(พระเอกนางเอกเก่ง + การต่อสู้ในวังหลวง + แก้แค้น + แต่งแทน + แต่งก่อนแล้วค่อยรัก) น้องสาวฝาแฝดได้รับความอัปยศจนเสียชีวิตก่อนแต่งงาน เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับคำสั่งในยามคับขัน ถอดเครื่องแบบทหารไปแต่งงานแทน กลายเป็นฮองเฮาแห่งแว่นแคว้น ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้มีนางในดวงใจที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง เหล่าสนมในวังล้วนแต่เป็น ‘ตัวแทน’ ของนางในดวงใจผู้นั้นทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความคล้ายคลึงกับนางในดวงใจผู้นั้นเลยสักนิด คิดว่านางคงจะถูกฮ่องเต้ทรราชรังเกียจเดียดฉันท์ และคงจะถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาไม่ช้าก็เร็ว หลังอภิเษกสมรสได้สองปี ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็จะหย่ากันดังคาด ทว่ามิใช่ฮองเฮาที่ถูกหย่า แต่เป็นฮองเฮาที่ต้องการหย่าสามีต่างหาก คืนนั้น ฮ่องเต้ทรราชจับชายอาภรณ์ฮองเฮาไว้แน่น “ถ้าจะไปก็ต้องข้ามศพเราไป!” เหล่าสนมร่ำไห้รำพัน ขวางฮ่องเต้ทรราชเอาไว้ “ฮองเฮา อย่าทิ้งพวกหม่อมฉันไปเลยเพคะ ถ้าจะต้องไปก็ต้องพาพวกหม่อมฉันไปด้วย!”
View Moreตอนที่เสียวอู่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยรอบตัวเขามีคนชุดดำล้อมวงอยู่ ต่างกำลังจับจ้องเขา ราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาดอะไรบางอย่างมือเท้าของเขาถูกมัดไว้ ปากก็ถูกอุดไว้เช่นกัน ฤทธิ์ของยาสลบยังไม่หายไป สมองยังคงมึนงงเสียวอู่ส่งเสียง “อู้อู้” อยู่ในลำคอ พร้อมกับดิ้นรนขัดขืนคนชุดดำเหล่านั้นกลับยืนนิ่งหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น: “เอาน้ำให้เขาดื่มหน่อย”หลังจากผ้าที่อุดปากถูกดึงออก ในที่สุดเสียวอู่ก็เอ่ยปากพูดได้เขาถามทันที: “พวกเจ้าจับข้ามาเพราะเหตุใด?”ดูจากท่าทางของพวกเขา ไม่เหมือนต้องการจะฆ่าเขามิเช่นนั้นตอนอยู่ที่โรงพักแรมก็คงลงมือไปแล้วนั่นเท่ากับต้องการพาเขามา เพื่อจะทำอะไรบางอย่างโดยใช้ประโยชน์จากเขา?อย่างแรกต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่า คนพวกนี้เป็นใคร และมีจุดประสงค์ใดทว่า จากคำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะตอบเขาคนชุดดำป้อนน้ำให้เขาดื่ม เขาดื่มอึก ๆ ราวกับวัวกระหายน้ำขณะที่ดื่มน้ำลงไปหลายอึก ก็กลอกตาไปมา เพื่อมองสำรวจโดยรอบไปพลางคนชุดดำเหล่านี้แต่ละคนต่างก็ปิดบังใบหน้า ดูลึกลับยิ่งนักเสียวอู่ลอบถอนหายใจเขาถูกดวงตาหลายคู่จับจ้องอ
ในโรงพักแรม ท่านผู้เฒ่าหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเหล่าองครักษ์ลับที่ติดตามเขา ต่างก็บาดเจ็บและล้มตายเช่นกันภายในห้องมีสภาพเละเทะ ล้วนเป็นร่องรอยของการต่อสู้เฟิ่งจิ่วเหยียนมาตรวจดูด้วยตนเอง และสอบถามพวกเขาว่า คนที่พาเสียวอู่ไปเป็นผู้ใด มีเบาะแสหรือไม่ถานไถเหยี่ยนหลบหนีไปคืนนี้ เสียวอู่ก็ถูกคนลักพาตัวไปเช่นกัน ช่างบังเอิญเกินไปจริง ๆนางสงสัยว่า ทั้งสองเรื่องนี้จะต้องมีความเชื่อมโยงกันบางอย่างเป็นแน่ท่านผู้เฒ่าหยวนถูกย้ายขึ้นไปบนเตียง มีหมอมาตรวจรักษาให้เขาโชคยังดีที่อาการบาดเจ็บของเขาไม่ถึงแก่ชีวิตเขาบอกกับเฟิ่งจิ่วเหยียน“ข้าพักอยู่ห้องข้าง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้องนี้ จึงรีบมาทันที... จากนั้นก็เห็น คนชุดดำหลายคน ทำร้ายเสียวอู่จนหมดสติ ต้องการจะพาเขาไป“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ก็ยังขวางไว้ไม่ได้“คนเหล่านั้นโดยสารนกไม้หนีไป...”