สวีฉีเฟิ่งนั้นคิดตบแต่งสตรีโง่เขลาสักนางมาเป็นภรรยาให้ได้หลอกใช้ ทว่าไยที่ได้มาจึงกลายเป็นนางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางผู้เค็มยิ่งกว่ามารดาทะเลไปเสียได้?!!
View Moreบทนำ
...อูย...
ความรู้สึกแรกของตะวันฉายที่เธอได้รับก็คือเจ็บปวดบริเวณท้ายทอยอย่างมาก 'นางร้ายเงินล้าน' แห่งช่องน้อยสีของประเทศไทยพยายามนึกทบทวนว่าที่แท้ตนเองเป็นอะไรไปจึงตื่นมาแล้วปวดที่ท้ายทอยเหลือเกิน รีดเค้นอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเธอก็ได้ความว่าตนเองนั้นถูกยายนางเอกหน้าสวยใจเน่าเช่น ‘ปานฤดี มากมี’ นั้นแสร้งเดินชนตอนที่ทั้งคู่เดินสวนทางกันในระหว่างลงจากเวทีงานอีเวนต์เปิดตัวสบู่ยี่ห้อดัง จากนั้นโลกทั้งใบของตะวันฉายก็ดับมืดลงราวกับว่าบ้านของเธอนั้นถูกการไฟฟ้าตัดหม้อแปลงเลยทีเดียว
"คุณหนูห้าท่านฟื้นแล้ว! นายท่านเจ้าคะคุณหนูห้านางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!"
...คุณหนูห้า?...ใครกัน?...
คนที่ยังคงมึนศีรษะนั้นค่อย ๆ ขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างยากเย็น ภายในใจก็สงสัยต่อเสียงสำเนียงเหน่อดังคนสุพรรณที่เธอเคยผ่านหูมาบ้าง แต่ความเหน่อยังไม่น่าสงสัยเท่าอะไรคือคุณหนูห้า...นายท่าน...เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่เชียงใหม่ ตั้งแต่จำความได้ตะวันฉายจึงเป็นลูกคนเดียวมาโดยตลอด เพราะขนาดพ่อกับแม่ยังไม่รู้จักเลยจะไปรู้จักพี่น้องที่มีได้อย่างไร ถึงอาจจะมีจริงก็ตามเถอะ
...ดังนั้นเธอจะเป็นคุณหนูห้าได้อย่างไรกันเล่า?...
ทว่ายังไม่ทันหายสงสัยกับประโยคแตกตื่นแรกเมื่อเธอนั้นลืมตาขึ้นมาได้ก็ต้องนิ่งงันไปกับภาพเพดานห้องตรงหน้าที่ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล หรือเพดานสีครีมของห้องพักซึ่งเป็นคอนโดหรูที่ตนเองเป็นเจ้าของ แต่เพดานห้องแห่งนี้กลับเป็นโครงสร้างที่ทำจากไม้ดูอย่างไรก็เป็นเพดานห้องยุคโบราณอย่างแน่นอนเพราะเธอเคยเล่นละครพีเรียดมาหลายเรื่อง อย่างไรก็มองไม่ผิดแน่!
“เซียงเอ๋อร์เจ้าฟื้นแล้วจริงด้วย! ลูกพ่อเจ้าฟื้นแล้ว ดีเหลือเกิน”
...!!!...
ภาพของบุรุษวัยราวปลายสามสิบปีใกล้สี่สิบปีที่โผล่มายืนชะโงกมองตนเองทำเอาตะวันฉายตกใจจนพูดไม่ออก แล้วพออีกฝ่ายนั้นเรียกตนเองว่า ‘พ่อ’ คนที่เกิดมายี่สิบเอ็ดปีแล้วทราบเพียงตนเองเป็นเด็กที่ถูกทิ้ง ไร้ทั้งพ่อขาดทั้งแม่กลับยิ่งตกใจกว่าเดิมไปอีกหลายพันเท่า!
...นี่เราตกบันไดจนสติฟั่นเฟือนไปขนาดนี้เลยหรือนี่นางตะวัน?...
