เข้าสู่ระบบเรื่องราวความรักของหญิงสาวที่แอบชอบเจ้านายมานานนับปี เธออยู่ในที่ของเธอ ไม่เคยแสดงตัวให้เขารู้ แต่แล้ววันหนึ่งเหตการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุให้เจ้านายของเธอเลิกรากับคนรัก เขาโกรธเธอมาก จนจับเธอมาย่ำยีทั้งกายและใจ หลังจากนั้นเธอก็หายไป 4 ปีต่อมาเธอกลับมาพร้อมลูกน้อย เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก แต่มีหรือที่เขาจะยอม เพราะเขาก็ทำทุกอย่างเช่นกันเพื่อให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้ง
ดูเพิ่มเติมสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมยาวประบ่า มัดรวบผมไว้ลวกๆ ขณะนั่งทำงาน ดูเธอจะตั้งใจซะเหลือเกิน
"ลิล เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนร่วมโลกบ้างเถอะ อย่ามัวแต่จ้องหน้าคอมสิ.."
"อื้อ แปบนึง ใกล้เสร็จแล้วค่ะ"
ลลิล เป็นหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ปีกว่าๆ เธอชื่นชมเจ้าของบริษัทแห่งนี้มานาน เธออยากมาอยู่ใกล้ๆ เขา เธอจึงเสี่ยงมาสมัครงานที่นี้ แล้วเธอก็สมหวัง สิ่งที่เธอต้องการก็มีแค่นี้ แค่ได้เห็นเขาในทุกๆ วัน แม้เขาจะไม่เคยชายตามองเธอเลยก็ตาม
"นี่มองหน่อย แปบเดียว ไม่ทำให้เสียงานหรอกน่า"
"ไหน อะไรคะพี่บัว"
บัวทิพย์ สาวรุ่นพี่ อายุ ยี่สิบเจ็ดปี ที่ลลิลเพิ่งมาเจอในที่ทำงาน สำหรับลิลแล้วบัวทิพย์เป็นคนน่ารัก ใจดีมาก เพราะคอยดูแลและสอนงานลลิลทุกอย่าง ตอนลลิลเริ่มทำงานใหม่ๆ จนทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกัน
"นั่น เขาควงกันออกไปกินข้าวอีกแล้ว"
ลลิลที่มองไปทางองศาที่บัวทิพย์ชี้ด้วยปาก ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงคู่กันออกไป
"ปกติอยู่แล้วไหมคะ ก็เขาเป็นแฟนกัน"
"แต่ยังไม่พักเที่ยงเลยนะ ออกไปทำอย่างอื่นกันก่อนหรือเปล่า" ประโยคที่บัวทิพย์พูดก็ทำให้ลิลเหลือบมองทั้งคู่อีกครั้ง ไม่ใช่ลลิลจะไม่รู้สึกอะไร แต่เพราะไม่ได้เป็นอะไรกับเขา จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึก
"พี่บัวก็พูดไป นี่บริษัทเขานะคะ จะเข้าจะออกตอนไหนก็เป็นสิทธิ์ของเขา"
"ไม่คุยด้วยแล้ว ชอบแก้ตัวแทนเขาตลอด เขาเคยสนใจเธอไหมยัยลิล หน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะจำได้หรือเปล่า...ชิ"
บัวทิพย์หงุดหงิดทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทำไมเธอจะไม่รู้ ว่าลลิลแอบชอบเจ้านายขี้เก๊กคนนี้อยู่ ถึงลลิลจะไม่เคยปริปากพูด แต่บัวทิพย์ก็คอยสังเกตุอยู่ตลอด จนแน่ใจ
"ทำงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวพักเที่ยงลิลจะพาไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน"
"คิดจะเอาของกินมาล่อฉันหรือไงยัยลิล.."
