เข้าสู่ระบบเมื่อความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้นเพราะแรงปรารถนา หาใช่ ความรัก ดังนั้น การรับผิดชอบด้วยการแต่งงานมันจึงเป็นไปไม่ได้! เผียะ! “เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด!” หญิงสาวให้พรชายหนุ่ม หลังจากฟาดฝ่ามือใส่แก้มสากของเขาไปเต็มรัก นัยน์ตาดำดุของ กวิน จ้องหน้านางแบบสาวเขม็ง แน่นอนว่าไม่เคยมีใครกล้าตบเขาอย่างนี้ทำไม แพรวรุ้ง ถึงไม่เหมือนดารานางแบบคนอื่นๆ ที่เขาเคยควงนะ หากอยากได้อะไรก็บอกมาสิข้าวของ เงินทอง รับรองว่าหล่อนจะอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเร่แก้ผ้าถ่ายแบบอย่างนี้ “ฉันไม่ใช่อีตัว! ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ สายตานายมันฟ้องสายตาดูแคลนเหยียดหยามไม่เห็นค่าพรหมจรรย์ของฉัน อย่าคิดว่าฉันจะเหมือนผู้หญิงของนายที่ตั้งหน้าตั้งตารอท่าโดดขึ้นเตียง พอเสร็จกิจแล้วก็ถีบหัวส่ง ถึงฉันต้องแก้ผ้าหาเงินเลี้ยงตัวฉันก็ไม่มีวันเป็นนางบำเรอของใคร! จำเอาไว้!”
ดูเพิ่มเติม[1]
คู่กัด
- เจ็ดปีที่แล้ว -
“กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องหอรอรักของพ่อเลี้ยงวัยเลยหนุ่ม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอีกสิบกว่าคู่ที่วิ่งกรูมาออยังหน้าห้องดังกล่าว ความตื่นตกใจเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น
ปัง!
ประตูห้องหอเปิดผางออกอย่างเร็วแรงด้วยแรงกระแทกจากบาทาของบุรุษมาดเข้มหนึ่งในนั้น
“หนูเปล่านะ! หนูเปล่า...ฮึกๆ เขาจะปล้ำหนู ฮือ...”
น้ำเสียงอู้อี้เจือน้ำมูกน้ำตาดังเล็ดลอดออกมาจากปากเจ้าสาววัยกระเตาะที่กำลังขวัญเสีย หล่อนนั่งอยู่ข้างเตียง เข่ามนงอขึ้นชิดอก ผมเผ้าหลุดลุ่ยรุงรัง แม้แต่ชุดเจ้าสาวก็ขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวใสในวัยขบเผาะ
บนเตียงกว้างปรากฏร่างอ้วนกลมของเจ้าบ่าวนอนคว่ำอยู่ ใบหน้าอวบอูมจมอยู่กับฟูกหนาที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ
“คุณลุง!” บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ ขานเรียกบิดาของเพื่อนรักด้วยความตกใจอย่างที่สุด ใจเต้นระรัวด้วยกลัวว่าสิ่งที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง
“เสี่ย!” เสียงเรียกเสี่ยวัยดึกเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายดังระงมไปทั่วห้องหอ บรรดาญาติๆ และเพื่อนสนิทต่างกรูเข้ามาห้อมล้อมร่างที่ไร้ลมหายใจของท่าน บ้างก็ช่วยปั๊มหัวใจ บ้างก็ช่วยผายปอด ด้วยพวกเขารู้ดีว่าเสี่ยมีโรคประจำตัว แต่มันสายไปแล้ว เสี่ยสูงวัยสิ้นใจในวันเข้าหอโดยที่ท่านยังไม่ได้เชยชมเจ้าสาวอย่างที่ใจปรารถนา
“หนูเปล่านะ! หนูเปล่า เขาจะปล้ำหนู ฮึกๆ แล้วเขาก็เจ็บหน้าอก แล้ว...เขาก็ฟุบไปเลย หนูไม่ได้ทำอะไร...นะ ฮือ...” เจ้าสาวค่อนคืนละล่ำละลักบอก ใบหน้าชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา แววหวาดกลัวยังเจืออยู่ในดวงตาอันไร้เดียงสา
“สวมเสื้อก่อนนะ เอ้าพี่ให้” นายเหมืองหนุ่มว่าแล้วก็ถอดเสื้อสูทของตนให้เจ้าสาวที่น่าสงสาร เมฆา ไม่รู้ว่าเหตุใดสาวน้อยวัยสิบเจ็ดอย่าง ชมจันทร์ ต้องมาแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ มิหนำซ้ำสามีก็มาสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาในวันเข้าหออีก น่าเวทนานัก แล้วตอนนี้เพื่อนรักของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ทัศเทพ ผิดหวังและเสียใจอย่างที่สุดเมื่อบิดาแต่งงานใหม่กับสาวคราวลูก ทั้งสองทะเลาะกันบ้านแทบแตก สุดท้ายก็หนีหน้าหายไป หากทัศเทพรู้เรื่องเข้าคงใจสลาย เพราะแม้แต่คำขอโทษ นายนั่นก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยกับบิดาอีกแล้ว
ปัจจุบัน...
