สบตากัน ก็รู้สึกพึงใจกันและกัน
ซ่งหลี่หมิงหาทางที่จะพูดจากับสาวเจ้าจนได้ ในยามเย็นย่ำวันหนึ่งหลังจากที่เขาเลิกงานแล้ว กำลังเตรียมเก็บข้าวของจะกลับบ้าน แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นคุณหนูบุตรีสาวเจ้าของจวนเดินเข้าไปในสวนเหมือนนางกำลังเดินเล่นอยู่เพียงลำพัง
แม้ในใจของหลี่หมิงชายที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีสมบัติพัสถานใด ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองและเกิดในตระกูลใหญ่ แต่เขาก็หลงรักสตรีน้อยนางนี้ที่เป็นบุตรสาวคนเล็กในจวนขุนนางบิดาของนางที่รับราชการที่อำเภอ
แม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่ขุนนางในอำเภอก็ดูจะสูงส่งกว่าชาวบ้านเช่นเดียวกับเขา จนมิอาจเทียบกันได้ แต่หลี่หมิงไม่สามารถหักห้ามใจในรักครั้งแรกนี้ได้ หัวใจมันโบยบินไปกับสตรีนางนั้นตั้งแต่แรกสบตากันแล้ว
และขาของเขามันก็ไม่รักดี มันไม่ฟังเสียงห้ามปรามของตนเองสักนิด มันออกก้าวเดินมุ่งตรงไปหาสตรีในดวงใจที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ไม่ไกลจากหมู่เรือนที่เขากำลังก่อสร้างอยู่ “ ดอกไม้ดอกนี้หอมนัก เจ้าพอจะรับมันไว้เป็นที่ระลึกในการทำความรู้จักกันครั้งแรกของเราได้หรือไม่ ”
หลี่หมิงตัดสินใจเอ่ยคำทักทายออกไปทันที ที่เดินไปถึงตัวของสตรีน้อยนางนั้น พร้อมกับยื่นดอกไม้ดอกเล็กๆ นั่นให้กับนาง ดวงตาคู่คมของเขาส่งประกายวิบวับเมื่อยามจับจ้องสตรีในดวงใจ
แก้มของหยูหงลี่แดงก่ำ นางเห็นเขาตั้งแต่เขาเดินดุ่มมาทางนางแล้ว แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ บุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่เป็นเพียงช่างก่อสร้างบ้านที่บิดาว่าจ้างมาก่อสร้างหมู่เรือนรับรองหลายหลังในจวนนี้ เพื่อเอาไว้รับรองแขกที่มาเยือน เพราะเรือนหลังเดิมนั้นเก่าแก่และไม่เพียงพอ เวลามีขุนนางหรือญาติมิตรมาเยือนที่จวนของบิดา ขุนนางหยูจึงได้ไปว่าจ้างช่างรับเหมามาสร้างหมู่เรือนหลังเล็กหลายๆหลังในจวนของเขา
หงลี่ค่อยหันหลังกลับมา เพื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่นางเองก็แอบพึงใจเขาตั้งแต่แรกพบหน้าเช่นกัน ทั้งสองหนุ่มสาวสบตากันด้วยความเขินอาย หงลี่ยื่นมือไปรับดอกไม้ที่ชายตรงหน้ายื่นให้ เพื่อแสดงว่านางรับไมตรีจากเขา ทั้งสองสบตากันด้วยประกายตาหวานฉ่ำแล้วกลับหลบเลี่ยงที่จะไม่สบตากันตาตรงๆ เพราะความเขินอายซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นก็พากันออกเดินเล่นไปที่ลำธารที่ห่างออกไปจากหมู่เรือน เพราะเกรงจะมีผู้มาพบเห็นเข้า และเมื่อได้สนทนากันอย่างใกล้ชิด สองหนุ่มสาวยิ่งพึงใจกันมายิ่งขึ้น ในอกของพวกเขาพองฟูเบ่งบานไปด้วยความสุขสมหวังเมื่อต่างก็รับรู้ว่าคนที่ตนเองพึงใจนั้นก็มีใจให้แก่ตนเองเช่นกัน