ลลิลรู้ดีว่าเวลาพี่บัวของเธอหงุดหงิด เธอต้องเอาอะไรมาล่อถึงจะหาย
เที่ยงของวันเดียวกัน ลลิลขับรถพาบัวทิพย์ ไปยังร้านส้มตำที่บัวทิพย์ชอบชวนเธอมากินบ่อยๆ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยชอบส้มตำเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะกินไม่ได้ซะทีเดียว ก็ในเมื่อเธอพูดกับบัวทิพย์ไว้แล้วว่าจะพามาหาอะไรอร่อยให้กิน มันก็ต้องเป็นอาหารที่บัวทิพย์ชอบอยู่แล้ว
"เอาใจกันอีกใช่มั้ย..."
"ก็ต้องเอาใจสิคะ พี่สาวน่ารักขนาดนี้"
"ฉันละหมั่นไส้เธอยัยลิล เมื่อไหร่จะเลิกน่ารักซะที"
ลลิลได้แต่ส่งยิ้มหวานให้บัวทิพย์ที่มักจะเอ่ยชมเธอแบบนี้อยู่บ่อยๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยเธอรู้ตัวดี แต่หลายๆ คนมักจะบอกเธอว่าเธอน่ะน่ารัก แถมหน้าเหมืินเด็กที่ยังเรียนมัธยมดูไม่ตรงกับอายุเอาซะเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเธออายุ ยี่สิบสามปีแล้ว
"เออ วันหยุดยาวนี้กลับบ้านมั้ย"
"ลิลว่าจะไม่กลับค่ะ ตั้งใจจะทำโอที"
เพราะลลิลเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็กคำว่าครอบครัวในความทรงจำของลลิล ไม่มีเรื่องราวของพ่อแม่อยู่เลย ลลิลโตมากับตาและยาย ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่อยู่แล้ว ลลิลเลยไม่รู้จะกลับไปหาใคร จะมีก็แต่ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกชายของลุง พอได้ไปมาหาสู่ แต่ไม่บ่อยนัก
"จะขยันไปไหนกันคะคุณน้อง"
"ตอนนี้อยากทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ ค่ะ เผื่อวันหนึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้ จะได้ไม่ต้องลำบากหยิบยืมคนอื่นค่ะ"
ลลิลเธอเป็นเด็กที่มีความคิด เดิมทีเธอมีสมบัติที่ตากับยายทิ้งไว้ให้ แต่เธอเลือกที่จะเก็บไว้ ไม่นำออกมาใช้ เพราะเธอคิดว่า เธอตัวคนเดียว หากวันหนึ่งเกิดปัญหาขึ้น โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็สามารถเอาเงินในส่วนนี้ออกมาใช้จ่ายได้
"เด็กดีของพี่ กินเถอะๆ อย่างน้อยกองทัพก็เดินด้วยท้อง เดี๋ยวต้องกลับไปทำงานที่เรารักกันต่อ"
ตรงประตูทางเข้าบริษัทลลิลที่มัวแต่ก้มหาบัตรพนักงานในกระเป๋าที่เธอถอดใส่กระเป๋าไว้เพราะกลัวเลอะตอนกินส้มตำ ไม่ทันได้ระตัว เธอชนเข้ากับใครคนหนึ่ง ที่กำลังเดินเข้าไปในบริษัทเช่นเดียวกันจนทำให้ทั้งคู่ต่างก็ล้มลงไป
"กรี๊ด นี่เธอ เดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ"
หญิงสาวที่ลลิลเผลอไปชนจนล้มนั้นหล่อนได้แต่ร้องกรี๊ดๆ เพราะความโกรธ ชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกันจึงรีบเข้าไปประคองให้หล่อนลุกขึ้น
"ลิลเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม ไหนพี่ดูสิ"
บัวทิพย์ก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปประคองลลิลขึ้นมาจากพื้นเช่นกัน
"ขอโทษด้วยค่ะคุณสโรชา ฉันมัวแต่หาของในกระเป๋าจนไม่ทันได้มอง ขอโทษจริงๆ ค่ะ"
"ขอโทษมันไม่หายหรอกนะ ดูสิชุดฉันราคาไม่ใช่บาทสองบาท ต้องมาเลอะเพราะความไม่ระวังของเธอ"