ณ คฤหาสน์เทพมณี
“ส้มๆ ไปปลุกคุณเทพซิเร็วเข้า วันนี้ฉันมีประชุมเช้านะเนี่ย ตาบ้าเอ๊ย! จะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง ฮึ่ม!”
ชมจันทร์ เทพมณี ร้องสั่งสาวใช้ ใบหน้าสวยงอหงิกขัดใจเมื่อเจ้าของบริษัทยังนอนอุตุอยู่บนที่นอน ขณะที่ แม่เลี้ยง คนนี้ต้องรีบตื่นมาชงกาแฟให้ เหตุเพราะใครชงให้ก็ไม่ถูกใจเขา
“สงสัยคงได้ช้อนวิเศษคนละมั้งถึงไม่ยอมใช้คนอื่น ว่าแล้วก็คนมันสักนิดแล้วกัน คุณลูกเลี้ยง” ชมจันทร์พูดเองเออเองกับถ้วยกาแฟ เธอจิ้มนิ้วชี้ลงไปในถ้วยกาแฟตามที่ใจคิดเพื่อจะพบว่ามัน...
“โอ๊ย ซวยฉิบ! ทำไมวันนี้มันร้อนวะ ทุกทีแค่อุ่นๆ สงสัยน้ำจะเดือดมากไป โอยๆ เดี๋ยวนิ้วเรียวๆ ของฉันพองพอดี หึๆ แต่ก็สะใจพิลึก อยากใช้ฉันดีนัก แม่ไม่บ้วนน้ำลายใส่ก็บุญหัวแล้ว ตาปีศาจจอมหื่นเอ๊ย”
ชมจันทร์บ่นๆๆ ให้ลูกเลี้ยงที่อายุมากกว่าตนอยู่หลายปี ตั้งแต่บิดาของทัศเทพสิ้นลมในวันเข้าหอ เธอก็ต้องติดอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ในฐานะแม่เลี้ยง แน่นอนว่าเธอยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่งยวด ที่อยู่ที่กินสุขสบาย มีเงินใช้ ได้เรียนหนังสือ จบมาก็มีงานทำ ที่สำคัญไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านที่พ่อแม่อยากจะจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วเอาไปประเคนให้อาเสี่ยคนอื่น เธอเบื่อและรังเกียจหากมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าไม่เพราะบุญคุณของบิดามารดาท่วมหัว จ้างให้เจ็ดปีก่อนเธอก็ไม่ยอมแต่งงานกับบิดาของทัศเทพหรอก
“ชมจันทร์! เธอว่าใครห๊ะ! แล้วนั่นอะไร ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”
ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม หล่อเหลา ในชุดสูทสีดำพอดีตัวเอื้อมมือไปควานหาบางอย่างที่ด้านหลังแม่เลี้ยงสาว เจ้าหล่อนซ่อนช้อนพิเศษที่ใช้คนกาแฟให้เขาเอาไว้ตรงนั้น เขาแอบมาเงียบๆ เลยได้เห็นอะไรดีๆ
“ปะเปล่าอย่ามาหาเรื่องนะ ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกลิ่น ผู้ชายป้ายเหลือง มันจะติดฉัน!” ตวาดแหวผลักเขาออกห่าง แต่ชายหนุ่มก็ไวทายาทคว้าเอามือข้างเจ้าปัญหามาพิจารณาได้ทันท่วงที
“ปากดี! เมื่อกี้เธอใช้อะไร คนกาแฟ ห๊ะ!?”
