อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์

อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
โดย:  ซูซี่แคท / รดาพรรณรายอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
10บท
66views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

อัมพุชินี ธิดาของเมืองทวารกะแห่งอาณาจักรกัมโพชน์ ผู้มีความสามารถด้านสมุนไพรและศิลปะ ถูกจับตัวไปเมื่อบ้านเมืองถูกกองทัพอารยันรุกรานจนล่มสลาย เธอถูกขายเป็นนางทาสในวังหลวงไอยคุปต์ อันเป็นที่ประทับของ ฟาโรห์เมเรนคาเร ราชันหนุ่ม ‘หัวใจหิน’ ผู้ทรงไร้รอยยิ้มและเอื้ออาทร อัมพุชินีเริ่มต้นชีวิตอย่างต่ำต้อยในเรือนทาส แต่ด้วยความรู้ทางสมุนไพรและศิลปะการวาดภาพ เธอจึงกลับกลายเป็นบุคคลสำคัญในการช่วยบำบัดอาการบรรทมไม่หลับขององค์ฟาโรห์ โดยผ่านภาพวาดและกลิ่นของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีนางสนมนับร้อยอยู่รอบพระวรกาย แต่หัวใจของฟาโรห์กลับสั่นคลอนจากหญิงสาวไร้ตัวตน ความรักที่ต้องห้ามระหว่างจอมราชันกับนางทาสกลับเริ่มผลิบาน ท่ามกลางการช่วงชิงอำนาจ แผนร้ายของเหล่าสนม และศัตรูเก่าที่หวนคืน อัมพุชินีจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างความรักไร้ตัวตน กับ การกอบกู้อิสรภาพคืนสู่ดินแดนของนาง จอมราชันเย็นชาพระองค์นี้ จะยอมมอบ “หัวใจรัก” ให้เธออย่างศิโรราบหรือไม่  

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

1. ของกำนัลพลัดถิ่น

“พระธิดา!!! เสด็จเร็วเพคะ ประตูทิศตะวันตกพังแล้ว…!!!”

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

เสียงกลองศึกดังกึกก้องไปทั่วพื้นพสุธา ราวฟ้าระเบิดกลางวันแสกๆ สายลมตะวันตกพัดแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นธูปหอมจากวิหารกลางนคร เสียงสวดบวงสรวงของพราหมณ์มิอาจกลบเสียงคำรามของศัตรูที่กำลังไล่บดขยี้เข้าใกล้กำแพงหลวง

พระราชวังสุบรรณนาฏราช แห่งนครทวารกะ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเนินศิลาทอง คือ ศูนย์กลางแห่ง ราชอาณาจักรกัมโพชน์ ดินแดนแห่งอารยธรรมชมพูทวีปอันรุ่งโรจน์ สง่างดงามราวภาพวาดแห่งห้วงจินตนาการ ทว่าบัดนี้ ทั้งสายน้ำ ศิลา และวังหลวงกลับต้องสะท้านสะเทือนด้วยรอยเท้าของม้าศึกแห่งกองทัพอารยัน

“ขอประทานอภัยเพคะ พระธิดาอย่าเสด็จไปด้านนอกเลยเพคะ ภายนอกนั่นหาใช่ที่สำหรับพระองค์ไม่…!!!”

เสียงวิงวอนของนางข้าหลวงผู้ชราสั่นเครือขณะหมอบกราบอยู่แทบบาทของ พระธิดา อัมพุชินี พระธิดาองค์สุดท้องใน ราชาธิบดีสิวราช แห่งกัมโพชน์

พระธิดามิได้ตรัสตอบ ดวงเนตรอ่อนละมุนดำขลับเต็มไปน้ำพระเนตร แต่ดำเนินอย่างสง่างามประหนึ่งนางอัปสรบนชั้นฟ้า เส้นพระเกศาดำยาวดุจใยไหมสะบัดตามแรงลม ส่าหรีผืนงามขลิบทองพลิ้วไหวท่ามกลางกระแสฝุ่นละอองจากศึกที่ปลิวฟุ้งเข้ามาภายในพระตำหนัก