"จะโทษแต่ลิลฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะคุณสโรชา เพราะที่ฉันเห็น คุณก็มั่วแต่เดินกดโทรศัพท์ไม่ได้มองทางเช่นกัน"
ไม่ว่าเรื่องอะไรบัวทิพย์ไม่เคยยุ่ง แต่เรื่องเดียวที่เธอไม่ยอมคือการเห็นลลิลโดนเอาเปรียบ เพราะสนิทกันเธอถึงรู้ว่าลลิลเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ เธอมักจะยอมๆ ไปก่อนเสมอเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่บัวทิพย์ก็จะปกป้องทุกครั้ง
"กรี๊ด...นี่แกเป็นใคร เป็นพนักงานในบริษัทนี้ใช่มั้ย ฉันจะให้นนท์ไล่แกออก นนท์ดูมันสิ"
หญิงสาวหันไปทำท่าออดอ้อนใส่แฟนหนุ่ม จนบัวทิพย์รู้สึกหมั่นไส้ ด้านลลิลไม่ได้พูดอะไร ได้แต่แอบมองภาพที่อยู่ตรงหน้า
"เอาสิคะ ถ้าการพูดความจริง มันจะทำให้พนักงานงานคนหนึ่งต้องโดนไล่ออก ฉันก็ยินดีค่ะ"
บัวทิพย์ก็เป็นพนักงานที่ทำงานให้กับบริษัทซีกรุ๊ปมาหลายปี สร้างผลงานไว้ก็มากมาย หากจะต้องโดนไล่ออกเพราะเรื่องแค่นี้เธอก็ไม่กลัวหรอก
"หยุด คุณบัวทิพย์คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมจัดการเอง"
"แต่..."
ลลิลรีบกระตุกแขนของบัวทิพย์ไว้ แล้วส่ายหน้าให้บัวทิพย์เบาๆ เพื่อเป็นการห้ามว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จากนั้นลลิลก็เดินไปด้านหน้า สโรชา แล้วยกมือไหว้ ยังไงเธอก็เด็กกว่า ไหว้ผู้ใหญ่ก็คงไม่ผิด
"ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ทันระวัง เดี๋ยวชุดของคุณฉันจะรับผิดชอบส่งซักร้านให้ค่ะ"
"ลิล"
บัวทิพย์ไม่พอใจที่ลลิลยอมคนง่ายๆ แบบนี้ แต่ลลิลกลับหันไปส่ายหน้าเบาๆ แล้วยิ้มอ่อนๆให้บัวทิพย์อีกครั้ง
ตอนนี้พนักงานทุกคนที่กลับมาจากพักเที่ยงต่างก็แวะดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายๆ คน เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่บางคนที่เพิ่งมาต่างซักถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์
"แค่ค่าส่งซักฉันไม่รีดไถจากเด็กกะโปกอย่างเธอหรอก"
สโรชามองลลิลตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียดๆ จนบัวทิพย์ที่มองอยู่แทบจะทนไม่ไหว หากลลิลไม่จับแขนไว้ ป่านนี้เธอคงขาดสติ กระชากหล่อนเข้ามาตบซะหลายฉาดแล้ว บัวทิพย์เลยทำได้แค่ยืนกัดฟัน
"พวกคุณมามุงดูอะไรกัน งานการไม่มีทำหรือไง โบนัสสิ้นปีนี้ ผมคงต้องหักเก็บไว้"
สิ้นคำพูดของชานนท์ ประทานบริษัท ทุกคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์เมื่อครู่กลับสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
"พวกคุณก็ไปได้แล้ว"
"แต่นนท์คะ"
"เธอก็ขอโทษโรสแล้วไง พี่ว่าเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ตรงนี้มันร้อน"
"ก็ได้ค่ะ"
ลลิลที่มองตามหลังทั้งคู่ที่เดินโอบไหล่กันไป ได้แต่เจ็บจี๊ดๆ อยู่ลึกๆ ในใจ จะทำยังไงได้ล่ะ แม้แต่ชื่อของลลิลเขาก็ยังไม่จำเลย แต่เมื่อตัดภาพมาที่บัวทิพย์กับยืนแบะปากให้คนทั้งคู่
"ก็ได้ค่ะ แหวะ จะอ้วก ไปข้างบนกันเถอะ ตรงนี้มันร้อน"
ทั้งคู่ก็เดินเข้าบริษัทไป ลลิลสลัดเรื่องเมื่อตอนเที่ยงทิ้งไป เธอจึงหันกลับมาตั้งใจทำงานต่อ...