ทัศเทพ เทพมณี ถามเสียงขุ่น ดึงนิ้วชี้ของชมจันทร์มาจ่อใกล้ๆ จมูก กลิ่นหอมของกาแฟที่เพิ่งบดจากเครื่องใหม่ๆ ยังกรุ่นออกมาจากซอกเล็บสะอาดสีชมพูอ่อน
“ถามได้ ก็ช้อนน่ะสิ” ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะท่องจำจนขึ้นใจทุกเช้า ตาโง่เอ๊ย ฉันใช้นิ้วชี้คนกาแฟให้นายมาตั้งชาติหนึ่งแล้ว เพิ่งจะมาสงสัย เหอะๆ รู้จักชมจันทร์น้อยไปซะแล้ว
“แน่ใจ!?” ถามเสียงสูง หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแคลงใจ เขาดึงนิ้วเรียวเข้ามาใกล้อีกนิด เพื่อพิสูจน์กลิ่นอีกครั้ง ชัดเลย! ยัยนี่เอานิ้วชี้คนกาแฟ
ชมจันทร์พยักหน้า ขืนตัวออกห่าง แต่เขากลับดึงเธอเข้าไปแนบชิด ให้ตายเถอะ เดี๋ยวคนใช้มาเห็นได้นินทาเจ้านายกันสนุกล่ะ
“งั้นฉันขอพิสูจน์”
เขาไม่พูดเปล่า แต่ไล้ลิ้นเรียวตวัดปลายนิ้วชี้ของแม่เลี้ยงสาว แทะเล็มและดูดดึงจนชมจันทร์ร้อนวูบวาบถึงปลายเท้า
“คะ...คุณเทพ ปล่อยนะ...ดะ...เดี๋ยวนี้” เธอร้องขอเสียงสั่นเมื่อความวาบหวิวปั่นป่วนวิ่งวนในช่องท้อง ทัศเทพขบเม้มปลายนิ้วของเธอราวกับมันอร่อยนักหนา แถมมือข้างที่ว่างก็ยังไล้วนบนท่อนขาของเธอด้วย
“เธอโกหก ต้องโดนลงโทษ” เขาว่าแล้วก็ปล่อยมือหล่อน มือข้างนั้นเกี่ยวเอาท้ายทอยระหงให้เข้ามาใกล้ บังคับใบหน้างามให้แหงนเงยเพื่อรอรับจุมพิตร้อนๆ
ชมจันทร์ดิ้นขลุกขลัก เธอทำได้เพียงเท่านั้นเมื่อเขาพันธนาการร่างเธอไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งและรสแห่งจุมพิตอันซาบซ่าน
“อย่านะ!”
แม่เลี้ยงสาวร้องบอกเมื่อปากเป็นอิสระ แต่ไม่อาจยุติฝ่ามือแกร่งที่วางอยู่ตรงท้ายทอย ฝ่ามือร้อนลากไล้เลื่อนต่ำลงไปถึงแนวขอบกระโปรง ก่อนจะดึงทึ้งเสื้อเชิ้ตตัวในของเธอออกแล้วรุกรานเข้าไปสัมผัสเนื้อในอย่างอุกอาจ
ปัง!
มันคือเสียงของลูกเลี้ยงจอมหื่นใช้ปลายเท้าเตะประตูห้องครัวเล็กดังสนั่น เป็นสัญญาณว่าห้ามรบกวนจากคนบุคคลภายนอก บรรดาสาวใช้แตกฮือจากหน้าประตู ต่างนึกสงสัยในใจว่าคุณเทพคงจะมีตาทิพย์กระมังถึงได้รู้ว่าพวกหล่อนแอบดูอยู่ ตอนนี้บ่าวรับใช้จึงได้แต่มองหน้ากันแล้วทำตาปริบๆ เพราะถูกขังจากคนที่อยู่ข้างใน สงสัยต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าบ้าน หากอยากดูฉากอันเร่าร้อนของนายทั้งสองต่อ
“คุณเทพ! ฉันบอกให้หยุด!”