คำพูดของท่านผู้เฒ่าวกวนอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บมีผลกระทบต่อเขาพอสมควรแต่สิ่งที่ควรพูด เขาก็พูดชัดเจนแล้วโดยเฉพาะเรื่องนกไม้ถ้าเช่นนั้นก็แทบจะแน่ใจได้ว่า คนที่พาเสียวอู่ไป ก็คือพวกของถานไถเหยี่ยนความวุ่นวายที่ถา
ภายในประตูเมืองพระราชวังศพของทหารกองทัพชั้นยอดที่เสียชีวิต ถูกวางเรียงอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบ โดยมีผ้าขาวคลุมอยู่บนร่างส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ในใจต่างรู้สึกหดหู่พวกเขาล้วนเป็นสหายร่วมรบ ที่ฝึกฝนและเติบโตมาด้วยกัน ไม่ว่าผู้ใดเสียชีวิตลง คนที่เหลือย่อมต้องโศกเศร้าและเสียใจเฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูศพเหล่านั้นอย่างสงบนิ่ง พร้อมสั่งการทหารคนอื่น ๆ“คนที่ได้รับบาดเจ็บ ให้ไปรักษาแผลก่อน ส่วนคนอื่นก็จัดแถวกลับค่าย!”“รับทราบ!”อู๋ไป๋ก็ถูกธนูยิงหนึ่งดอก แต่ไม่สนใจบาดแผลของตน ยังทูลถามขอคำชี้แนะ“ฮองเฮา จะเสด็จกลับวังก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ค่ำคืนนี้อันตรายยิ่งนักเริ่มจากมนุษย์โอสถที่คุกทางตะวันตกของเมือง แล้วต่อด้วยการไล่ล่าถานไถเหยี่ยนสิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดคือ คนตายไปมากมายเพียงนี้ แต่ก็ยังจับคนเลวทรามอย่างถานไถเหยี่ยนไม่ได้!อู๋ไป๋รู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองดูศพเหล่านั้นเป็นครั้งสุดท้าย“จัดพิธีฝังศพให้ดี และนำเงินเยียวยาจากราชสำนัก ไปมอบให้ถึงมือครอบครัวของพวกเขาด้วยตัวเอง”“พ่ะย่ะค่ะ! ฮองเฮา!”......ในวังหลวงเซียวอวี
เฟิ่งจิ่วเหยียนนำทหารกองทัพชั้นยอดไล่ตามไป ระยะห่างก็สั้นลงเรื่อย ๆแม้นกไม้กลไกนั้นจะลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ แต่ความเร็วกลับห่างไกลจากวิชาตัวเบาของพวกเขาอย่างมาก เหมือนความเร็วในการเดินของคนธรรมดามากกว่าโดยเฉพาะยังต้องบรรทุกคนจำนวนมาก ความเร็วก็ยิ่งช้าลงไปอีกในบรรดาทหารกองทัพชั้นยอด มีบางคนพกเชือกปีนกำแพงมาด้วยที่ปลายเชือกนั้นมีตะขอเกี่ยวอยู่พวกเขาเล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ ก็โยนตะขอขึ้นไปเกี่ยวที่นกไม้กลไกนั่นเชือกหลายเส้นที่คล้องเกี่ยวนกไม้ไว้จากทุกทิศทาง ราวกับควบคุมปีกของมัน ทำให้มันไม่อาจบินต่อไปได้การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ถานไถเหยี่ยนกับพรรคพวกสั่นสะเทือนตามไปด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่บนสันหลังคา ชายอาภรณ์พลิ้วไหว แววตาเย็นชาถึงขีดสุดนางสั่งการอย่างเฉียบขาด“ดึง!”เหล่าทหารกองทัพชั้นยอดที่จับเชือกอยู่ก็ออกแรงพร้อมกัน และตะโกน“ดึงมันลงมา!”“ลงมาซะ!”นกไม้แกว่งไปมาอย่างรุนแรง ราวกับเรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นลม ที่พร้อมจะพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อมองเห็นได้ว่าตำแหน่งของนกไม้ลดต่ำลงเรื่อย ๆในขณะนั้นเอง แผ่นไม้ที่อยู่สองข้างของนกไม้ก็ยกขึ้นมา เผยให้เห็นกระบอกธนูนับไม