และต่อๆมายามเย็นหลังเลิกงาน ช่างก่อสร้างหนุ่มก็มักจะลอบไปพบปะกับคุณหนูสาวบุตรีคนรองของท่านขุนนางอยู่บ่อยๆครั้ง นางเองก็จงใจจะออกมาเดินเล่นเมื่อใกล้กับเวลาเลิกงานของคนรักหนุ่ม พวกเขาตกลงคบหากันเป็นคนรัก แอบลอบพบปะกัน และแอบพากันไปเที่ยวเล่นที่น้ำตกนอกเมืองด้วยกันในวันหยุดงานของช่างก่อสร้างหนุ่ม ความรักของพวกเขาเบ่งบานและมีความสุขยิ่งนัก
และในที่สุดในวันหยุดวันหนึ่งที่ทั้งสองต่างก็นัดพบกันอีกครั้ง เวลาหลังอาหารเที่ยง หยูหงลี่คุณหนูรองแห่งจวนขุนนางหยูก็ลอบมาพบกับคนรักที่ริมทางที่จะสามารถลัดเลาะไปที่น้ำตกที่พวกเขามักจะพากันไปพลอดรักกันท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามกันตามลำพัง โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังงอกงามของพวกเขา
สองหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่น น้ำจากลำธารสายนี้ไหลเอื่อยๆมาจากธารน้ำตกที่หลั่งไหลส่งเสียงดังสนั่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังแหวกว่ายไปมาอยู่นั้น หงลี่ว่ายน้ำหนีชายคนรักที่ว่ายตามติดไล่ล่านางเหมือนพวกเขาเป็นเด็กๆก็มิปาน จนกระทั่งหงลี่จนมุมนางว่ายน้ำหนีเขามาจนถึงสายธารน้ำตกที่กำลังหลั่งไหลลงมาเสียงดังสนั่นและกระเด็นเป็นสายกระเซ็นไปจนทั่วบริเวณแห่งนั้น
นางหัวเราะเสียงดังเพราะบัดนี้เอวคอดของนางถูกแขนล่ำสันของคนรักในความลับรัดเอาไว้แน่น เขายกยิ้มอย่างสมใจที่ในที่สุดก็จับตัวของกวางสาวเนื้อหวานของเขาเอาไว้ได้แล้ว
เขาค่อยๆ แหวกว่ายแล้วลากร่างบางที่อวบอัดขาวผ่องของคนรัก ให้ตามไปที่ด้านหลังม่านน้ำตกที่กำลังไหลริน พวกเขาอ้อมม่านน้ำตกนั้นไปจนเข้าไปในโพลงหินขนาดใหญ่ที่ด้านหลังม่านน้ำนั้น
ชายหนุ่มที่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นกัน โอบกอดนางเอาไว้ และหัวเราะกันอย่างสนุกสนานที่เขาจับนางเอาไว้ได้
" เห็นไหมเล่า เจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าก็ตามเจ้ากลับมาได้ " คนรักหนุ่มเอ่ยขึ้น ทั้งสองต่างก็ยืนแนบชิดกันในซอกหินแคบ ๆ เพียงแค่ให้สองร่างยืนอยู่ในนั้นได้ไม่อึดอัดมากนัก
ทำให้ระหว่างซอกหินในโพลงหินที่คล้ายถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านน้ำตกแห่งนี้เหมือนเป็นห้องน้อยที่เป็นส่วนตัว ไม่มีใครสามารถมองเข้ามาเห็นด้านในได้ แม้ว่าจะไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ก็ตาม