ชมจันทร์แหวลั่นเมื่อเขาซุกใบหน้าลงกับทรวงอกอวบอิ่ม มือเรียวจับรวบเส้นผมเขาได้ก็ออกแรงดึงศีรษะเขาอย่างแรง
“โอ๊ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ!”
ลูกเลี้ยงจอมหื่นโอดครวญ ชมจันทร์ชักสีหน้าใส่
“สาบานเลยว่าเช้านี้คุณไม่ได้เมา เอาสิ! จะแก้ตัวว่ายังไงคุณเทพที่ลวนลามแม่เลี้ยงของตัวเองห๊ะ!”
ชมจันทร์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่อยากฟัง
ทัศเทพปล้ำจุมพิตแม่เลี้ยงอีกครั้ง แล้วยกร่างหล่อนไปวางบนบาร์เครื่องดื่มซึ่งสูงเท่าหน้าขา กระโปรงผ้านิ่มสีเขียวมะนาวถูกถกขึ้นมากองเหนือสะเอว ชั้นในตัวจิ๋วถูกเขารูดลงพร้อมๆ กับนิ้วร้ายๆ เริ่มปฏิบัติการลงโทษคุณแม่เลี้ยงเหมือนที่เขาได้คาดโทษไว้ล่วงหน้า
“คุณเทพ! ฟังฉันก่อนได้โปรด”
ชมจันทร์วิงวอนเสียงแหบพร่า ไม่อาจห้ามปรามเขาได้ หรือว่าคราวนี้เธอจะชะตาขาด! ต้องตกเป็นเมียลูกเลี้ยงเข้าแล้วจริงๆ
ทัศเทพแทบกระอัก เมื่อความคับแน่นตอดรัดที่ปลายนิ้วเขา โอ...หรือว่าเรื่องที่เพื่อนรักอย่างนายเหมืองเมฆาบอกจะเป็นเรื่องจริง ชมจันทร์แต่งงานกับบิดาเขาแต่ยังไม่ได้ เข้าหอ แต่อย่ากระนั้นเลย หล่อนไม่ใช่สาวสิบเจ็ดอย่างวันวานสักนิด ดีไม่ดีเขาอาจจะเป็นผู้ชายอีกคนที่ช่วยเติมสีสันให้กับชีวิตหล่อนก็ได้
คิดได้ดังนั้นหัวเข็มขัดสีเงินวาววับก็หลุดออกจากรอบเอวสอบ เขารูดซิปลงอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา แต่ทว่า!
ก๊อกๆๆ
“เอ่อ...คุณเทพขา คือ...คือว่านายเหมืองเมฆามาค่ะ”
เสียงกล้าๆ กลัวๆ ของนางจวง แม่บ้านก้นกรุของเสี่ยใหญ่ดังขึ้น ยังผลให้ทัศเทพต้องถอดถอนจุมพิตออกอย่างน่าเสียดาย เขาจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย ในใจก็บ่นเพื่อนรักกลายๆ ว่าทำไมมาเร็วนัก ยังไม่ถึงเวลานัดด้วยซ้ำ
“ถ้าคราวหน้าเล่นพิเรนทร์อย่างนี้อีก ฉันจะ รีดนมเธอ ด้วยปากของฉัน แล้วเอามันมาใส่กาแฟ!”
เขาขู่เสียงกระเส่า ส่งสายตาโลมเลียไปยังแม่เลี้ยงสาว หล่อนเร่งใส่ชั้นในตัวจิ๋ว มือไม้สั่นระริก
“ปากหมา!” ชมจันทร์ให้พรลูกชาย เธอมีน้ำนมที่ไหนกันเล่า อีตาบ้าเอ๊ย!
“อะไรนะ? ฉันได้ยินนะจันทร์”
“เปล่าๆ เปล่าจ้า แบบว่าจันทร์บอกว่าคุณเทพรีบไปดีกว่า เฮียเมฆคงคอยนานแล้ว” แก้ต่างพลางเร่งติดกระดุมเสื้อ แต่เพราะมือไม้สั่นมันเลยติดผิดๆ ถูกๆ ลูกเลี้ยงอดใจไม่ไหวเลยยื่นมือมาติดให้
“อย่าให้รู้นะว่าแอบด่าฉัน ไม่งั้นฉันจะเฉดหัวเธอออกไปจากบ้านนี้ซะ!”
