‘ผู้หญิงที่คาถาเลือก คือผู้หญิงที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเธอควรดีใจที่ตัวเองไม่มีจุดบกพร่องและควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี’
View More“ณิ วันนี้ตอนเย็นจะได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหญ่แล้วใช่มั้ย?” เสียงสาวรุ่นๆ เอ่ยถามร่างบางที่นั่งปลูกดอกไม้อยู่บริเวณสวนหน้าบ้าน เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนพร้อมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปล้างมือ
“ฉันไม่อยากไป”
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมเธอถึงไม่ไป…”
“เขาไม่ได้เรียกฉัน คัดตัวรอบที่แล้วเธอเป็นคนเดียวที่ผ่านส่วนพวกเราเดี๋ยวก็แยกย้ายกันกลับแล้ว” นิ่มบอกด้วยรอยยิ้ม “ฉันกับคนอื่นๆ ช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าไว้ให้แล้ว”
“ฉันให้นิ่มไปแทน ฉันไม่อยากไปแล้ว”
“รู้ว่าไม่คิดจะไปอยู่ที่นั่นแล้วจะเสนอตัวมาทำไม เธอก็รู้ว่าถ้าคุณคาถาเลือกใครก็ต้องป็นคนนั้นไม่มีตัวตายตัวแทนทั้งนั้น”
“ถ้าไม่คิดอยากไปอยู่กับเขาจะมาเสนอตัวเล่นๆ ให้เสียโอกาสคนอื่นทำไม” ผู้หญิงอีกคนเดินมาหยุดข้างนิ่มพร้อมเอ่ยดวยน้ำเสียงติดตำหนิ
“ฉันไม่ได้เต็มใจมา บอกหลายครั้งแล้ว”
“ช่างเถอะ กฏก็มีนะให้ใช้ความสามารถของตัวเองเราอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกใจคุณคาถาเขาถึงไม่เลือก” นิ่มหันไปบอกแพงเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันเนื่องจากการมาพักอยู่ที่นี่ต่างมีกฏข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม
“ไปล้างไม้ล้างมืออาบน้ำแต่งตัวรอไป คุณคาถาเขาจะมารับเธอด้วยตัวเองนะ” นิ่มพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน คณิกาจึงหยัดกายลุกขึ้นยืนมองไปรอบบ้านสองชั้นขนาดกลาง
ก่อนหน้านี้เคยมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่เกือบยี่สิบกว่าคนซึ่งต่างล้วนสมัครเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อรอการคัดเลือกและถูกคัดออกไปหลายคนจนเหลือเพียงห้าคนและเมื่อหลายวันก่อนเป็นการคัดตัวครั้งสุดท้ายและคณิกาคือผู้หญิงที่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้
การคัดเลือกที่ว่าคือการคัดเลือกหญิงสาวที่จะไปอยู่ใช้ชีวิตกับชายหนุ่มทายาทเศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในวัยสามสิบต้นๆ คาถา พันธุ์วิเศษ คือชื่อของเขาที่เหล่าสาวๆ ต่างรู้จัก ชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยที่อยู่ในวัยทำงานและกำลังเลือกหาภรรยาจากการคัดกรองทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง
เพราะอยู่ในช่วงวัยทำงานจึงทำให้เขาไม่มีเวลามามองหาหญิงสาวที่ถูกใจ จึงต้องเปิดรับสมัครสาวโสดที่บริสุทธิ์มาคัดกรองด้วยตัวเองผ่านทางเลขาที่คอยดูแลเรื่องให้ คัดจากเหล่าผู้สมัครทั้งหมดให้เหลือเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าคนนั้นต้องตรงตามคุณสมบัติที่เขาวางไว้
“ถอยไม่ได้ เดินต่อก็ไม่รู้จะไปได้ถึงไหน” หญิงสาวรำพึงกับตัวเองแล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัวถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าแล้วเดินไปเปิดน้ำใส่อ่างตามด้วยลงไปนอนแช่น้ำ
หญิงสาวคนอื่นที่มาสมัครนั้นต่างมาด้วยความเต็มใจที่จะได้เป็นผู้หญิงของคาถา ต่างจากเธอคณิกาผู้หญิงที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมักหน้ากันมาก่อน