“ไหน? ... เด็กสาระเลวมันฟื้นแล้วหรือ ฟื้นแล้วย่อมดี ข้าจะตีนางให้ตายเอง!”
...ใครอีกเล่า?...
นางร้ายเงินล้านถึงกับมึนงงไปหมดไม่ทราบว่าตนเองกำลังเผชิญกับอะไรอยู่กันแน่ เธอกำลังถ่ายละครอยู่หรือไร? แต่ก็จำได้แม่นว่าตนเองถูกชนจนตกบันไดเวทีมันจะกลายเป็นมาอยู่ในกองถ่ายละครได้อย่างไร ที่สำคัญเธอจำได้ไม่มีลืมว่าตนเองไม่เคยรับเล่นละครหรือซีรีส์พีเรียดจีนมาก่อน แล้วภาพตรงหน้าทั้งหมดนี่มันอะไรกัน???
“ท่านแม่สามีได้โปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ เซียงเอ๋อร์นั้นนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ที่สำคัญนางถูกซินเอ๋อร์ทำร้ายจนศีรษะแตกและสลบไปถึงสามวันสามคืนยังไม่พอ ซินเอ๋อร์นั้นยังจับเซียงเอ๋อร์โยนลงบึงบัวอีกด้วย ท่านแม่สามีได้โปรดเมตตานางด้วยเจ้าค่ะ นางอาจมิได้ผิดอันใดก็เป็นไปได้ ขอท่านแม่สามีใจเย็นสักนิด”
เสียงของสตรีสาววัยคงราวยี่สิบกว่าปีดังเอ็ดอึง ทั้งยังมีเสียงยื้อยุดจนตะวันฉายต้องพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองทิศทางของต้นเสียงดังกล่าว แล้วหญิงสาวก็ตื่นเต็มตาทันที
...!!!?...
ด้วยภาพของหญิงสูงวัยคาดเดาอายุได้คงราวหกสิบปี ในมือถือไม้พลองดุ้นโตกะได้คงราวหน้าสามเห็นจะได้ พอนางร้ายสาวเห็นภาพเหล่านั้นมันก็ทำให้หญิงสาวหนาวเยือกในอก เพราะตกเวทีนั้นยังไม่ถึงตายทว่าหากถูกไม้หน้าสามฟาดเธอตายจริงแน่!
“ทะ...ท่าน...ท่านพ่อ...น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว...”
เอาวะจะอะไรก็ช่างตอนนี้ จะให้เธอเรียกผู้ชายด้านข้างเตียงคนนี้ว่า ‘เทียด’ ตะวันฉายล้วนไม่มีติดขัดเขินอาย เพราะหากเรียกแล้วตนเองไม่ถูก ‘ท่านป้ามหาโหด’ คนนั้นเอาไม้หน้าสามมาฟาดเธอไม่เกี่ยงอยู่แล้ว
“ท่านแม่ได้โปรดใจเย็นก่อน เซียงเอ๋อร์นั้นคงไม่รู้เรื่องที่ซินเอ๋อร์หนีไปเป็นแน่ ท่านแม่อย่าเพิ่งใจร้อน เด็กโง่ผู้นี้อย่างไรก็คงไม่รู้ไม่เห็นกับการที่ซินเอ๋อร์หนีไปเป็นแน่”
ตะวันฉายเร่งขยับไปหลบด้านหลังของผู้ชายที่เขาอ้างตนเองว่าเป็น ‘ท่านพ่อ’ ของเธอพลางกำชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ถึงอยากรู้อยากเห็นแทบตายว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม้หน้าสามก็เอาชนะความอยากรู้ได้ทุกสิ่งจริงเสียด้วย
“พวกเจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีซินเอ๋อร์ของข้านะ!”