“พระบิดาเสด็จสู่แนวหน้า ข้าจักทอดทิ้งพระองค์อย่างไรได้” น้ำพระทัยกริ่งเกรงแต่ยังแฝงด้วยพระสติมั่นคง

“แต่ทัพอารยันฝ่าแนวกำแพงชั้นนอกเข้ามาแล้ว ขอได้โปรดเสด็จไปยังคูหาหลบภัยเถิด พระเจ้าข้า”

เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมาจากกำแพงเมือง เสียงโลหะปะทะเกราะกันสนั่น เสียงม้าศึกอาชาไนยร้องคำราม กัมปนาทดังกึกก้องกระทบพสุธา เหล่าทหารองครักษ์วิ่งกรูกันเข้าสู่ชั้นในของตัวพระราชวังด้วยใบหน้าเปื้อนโลหิต

“พระธิดา!!! เสด็จเร็วเพคะ ประตูทิศตะวันตกพังแล้ว…!!!”

อัมพุชินีหันหน้าขึ้นสู่เบื้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมอกควัน รำพึงแผ่วเบา...

“มหามณฑลทองของพระมิ่งแก้วของลูก...บัดนี้มัวหม่นคล้ายร่วงหล่น ดั่งบุญญากำลังจะดับสิ้น”

นิ้วเรียวงามของพระธิดากำลังกำผืนผ้าไหมซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายจากฝีพระหัตถ์พระมารดาผู้ล่วงลับ แผงขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ  ด้วยหทัยวิตกยิ่ง ก่อนจะดำเนินกลับเข้าภายในมหาวิหารกลางพระราชวัง เพื่อเข้าเฝ้าพระบิดา

แต่แล้ว...เสียงบานทวารหลวงถูกกระแทกเปิดออกอย่างรุนแรง พร้อมแสงเพลิงจากคบไฟของข้าศึกสาดส่องเข้ามาภายในวิหาร ทหารอารยันนับสิบบุกทะลวงพร้อมหอกและดาบ ทหารกัมโพชน์ผู้ภักดีต่อราชวงศ์พลีชีพอย่างหาญกล้า หนึ่งต่อสิบ สองต่อยี่สิบสามสิบ ศัตรูมากยิ่ง...เกินต้านไปเสียแล้ว

ท่ามกลางเสียงคำรามโห่ก้องดารดาษไปด้วยโลหิตนองทั่ว ผู้หนึ่งถูกพยุงมายังเบื้องหน้าพระธิดา

“ฮะ...พระบิดา !!!”

ราชาสิวราช พระวรกายเต็มไปด้วยบาดแผล พระโลหิตหยดลงจากพระอุระ นองท่วมเครื่องทรงงามสง่า พระองค์แลดูเศร้าโศกสุดพรรณนา พระธิดาทรุดลงหมอบแนบพื้นด้วยหทัยระทม

“พระบิดา... อย่าเสด็จออกไปอีกเลยเพคะ” น้ำเสียงสั่นเครือขณะขอร้อง

“ลูก... เจ้าต้องหนี... เอาชีวิตให้รอด... อัมพุชินีของพ่อ” พระราชาตรัสอย่างกล้ำกลืนแหบแห้ง

ดวงเนตรของพระธิดาแดงก่ำ น้ำพระเนตรไหลนองมิขาดสาย เสียงสะอื้นแสนเจ็บปวด

“ลูกจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น หากมิได้ไปพร้อมพระองค์!!!”

“ลูกขอออกไปแทน พระองค์เสด็จเถิด เพคะ!!!” พระธิดาตัดสินพระทัยอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ

แต่ก่อนที่พระบิดาจะเปล่งวาจาใดใดอีก เสียงย่างเท้าลงเป็นจังหวะของชายผู้หนึ่งก็มาหยุดลงตรงหน้าทั้งสองพระองค์

พระธิดาน้อยแห่งกัมโพชน์... ข้าเกรงว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว...”