คณิกาหรือณิ หญิงสาววัยยี่สิบปีที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ กลับมาบ้านได้เพียงวันเดียวแม่แท้ๆ ก็ปรี่เข้ามาบอกว่าบ้านเราล้มละลายมีหนี้ท่วมหัวหากอยากสบายนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดที่แม่หาให้ได้ในตอนนี้ และมันไม่ใช่แค่เธอจะสบายแต่ครอบครัวจะสบายด้วยนี่คือสิ่งที่แม่เธอบอกมา
แม่ไม่ได้เสนอทางเลือกให้อย่างเดียว แม่ยังบีบบังคับเธอด้วยคำพูด (ขู่) ต่างๆ ยกสารพัดเรื่องมากล่าวอ้างกับเธอรวมถึงเรื่องการทดแทนบุญคุณ
เธอที่เพิ่งเรียนจบไม่ได้มีเงินพอจะไปสร้างตัวได้แถมพวกท่านยังส่งเสียเธอเรียนจนจบ เธอไม่มีทางเลือกอื่นและนี่ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“ณิ ทำอะไรอยู่” นอนคิดอะไรเพลินๆ ไปราวสิบนาทีก็มีเสียงดังมาจากห้องนอน แกร่ก! สักพักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างของนิ่มที่เดินมาหยุดข้างอ่างอาบน้ำ
“…”
“คุณคาถามาถึงแล้วนะ เขาบอกว่าจะขึ้นมาหา…” นิ่มพูดจบพอดีกับที่มีผู้ชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้องน้ำ คณิกายกมือขึ้นมาปิดหน้าอกกับนั่งยกขาตั้งชันทันที ดวงตากลมใสจ้องมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาด้วยสายตาหวาดหวั่นยิ่งโดนเขาจ้องก็ยิ่งประหม่า
“ออกไป” เขาปัดมือไล่นิ่มที่ก็ยอมเดินออกไปอย่างว่าง่าย ส่วนตัวเขาเดินมานั่งยองข้างอ่างอาบน้ำที่คณิกานั่งแช่ตัวอยู่ “วันนี้ผมว่างพอดี เลยอยากมารับคุณด้วยตัวเอง”
“อ่อ” พยักหน้ารับเบาๆ มือยังคงปิดส่วนนั้นของตัวเองอยู่ ใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเมื่อได้จ้องมองใบหน้าของเขาใกล้ขนาดนี้ เธอเคยเห็นคาถามาแล้วแต่ส่วนมากจะเห็นจากการวิดีโอคอลหรือรูปภาพมากกว่านับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจอตัวจริง
“ตัวจริงคุณน่ารักกว่าในกล้องอีกนะ” นี่ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นเธอตัวจริงเช่นกัน มือหนายื่นไปจับปอยผมที่หล่นมาปรกหน้าคณิกาขึ้นทัดใบหูให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจะนั่งคุยกันอยู่แบบนี้เหรอครับ?”
“คุณคาถาช่วยออกไปก่อนได้มั้ยคะ ณิขออาบน้ำแปปเดียว”
“ถ้าผมบอกว่าไม่ได้ล่ะครับ”
“ณิคงต้องนั่งอยู่แบบนี้จนกว่าคุณจะออกไป”
“แบบนั้นคุณคงตัวเปื่อย แต่ผมจะออกไปรอข้างล่างนะครับเพื่อความสะดวกและความสบายใจของคุณ” พูดพร้อมบีบแก้มนุ่มๆ ของเด็กสาวอย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไป คณิกาถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วรีบลุกขึ้นไปยืนอาบน้ำถูตัวใต้ฝักบัวแทน
แต่งตัวเรียบร้อยเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงยาวคลุมเข่าสีขาว เป็นชุดที่ถูกบังคับว่าต้องใส่หากได้รับคัดเลือกเป็นผู้หญิงของคาถาและแน่นอนว่าเป็นชุดที่เขาซื้อและส่งมาให้เธอเอง คณิกาเลือกที่จะปล่อยผมลงมา ปะแป้งที่หน้า ทาผิว พรหมน้ำหอมเล็กน้อยแล้วจึงเดินลงไปยังชั้นล่าง
“สวัสดีค่ะ…” ลงมาชั้นล่างก็พบว่าคาถากำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ เธอจึงเอ่ยทักทายเขาเพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ทักทาย ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมตบลงบนโซฟาข้างกาย คณิกาจึงเดินไปหย่อนสะโพกนั่งลงข้างเขาอย่างว่าง่าย
“เดินทางวันนี้เลยพร้อมมั้ย?”