เขาขู่จริงจัง และแทนที่ติดกระดุมเสร็จจะละมือจากร่างหล่อน เขากลับฝังปลายจมูกคมๆ บนแก้มนวล สูดดมกลิ่นหอมรัญจวนฟอดใหญ่ๆ เป็นของแถม ก่อนจะจากไป
ชมจันทร์มองตามร่างเขาแล้วเศร้าใจนัก สามวันดีสี่วันไล่คือทัศเทพนี่แหละ เขาจะไล่เธอไปอยู่ที่ไหน เขาก็รู้ว่าเธอไม่มีที่ไป ไม่มีจริงๆ
“โธ่เอ๋ย...ชมจันทร์ ถามจริงๆ เถอะ เธออยู่ที่นี่เพราะอะไร!? อยู่เพราะได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยง หรือว่าอยู่เพราะหัวใจตัวเองมันเรียกร้องกันแน่”
แม่เลี้ยงคนงามจับแก้มที่ถูกลูกเลี้ยงดอมดม เธอค่อยๆ ปีนลงจากเคาน์เตอร์บาร์ในใจเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่า เพราะอะไร?
************* นิยายวางขายอีบุ๊กแล้วที่ M*B ปกสีแดงค่ะ ส่วนปกคน จะอัปเดตไฟล์ใหม่แล้วค่อยเปลี่ยนปกทีเดียว ตอนแก้สำนวนเรียบร้อย แก้สำนวนเพียงเล็กน้อย นักอ่านที่อ่านอีบุ๊ก สามารถอัปเดตไฟล์ทีหลังได้ค่ะ
หญิงสาวพยักหน้า รู้สึกดีราวกับไม่เคยปวดมาก่อน เธอยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ แต่สายตาที่มองกลับมาบอกเธอว่าแค่ยิ้มขอบคุณมันไม่พอ“มีน” กวินเรียกบุตรชาย“ค้าบผม”“ไปบอกพี่ขมิ้นหรือพี่แก้วตาก็ได้ ป๊าขอกาแฟแก้วหนึ่ง” บอกลูกชายแต่สองตามองแต่ริมฝีปากสีชมพูซีดๆ ของสตรีตรงหน้า ไม่รู้สิ แม้หล่อนจะดูซีดเซียวแต่เขายังปรารถนาหล่อนเสมอ“ม่ายปาย” หนูน้อยส่ายหน้าดิก กวินเลยหันมามองลูกอีกรอบ“ป๊าง่วง ป๊าอยากกินกาแฟ จะได้มีแรงนวดขมับให้มะมิวไงครับ”คราวนี้มีนานั่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างไว“คราวนี้ก็ได้โอกาสละ” กวินว่า“โอกาสอะไรคะ” เธอท้วงถาม เอียงคอมองพ่อของมีนาอย่างงุนงง แล้ววินาทีเดียวกันนั้นเธอก็ได้รับคำตอบ ริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาประทับลงมาอย่างรีบร้อน ทั้งดูดดึง กวาดชิมและลิ้มรสอย่างเร่งเร้าในอารมณ์ปรารถนา“พะ...พอ พอก่อนค่ะ เดี๋ยวลูกมานะ”“ชู่ว์...ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่มา” ว่าแล้วจุมพิตหล่อนอีกครั้ง ทั้งขบเม้มดูดดึงริมฝ
[8]หนูมิวของเฮียก้อง--------------คลื่นลูกใหญ่สาดซัดเข้าหาเรือยนต์จนเอนเอียง กวินหน้าถอดสี จู่ๆ ก็มีคลื่นพัดมาตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัว มือหนาไขว่คว้าหาที่เกาะ แล้วชั่ววินาที คลื่นลูกใหญ่ก็กลับเงียบหาย ทะเลพลันนิ่งสงบ มันกลับสู่ภาวะก่อนหน้าอีกหนชายหนุ่มมึนงงนี่มันคลื่นบ้าบออะไรกัน‘คลื่นซัดใจ อย่างไรเล่าที่รัก’นายหัวหนุ่มหันขวับไปตามเสียง มันแผ่วเบาราวเสียงสายลมกระซิบ ทว่าเขาได้ยินชัดเจน นั่นเสียงหล่อน เมษาภรรยาที่รัก เขาไม่เคยรับรู้ว่าหล่อนยังอยู่ใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่หล่อนเพิ่งจากไป แต่เมื่อครู่นี้เสียงหล่อนแน่ๆ เขาจำได้“เพราะคุณ! แพรวรุ้ง! วิญญาณเมียผมถึงไม่สงบ โผล่ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แม่ตัวดี! โผล่ขึ้นสิ โผล่ขึ้นมา!”กวินร้องเสียงดังลั่นทั่วเวิ้งน้ำ แต่มันคงไม่ดังมากพอให้คนที่จมลงสู่เบื้องล่างได้ยิน“โธ่เว้ย!”ตูม!น้ำทะเลแตกกระเซ็นเป็นวงกว้าง ชายหนุ่มพุ่งทะยานสู่เวิ้งน้ำที่กำลังกลืนร่างนางแบบสาว ลมหายใจเขา