ผู้เอ่ยคำเยาะหยันนั้น คือ คีระ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพอารยัน ผู้มีดวงตาเย็นชา ใบหน้าเฉยเมย เรียวปากเรียบสนิทแฝงด้วยการหยามเหยียด

“เจ้าหญิงผู้งามสง่า...เช่นเจ้า หาได้ควรแก่ความตายไม่ หากแต่ควรแก่การเป็นของกำนัล”

อัมพุชินีจ้องสายตาประสานกลับไปอย่างเยือกเย็น แม้ดวงหน้าจะหม่นหมองยิ่ง แต่อิริยาบถยังสง่างามราวดอกบัวต้องแสงตะวันยามรุ่งอรุณ

“ของกำนัลแด่พันธมิตรบนดินแดนไกลโพ้น ไอยคุปต์!!!” แม่ทัพคีระประกาศเสียงดังก้อง

และนับจากวันนั้น…พระธิดาแห่งราชอาณาจักรกัมโพชน์ มิได้เป็นเจ้าหญิงอีกต่อไป

… … … …

ท่ามกลางแสงแดดแผดเผาบนทะเลทรายแห่งตะวันตก ผืนทรายระอุด้วยไอร้อนดั่งเปลวเพลิง ล้อเกวียนไม้ดังกุกกัก ขบวนทาสเดินเรียงรายทอดเป็นสายยาวในความเงียบ

ภายในเกวียนตอนท้าย หญิงสาวผู้มีผิวดุจงาช้าง และดวงตาดำขลับกำลังจ้องมองเส้นขอบฟ้าอย่างแน่วแน่

หลายวันแล้ว อัมพุชินีสงบนิ่งมิได้เอ่ยอันใดออกมา ดวงตาคมนั้นเคยอบอุ่นยามได้เหลียวแลประชาชน มาบัดนี้กลายเป็นดวงจันทร์อันหนาวเหน็บท่ามกลางคืนแสนเปลี่ยวเดียวดาย

นิ้วเรียวงามยังกำผืนผ้าไหมไว้แน่น เป็นของชิ้นเดียวจากวังหลวง ซึ่งเปื้อนโลหิตของพระบิดา

“ข้าจะอยู่ ข้าจะมีลมหายใจ... เพื่อความทรงจำของพระองค์” น้ำเสียงสะอื้นไห้อยู่ในหทัยอันเด็ดเดี่ยว

เมื่อขบวนทาสผ่านพ้นทะเลทรายสู่ดินแดนแห่งอียิปต์ นคร ‘วาเซต’ ต้อนรับขบวนด้วยประตูศิลาสลักเทพเจ้าแห่งแม่น้ำไนล์ ทั้งสองฟากทางเดิน คือเสาโอเบลิสก์ และวิหารหินสูงเสียดฟ้า

แต่ละก้าวที่ดำเนินผ่านพ้นไป หัวใจของพระธิดาแห่งแคว้นล่มสลายยิ่งเต้นระทึก

“ข้าจักเผชิญทุกสิ่งด้วยใจมั่น!!!” เธอรำพึงเบาๆ อยู่ภายใน

เมื่อขบวนเคลื่อนสู่ลานพระราชวังของไอยคุปต์ เสียงร้องประกาศดังกึกก้อง

“ฟาโรห์เมเรนคาเร เสด็จออกทอดพระเนตร…!!!”

ทาสหญิงทุกคนหมอบกราบแนบพื้น พวกนางล้วนหวาดกลัวนามของราชันผู้ทรงสิริโฉมและยิ่งใหญ่ ทว่าเยือกเย็นประดุจกำแพงน้ำแข็ง ราชันซึ่งหทัยมิเคยหวั่นไหว แม้นมีสนมนับร้อยก็ยังมิได้เลือกผู้ใดเป็นราชินีเคียงคู่บนบัลลังก์

“หญิงผู้นั้น... คนสุดท้ายในแถว... จงเงยหน้าขึ้น!!!”