หลังแต่งงานชานนท์ก็ซื้อบ้านหนึ่งหลัง เขาพาลลิลกับอคิณเข้ามาอยู่ เขาอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับลลิลอย่างจริงจัง เขาตั้งใจจะชดเชยให้เธอและลูก วันปกติเขาและลลิลออกไปทำงาน ส่วนอคิณก็ไปโรงเรียน พอวันหยุดก็ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างเช่นวันนี้"หม่าม๊าฮะ เมื่อไหร่จะมีน้องให้คิณฮะ"อคิณวิ่งเข้าไปหาลลิลที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เธอวางมีดลงก่อนจะย่อตัวลงมาหาลูกชาย ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียน อคิณมักจะกลับมาบอกว่าอยากมีน้องสาวเกือบทุกวัน"ใครใช้ให้มาถามครับ"ถึงยังไงเธอก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าชานนท์ต้องสอนลูกให้พูดแน่ๆ"คิณถามเองฮะ คิณอยากมีน้องผู้หญิง หม่าม๊าเอาน้องให้คิณได้มั้ยฮะ""ถ้าคิณเป็นเด็กดี หม่าม๊าจะมีน้องให้นะ""ฮะ คิณจะเป็นเด็กดี"เมื่อได้ยินคนเป็นแม่รับปาก อคิณจึงวิ่งออกไปยังห้องนั่งเล่น ที่มีพ่อนั่งรออยู่"เป็นไงครับ ขอน้องจากหม่าม๊าได้มั้ย""หม่าม๊าบอกว่าคิณต้องเป็นเด็กดี หม่าม๊าถึงจะมีน้องให้""งั้นคิณต้องไม่ดื้อไม่ซนนะครับ""ฮะ""เดี๋ยวคืนนี้ป่าป๊าทำน้องให้เลย""เย้ๆ คิณจะมีน้องไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว"ลลิลที่แอบตามลูกชายออกมา เธอแอบยืนฟังพ่อลูกค
สามวันที่ผ่านมาลลิลไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะตั้งแต่วันนั้น ลลิลก็ไม่ได้พูดคุยกับชานนท์อีกเลย กว่าเธอจะกลับจากบริษัทก็ดึกแล้ว และทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชานนท์ เขาก็จะหลับก่อนทุกครั้งบรรยากาศในงานคืนนี้ดูจะคึกคัก ทุกคนต่างก็แต่งตัวด้วยชุดสวยตามสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึงลลิลที่วันนี้เธอแต่งหน้าเข้มกว่าปกติเพราะเธอต้องขึ้นแสดง ทำให้เธอดูเฉี่ยวคม ตอนนี้เธอรออยู่หลังเวทีเพื่อแต่งตัว"หม่าม๊าอยู่ไหนฮะ"เด็กน้อยที่ตามมาทีหลังพร้อมกับลุงและอา เพราณิชาอาสาไปรับหัสดินกับอคิณที่บ้าน เด็กน้อยเมื่อมาถึงก็ชะเง้อคอ หันซ้ายหันขวา หาแม่ของเขา"หม่าม๊าแต่งตัวอยู่""จะไปหาหม่าม๊า""อยู่กับอาณิก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม๊าออกมา""อยากไปหาหม่าม๊าฮะ"หัสดินที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงหันไปหาหลาน"ใครอยากกินขนมอร่อยๆ บ้าง""คิณฮะ"หัสดินจึงอุ้มอคิณมาจากมือของณิชา เพื่อพาหลานไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม"คุณนี่เลี้ยงเด็กเก่งนะคะ""ไม่ทุกคนหรอกครับ กับเด็กคนอื่นผมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่กับอคิณผมรู้จักแกดี เลยรู้ว่าต้องหลอกล่อยังไง"ทั้งคู่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน จึงไม่แปลกที่จะทำความรู้จักกันเ