ทำให้หงลี่สบายใจขึ้น นางส่งข้าวของและเงินทองไปให้แก่บิดามารดาเพื่อแสดงความกตัญญู ทำให้ที่จวนของบิดามารดาของนางนั้นต่างก็ยินดี และพากันแซ่ซ้องบุตรสาวที่กลายเป็นฮองเฮาไปอย่างไม่น่าเชื่อในบุญวาสนาของนาง พ่อตาและแม่ยายของเฟยหลงฮ่องเต้มิได้โกรธเคืองเขาที่สั่งลงโทษพวกตน เพราะพวกเขาเองก็ตกใจที่ได้รู้ว่าชายที่เขาสั่งให้ทุบตีอย่างหนักในค่ำคืนนั้นคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด มีแต่ความรู้สึกผิดต่อฮ่องเต้เพียงเท่านั้น พวกเขานั้นบัดนี้กลับได้มีชีวิตที่สุขสบายและร่ำรวยเงินทองขึ้นมากว่าเดิม แถมบิดายังได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจ้าเมืองหนิงโจวในเวลาต่อมาหลังจากตำแหน่งเจ้าเมืองว่างเว้นลง ส่วนฟางเอ๋อสาวใช้ที่หลงลืมตนไปชั่วขณะ บัดนี้เสียใจมาก นางเสียดายวันคืนที่ได้รับใช้พระสนมหยูที่ดีมีน้ำใจกับนางมาเสมอ นางเสียใจที่ตนเองหลงผิดไปชั่ววูบที่คิดตีตนเสมอกับอดีตนายหญิง จนกระทั่งบัดนี้ตนเองกับมารดาถูกขับไล่ออกมาจากวังหลวงด้วยกันทั้งคู่ เพราะเมื่อสืบสวนแล้วพบว่ามารดาของนางก็มีส่วนในแผนการณ์ครั้งนี้ แต่หงลี่ขอร้องมิให้ลงโทษพวกนางไปมากกว่านี้ เพราะเห็นแก่เรื่องราวที่
“ ลี่เอ๋อ….เมียจ๋า โอ้วววว ” เขาครางออกมาด้วยความเสียวจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกลนถอดเสื้อคลุมตัวเดียวที่เขาสวมเวลาเข้านอนโยนทิ้งไป แล้วก็ก้มลงคลุกเคล้าสตรีด้านล่างที่มีกลิ่นหอมเช่นเดียวกับเมียรักของเขา เพราะนางใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับหงลี่ อาภรณ์ที่นางสวมก็ใช้ของหงลี่ มือหนาแหวกสาปเสื้อบางตรงหน้าออกไปด้านข้าง แล้วก้มลงอ้าปากครอบลงบนเต้าอวบของสตรีด้านล่างที่ไม่เคยชายเลยสักนิด ฟางเอ๋อแทบจะขาดใจ ยามปากหนาของฮ่องเต้หนุ่มครอบลงมาที่เต้าอวบของนาง นางแอ่นอกอวบขึ้นหาเขาเพราะเสียวซ่านจนเกินจะทนได้ มันเป็นเช่นนี้เองหรือความสุขระหว่างหญิงชาย ฟางเอ๋อยกยิ้มอย่างสมใจ ในที่สุดตำแหน่งพระสนมก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมต่อไปนางก็คงไม่ต้องมารับใช้สตรีอื่นงกๆเช่นนี้อีกแล้ว และคืนนี้ฟางเอ๋อจะทำทุกอย่างให้ฮ่องเต้หลงไหลนางจนโงหัวไม่ขึ้นมิน่าเล่า…..ลีลารักของฮ่องเต้หนุ่มแม้ยามเขามีสติไม่เต็มร้อยก็ช่างช่ำชองนัก ผลอิงเถาสีชมพูเข้มที่ไม่เคยผ่านมือชายใดทั้งสิ้นบัดนี้ถูกลิ้นสากของฮ่องเต้หนุ่มไล้เลียสลับกับดูดดื่มจนนางแทบจะขาดใจ ฟางเอ๋อแอ่นร่างหยัดขึ้นจนหลังของนางแทบจะโค้ง ด้วยความเสียวซ่านแทบจะทนไม่ไหว