น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นจากบัลลังก์ทองคำสูงชัน เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจและความว่างเปล่า อัมพุชินีคลุมหน้าไว้ ครั้นได้ยินถ้อยคำนั้นแล้ว หัวใจสั่นไหวกระตุกเต้นเสียงดังตูมตามในบัดดล

เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาดำขลับของเธอสบประสานกับดวงเนตรสีอำพันของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ และแล้วในชั่วพริบตานั้นเอง... กลิ่นบัวหลวงแห่งลุ่มน้ำไนล์พลันอบอวล

เมื่อเจ้าหญิงผู้แพ้พ่าย... ได้สบดวงเนตรกับราชันผู้ไม่เคยพ่าย

บริบทใหม่ของสองแผ่นดินจึงเริ่มต้น ณ ที่แห่งนี้

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
10
1. ของกำนัลพลัดถิ่น
“พระธิดา!!! เสด็จเร็วเพคะ ประตูทิศตะวันตกพังแล้ว…!!!”... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...เสียงกลองศึกดังกึกก้องไปทั่วพื้นพสุธา ราวฟ้าระเบิดกลางวันแสกๆ สายลมตะวันตกพัดแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นธูปหอมจากวิหารกลางนคร เสียงสวดบวงสรวงของพราหมณ์มิอาจกลบเสียงคำรามของศัตรูที่กำลังไล่บดขยี้เข้าใกล้กำแพงหลวงพระราชวังสุบรรณนาฏราช แห่งนครทวารกะ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเนินศิลาทอง คือ ศูนย์กลางแห่ง ราชอาณาจักรกัมโพชน์ ดินแดนแห่งอารยธรรมชมพูทวีปอันรุ่งโรจน์ สง่างดงามราวภาพวาดแห่งห้วงจินตนาการ ทว่าบัดนี้ ทั้งสายน้ำ ศิลา และวังหลวงกลับต้องสะท้านสะเทือนด้วยรอยเท้าของม้าศึกแห่งกองทัพอารยัน“ขอประทานอภัยเพคะ พระธิดาอย่าเสด็จไปด้านนอกเลยเพคะ ภายนอกนั่นหาใช่ที่สำหรับพระองค์ไม่…!!!”เสียงวิงวอนของนางข้าหลวงผู้ชราสั่นเครือขณะหมอบกราบอยู่แทบบาทของ พระธิดา อัมพุชินี พระธิดาองค์สุดท้องใน ราชาธิบดีสิวราช แห่งกัมโพชน์พระธิดามิได้ตรัสตอบ ดวงเนตรอ่อนละมุนดำขลับเต็มไปน้ำพระเนตร แต่ดำเนินอย่างสง่างามประหนึ่งนางอัปสรบนชั้นฟ้า เส้นพระเกศาดำยาวดุจใยไหมสะบัดตามแรงลม ส่า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-28
อ่านเพิ่มเติม
2. นางผู้อัปลักษณ์
ณ ตลาดทาสนคร ‘วาเซต’... ... ... ...เสียงกลองและพิณจากพื้นเมืองไอยคุปต์ดังคลอไปทั่วนครวาเซต เมืองหลวงเก่าแก่แห่งแคว้นบนของอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ รัศมีสีทองอ่อนเริ่มแต่งแต้มแนวเสาศิลาแห่งวิหารเพธา และกลิ่นกำยานลอยฟุ้งขจายไปในอากาศราวกับเป็นฤกษ์ยินดีได้ต้อนรับผู้มาใหม่อัมพุชินีอยู่ในกลุ่มทาสชั้นสูงที่รอคอยการนำขึ้นประมูลในลานกลางของตลาด นครวาเซต นั้นขึ้นชื่อว่าเป็น นครแห่งการค้าขาย ทั้งทองคำ ไข่มุก เครื่องหอม และชีวิตมนุษย์เหล่าทาสจากดินแดนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนูเบีย ลิเบีย ชาวฮิตไทต์ หรือ ชาวเปอร์เซีย ต่างก็ถูกจัดแบ่งโดยผู้ดูแลตลาดตามคุณลักษณะพิเศษอัมพุชินีมิใช่เพียงหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หากแต่กายเปล่งประกายด้วยความสง่างามที่ไม่อาจปฏิเสธ เส้นผมยาวดำขลับ ริมฝีปากชมพูอ่อนระเรื่อดั่งธรรมชาติ และเรียวดวงตาประดุจกลีบบัวบาน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาของนายตลาดผู้มากอำนาจ“นางคือ 'บรรณาการจากอารยัน' ใช่หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นพลางเดินสำรวจ“ถูกแล้ว ขอรับ” เสียงผู้ดูแลคาราวานตอบ “ธิดาแห่งกัมโพชน์”“จงอย่าทำร้ายผิวของนาง อย่าให้มีรอยช้ำแม้เพียงป
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-28
อ่านเพิ่มเติม
3. อาการของฟาโรห์
ค่ำคืนแห่งไอยคุปต์…... ... ... ...ม่านรัตติกาลทาบทอลงเหนือมหาปิรามิดอันสูงตระหง่าน พระจันทร์ดวงโตลอยคล้อยเหนือแม่น้ำไนล์ เปล่งแสงนวลกระทบผืนน้ำส่องประกายระยิบ ไออุ่นของสายลมแห่งทะเลทรายพัดเบา ๆ ผ่านซุ้มไม้ดอกของพระตำหนักทิศตะวันออก ขับเอากลิ่นบัวหลวงหอมกรุ่นละมุนชวนให้จิตได้เพลิดเพลินผ่อนคลายอัมพุชินี นางทาสจากแดนชมพูทวีป ยังคงดำรงตนอย่างเรียบง่ายในสถานะอันต่ำต้อย หากแต่ในค่ำคืนนี้ เธอกลับได้รับพระบัญชาให้เข้าเฝ้าฟาโรห์เมเรนคาเร ณ ห้องบรรทมส่วนพระองค์ด้วยเหตุผลหนึ่ง…“ฝ่าพระบาท คืนนี้ทรงบรรทมไม่หลับอีกหรือ...เพคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาขณะก้มกราบแนบพื้นหินอ่อนเบื้องหน้าฟาโรห์เมเรนคาเร มิได้ทรงสนพระทัยในความอ่อนน้อมนั้นนัก พระวรกายอันสูงสง่าเอนพิงแท่นหินสลักรูปเทพอนูบิส พระเนตรหม่นหมองยิ่งนักจนแลคล้ายแสงเปลวเทียนริบหรี่ใกล้ดับ“ข้าหลับตาลงมิได้… แม้นหลับลงได้คราใด ดวงจิตกลับกระตุกหวั่นไหวดั่งถูกปีศาจร้ายไล่ล่าในความฝัน”“ขอพระองค์...รับการถวายพระโอสถสมุนไพร จักชะลอความว้าวุ่นในพระทัยลงได้...เพคะ” อัมพุชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยอัมพุชินีมิได้รอช้า นางเปิดหีบยาไม้จันทน์หอมที่นำติดตัว
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-28
อ่านเพิ่มเติม
4. เสียงกระซิบในวังหลวง
ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวงข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกกและภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้นในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าส
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-28
อ่านเพิ่มเติม
5. ภารกิจแรก (ซ่อนนัยยะ)
