เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde

เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde

last updateLast Updated : 2025-07-01
By:  Snowflake on Cherry BlossomUpdated just now
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
Not enough ratings
12Chapters
30views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ณ อาราเลีย นครแห่งสวนรัตติกาล ที่ซึ่ง "หัวใจแห่งอาราเลีย" พลังอำนาจที่ควบคุมทุกสรรพสิ่งถูกซุกซ่อน "ริน" เจ้าชายผู้สืบทอดพลังแห่งรัตติกาล กลับสูญเสียความทรงจำในวัยเยาว์ และถูกเลี้ยงดูโดย "ซินดิเคท" องค์กรอำมหิต ที่ซึ่งเขาได้พบกับ "มาร์คัส" ศัตรูคู่อาฆาต ผู้หมายจะทำลายล้างรินและยึดครองสวนรัตติกาล ในขณะเดียวกัน "เคล" หัวหน้าอัศวินผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งบิดา มุ่งมั่นตามหาเจ้าชายผู้สาบสูญ และปกป้องสวนรัตติกาลจากภัยอันตราย โชคชะตาถักทอให้พวกเขามาพบกัน... แสงสว่างจะสามารถเอาชนะความมืดมิดได้หรือไม่? หรือความมืดจะกลืนกินทุกสิ่งจนสิ้น?

View More

Chapter 1

บทที่ 1 การพบกันโดยบังเอิญ

อาราเลีย เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์ที่ถักทอเป็นหนึ่งเดียวกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟีน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย คล้ายกับผสานอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกัน

ย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ท้องฟ้าที่สะท้อนกับกระจกของอาคารทำให้ดูเหมือนว่าตึกเหล่านี้กลืนรวมกับท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตึกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำ ศูนย์การค้า และโรงแรมหรู ถนนในย่านนี้ปูด้วยแผ่นหินเรียบเนียน มีทางเดินเท้ากว้างขวาง ต้นไม้ที่เรียงรายตามทางเดินและสวนสาธารณะพร้อมน้ำพุให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เสียงน้ำกระเซ็นจากน้ำพุและเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาสร้างบรรยากาศที่คึกคักแต่สงบสุข

แต่เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงและหินสีอ่อนนำพาความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อาคารเหล่านี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้างมีเถาไม้เลื้อยเกาะเต็มกำแพง บ่งบอกถึงความเก่าแก่และเรื่องราวที่ถูกลืม ถนนในย่านนี้คดเคี้ยวและซับซ้อน ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ทั้งคาเฟ่ขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ในซอกตึก หอศิลป์ที่แสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น และร้านขายสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น ทำให้เมืองเก่าแห่งนี้มีเสน่ห์ที่ไม่อาจหาได้ในย่านอื่น

แม่น้ำเซราฟีนไม่เพียงเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเมือง แต่ยังเป็นจุดศูนย์รวมของชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเมืองอาราเลีย ริมฝั่งแม่น้ำทั้งสองฝั่งมีทางเดินกว้างขวางเหมาะสำหรับการเดินเล่น วิ่งจ๊อกกิ้ง หรือขี่จักรยาน ในช่วงเย็น ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งพักผ่อน ชมพระอาทิตย์ตกที่สะท้อนกับผิวน้ำเป็นสีทองแซมแดงสวยงาม แสงยามเย็นอาบไล้ทั้งแม่น้ำและท้องฟ้าเป็นภาพที่งดงามจนแทบจะหยุดหายใจ

ผนังตามถนนในเมืองประดับประดาไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองอาราเลีย ตั้งแต่การก่อตั้งเมืองจนถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ ภาพเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงสีสันสดใส แต่แฝงความหมายลึกซึ้ง เป็นการถ่ายทอดความรัก ความสูญเสีย การปรับตัว และการเปลี่ยนแปลงของคนในเมือง งานศิลปะเหล่านี้สื่อสารถึงความเป็นอาราเลียในทุกช่วงเวลา

ยามค่ำคืนของเมืองอาราเลียเต็มไปด้วยแสงสว่างจากแสงนีออนริมทางและแสงไฟจากอาคารต่าง ๆ เสียงเพลงเคล้าเสียงหัวเราะดังมาจากบาร์และร้านอาหาร ต่างคนต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาสังสรรค์ผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ในย่านเมืองเก่า แสงไฟนวลตาจากโคมไฟถนนและร้านค้าที่ประดับไฟสลัวให้ความรู้สึกสงบและอบอุ่นเหมือนเวลาย้อนกลับไปในอดีต