“ เสด็จพี่เพคะ ท่านควรจะไปหาชายาหรือสนมนางอื่นๆบ้างก็ได้ หม่อมฉันอนุญาต เพราะเกรงว่าพระองค์จะเคร่งเครียดกับราชกิจจนเกินไป อีกไม่นานหม่อมฉันก็จะคลอดองค์ชายหรือองค์หญิงน้อยให้แก่พระองค์แล้ว คงจะทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่สมบูรณ์เต็มที่นัก ” แต่ฮ่องเต้หนุ่มกลับเดินมากอดภรรยาที่เขารักไว้แนบอก “ ไม่ล่ะ พี่เหนื่อย ชายากับสนมหลายๆคนก็ขอลาออกไปอยู่นอกวังกัันแล้ว บางคนก็ลาออกไปแต่งงานพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ พวกนางคงจะเหงา เพราะพี่ไม่ได้ไปหาพวกนางเลย พี่ทำใจที่จะทำหน้าที่สามีให้พวกนางไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ว่าพี่ไม่ได้รักพวกนาง จึงคิดว่าชายานางใด สนมนางใด อยากจะอยู่ในวังหลังพี่ก็จะเลี้ยงดูอย่างดีดังเช่นเดิม ส่วนผู้ใดอยากจะลากลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่ว่ากัน หากจะลาออกไปแต่งงานข้างนอกก็ไม่ว่ากันอีก เพราะเข้าใจหัวอกพวกนางดี ” เขาบอกกับว่าที่ฮองเฮาที่รอการสถานปนาหลังจากคลอดบุตรชายแล้วอย่างรักใคร่และโอบกอดนางเอาไว้ในอกแน่นเข้าด้านที่ห้องแถวห้องหนึ่งด้านหลังโรงเย็บปักที่เป็นที่พำนักของมารดาของฟางเอ๋อ สองแม่ลูกกำลังนั่งจิบน้ำชาหลังมื้ออาหารค่ำ ที่วันนี้ฟางเอ๋อลามาเยี่ยมมารดาและขอนอน
หรูอี้รู้ดีว่าระหว่างสองบุรุษในชีวิตของนางช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อองครักษ์หนุ่มเห็นสตรีใต้ร่างเสร็จสมอย่างรุนแรงไปต่อหน้าแล้ว เขาก็รีบร้อนถอดกางเกงของเขาออกให้พ้นสะโพกหนาลงไปที่ใต้เข่าในทันที ส่วนเสื้อตัวบนยังอยู่ครบครัน เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวยในการเริงรัก และแล้วเมื่อเจ้าลูกชายที่ขยายใหญ่จนแทบปริแตก สอดเข้าไปในร่องรักของสตรีใต้ร่าง หรูอี้ก็กระตุกเกร็งไปอีกครั้งเพราะนางเสร็จสม นางเสร็จเพราะนางรักเขา นางรู้แล้วนางยังรักอาเหวินของนางไม่เสื่อมคลาย ไม่ใช่ฮ่องเต้เย็นชาผู้นั้น และต่อไปนางจะหาทางเลิกรากับเชา และออกจากวังหลวงไปแต่งงานใหม่กับอาเหวิน ที่บัดนี้กำลังจะกลายมาเป็นสามีของนางอาเหวินร้องออกมาอย่างเสียวจนแทบบ้า เพราะสตรีร่านร้อนตรงหน้า นางเสร็จสมไปทั้งๆที่เขาเพียงแค่สอดใส่เข้าไปแค่เพียงส่วนปลายของเจ้าลูกชายแสนล่ำของเขา “ โอ้วววว โอ้วววว เมียจ๋า โอ้วววว ผัวเสียว เสียวเหลือเกิน โอ้วววว ”องครักษ์หนุ่มครางออกมา แล้วก็โยกบั้นเอวดันเจ้าลูกชายที่ดิ้นรนจะเข้าไปในร่องรักที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักที่ไหลรินออกมาอย่างมากมาย เพราะหรูอี้เสร็จสมไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและแล้วจังหว