ค่ำคืนนี้ พระราชวังหลวงแห่งไอยคุปต์เรืองรองทอประกายแสงแห่งดวงตาเทพรา พระจันทร์ทรงกลดฉาบแสงเงินบนหลังคาทองคำของตำหนักทุกหลัง และในท่ามกลางอุทยานหลวงที่เงียบสงบ ท้องฟ้าดูเหมือนจะเฝ้ามองการเริ่มต้นของบริบทที่สำคัญยิ่ง ...ที่มีเพียงหัวใจสองดวงเท่านั้นที่เข้าใจความหมายในท่วงทำนองความเป็นไปอัมพุชินี ยืนอยู่หน้าตำหนักขนาดย่อมติดสวนบัวหลวง ที่เพิ่งได้รับพระราชทานจากฟาโรห์เมเรนคาเร พร้อมตราตำแหน่ง "จิตรกรหลวงแห่งไอยคุปต์" เธอเป็นหญิงทาสคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของพระราชวังทองคำแห่งนี้คำกล่าวขานนี้ไม่ใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ 'เกียรติยศ' ที่ไม่มีนางทาสนางใดในไอยคุปต์เคยได้ครอบครองมาก่อนพื้นที่ทำงานภายในตำหนักที่นางได้รับนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยแสงเทียน กลิ่นบัวหลวง และพู่กันที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะหินมีผืนผ้าเปลือกไม้จากแคว้นอียาเทป รอให้ศิลปะจากปลายนิ้วเรียวของเธอมอบชีวิตให้อย่างมีสีสัน“ตำแหน่งนี้...หาใช่เพื่อข้าแต่ผู้เดียว...”อัมพุชินีพึมพำ...“หากเพื่อแคว้นที่ล่มสลาย เพื่อพระบิดา เพื่อความทรงจำที่มิอาจถูกลบเลือน”ในขณะเดียวกัน ฟาโรห์เมเรนคาเร เสด็จกลับสู่ตำหนักปร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-28
อ่านเพิ่มเติม
6. สงครามเงาแห่งตำหนักใน
แผนร้าย ลอบสังหาร และเพลิงริษยาที่แผดเผา...ลงตรงกลางตำหนักจิตรกรหลวง... ... ... ...กลางค่ำคืนที่กระแสลมร้อนแห้งแล้งพัดเอื่อยอ้อยสร้อยแผ่วผ่านเงาแห่งแสงจันทรา ที่ค่อยๆ ทอดผ่านม่านผ้าไหมสีทองบางเบาภายในตำหนักของจิตรกรหลวง อัมพุชินีนั่งวาดภาพอยูในห้องของตนอย่างเงียบๆ สีน้ำจากกลีบบัวหยดแต้มลงบนผืนผ้าอย่างบางเบา ดวงตาของเธอยังคงเปล่งประกายแห่งความฝัน แม้หัวใจจะรู้ดีว่าโลกเบื้องหลังม่านผ้าสีงามนั้นไม่เคยอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยเพียงไม่กี่วัน นางทาสจากกัมโพชน์กลับกลายมาเป็น ‘จิตรกรหลวง’ และผู้ถวายงานอย่างใกล้ชิดแด่ฟาโรห์เมเรนคาเร นามของเธอเริ่มกระซิบผ่านจากปากต่อปากในหมู่สนมชั้นสูง สะกิดความรู้สึกให้เกิดแรงกระเพื่อมขยายจากวงเล็กกลายเป็นวงกว้างของบรรดาหญิงงามผู้อยู่ในวังมานานนับสิบปี“ข้าจะไม่ยอมให้หญิงทาสไร้รากเหง้าเช่นนาง ลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อไป!!!” เสียงเย็นเยียบของ ‘เมเรตา’ สนมรองต้นผู้มากด้วยอำนาจยิ่งกว่าสนมเอกเนเฟรตารี ดังสะท้อนก้องในห้องประชุมลับกลางค่ำคืน หญิงงามจากราชวงศ์แห่งธีบส์ผู้ถูกขนานนามว่า ‘นกยางขาวแห่งลุ่มน้ำไนล์’ กลับกลายเป็นสตรีที่ขุ่นมัวด้วยแรงริษยาสูงยิ่งกว่านางผู้ใด“พระองค
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-01
อ่านเพิ่มเติม
7. ปริศนายาพิษ