เคล ธอร์น เดินไปตามถนนแคบ ๆ ของย่านเมืองเก่า ใจของเขาหมกมุ่นอยู่กับ “สวนรัตติกาล” สถานที่ลับ ๆ แห่งนี้คือที่พึ่งทางจิตใจ ที่เขาใช้หลบหนีจากอดีตที่คอยหลอกหลอน และเป็นสถานที่ปฏิบัติงานในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์ของเมือง หน้าที่นี้เป็นความลับที่เขาไม่ได้บอกใคร ความรับผิดชอบนี้ทำให้สวนรัตติกาลมีความหมายมากกว่าคำว่าบ้าน

ขณะที่เลี้ยวตรงมุมถนน สายตาของเขาก็หยุดที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังบนกำแพงอิฐอย่างตั้งใจ สีสันสดใสบนภาพดูราวกับจะกระโจนออกมามีชีวิต เคลมองดูภาพนั้นด้วยความทึ่ง เป็นภาพที่มีสีสันและรายละเอียดลึกซึ้งราวกับจะสื่อถึงบางสิ่งที่เกินกว่าที่สายตาจะมองเห็น

เคล มีดวงตาสีเขียวสดใสและผมสีดำที่ยุ่งเหยิง เขาสวมแจ็กเกตสีกรมท่าเรียบง่ายแต่มีสไตล์ทับเสื้อเชิ้ตสีขาว คู่กับกางเกงยีนที่ผ่านการใช้งานมานาน ลมพัดผมของเขาขณะเดินเข้ามาใกล้ ความอยากรู้อยากเห็นถูกกระตุ้น

“งานของคุณยอดเยี่ยมมาก” เสียงนุ่มลึกของเขาทำลายความเงียบ

ชายหนุ่มที่กำลังวาดภาพนั้นคือ ริน ศิลปินแนวสตรีทผู้มีพรสวรรค์ในศิลปะอันโดดเด่นและแฝงด้วยความลึกลับ ผลงานของรินได้รับการชื่นชมจากคนในเมืองอย่างยิ่ง แต่รินกลับไม่เคยแสดงตัวหรือพูดถึงตัวเองมากนัก

รินหันไปมองข้ามไหล่ ดวงตาของเขาดูหวาดระแวง รินมีผมสีดำสนิทที่ตกลงมา ดวงตาสีเข้มราวกับซ่อนเร้นความลึกลับเอาไว้ เขาสวมแจ็กเกตหนังสีดำและกางเกงยีนที่มีรอยขาด มือที่กำลังจับแปรงไว้เปื้อนสีเล็กน้อย

“ขอบคุณ ผมแค่ลองเพิ่มความสวยงามให้กับที่นี่” ซึ่งเป็นเสียงที่สดใสเหมือนกับศิลปะที่เขากำลังวาดอยู่

เคลเข้าไปใกล้ ชื่นชมรายละเอียดที่ซับซ้อนของภาพจิตรกรรมฝาผนัง

“ผมชื่อเคล ธอร์น ผมมีสวนอยู่ใกล้ ๆ ที่คุณอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากมัน” เคลหยุดชั่วขณะ ระหว่างมองเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มดวงนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณอยากเห็นไหม?”

รินลังเล จากนั้นพยักหน้าอย่างช้าๆ “ได้เลย เออ ผมชื่อริน ศิลปิน ริน”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ริน” เคลยิ้มอย่างอบอุ่น

ขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนนคดเคี้ยว เคลทำลายความเงียบด้วยการอธิบายประวัติของอาราเลีย “เมืองนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่ ย่านใจกลางเมืองเป็นกระจกและเหล็กทั้งหมด แต่ย่านเมืองเก่ามีเสน่ห์ของตัวเอง และบริเวณริมแม่น้ำที่จิตวิญญาณของเมืองส่องประกายจริงๆ”

เคลรู้สึกถึงความขัดแย้งขณะนำรินไปยังสวน การเชิญคนนอกเข้าสวนรัตติกาลโดยเฉพาะในตอนเวลากลางคืนนั้นขัดกับทุกสิ่งที่เขาได้รับการสอนมา สวนนี้เป็นที่พักพิง เป็นสถานที่ที่ต้องการการปกป้องจากโลกภายนอก แต่มีบางสิ่งที่ทำให้เคลรู้สึกว่าสามารถไว้ใจรินได้ และรินเป็นคนที่ควรจะได้ไปที่นั่น

ขณะที่ฟังเรื่องราวของเมืองรินก็พยักหน้า เหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของเคล “ผมเข้าใจดี ที่ที่มีประวัติและเรื่องราวซ่อนอยู่ในทุกซอกมุม มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีชีวิตชีวาจริง ๆ” รินหยุดชั่วครู่แล้วถาม “สวนของคุณ…มันมีเรื่องราวเช่นนี้ไหม?”