ในตอนดึกของคืนเดียวกัน ชานนท์รู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงบริเวณใต้ซี่โครงด้านซ้าย เขามองเห็นเพดานของโรงพยาบาล จึงทำให้นึกได้ว่าเขาโดนแทงมาชานนท์พยายามดันตัวลุกขึ้น แต่มือกลับไปสัมผัสใครคนหนึ่ง เมื่อเขาหันมองปรากฏว่าเป็นลลิล เพราะความเหนื่อยล้าสะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ลลิลเผลอหลับไป เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมานอนด้วยกัน แต่ประเมินจากความแสบที่แผล เขาไม่น่าจะอุ้มเธอไหวชานนท์รู้สึกดีใจ ที่ลลิลยอมมาเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล แม้จะอยากพูดคุยกับเธอเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนเธอ เขาจึงนอนนิ่งและได้แต่เอามือลูบศรีษะของเธอเบาๆ เธอจึงขยับหันหน้ามาทางหัวเตียง ทำให้เขาสามารถเห็นหน้าของเธอได้ชัดเจน เขาจึงใช้นิ้วเกลี่ยไรผมให้เธอ แล้วลากนิ้วไปตามทุกส่วนบนใบหน้าเรียวนั้น ก่อนเขาจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเช้าวันต่อมา หลังจากชานนท์ตื่น เขากวาดสายตาไปรอบๆ ที่เขาคิดว่าคนตัวเล็กของเขาจะอยู่ แต่เขากลับไม่เห็นลลิล เห็นแต่น้องสาวของเขานั่งอยู่ตรงโซฟา"ณิ ลิลไปไหน""น้องลิลไปทำงานค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า" เธอตอบพลางลุกเดินมาหาชานนท์"ไปนานหรือยัง""ตั้งแต่เช้ามืดค่ะ"เขารู้สึกเสียดายที่ตื่นมาไม่ทันลลิล
ลลิลเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เธอเร่งอุ้มลูกน้อยไปยังหน้าห้องผ่าตัด สิ่งแรกที่เธอเห็นคือพี่ชายและเจ้านาย เสื้อผ้าของทั้งสองเต็มไปด้วยคราบเลือด และแน่นอนมันคงจะเป็นคราบเลือดของชานนท์ มันดูเยอะจนเธอตกใจ“พี่ดิน!!”“ส่งลูกมาให้พี่มา”หัสดินรู้ดีว่าลลิลคงไม่ไหว เขาเลยขอเด็กน้อยมาอุ้มไว้ แต่ด้วยคราบเลือดที่มีบนตัว ทำให้ลลิลเอาผ้าที่หยิบมาด้วยห่อให้ลูกชายก่อนจะส่งให้หัสดิน“พ่อดินฮะ”เมื่อถูกเปลี่ยนมืออคิณจึงรู้สึกตัว แหงนหน้ามามองคนที่อุ้ม“นอนนะครับ”เขาเอามือกดหัวหลานเบาๆ ให้ซบลงตรงไหล แล้วเอามือลูบหลัง เด็กน้อยจึงหลับลงไปอีกรอบ“คุณชานนท์เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามด้วยความร้อนใจ“ยังไม่รู้เลย ตอนนี้หมอยังไม่ออกมา”ขณะที่ทุกคนรออยู่หน้าห้อง ครอบครัวของชานนท์ก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะว่ายุได้โทรไปบอกเช่นกัน“สวัสดีค่ะ”ลลิลยกมือไหว้ณัฐชา แม่ของชานนท์ เธอรับไหว้พลางจ้องมองหน้าของลลิล จนเธอต้องหลบสายตา ณัฐชาเดินเข้าไปใกล้ๆ“ใช่หนูลลิลหรือเปล่า”ลลิลจึงเงยหน้ามามองสบตาอีกครั้ง“ใช่ค่ะ”“ได้เจอตัวจริงสีกที ฟังแต่เรื่องเล่าจากปากตานนท์ ว่าแล้วต้องน่ารักมากๆ เจอตัวจริงปรากฏว่าน่ารักกว่าตั้งเยอะ”ลลิลอึ้งไป