“แก้วตา ฉันชื่อแพรวรุ้งนะ แก้วตาอาจเคยได้ยินชื่อของฉันมาบ้าง ฉันก็แค่นางแบบขี้โมโหคนหนึ่ง เอาแต่ใจก็มากมาย ฉันไม่มีน้ำใจหรือความดีมาตอบแทนแก้วตาหรอก ฉันไม่มีความพยายามมากขนาดนั้น ถ้าวันหนึ่งแก้วตาขัดใจฉัน ฉันอาจจะกรี๊ดใส่หูแก้วตาก็ได้ รับไปเถอะ แก้วตามาดูแลฉันก็เหนื่อยฟรีๆ เจ้านายก็ไม่ใช่ รับไปเถอะนะ ถือซะว่าฉันซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ก็แล้วกัน”แก้วตาพยักหน้าหงึกๆ ยกมือขึ้นไหว้ ยอมจำนนต่อวาจาของนางแบบสาว ปากเจ้าหล่อนก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าไม่ได้มีน้ำใจเหลือเผื่อแผ่ไว้ให้ใคร แต่การกระทำที่หล่อนแสดงออกมามันไม่ใช่เลยแพรวรุ้งมองตามร่างที่เดินลับหายไปหลังบานประตู เธอเล่นอยู่กับมีนาราวครึ่งชั่วโมงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตอนนี้กวินไม่อยู่ แก้วตาก็ไม่อยู่...ทางสะดวก“มีน...พาน้าแพรวไปหา ‘แม่’ หน่อยสิ น้าแพรวอยากรู้จักแม่ของมีน” เธอหันมาชวนเจ้าหนูจอมแสบที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมตุ้ยๆ หนูน้อยตาโตด้วยความดีใจ รีบพาน้าสาวไปยังห้องที่บิดาชอบพาเข้าไป หนูน้อยพาแพรวรุ้งเดินออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุม เดินตรงไปอีกนิด...บานประตูสีฟ้าต่างจากห้องอื่นๆ
‘ไม่มีวัน! ยัยแพรวมันต้องไปตกนรกเหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอ เฮอะ! คิดหรือว่าฉันจะกลัวคำขู่ของแก ก็เอาสิ ควานหาศพผัวคนล่าสุด ของฉันให้เจอ ส่วนฉันก็จะล่ายัยแพรวเหมือนกัน สวยๆ อย่างมันใส่ตะกร้าล้างน้ำไม่กี่ครั้ง ขี้คร้านเสี่ยกริชจะวิ่งเข้าใส่ แค่โดนเฉาะไปทีสองที มันไม่เสียหายนักหรอก หึๆๆ อ้อ...ขอบใจมากนะไอ้โจรกระจอก เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าแกอยู่สตูล ฮ่าๆๆ’ตู๊ด...ปลายสายตัดทิ้งเพียงเท่านั้น กวินคิดหนัก คุณหญิงพราวพริ้งกำลังรุกอย่างที่เขาไม่นึกว่าผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งจะทำได้ แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่รู้ว่าแพรวรุ้งอยู่บนเกาะที่เป็นของเขา หนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญของ เพิร์ล คุณหญิงพราวพริ้ง ถ้าจะจัดการคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่อาจต้องใช้เวลาสักนิด แต่สำหรับเสี่ยกริชน่ะ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก รอแค่โอกาสเหมาะๆ เท่านั้นสองวันถัดมากวินนั่งจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงด้วยความสับสน หัวใจของเขาอยู่ที่ใครกันแน่ ภรรยาที่แสนดีอย่างเมษา หรือว่าแพรวรุ้ง คนที่เขาเองยังไม่รู้ว่าจะจัดให้หล่อนอยู่ในตำแหน่งใด“ปะป๊า น้าแพวเปนลาย&r