เคลชะงักไปสักครู่ ความรู้สึกหลายอย่างผุดขึ้นในใจ “สวนรัตติกาลเป็นมากกว่าที่ที่สวยงาม” เคลกล่าวช้า ๆ ราวกับมีความลับบางอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด “ผมจะบอกคุณเพิ่มมากกว่านี้ในภายหลัง”

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
12 Chapters
บทที่ 1 การพบกันโดยบังเอิญ
อาราเลีย เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์ที่ถักทอเป็นหนึ่งเดียวกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟีน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย คล้ายกับผสานอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกันย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ท้องฟ้าที่สะท้อนกับกระจกของอาคารทำให้ดูเหมือนว่าตึกเหล่านี้กลืนรวมกับท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตึกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำ ศูนย์การค้า และโรงแรมหรู ถนนในย่านนี้ปูด้วยแผ่นหินเรียบเนียน มีทางเดินเท้ากว้างขวาง ต้นไม้ที่เรียงรายตามทางเดินและสวนสาธารณะพร้อมน้ำพุให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เสียงน้ำกระเซ็นจากน้ำพุและเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาสร้างบรรยากาศที่คึกคักแต่สงบสุขแต่เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงและหินสีอ่อนนำพาความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อาคารเหล่านี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้างมีเถาไม้เลื้อยเกาะเต็มกำแพง บ่งบอกถึงความเก่าแก่และเรื่องราวที่ถูกลืม ถนนในย่านนี้คดเคี้ยวและซับซ้อน ทำให
last updateLast Updated : 2025-06-22
Read more
บทที่ 2 สวนรัตติกาล
พวกเขามาถึงประตูที่ซ่อนอยู่หลังกลุ่มไม้เลื้อย เคลเปิดมันออก เผยให้เห็นสวนรัตติกาลภายใต้แสงจันทร์ สวนดูเหมือนจะมีแสงส่องประกาย ดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานเฉพาะตอนกลางคืนแย้มรับแสงจันทร์ พืชพรรณแปลกใหม่ที่มีใบเรืองแสงดูเหมือนจะเต้นรำตามสายลมอ่อน ๆ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิและดอกไผ่กลางคืน สวนนี้เป็นซิมโฟนีของสีสันและกลิ่นหอม เป็นโอเอซิสที่มีเวทมนตร์กลางใจเมืองสวนรัตติกาลไม่ใช่แค่สถานที่ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังงาน สวนนี้มีเวทมนตร์ที่ช่วยปกป้องเมืองจากพลังมืดและสร้างความสมดุลในอาราเลีย กล่าวกันว่ารากของสวนแผ่ลึกลงไปในดิน เชื่อมโยงกับหัวใจของอาราเลีย และพลังงานของมันไหลผ่านเมืองเหมือนเส้นชีพจรรินก้าวเข้ามาในสวนด้วยความประหลาดใจ สวนดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาเมื่อรินปรากฏตัว ดอกไม้บานอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของดอกไม้ชัดเจนขึ้น และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะรายล้อมไปด้วยพลังงาน ราวกับว่าสวนสื่อสารกับรินได้และกำลังต้อนรับเขากลับบ้าน“ว้าว” รินพูดเบา ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่มหัศจรรย์จริงๆ”เคลยิ้ม แม้จะมีความสงสัยอยู่ในใจ “นี่คือที่พักพิงของผม ผมมาที่นี่เพ
last updateLast Updated : 2025-06-22
Read more
บทที่ 3 การเริ่มต้นใหม่ในสวน