ความวุ่นวายตรงหน้ายังคงอยู่ ทว่าตะวันฉายกลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงช้า ๆ ความรู้สึกนั้นเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายสติของนางร้ายเงินล้านก็ดับมืดลงไปอีกครั้งหนีเสียงด่าทอ เสียงกรีดร้องของหญิงชรา และเสียงห้ามปรามของหนึ่งบุรุษ และหนึ่งสตรีสาวหลุดเข้าสู่ความมืดมิดดำสนิทไปในท้ายที่สุดจนร่างบอบบางทรุดฮวบลงไปสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้เป็นพ่ออีกครั้ง
“เซียงเอ๋อร์! ฮูหยินเร็วเข้า เซียงเอ๋อร์หมดสติไปอีกแล้ว เร่งตามหมอเร็วเข้า! ตามท่านหมอฟางมาเดี๋ยวนี้”
เสียงสุดท้ายที่คล้ายจะดังมาจากที่ไกลแสนไกลนั้นค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย...ทีละน้อย...จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ตะวันฉายเธอก็รู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ลืมตาหญิงสาวกลับพบว่าทุกสิ่งรอบกายของตนเองนั้นมืดมนลงไปหมดแล้ว ไม่สิไม่ได้มืดสนิทไปเสียหมด เพราะยังมีเชิงเทียนตั้งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้องให้ความสว่างพอรางเลือนวับแวมให้เห็นบรรยากาศโดยรอบห้องได้ไม่ยาก
พอสติกลับมาครบในกายหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งจึงได้เห็นว่าที่หน้าเตียงของเธอนั้นมีร่างของดรุณีน้อยวัยคงราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนพื้นหนึ่งคน พอมองต่อไปตรงตำแหน่งหัวเตียงก็พบเข้ากับกาน้ำชาหนึ่งชุดวางอยู่ เธอจึงขยับกายอย่างระวังไปเทน้ำชาในกานั้นดื่มดับกระหายด้วยตนเอง ไม่ยอมเรียกคนด้านล่างให้วุ่นวาย ตามนิสัยคนชอบช่วยเหลือและยืนด้วยตนเองมาตั้งแต่จำความได้ในสถานสงเคราะห์
พอดื่มน้ำจนอิ่มหญิงสาวจึงมองสำรวจไปรอบกายตนเองอย่างจะหาจุดเด่นที่จะทำให้เธอจดจำได้บ้างว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ส่วนในสมองก็กำลังเรียงลำดับความคิดเสียใหม่ เธอจะต้องนึกให้ออกสิว่าตนเองมาโผล่ในบ้านรูปทรงคล้ายดินแดนจีนโบราณแห่งนี้ได้อย่างไร
เพียงครู่ภาพต่าง ๆ ที่เธอไม่คุ้นก็พลันไหลเข้ามาในความทรงจำแทรกภาพความทรงจำของตะวันฉายที่เป็นดาราดังแถวหน้าในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีจนตีกันยุ่งเหยิงสับสนไปหมด ต้องใช้เวลานานราวครึ่งชั่วโมงตะวันฉายจึงรวบรวมสมาธิจนนิ่งแล้วค่อย ๆ เรียงลำดับภาพเหล่านั้นจนมันเป็นฉาก เป็นรูป เป็นร่าง
...จางเยว่เซียง...