ส่วนเหลียนหรูอี้ นางกลัดกลุ้มและรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเหมือนกับตนเองเป็นสตรีขี้ริ้วขี้เหร่เสียเต็มประดา ทำให้บุรุษไม่ต้องการนาง เพราะตั้งแต่มาเข้าหอในค่ำคืนนั้น ฮ่องเต้หนุ่มไม่เคยย่างเท้ามาหานางที่ตำหนักอีกเลย ทำให้หรูอี้กลัดกลุ้มและเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่านางมีอะไรที่ผิดพลาดไป หรือสู้สตรีต่ำต้อยนั่นไม่ได้สักนิดเลยหรือ และยิ่งสนมปลายแถวที่พวกนางเคยดูแคลนบัดนี้ตั้งครรภ์มังกรแล้ว แน่นอนว่าฐานะของนางย่อมเปลี่ยนไป ส่วนคนที่ต้องเป็นกังวลกลับกลายเป็นเหล่าชายาและสนมทั้งหลายที่ฮ่องเต้ไม่โปรดปรานเช่นพวกนางแทนยามค่ำคืนวันหนึ่ง หรูอี้กลัดกลุ้มเต็มที หลังจากอาบน้ำเข้านอนไปแล้ว นางนอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ จึงได้ออกมาเดินเล่นที่สวนโดยไม่ได้ปลุกสาวใช้ที่กลับไปนอนพักที่ห้องด้านหลังตำหนักให้ลุกมาเดินเป็นเพื่่อน อีกอย่างนางเองก็อยากจะเดินเล่นเงียบๆ ใช้ความคิดเงียบๆ ตามลำพัง นางสวมเพียงอาภรณ์ที่เตรียมเข้านอนเป็นอาภรณ์สีขาวเนื้อผ้าบางเบา และไม่ได้สวมเสื้อคลุมเพราะอากาศร้อน นางออกมาเดินเล่นที่สวน ก็รู้สึกเย็นสบายขึ้น แต่แล้วขณะที่นางเดินผ่านต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นักต้นหนึ่ง แต่แล้วเหมือนกั
ไทเฮานั้นจากที่กำลังโมโหและดึงดั้นจะต่อต้านสตรีแพศยานั่น ก็หยุดชะงักเพราะกำลังอึ้งงันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและแล้วก็ครางออกมาว่า“ นางกำลังตั้งครรภ์มังกรหรือ…. มีถึงสองคนเลยหรือ ” แล้วก็หันไปจับจ้องสตรีตัวปัญหาที่บัดนี้คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว เพราะนางคือว่าที่พระมารดาขององค์ชายหรือองค์หญิงตัวน้อย ๆ ที่ไทเฮาใฝ่ฝันเหลือเกินว่าจะมีโอกาสได้อุ้ม“ ในที่สุด แม่ก็สมหวังแล้ว เรากำลังจะมีทายาทสืบทอดราชวงศ์ซ่งของเราแล้ว แม่ดีใจจริงๆ ”น้ำเสียงของไทเฮานั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือพระนางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยมีขันทีคนสนิทของพระองค์รีบเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น ไทเฮาก้าวลงจากพระที่นั่งแล้วก็เดินตรงไปหาสนมหยูหงลี่แล้วเข้าโอบกอดสตรีที่ตนเองเคยรังเกียจเอาไว้อย่างทะนุถนอม “ เจ้าตั้งครรภ์มังกรแล้ว ข้าดีใจจริง ๆ ดูแลองค์ชายและองค์หญิงน้อยในท้องเจ้าให้ดีนะ มีหวังแล้ว มีหวังแล้วที่จะได้องค์รัชทายาท”ไทเฮาพร่ำพูดระหว่างที่โอบกอดหงลี่อย่างดีอกดีใจ หงลี่ยิ้มให้ไทเฮาอย่างรักใคร่ เพราะนางเองก็รักแม่สามีดังเช่นเดิมเหมือนครั้งอดีต และบัดนี้ก็ดีใจนักที่ไทเฮานั้นเหมือนจะยกโทษให้นางแล้ว “












Comments