เฟิ่งจิ่วเหยียนแย่งม้ามาทันทีนางมิได้จะขี่ไปไล่ตามถานไถเหยี่ยน หนึ่งคือพวกเขาหนีไปเร็วเกินไป สองคือเวลาก็ผ่านไปนานเพียงนี้ คงยากที่จะไล่ตามทันแล้วนางจะรีบไปที่กำแพงเมืองมีเพียงที่สูงเท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า พวกถานไถเหยี่ยนน่าจะหนีไปยังทิศทางใดแม้ความหวังจะมีไม่มากนัก ก็ต้องลองดูในวังหลวงเซียวอวี้แววตาดูเยือกเย็น รีบเรียกบรรดาแม่ทัพป้องกันเมืองเข้าวังเป็นการด่วนประการแรกเพื่อเรื่องการจับกุมถานไถเหยี่ยนประการที่สองเพื่อเรื่องของมนุษย์โอสถ ต้องการให้พวกเขาต่อจากนี้เพิ่มการลาดตระเวนให้มากขึ้น หากพบเห็นมนุษย์โอสถ ให้ควบคุมทันทีพร้อมทั้งรายงานขึ้นมา“...จะต้องมั่นใจในความปลอดภัยของราษฎร!”เหล่าแม่ทัพต่างคำนับอย่างพร้อมเพรียง“น้อมรับพระบัญชา!”ในคืนวันนั้น ขณะที่ชาวบ้านกำลังหลับใหล เหล่าทหารก็ออกลาดตระเวน และค้นหาภายในเมือง ด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนตลอดทั้งคืนภัยจากมนุษย์โอสถ พวกเขาต่างก็เคยได้ยินมาเมืองชายแดนเพราะเคยประสบภัยนี้ ตอนนี้ต่างก็อยู่ระหว่างการฟื้นฟู ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่งเมืองหลวงเป็นที่ประทับของโอรสสวรรค์ หากแม้แต่ทางนี้ยังถูก
ม้าห้อตะบึง พุ่งออกจากพระราชวังถานไถเหยี่ยนถูกย้ายออกจากคุกหลวงเมื่อหลายวันก่อน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่คุกทางตะวันตกของเมืองคุกทางตะวันตกของเมืองแห่งนี้ก็มีทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา ใช้คุมขังนักโทษคดีร้ายแรงโดยเฉพาะเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนใกล้จะถึง ก็มองเห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเฉินจี๋ตะโกนลั่น: “แย่แล้ว! นั่นคือทิศทางของคุกทางตะวันตกของเมือง!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ขากระแทกข้างลำตัวม้า“ไป---”นางราวกับลูกธนูที่หลุดจากสายคันธนู พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพวกเฉินจี๋กับอู๋ไป๋ก็ตามมาด้านหลัง แต่ก็ยากจะไล่ตามทันเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนแรกที่มาถึงคุกทางตะวันตกของเมืองภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้นางรีบดึงบังเหียน ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ...คนที่เดินออกมาจากในเปลวไฟ คือพวกโหดเหี้ยมอำมหิตพวกเขาไม่เหมือนคนปกติ แต่ละคนแววตาดูว่างเปล่า พุ่งชนประตูเหล็กของคุกจนเปิดออก และกัดขย้ำพัศดีที่หนีตายอย่างโกลาหลข้างหูมีแต่เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกถึงภัยร้ายจากมนุษย์โอสถที่เมืองชายแดนมือของนางสั่นรัวมิใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความโกรธแค้นเพลิงแค้นมหาศาลพุ่งขึ้นเหนือศีรษะ
Comments