ตอนที่24ดวงตาทรงดอกท้อของสวีฉีเฟิ่งกะพริบถี่คล้ายเขาอยากจะมองให้ชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้ตนเองมิได้มองผิดไปแล้วแน่นอน ซึ่งก็ถูกต้องเมื่อกะพริบอยู่ครู่เรียวปากงดงามกับแววตาของภรรยาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพราะหลายวันที่ผ่านมาจางเยว่เซียงคิดว่าตนเองนั้นแสดงตัวตนอีกด้านนานไปแล้ว กับบทบาทภรรยาแสนดีนั้นเกรงว่านางจะแสดงดีสมบทบาทเสียจนบุรุษเช่นสวีฉีเฟิ่งยังตายใจก็หมดสนุกแล้ว ต่อจากนี้ 'ธุรกิจ' คงต้องดำเนินการสักครา... "ก่อนอื่นข้าน้อยต้องขออภัยหนานเฉิงกั๋วกงด้วยเจ้าค่ะที่ปกปิดตัวตนแท้จริงมาเสียหลายวัน" การจะเจรจากับคนที่มากอำนาจแม้แต่องค์หญิงยังต้องเกรงใจ ก่อนอื่นเห็นทีนางต้องจริงจังกับเขานั่นก็คือยอมถอยหนึ่งก้าวด้วยการเปิดเผยตัวตน และพูดเพียงความจริงเท่านั้น หาไม่นางอาจสูญเสียแม้แต่ชีวิตก็รักษาเอาไว้มิได้แน่ แล้วกายอรชรก็ถอยไปโค้งกายให้อีกฝ่ายอย่างเต็มพิธีการ จากนั้นจึงเดินไปตรวจสอบประตู และบานหน้าต่างจนมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดแอบฟัง เพราะถึงหน้าประตูจะพังแต่ติงฮ่าวกับฟางปี้เหลียนที่ยืนอยู่ก็ทำให้นางวางใจได้ไปแปดส่วนว่าการเจรจาก่อนที่พวกตนจะต้องออกไปเผชิญหน้ากับหนึ่งสตรีมากเล่ห์เช่นจ้าวหรูหลัน แ
ตอนที่23 เข้ายามเว่ยคนไม่ชอบอยู่นิ่งแต่ก็ไม่อยากเห็นหน้าคนมากราคะจับนางกลืนกินจนชอกช้ำไปหมดเช่นนายท่านสวี จางเยว่เซียงจึงคิดออกไปเดินชมโดยรอบของอาณาจักรโอ่อ่าของฟ่านไฉ และรุ่ยเฟิ่งสักหน่อย แต่จะออกไปในสถานที่แห่งนี้ หญิงสาวก็ไม่ประมาทจึงไปขออนุญาตสามีเสียก่อน “เฉาคุนเจ้าไปคุ้มกันนายหญิงก็แล้วกัน ติงฮ่าวเจ้าก็ไปด้วยอีกคน ดูแลพวกนางให้ดี” สวีฉีเฟิ่งทราบก็มิได้ทัดทานเพราะเข้าใจดีว่าตนเองมีแต่งานล้นมือ เวลาจะพานางไปท่องเที่ยวกลับไม่มีจึงจำต้องปล่อยให้ภรรยาออกไปเดินเปิดหูเปิดตา แต่ก็ต้องส่งคนไปคุ้มกันให้ดีไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือสาวใช้ เขาก็ไม่ต้องการให้ได้รับอันตรายทั้งสิ้น ” ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ” จางเยว่เซียงย่อกายขอบคุณผู้เป็นสามีจากใจเพราะถึงเขาจะร้ายกาจโหดเหี้ยม แต่ก็ใจดีกับนางนับตั้งแต่แต่งงานเข้าสกุลสวีมาเลยทีเดียว ” น้องเซียงมานี่ก่อน” คนตัวโตที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยสมุดพับกระดิกนิ้วเรียวเรียกหาภรรยา ซึ่งต่อให้แอบเคืองแค้นเขาอยู่มากที่เคี่ยวกรำกับนางเสียแทบทั้งคืนก็ตาม ทว่าพอเขาเรียกนางก็เดินตรงเข้าไปหาโดยไร้ปากเสียง ” เอานี่ติดไปด้วย อย