“คมมีดนั้นคือเพียงปลายทาง แต่ยาพิษ… ซึมซาบถึงใจกลางวิญญาณ”... ... ... ...กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งในลมหายใจแห่งรัตติกาลนั้น ยังติดอยู่ในนาสิกของฟาโรห์เมเรนคาเร…เวลาล่วงมาหลายชั่วยาม ร่างของอัมพุชินีหญิงงามผู้เคยเปล่งปลั่งดั่งบัวหลวงในยามรุ่งอรุณ บัดนี้...ไม่ดีขึ้น แต่กลับนอนนิ่งไร้เสียงอยู่ภายใต้ผ้าห่มขลิบทองบนแท่นบรรทมภายในห้องรับรองข้างห้องบรรทมของฟาโรห์ สีหน้าซีดเซียวบนดวงหน้างามผ่อง ขณะนี้ดุจวิหคถูกแรงลมร้ายกำลังพัดมา...พรากเอาดวงวิญญาณของเธอไปโลหิตหล่อเลี้ยงทั่วหทัยของพระองค์เย็นวาบด้วยปริวิตกอย่างยิ่งยวดย้อนคืนสู่เหตุการณ์ก่อนหน้า…เสียงกรีดร้องของอัมพุชินีที่กำลังขอความช่วยเหลือ ขณะนักฆ่าในชุดผ้าคลุมดำจู่โจมเธออีกครั้ง หลังจากมีดสั้นแค่เฉียดหัวไหล่ฉีกผิวบริเวณนั้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ด้วยยาพิษที่ชโลมไว้ตรงปลายแหลมนั้นที่ทำให้เธอทรุดหนัก หลังจากแพทย์หลวงได้รักษาบาดแผลได้เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นหลังคาภายในราชวังหลวงราวกับสั่นสะเทือน แผ่กระแสความวุ่นวายปกคลุมไปทั่วทุกตำหนัก“นางจิตรกรหลวงได้รับบาดเจ็บ!!! มีดอาบยาพิษ!!!”ย้อนรอยนาทีแห่งมัจจุราช ... ซึ่งฟาโรห์ในขณะนั้นเสด็จอ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
อ่านเพิ่มเติม
8. ผู้ร้าย (ยัง) ลอยนวล
ในเงามืดของวังหลวง มิตรอาจเป็นศัตรู และศัตรู… อาจคือ คนที่ชิดใกล้... ... ... ...เงาราตรีครอบคลุมวังหลวงแห่งไอยคุปต์อีกครั้ง สายลมจากแม่น้ำไนล์พัดผ่านม่านบางเบาในตำหนักหลวง แต่หทัยของฟาโรห์เมเรนคาเรยังมืดมน...ไร้ทางออกใคร… กันแน่ที่บงการอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอัมพุชินีภายในห้องขังใต้พระราชวังหลวงนาเยรี สนมคนโปรดที่เคยถวายงานพัด บัดนี้ถูกนำตัวมาเบื้องหน้าฟาโรห์อีกครั้ง ดวงตาของนางแดงก่ำ ร่างกายสั่นระริกหวั่นโทษทัณฑ์ถึงแก่ชีวิต"เจ้ารู้...ใช่หรือไม่ฮะ!!! ว่าข้าอาจประหารเจ้าทั้งที่ยังไม่ทันถามเหตุผล"สุรเสียงของฟาโรห์นิ่งเย็นยะเยียบ แต่แววพระเนตรที่กำลังจ้องนางกลับเปี่ยมไปด้วยพายุอารมณ์ เมื่อทรงรับฟังคำยืนยันนั้นอีกครั้ง"ข้ากระหม่อม... ไม่ได้ลอบวางยาพิษ เพคะ... ข้าเพียงทำตามคำสั่ง""ของใคร!!!" ฟาโรห์ตวาดลั่นนาเยรีสะดุ้งสุดตัว ก่อนกล่าวเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน..."พระมารดาเงา เพคะ...!!!" นางยังยืนยันคำพูดเดิมทันทีที่นางเอ่ยนามนั้น บรรยากาศในห้องขังหยุดนิ่ง เหล่าทหารเวรยามไม่กล้าแม้แต่กะพริบตาแต่ในขณะนี้ดวงเนตรของฟาโรห์เมเรนคาเรกลับนิ่งสงบ...ทรงหรี่พระเนตรลงราวกับกำลังตรึกตรองอย่างถ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
อ่านเพิ่มเติม
9. ศิลปะบำบัดอาการ