รินยืนอยู่ตรงทางเข้าสวนรัตติกาล ดวงตาจับจ้องไปยังสวนที่เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ หัวใจของเขาเต้นระรัว ความหวังผสมปนเปกับความกลัว มือกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย ราวกับลังเลที่จะเข้าไป“นายจะทำอะไร? ไปบอกเขาว่านายไม่มีที่ไป? นายอาจถูกปฏิเสธก็ได้ เขาแทบไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ” น้ำเสียงเยาะเย้ยเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว“แต่เขาก็เคยชวนมาสวนตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เขาดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ นายรู้สึกได้ว่าที่นี่ปลอดภัย” อีกเสียงหนึ่งที่ฟังนุ่มนวลกว่าเถียงกลับ แต่ก็เจือไปด้วยความกังวล“ถ้าผิดล่ะ? ถ้าเขาไม่ยอมให้อยู่ นายจะทำยังไง? แต่...ที่นี่...มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าสถานที่ไหนที่นายเคยไปมา” รินหลับตาลง พยายามหาคำตอบเสียงหนึ่งในหัวหัวเราะหยัน “นั่นแหละคือปัญหา นายกำลังเชื่อในความรู้สึกโง่ ๆ ที่นายไม่สามารถอธิบายได้ นายเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวเอง!”รินสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความวุ่นวายในจิตใจ “มันอาจจะเป็นเรื่องโง่จริง ๆ แต่...มันคือโอกาสสุดท้ายของฉัน ฉันไม่มีที่อื่นจะไปแล้ว”เขาลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ ทว่าก็ยังแฝงด้วยความลังเลอยู่ลึก ๆ เขาตัดสินใจก้าวเข้าไป
last updateLast Updated : 2025-06-22
Read more
บทที่ 4 ความทรงจำฟื้นคืน
แม้จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่เมื่อรินเข้านอนก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เขาได้ยินชื่อผู้หญิง ‘โรซาลี’ ในความฝันและตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำในวัยเด็ก คืนที่เขาต้องวิ่งหนีสุดชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำคืนนั้นเคลเองก็ถูกกวนใจด้วยความฝันเช่นกัน ภาพพ่อของเขาพยายามพูดบางอย่าง ในขณะที่ชี้ไปยังต้นไม้ลับในสวน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง เคลเริ่มทำการสืบสวนคืนหนึ่งขณะที่สวนรัตติกาลเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์ เคลและรินนั่งอยู่ข้างสระน้ำ ไหล่ของพวกเขาสัมผัสกัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เคลมองไปที่ริน สังเกตเห็นว่าแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลขึ้น“ริน” เคลพูดเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ คุณนำสิ่งพิเศษมาสู่ที่นี่”รินหันมาหาเคล ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ผมก็รู้สึกเหมือนกัน เคล สวนนี้…และคุณ…มันเหมือนผมได้พบชิ้นส่วนของตัวเองที่ไม่รู้ว่าขาดหายไป”หัวใจของเคลเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเอนเข้ามาใกล้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ชั่วขณะหนึ่งโลกดูเหมือนจะหยุดหายใจ พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นคล้ายมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเส
last updateLast Updated : 2025-06-22
Read more
บทที่ 5 เงามืดของซินดิเคท
 อาราเลียมีด้านมืดของมัน แต่ไม่มีด้านไหนที่ลึกและมืดเท่าซินดิเคท ภายใต้การนำที่ไร้ความปรานีของวิกเตอร์ พ่อของมาร์คัส ซินดิเคทเจริญรุ่งเรืองด้วยอำนาจและความกลัว วิกเตอร์มีรูปร่างสูงใหญ่และมีดวงตาที่คำนวณทุกอย่างไร้ความปรานี ปกครองผู้คนด้วยไม้แข็ง ใช้การข่มขู่และความรุนแรงทำให้พวกเขาภักดี ความทะเยอทะยานของวิกเตอร์ไม่มีขอบเขต เขาปรารถนาที่จะควบคุมสวนรัตติกาลด้วย ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครอาราเลีย แสงไฟสลัวจากโคมระย้าห้อยต่ำ สะท้อนผิวโลหะของโต๊ะยาว ตัวห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอำนาจและความกลัวที่จับต้องได้ บนผนังมีแผนที่ของเมืองอาราเลียถูกปักหมุดไว้ หลายพื้นที่มีเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงการยึดครองของซินดิเคท วิกเตอร์ยืนตระหง่านตรงหัวโต๊ะ ดวงตาของเขาเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ ลุกโชนด้วยความทะเยอทะยานและความโหดเหี้ยม ใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนถูกแกะสลักจากหินเย็นยะเยือก แต่กลับแฝงความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมารอบตัว ประตูห้องประชุมเปิดออก ชายคนหนึ่งถูกลูกน้องสองคนของวิกเตอร์ลากเข้ามา เขาคือหนึ่งในสมาชิกร
last updateLast Updated : 2025-06-24
Read more
บทที่ 6 เลือดไหลนองไปทั่วอาราเลีย
 ในคืนที่เงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์อันอ่อนโยน โรซาลีใช้เวลาร่วมกับลูกชายตัวน้อยในสวนรัตติกาล รอยยิ้มของเธอเปล่งประกายอบอุ่น ขณะที่เธอช่วยรินดูแลแปลงดอกไม้ที่เริ่มผลิบาน ดอกไม้แต่ละดอกตอบสนองต่อสัมผัสของเธอ ราวกับพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว รินหัวเราะเสียงใสเมื่อเถาวัลย์บางเส้นโยกไหวตามคำสั่งเวทมนตร์ของตัวเอง “ดูสิ แม่! มันขยับได้แล้ว!” รินน้อยร้องเสียงใสพลางกระโดดด้วยความดีใจ “ทำได้ดีมาก ริน พลังของลูกเริ่มแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน” โรซาลียิ้มอย่างภูมิใจ เธอลูบผมบุตรชายอย่างอ่อนโยน “แต่จงจำไว้ พลังนั้นต้องใช้เพื่อปกป้อง ไม่ใช่เพื่อทำลาย” แต่ความสงบในคืนนั้นถูกทำลายลงทันทีเมื่อเสียงระเบิดดังสะเทือนเข้ามาจากระยะไกล รอยยิ้มของโรซาลีหายไปในพริบตา ดวงตาของเธอหรี่ลงด้วยความกังวล เสียงกรีดร้องและเสียงโกลาหลดังมาจากตัวเมืองอาราเลีย หนึ่งในอัศวินของสวนวิ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท มีการจลาจลในเมืองอาราเลียครับ เกิดไฟไหม้และสร้างความเสียหายหลายจุด
last updateLast Updated : 2025-06-25
Read more
บทที่ 7 จุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุด
 สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับจะล้างทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองอาราเลีย แต่ไม่อาจลบล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ หลังการจลาจล เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ถนนที่เคยคึกคักบัดนี้เงียบงัน เต็มไปด้วยเศษซากและคราบเลือด บ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ยังคงส่งกลิ่นควันฉุน ผู้คนที่รอดชีวิตเดินโซเซผ่านตรอกเล็ก ๆ ด้วยแววตาว่างเปล่าและสิ้นหวัง รินที่เปลือยเท้าเปื้อนโคลนและเลือด วิ่งฝ่าสายฝนอันเย็นเฉียบ เสียงฟ้าร้องดังก้องทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นรัว แต่เขาไม่คิดจะหันหลังกลับ เขาวิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นที่ใด น้ำตาไหลอาบแก้มรวมกับสายฝน จนแยกไม่ออกว่าความชื้นที่ไหลลงมานั้นเกิดจากอะไร “แม่…ผมขอโทษ…” รินพูดซ้ำ ๆ ในใจ ขณะที่ภาพใบหน้าอันอบอุ่นของโรซาลีแทรกเข้ามาในความคิด เขาจำเสียงสุดท้ายของแม่ได้ เสียงที่สั่งให้เขาซ่อนตัว เสียงที่เต็มไปด้วยความรักและความหวาดกลัว เสียงนั้นยังคงดังก้องในใจราวกับคำสาป เขาวิ่งโดยไม่มองทาง ไม่สนใจเศษซากที่กรีดเท้าจนเลือดไหลเป็นทาง จนกระทั่ง… โครม!
last updateLast Updated : 2025-06-26
Read more
บทที่ 8 ชีวิตใหม่ในซินดิเคท