ตอนที่22ฝ่ายสาวใช้คนงามกับท่านผู้ติดตามซั่วเจานั้นเข้าสู่ห่วงนิทราไปแล้ว หากแต่ผู้เป็นนายเช่นสวีฉีเฟิ่ง และจางเยว่เซียงนั้นยังคงไม่ได้หลับตาลง เพราะคนหนึ่งก็กำลังวุ่นวายอยู่กับสมุดบัญชีที่มีตัวเลขมากมายเห็นแล้วเวียนหัวชวนอาเจียน กับอีกผู้ก็กำลังดูแลจุดกำยาน และหาน้ำมันหอมระเหยมาบีบนวด เอาอกเอาใจคนทำงานอย่างภรรยาที่ดีพึงปฏิบัติ “น้องเซียงไปนอนพักผ่อนเถิด เจ้าไม่สบายอยู่นะคนดี ประเดี๋ยวหน้ามืดไปอีก” คนตัวนุ่มนิ่มราวเต้าฮวยยิ้มหวานส่งให้ทำเอาหัวใจของบุรุษวัยฉกรรจ์เต้นผิดจังหวะอีกครั้ง รอยยิ้มนี้จะสยบเขาให้หมอบอยู่แทบตักของนางเสมอเลยหรือไรเล่า? “น้องเซียงสบายดีเจ้าค่ะ เพียงบีบนวดเล็กน้อยไม่ทำให้น้องลำบากอันใดแล้วก็ไม่กระทบกระเทือนไปถึงศีรษะด้วยเจ้าค่ะ” …ชื่นใจ… เพียงไม่กี่ประโยคแสนจะธรรมดา แต่กลับมีผลต่อหัวใจของสวีฉีเฟิ่งอย่างยิ่ง ทั้งที่อดีตสตรีมากมายก็เคยทั้งพูด และพยายามจะทำเช่นที่จางเยว่เซียงนั้นทำ ทว่าเขากลับไม่เคยซาบซึ้งหรือไม่เคยหวั่นไหวเลยสักหน ผิดจากสตรีด้านหลังที่เพียรทุ่มเท อดหลับอดนอนดูแลเขาไม่ห่างขณะนี้ ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตตะวันฉายนั้นเป็นคนที่ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ยิ่ง
ตอนที่21เดินทางอยู่หลายวันก็ผ่านเข้าสู่แคว้นเฉิงซึ่งเป็นกึ่งกลางระหว่างแคว้นฉู่ และแคว้นอี้ด้วยการเดินทางนี้ค่อนข้างทำเอาจางเยว่เซียงผู้มาจากต่างยุครู้สึกว่ายากลำบากไม่น้อย แต่นางก็พยายามปรับตัวให้ได้ ซึ่งหลายวันมานี้อาการเลือดกำเดาไหลยังมีอยู่เป็นระยะ แต่หน้ามืดจนวูบวาบหมดสตินั้นยังไม่บังเกิด เพราะเข้าสู่แคว้นเฉิงอากาศของฤดูฝนก็เริ่มบรรเทาค่อยก้าวเข้าสู่ต้นฤดูหนาวบ้างแล้ว “เราจะแวะพักที่แคว้นเฉิงนี้สักราวสามวันเพื่อจะตรวจดูหอรุ่ยเฟิ่งสาขาเมืองเฉิง แล้วกลับไปตรวจบัญชีที่สำนักคุ้มภัยอิงซือนะน้องเซียง” รถม้าเคลื่อนตัวเข้าสู่ประตูเมืองแคว้นเฉิง แล้วจางเยว่เซียงขยับม่านรถม้าเปิดออกดูสภาพสองฟากฝั่งถนนด้วยสายตาตื่นเต้นระยิบระยับ เพราะรอนแรมผ่านก็เพียงแค่เมืองขนาดเล็ก หรือไม่ก็เพียงหมู่บ้านขนาดเล็ก และกลางเพียงเท่านั้น ภาพบ้านเรือน และร้านรวงของสองฟากฝั่งถนนของแคว้นเฉิงนี้ดูไปก็ไม่แตกต่างกับแคว้นฉู่เท่าใดนัก ที่แปลกตาคงเป็นการแต่งกายกับสีผม และสีผิวเท่านั้นที่ดูจะหลากหลายมากขึ้น นับว่ามาเปิดโลกจริง ๆ “เราจะพักที่แห่งนี้หรือเจ้าคะ” เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวมาจอดเทียบกับหอสูงสี่ชั้นสีส้มอิ
