“อย่างไรเจ้ายังน่ารังเกียจเช่นเดิมเมื่อใดจะเลิกใช้วิธีการสกปรกเช่นนี้เสียที ข้าบอกเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่าถึงอย่างไรงานหมั้นหมายระหว่างเราก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ต่อให้เจ้าจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม” “เขาพูดอะไรของเขากันน่ะ ใครจะหมั้นกับเขากันตาขี้เก๊กเอ๊ย” “ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะว่านเยว่เฟย!!” “เป็นอะไร เจ้ากำลังเปลี่ยนไปเล่นบทใสซื่อบริสุทธิ์อยู่งั้นหรือ เจ้าไม่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เจ้า…ลอบเข้าไปหาข้าที่ตำหนักสองเดือนก่อนนั่นผู้คนจะหลงลืมงั้นหรือ "สตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน" อย่าคิดว่าแกล้งตกน้ำแล้วจะเรียกร้องความสงสารจากเสด็จพ่อเพื่อบีบบังคับให้ข้ารับเจ้ามาเป็นพระชายา ชาตินี้ต่อให้เหลือเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียว ข้าก็ไม่มีทางที่จะ…." “ท่านพล่ามพอหรือยัง” “อะไรนะ” “คิดว่าเป็นองค์ชายแล้วแน่นักหรือ ใหญ่มาจากไหนก็แค่มังกรน้อยลูกของฮ่องเต้ไม่ใช่หรืออย่างไรมีสิทธิ์อันใดมาต่อว่าผู้อื่น...” “หุบปาก!!”
Lihat lebih banyak“ลู่หนิงลี่” ผลักประตูเข้ามาโดยพลการ หมอฮ่าวและเยว่เฟยที่อยู่ในห้องหันมาและจื่อหรงก็ดึงคู่หมั้นของเขามาใกล้ ๆ ทันที“หนิงลี่ เธอมาทำอะไรที่นี่ พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา”“พี่จื่อหรง พี่จะแต่งงานกับ...เธองั้นเหรอ”“ใช่ มีอะไรน่าตกใจกันล่ะ”“แล้วฉันล่ะ ฉันละคะพี่เอาฉันไปไว้ที่ไหนพี่จื่อหรงทั้ง ๆ ที่คุณพ่อของพี่ก็บอกว่าเรา…”“แต่พี่ก็บอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ พูดต่อหน้าเธอด้วยและวันนั้นเราก็คุยกันจบแล้ว คุณพ่อเธอก็รับรู้แล้วคุณพ่อพี่ก็เช่นกันดังนั้นระหว่างเราไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าคนรู้จัก”“แต่ว่าฉันรักพี่นะคะ”“ตายจริงใครมาวิ่งตามผู้ชายถึงที่นี่ล่ะเนี่ยเสียงดังออกไปถึงข้างนอก อ้อ เธออีกแล้วเหรอหนิงลี่”“พี่ชิงอัน!! ฉันเป็นน้องพี่นะ”ชื่อที่ถูกเรียกทำให้ว่านเยว่เฟยหันไปมองทันที “ลู่ชิงอัน” ในชุดกาวน์สีขาวเดินมามองหน้าผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าประตูและหันเอาแฟ้มมาวางที่โต๊ะของจื่อหรง“พี่หรงนี่รายงานที่ขอไปวันก่อน ไม่มีอะไรผิดปกติวางใจได้ เธอคือ…ว่าที่พี่สะใภ้ของน้องเหรอ”“ใช่แล้วชิงอัน จริงสิเยว่เฟยนี่ลู่ชิงอัน เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ในโรงพยาบาลนี้”“อะไรนะ
คอนโดเยว่เฟย “คุณพักที่นี่เหรอ”“ค่ะ ฉันซื้อเอาไว้ตอนที่แม่เสียเมื่อหลายปีก่อน”“หรูจริง ๆ ด้วยแฮะ”“คุณหมอคงไม่รังเกียจคนว่างงานที่เอาแต่เขียนนิยายอย่างฉันหรอกใช่ไหมคะ”“คุณเคยเป็นหมอมาก่อนนี่ หมอศัลยกรรมสมองคนเก่งของโรงพยาบาลชื่อดังเสียด้วยทำไมคุณถึงลาออกล่ะ”“คุณสืบประวัติฉันเหรอคะ อยากโดนลงโทษเหรอคะคุณหมอ”“ไม่ใช่นะ ผมก็แค่… คุ้นชื่อคุณก็เลยไปสืบดูเท่านั้น ทำไมคุณถึงลาออกแล้วไปเป็นแอร์โฮสเตสละครับ”“อืม คงเพราะอยากจะพบคุณมั้งคะ สวรรค์คงจะกำหนดเอาไว้แบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”“เยว่เฟย คำพูดของคุณทำไมดูโบราณจังเลยล่ะ”“อะไรนะ โบราณงั้นเหรอคะ”“ใช่ ผมว่าจะถามมานานแล้วแต่…”“เจ้าคือบุปผาในฤดู…”“เดี๋ยว!! อย่าพึ่งพูด”“หมอคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า แต่ผมเคยได้ยินประโยคนี้”“อะไรนะคะ”ว่านเยว่เฟยมองดูฮ่าวจื่อหรงที่ยืนขึ้นและจับเธอเอาไว้พร้อมกับสบตาเธออีกครั้ง“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ เยว่เฟยของข้า”ว่านเยว่เฟยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อมองไปที่เขาอีกครั้ง ฮ่าวจื่อหรงเองก็เผลอร้องไห้ออกมาเช่นกันโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่เขารู้สึกว่าประโยคนี้ควรจะพูดตอนนี้กับเธอคนนี้เพียงคนเดียว“
เธอขยับหนีเขาไม่ได้ ราวกับร่างกายถูกสะกดเอาไว้ให้หยุดนิ่งและเมื่อเขาเริ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอตัวยื่นหน้าขึ้นไปรับสัมผัสที่คุ้นเคยเพราะในชาติก่อนว่านเยว่เฟยและท่านอ๋องฮ่าวจื่อหรงมักจะแสดงความรักต่อกันตลอดเวลาที่มีโอกาส ตลอดเวลาที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบหกสิบปี พวกเขารักกันจนลมหายใจสุดท้ายจริง ๆ“อือ…อ๊ะ หมอคะ”แทนที่เขาจะหยุดแต่กลับเลือกที่จะดันตัวเธอเข้าไปในห้องข้างในและเริ่มยกตัวเธอเข้าไปวางที่เตียงของเขา เสียงหายใจหอบถี่เพราะความตื่นเต้นจนเธอเองก็รู้สึกได้เพราะเธอเองก็เป็นเหมือนกับเขา“ว่านเยว่เฟย คุณเป็นแม่มดเหรอ”“คะ? คุณหมอคุณพูดอะไรนะคะ ฉัน…อื้อ”เธอกำต้นแขนเขาแน่น หมอฮ่าวยังสวมชุดกาวน์สีขาวอยู่ตอนที่วิ่งตามเธอออกมาจากโรงพยาบาลและตอนนี้ก็กำลังจูบเธออย่างกระหายและกำลังซึมซับบางอย่างพร้อมกับความสับสนของเขาที่เริ่มคลี่คลายเมื่อได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง“เยว่เฟย”“จื่อหรง…”“คุณต้องการผมหรือเปล่า”“ฉัน…”“เยว่เฟย ผมถามคุณว่า….”“อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันเป็นของคุณ… มาโดยตลอด”เสื้อกาวน์สีขาวและเสื้อโค้ชของเธอถูกโยนทิ้งไปคนละทาง ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เ
ว่านเยว่เฟยมองสบตาเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว ฮ่าวจื่อหรงเองก็ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนกับคนไข้ของตัวเอง เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ทาบปิดกันสนิทและเริ่มขยับเข้าหากันอย่างเผลอตัว ภาพในหัวก็เกิดขึ้นในสมองของหมอฮ่าวทันที“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ… เยว่เฟยของข้า”“อ๊ะ!!”ว่านเยว่เฟยตกใจเมื่อคุณหมอฮ่าวถอยออกและกึ่งผลักเธอออกมาทันทีด้วยท่าทางที่ตกใจเมื่อหันมามองหน้าเธอชัด ๆ อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและทำไมถึงได้เห็นภาพแบบนั้นในหัวเวลาที่เขาจูบเธอ และนี่เป็นสิ่งที่หมอไม่ควรทำกับคนไข้ของตัวเอง“ผม… ผมขอโทษ ขอตัวก่อน”“คุณ…”เยว่เฟยไม่ร้องตามเขาแม้ว่าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัมผัสจากริมฝีปากนั้นคุ้นเคยจนทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวที่จดจำเขาได้ไม่มีวันลืม“จื่อหรง… ท่านช่างใจร้ายนัก เหตุใดต้องปล่อยข้าเอาไว้เช่นนี้ หากรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ข้าไม่ตามท่านมาหรอกคนใจร้าย ฮือ…”“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!”ฮ่าวจื่อหรงยืนหน้าแดงอยู่ที่หน้าห้องคนไข้พิเศษของเขา สิ่งที่เขาเห็นตอน