“อวดเก่ง” เขาเยาะหยัน อุ้มหล่อนไปวางบนเตียง ใบหน้าสวยซีดเซียวเหลือเกิน ข้างๆ ขมับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายออกมาด้วย“ขอน้ำหน่อย” เธอร้องเสียงแหบเขาส่งหลอดน้ำดื่มเข้าไปในปากช่างจ้อของหล่อน“คุณเป็นอะไร บอกผมได้หรือเปล่า” เขาถามเสียงอ่อน ผละจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ สักครู่ก็กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ“ฉันก็แค่เจ็บไข้ตามประสาลูกคุณหนูนั่นแหละ เจอเชื้อโรคนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ ร่างกายมันไม่มีปัญญาต่อต้านก็เลยสำรอกออกมาทางเก่าเท่านั้นเอง” แพรวรุ้งตอบออกไปผ่านๆ ขี้เกียจสาธยายถึงความจริงที่มีโรคประจำตัวให้เขาฟัง เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สำคัญพอให้เขามาใส่ใจอยู่แล้ว“ก็ดี เพราะคุณต้องอยู่ชดใช้ให้ผมอีกนาน” เขาพูดเหมือนประชด แต่มือกลับไล้ผ้าหมาดๆ เช็ดตามใบหน้าและไรผมให้หญิงสาวอย่างเบามือ หล่อนนอนนิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อครู่คงขย้อนอาหารออกมาจนเกลี้ยงพุงกระมัง“ชดใช้อะไร? ฉันไปเป็นหนี้นายตั้งแต่ตอนไหน” เธอเถียง มารดาที่ถูกเขากล่าวหาว่าขายลูกกิน ท่านก็ออกจะร่ำรวย ไม่มี
“ฮัดชิ้ว!” แพรวรุ้งบีบถูปลายจมูก อาการแพ้อากาศคงกำเริบอีกแล้ว“คุณคะ ขึ้นตึกเถอะค่ะ ลมแรงแล้ว บางทีคืนนี้พายุอาจจะเข้า คุณอยู่คนเดียวได้นะคะ คืนนี้นายหัวคงอยู่เฝ้านายน้อยที่โรง’บาล”สายใจ แม่บ้านของกวินเอ่ยเป็นภาษากลางให้แพรวรุ้งเข้าใจมากที่สุด พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูให้เช็ดหน้าเช็ดตา เรือยนต์ลำนั้นแล่นฉิวห่างออกไปเรื่อยๆ จนแลเห็นเป็นจุดเล็กๆ อยู่ไกลลิบๆ เมฆฝนก้อนมหึมากำลังส่งเสียงคำราม พร้อมกับลมเย็นจัดที่พัดผ่านเสื้อผ้าเปียกชุ่มจนหญิงสาวหนาวสั่น“ขึ้นตึกเถอะค่ะ” สายใจบอกอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าทำไมนางแบบสาวคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่าที่เขาลือกันหนาหูว่าพวกดารานางแบบชอบรับงานอย่างว่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่น่าเลย หน้าตาก็ดีทำไมถึงคิดหากินทางนี้ก็ไม่รู้“สายใจ” แพรวรุ้งเรียกเมื่อเห็นแม่บ้านสูงวัยเอาแต่จ้องหน้ากัน“คะ คุณจะเอาอะไรหรือคะ”“ขอเข้าฝั่งบ้างได้ไหม”“อาทิตย์ก่อนคุณก็ขอแบบนี้”“แล้วทำไมถึงไปส่งไม่ได้ล่ะ สายใจเองก็คงนั่งเรือเข้าฝั่งได






ความคิดเห็น