ตอนที่20ส่วนทางด้านเจ้าก้อนหินคนทึ่มทื่อก็มายืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องหันไปมองคนบนเตียงก็อับจนปัญญาไปจนสิ้น เพราะเขานั้นไม่เคยดูแลหรือเคยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สตรีใดมาก่อน แต่เห็นนางทรมานตัวแดงหน้าแดงด้วยพิษไข้ไปหมดเขาก็ใจทมิฬหินชาติไม่ไหว …เอาก็เอาวะ!… คิดกับตนเองเช่นนั้นคนที่เหนือก็ไม่กลัวใต้ก็ไม่หวั่นก็เดินหน้าเรียกหาอ่างทองเหลืองกับน้ำอุ่น และผ้ามาจากเสี่ยวเอ้อร์ทันที แต่ไอ้ครั้นพอถึงเวลาจริงต้องเปลื้องผ้าเช็ดตัวคนป่วย คนไม่กลัวตายกลับมือไม่สั่นลังเลไปหมด ไม่ทราบได้ว่าตนเองต้องถอดส่วนใดของอาภรณ์นางก่อน ก็ปกติสตรีที่เคยผ่านมาก็เป็นพวกนางถอดเองทั้งสิ้น เขาจะกินไม่เคยต้องยุ่งยากถอดเอง บางคนขนาดอาภรณ์ของเขายังไม่ต้องลำบากปลดเองเลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซั่วเจาต้องมาดูแลสตรีผู้ได้ชื่อเป็นว่าที่ภรรยาเลยทีเดียว "เพื่อนายท่าน!" บอกตนเองเช่นนั้นเขาก็ทรุดลงนั่งแล้วหลับหูหลับตาคลำมั่วไปหมด และก็ต้องสะดุ้งราวสัมผัสโดนก้อนถ่านแดง ๆ เมื่อมือเจ้ากรรมนั้นดันไปแตะโดนก้อนซาลาเปานุ่มเด้งเข้าเป็นด่านแรก! "เจ้ามือสมควรตาย!" เขาสบถพึมพำด่ามือตนเองเสร็จแล้วก็ชักกลับคืนมาเร็วไว ก่
ตอนที่19เมื่อถึงยามอิ๋นนั้นขบวนของหนานเฉิงกั๋วกงก็เคลื่อนออกจากหน้าจวนสกุลสวี โดยรถม้าคันแรกมีเพียงสวีฉีเฟิ่งนั่งหน้าทะมึนอยู่เพียงลำพัง เพราะจางเยว่เซียงนางขออนุญาตสามีอย่างตรงไปตรงมาว่านางนั้นจะต้องไปนั่งรถม้าคันเดียวกับฟางปี้เหลียน ด้วยอาการขวัญเสียนั้นยังมิจาง เช่นนั้นเขาที่เป็นบุรุษใจกว้างจึงต้องมานั่งเดียวดายใบหน้าดำมืดราวก้นหมออยู่เช่นนี้ “ข้าขอโทษนะอาเหลียน หากข้านั้นไม่คลาดสายตาจากเจ้าเหตุร้ายก็คงไม่เกิด แต่ข้าจัดการพวกมันล้างแค้นให้เจ้าแล้ว” มือเรียวลูบไปบนหลังมือของหญิงสาววัยสิบเก้าตรงหน้าอย่างขอโทษจากใจ “คุณหนูท่านผิดที่ใด เป็นอาเหลียนที่ไม่เอาไหนแทนที่จะคุ้มครองดูแลท่าน กลับเป็นท่านที่ต้องดูแลปกป้องอาเหลียน” คุณหนูของนางนั้นเป็นคนอ่อนโยนยิ่งนัก ความผิดนั้นทั้งที่เป็นนางซึ่งไม่เอาไหนคลาดสายตาพลัดหลงกับผู้เป็นนายสาวเองแต่ครึ่งคำจางเยว่เซียงกลับไม่ด่าทอสาวใช้เลยมีแต่โทษตนเอง ฟางปี้เหลียนนั้นซาบซึ้งน้ำใจจนน้ำตาไหลเพราะจะมีคุณหนูจวนใดบ้างที่เมตตาสาวใช้เช่นนี้ “กล่าวอันใดเช่นนั้น เจ้าเป็นคนของข้า ย่อมเป็นข้าที่ต้องปกป้องดูแลเจ้า อย่าคิดมากเลยนอนพักอีกหน่อยเถิด” “คุณหนูหาก
Comments