 เมื่อรินหรือที่ตอนนี้ถูกเรียกว่าไอเดน ถูกพามายังสำนักงานใหญ่ของซินดิเคท โลกของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อาคารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาราเลียคือทั้งสำนักงานใหญ่และที่พักของวิกเตอร์ สถานที่นี้มีความโอ่อ่าและหรูหราด้วยการตกแต่งอันไร้ที่ติ แต่กลับแฝงไปด้วยบรรยากาศเยือกเย็นและกดดันจนแทบหายใจไม่ออก “เธอควรรู้ว่า เธอติดหนี้ฉัน” วิกเตอร์บอกไอเดนในคืนแรก น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง แฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ “ชีวิตใหม่ของเธอเริ่มต้นที่นี่ และเธอต้องทำให้ฉันเห็นว่าเธอมีค่าพอ” ไอเดนที่ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้หัวใจจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เขารู้ดีว่าการต่อต้านนั้นไม่มีประโยชน์ หลังจากพูดคุยกับไอเดนเสร็จ วิกเตอร์หันไปทางพ่อบ้านคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายชราในชุดสูทสีดำเรียบง่าย ดูสะอาดสะอ้านและเต็มไปด้วยความภูมิฐาน ขยับเข้าใกล้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ดูแลเขาอย่างดี ให้เหมือนคุณชายคนหนึ่ง” วิกเตอร์กล่าวเสียงนิ
last updateLast Updated : 2025-06-27
Read more
บทที่ 9 มิตรภาพในโลกที่โหดร้าย
 ข่าวลือเกี่ยวกับ “คุณชายคนใหม่” ที่ถูกวิกเตอร์นำเข้ามาแพร่กระจายไปทั่วซินดิเคทในเวลาไม่นาน และแน่นอนว่ามันไปถึงหูของเคียแรน เด็กหนุ่มวัย 14 ปีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเดียวในซินดิเคทที่ยังคงร่าเริงสดใสเหมือนแสงแดดในวันฝนตก “คุณชายคนใหม่? แถมยังเป็นเด็กเสียด้วย?” เคียแรนพึมพำกับตัวเอง ดวงตาสีฟ้าของเขาเป็นประกายด้วยความอยากรู้ “แบบนี้จะปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงกัน!” โดยไม่คิดอะไรมาก เคียแรนก็วิ่งไปยังปีกตะวันออกของอาคารใหญ่ ซึ่งได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นพักอยู่ที่นั่น เขาหาที่ซ่อนตัวอยู่หลังมุมเสา แอบสอดส่องดูเด็กชายที่กำลังหลบมุมในเงามืดของโถงทางเดิน เด็กชายคนนั้นดูสับสนและตื่นตระหนก ราวกับพยายามวิ่งหนีอะไรบางอย่างแล้วมาซ่อนตัวในมุมอับ ดวงตาของเขาหลุบต่ำ ใบหน้าเปื้อนความกังวล เคียแรนมองดูด้วยความสงสัยและความเห็นใจ “เฮ้! นายน่ะ แอบอะไรอยู่ตรงนั้น?” เคียแรนพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับยิ้มกว้าง เขากระโดดพรวดออกมาจากมุมที่ตัวเองซ่อนอยู่ ทำเอาไอเดนสะดุ้งสุดตัว
last updateLast Updated : 2025-06-28
Read more
บทที่ 10 คู่แค้นชั่วชีวิต
 ทันทีที่ได้ยินข่าวว่ามีเด็กถูกนำเข้ามาในฐานะ “คุณชายคนใหม่” มาร์คัสก็แทบคลั่ง เสียงตะโกนของเขาดังก้องไปทั่วโถงใหญ่ของสำนักงานใหญ่ ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ป่าที่ถูกต้อนจนมุม “พ่อ! ไอ้ลูกหมานั่นเป็นใคร! พ่อเอามันเข้ามาทำไม!?” มาร์คัสคำรามลั่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ เขากระชากแจกันข้างตัวแล้วปาอัดผนังจนแตกกระจาย เศษกระเบื้องกระเด็นไปทุกทิศทาง “มันไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่! ผมคือผู้สืบทอด! ไม่มีใครมาแทนที่ผมได้!” มาร์คัสยังคงตะโกนต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ท่าทางของเขาราวกับเด็กที่ถูกแย่งของรัก วิกเตอร์นั่งอยู่เงียบ ๆ หลังโต๊ะทำงาน เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยอำนาจมืดเพ่งมองลูกชายตัวเอง มันเป็นดวงตาที่ไม่เคยแสดงความรักหรือความอบอุ่น แต่กลับทรงพลังจนทุกคนต้องหยุดนิ่ง มาร์คัสที่กำลังโวยวายถึงกับชะงัก ร่างที่เดือดดาลเมื่อครู่เหมือนถูกหยุดโดยสายตาคู่นั้น ร่างกายของเขาแข็งค้าง หายใจไม่ทั่วท้อง เขาไม่เคยกลัวใครมากเท่ากับพ่อข
last updateLast Updated : 2025-06-29
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status