แววตาของเธอรื้นไปด้วยน้ำตาทันที ไม่ใช่เพราะยังปรับแสงไม่ได้แต่เพราะชื่อที่พึ่งจะได้ยิน เธอพยายามลุกขึ้นมาและมองเขาใกล้ ๆ ชัด ๆ อีกครั้ง คุณหมอเห็นว่าเธอพยายามจะลุกขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดที่คนไข้จะสามารถลุกขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่หมดสติไปหลายวันอีกทั้งเธอยังบาดเจ็บตามตัวอยู่หลายแห่ง“คุณค่อย ๆ ลุกอย่าพึ่งรีบร้อน…คนไข้ครับ นี่คุณทำอะไร”“จะ…จื่อ…คุณ…. ชื่อ….”สายตาที่หันมามองสบตาเธอนั้นนิ่งไป และเมื่อทั้งคู่สบตากันก็เหมือนจะมีบางอย่างทำให้คุณหมอฮ่าวหยุดนิ่งไปเช่นกัน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธอแบบนี้ และรู้สึกเหมือนกับเคยรู้จักเธอมาก่อนทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอเธอแน่ ๆ“ตอนนี้คนไข้รู้สึกยังไงบ้างครับ”“จื่อ.... หรง”หมอฮ่าวชะงักไปเมื่อเธอเรียกชื่อเขาเฉย ๆ อย่างคนคุ้นเคย เขาหันไปขมวดคิ้วและมองเธออีกครั้งด้วยความแปลกใจกึ่งสงสัย สีหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังคงสวยมาก ๆ เพราะเธอเป็นแอร์โฮสเตสละมั้งถึงได้มีหน้าตาที่สวยแม้แต่ตอนที่ป่วยก็ยังดูสวยอยู่“คุณ รู้จักผมเหรอครับ”เพียงคำถามนั้นก็ทำเอาเธอปากสั่นและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนเขาตกใจ กล่องทิชชูถูกยกมาวางที่ตรงหน้าและเขาก็รี
โรงพยาบาล ติ๊ด ติ๊ด….. เสียงของใครคนหนึ่งที่คุยกับคนอีกหนึ่งหรือสองคนไม่แน่ใจเพราะสติที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เสียงที่ดังขึ้นมาแม้ว่าจะจับใจความอะไรไม่ได้แม้ว่าหูจะเริ่มได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นแต่ร่างกายกลับยังไม่ตอบสนองอย่างที่ต้องการ เมื่อค่อย ๆ เริ่มหายใจ ลมเย็น ๆ ที่อยู่ปลายจมูกก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นตัวคนพูดแต่เสียงที่เริ่มชัดขึ้นก็ทำให้ร่างที่นอนอยู่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น ราวกับหลับไปนานแสนนานและแสงที่เริ่มไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ “ว่านเยว่เฟย” หลับตาลงไปอีกครั้ง “ข้าอยู่ที่ไหน เกิดใหม่อีกแล้วงั้นหรือ ท่านพี่ท่านพาข้ามาที่ใดข้าไม่อยากจากท่านไป นานเหลือเกินแล้วที่เราจากกัน แม้จะเพียงแค่ปีเดียวที่ท่านด่วนจากไปแต่ข้าไม่มีทางลืมท่าน จื่อหรง…พาข้าไปกับท่านด้วย” “เยว่เฟยยอดรักของข้า อีกไม่นานเราจะได้พบกัน…อีกครั้ง” “อย่าไปเพคะท่านพี่ รอข้าก่อนฮ่าวจื่อหรง อย่าไป!! รอข้าก่อน” “รอ…รอก่อน…หรง…จื่อหรง” เสียงงึมงำนั้นเรียกความสนใจของพยาบาลสาวที่กำลังปรับเครื่องช่วยหายใจอยู่ เมื่อคนไข้มีการตอบสนองเธอจึงเรียกคุณหมอทันที “คุณหมอคะ ดูเหมือนว่าคนไข้จะมีการตอบสนอ
Komen