ใจที่เคยแข็งดั่งหินผา กลับละลายเมื่อสบตา ... หทัยไยโหยหาแต่นาง”... ... ... ...บรรยากาศยามพลบค่ำ ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ม่านสีงาช้างบางเบาปลิวไหวพลิ้วตามสายลมเอื่อยอ่อนจากลำน้ำไนล์ เสียงพิณบรรเลงแผ่วแว่วประสานร้อยเรียงตามจังหวะของเส้นสายจากมุมตำหนัก แสงตะเกียงน้ำมันทาทาบลงบนพระพักตร์องค์ฟาโรห์เมเรนคาเร พระเนตรยังไม่ห่างจากภาพวาดบนผืนผ้าเบื้องหน้าภาพนั้น คือ ดอกบัวหลวงสีฟ้า แซมด้วยสีทอง วาดด้วยมือของ จิตรกรหลวง เดิมนางคือหญิงทาสจากแดนกัมโพชน์ นามว่า...อัมพุชินี“เหตุใดเจ้าจึงเลือกวาดดอกไม้ดอกนี้” ฟาโรห์ตรัสถามโดยยังไม่ละสายตาจากภาพหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเนิบช้า“เพราะดอกบัว... คือสิ่งเดียวที่งอกงามแม้อยู่ในโคลนตม ... ข้ากระหม่อมเพียงวาดสิ่งที่คล้ายหัวใจของพระองค์เพคะ” ฟาโรห์นิ่งไปครู่หนึ่ง... ก่อนเอื้อมพระหัตถ์รับพู่กันอีกด้ามจากเธอยามราตรี เป็นเวลาที่ฟาโรห์พระองค์นี้พยายามใช้บำบัดอาการลึกลับของพระองค์มาตลอด ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนว่า พระองค์มีอาการอะไร แม้บรรดาสนมทั้งหลายยังไม่เคยได้ใกล้ชิดกับพระองค์ก่อนทรงบรรทม แต่ก็มีเสียงกระซิบในวังหลวงเล่าลือถึงอาการสุดพิสดารพระองค์เองก็เค
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
อ่านเพิ่มเติม
10. ความทรงจำฟาโรห์
สองคืนต่อมา ฟาโรห์เมเรนคาเรทรงรับสั่งให้อัมพุชินี ต้มโอสถสมุนไพรถวายที่ภายในห้องทรงบรรทม หลังจากทรงวาดภาพกับเธอช่วงก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้ายามใกล้พลบค่ำเป็นเวลาแห่งสายลมพัดเอื่อยอ้อยสร้อยจากผืนทรายโดยรอบ โชยเอาลมหายใจแห่งชีวิตตามลำน้ำไนล์ หอบกระแสความอบอุ่นผ่านลอดเข้าบานประตูสลักหินโบราณ คลื่นแห่งชีวิตภายนอกกำแพงพระราชวัง คือหมุดหมายของเหล่าราษฎร ที่ดำรงชีพอย่างเรียบง่าย สงบสุข และปราศจากภัยร้าย ด้วยเพราะบารมีขององค์ฟาโรห์พระองค์นี้ ทว่าสำหรับตัวตนของพระองค์แล้วกลับหาความสงบภายในยากยิ่งเหลือเกิน แม้จะทรงประทับอยู่ภายในพระราชวังใหญ่โตอวดโฉมงดงามแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ในหทัยนั้นมิได้มีอารมณ์ที่เรียกว่า สงบสุข มีแต่เรื่องให้ทรงทุกข์กังวล ไม่ว่าจากงานราชการเมือง การปกป้องนคร นโยบายดูแลเหล่าผู้คนภายใต้พระราชอำนาจ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องวุ่นวายจากความอิจฉาริษยาจากทุกซอกทุกมุมภายในราชสำนัก ตั้งแต่สนม ข้าในราชสำนัก ไปจนถึงเหล่าเสนาบดีทุกระดับชั้นราชกิจขององค์ฟาโรห์มิใช่การทำหน้าที่แค่ประทับอยู่บนบัลลังก์แล้วสั่งการเท่านั้น แต่พระองค์ยังต้องส่งเหล่าทหารลับออกไปสอดส่อง เพื่อเป็นหูเป็นตาช่วยพ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status