สองวันต่อมาครบกำหนดที่ต้องออกจากโรงพยาบาลชานนท์ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของลลิลสักวัน เขาเริ่มใจไม่ดี เพราะบางทีความรักที่ลลิลเคยมีให้เขาอาจไม่หลงเหลืออีกแล้ว แต่ยังไงเขาก็จะพยายามจนถึงที่สุด พยายามจนได้รู้ว่ามันไม่มีทางไปแล้ว“เป็นไงมึง”วายุเป็นฝ่ายมาหาชานนท์ที่บริษัทเอง เพราะยังไม่อยากให้ชานนท์ไปเจอลลิลที่บริษัทของเขา“ปวดใจ อยากจะร้องไห้”“ใจเย็นๆ มันเพิ่งเริ่ม เราต้องใช้แผนต่อไป”วายุยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ แผนสำรองที่เขาเตรียมไว้คือแกล้งให้ชานนท์ทำทีเป็นเมาขับรถชนฟุตบาท“เล่นแรงไปมั้ยวะ”“ไม่ลองไม่รู้”“ถ้าลลิลจับได้นี่กูตายเลยนะ”ทั้งสองคุยกันจนลืมไปว่าประตูห้องทำงานยังปิดไม่สนิท ด้วยความรีบร้อนของวายุ ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านไปได้ยินบทสนทนาทั้งหมดหลังเลิกงานบัวทิพย์ตั้งใจไปหาลลิลที่บ้าน เพราะต้องการเล่นกับหลาน แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อต้องการจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ลลิลฟัง“นี่ลิลรู้มั้ย คุณวายุเนี่ยตัวดีเลย เจ้าแผนการที่หนึ่ง วันก่อนที่พี่ไปเดินห้างกับลิลจำได้มั้ย” ลลิลพยักหน้า “วันนั้นโกหกพี่ว่าไม่สบาย พี่เลยฟาดไปหลายที แค่นี้หลอกกันแล้ว ถ้าคบกันไปล่ะ ไม่หลอกกันแบบนี้ไปตลอดเหรอ”
เข้าสู่วันที่หกสำหรับการพาครอบครัวมาพักผ่อนของชานนท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการง้อเมียนั่นเอง เขาดูแลเอาใจใส่ทั้งสองคนทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาก็มีแค่คำว่าขอบคุณจากลลิล ชานนท์ไม่รู้เลยว่าลลิลยอมใจอ่อนให้เขาบ้างหรือยัง ถึงแม้บางทีเธอจะยอมให้กอด หรือจับมือ แต่ก็แค่นั้นจริงๆ"พรุ่งนี้เราก็จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลิล ลิลไม่มีอะไรจะบอกพี่บ้างเหรอ"แม้ว่าลลิลจะตั้งใจไว้ว่าจะเปิดใจให้ชานนท์ พอเอาเข้าจริงๆเธอก็ไม่กล้า เธอทำได้แค่รับความรักมาจากเขา แต่เธอไม่กล้าที่จะให้ความรักของเธอไป เธอไม่รู้ว่าชานนท์รักเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการลูก และที่ทำอยู่เพียงเพราะหน้าที่ของพ่อเท่านั้น"ไม่มีค่ะ"ชานนท์หน้าหงอยลงทันที เขาเพียงแค่อยากได้ยินคำว่ารักจากเธอบ้าง เขารู้ว่าคำพูดไม่ได้ยืนยันสิ่งที่พูดออกมาเสมอ เพราะบางคนบอกว่ารักแต่จริงๆ ไม่ได้รักก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่อยากจะฟังมันให้ชื่นใจ...หรือบางทีเวลาเท่านี้อาจจะเร็วไป ลลิลอาจไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะรอ"ลิล วันหยุดยาว เราพาลูกมาอีกนะ""คงไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าวันหยุดยาวอีกทีก็อีกสองเดือน ถึงตอนนั้นฉันกับลูกก็กลับไปอยู่บ้านแล้ว"บ้าน






ความคิดเห็น