“ณิพร้อมค่ะ แต่ว่าคุณคาถาจะไม่เหนื่อยเอาเหรอคะเพิ่งมาถึงเองนะ” เขานั่งเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมารับเธอเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องขึ้นเครื่องต่อจึงกลัวว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทางหากจะกลับไปตอนนี้
“งั้นผมต้องนอนค้างที่นี่สักคืนสินะ” ขยับแขนไปโอบเอวบางไว้
คณิกาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการถูกมือผู้ชายแตะตัว แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้าเขา “ณินอนกับผมนะครับ” คาถาพูดต่อ ขยี้มวนบุหรี่ใส่จานด้านหน้าจนมันดับแล้วหันกลับมามองหญิงสาวในอ้อมแขน
“ค่ะ” มายืนอยู่จุดนี้แล้ว เธอคงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความต้องการของเขา คณิกายิ้มอ่อนๆ ให้คาถาที่กำลังมองหน้าเธออยู่ ฝ่ามือหนาขยับขึ้นมากดท้ายทอยเธอไว้ก่อนจะประกบปากลงไปอย่างไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศภายในโต๊ะที่เงียบสงัดราวๆ สิบนาที...“หนูกำลังอยู่ในช่วงฝึกทำอาหารคิดว่าถ้าทำอร่อยแล้วจะใส่กล่องมาให้พี่ทาน” “ไหนล่ะ?” “เพราะว่ามันยังไม่อร่อยเลยไม่อยากทำมาให้น่ะ” บอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาพูดกับเธอแล้ว “แล้วนี่พี่คาถาทานข้าวหรือยังคะ?” “ไม่หิว” “อืม ดื่มกาแฟอย่างเดียวจะอิ่มเหรอเราไปทานข้าวที่ร้านอาหารกันดีมั้ยคะ เดี๋ยวหนูเลี้ยงเองค่ะ” “ทำไมไม่ไปทำงานที่บริษัท” นอกจากไม่ตอบเรื่องที่เธอถามแล้วเขายังเปลี่ยนเรื่องอีกด้วย คณิกาเม้มปากตัวเองเล็กน้อย ไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท ใช่! เธอไม่ได้ไปทั้งที่เขาอนุญาตให้ไปทำได้ก็เถอะเพราะไปเจอหน้าเขาแต่เข้าไปคุยไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนไง เลยคิดว่าไม่ไปเจอน่าจะดีกว่า...“ไปก็ไม่ได้คุยกับพี่ หนูเลยไม่อยากไป” “ทำไมถึงไม่ได้คุย?” จ้องหน้าเด็กสาวที่มีท่าทางเริ่มประหม่าขึ้นมาจนมือที่วางอยู่บนโต๊ะถูกชักกลับไปวางบนหน้าตัก เธอหลบสายตาเขาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมองหน้าเขาอยู่“ก็เราเลิกกันแล้ว...” “...” “พี่คะเรากลับมาคบกันนะคะ หนูรู้แล้วว่าหนูรักพี่มากแค่ไหน มากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายทุกวัน มองผู้ชายคนอื่นก็เป็นหน้าพี่ไปหมด ทำอะไรก็นึกถึงแต่ช่
เสร็จงานทุกอย่างแล้วไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็เดินทางกลับ เมื่อถึงบ้านคาถาก็ลงจากรถเดินตรงเข้าไปด้านในโดยไม่ได้เรียกหรือเอ่ยชวนคนตัวเล็กเข้าบ้านเลยแม้แต่น้อย“พี่คาถาคะ” และคณิกาไม่จำเป็นต้องรอให้เขาเชิญชวน เธอรีบวิ่งลงจากรถไปหาเขาที่พอได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กวิ่งก็รีบหยุดเดินหันมามองเธอด้วยสายตาดุๆ เหมือนต้องการเอ็ดที่เธอวิ่ง“กะ ก็พี่ไม่รอหนู” อยู่ด้วยเกือบสองเดือนเธอเองก็เริ่มจะเข้าใจสายตาและการสื่อสารที่ไม่ต้องพูดของเขาแล้วล่ะ เขาไม่ได้พูดอะไรเดินตรงเข้าไปในบ้านทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมหันไปรับแก้วน้ำจากแม่บ้านที่เดินนำมายื่นให้“เรากลับมาคบกันอีกครั้งได้มั้ย พะ พี่ให้โอกาสหนูอีกสักครั้งได้มั้ยคะ” คณิกาเดินไปหยุดด้านหน้าเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาสมควรเพราะเขาเพิ่งเสียแม่ไปแต่ว่าอยากรีบคืนดีกับเขา อยากอยู่ปลอบใจเขาต่อ...“ถ้าบอกว่าไม่ได้” “...หนูรู้แล้วว่าคนที่หนูรักคือพี่ หนูรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่” ” เพราะไม่มีผมหรือเพราะไม่มีเงินของผมกันแน่” “หนูไม่ได้เห็นแก่เงิน หนูขอโทษจริงๆ ขอโทษที่เอาแต่ใจงี่เงาไม่รู้จักโต หนึ
ใช้เวลาในการเดินทางไปต่างประเทศเวลาค่อนข้างนาน เมื่อมาถึงก็มีรถมารอรับพวกเขาที่สนามบินไปส่งตรงยังบ้านสุดหรูของคุณปภาวีและสามีที่นั่น พวกเขาที่ว่านอกจากคาถากับคณิกาแล้วยังมีนับเพชรและอินทร์มาด้วย“พี่คาถาคะคุณป้าอยู่ไหนเหรอ” นับเพชรเดินไปควงแขนคาถาพร้อมเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่มีใครเดินเข้าไปในตัวบ้านและมาพร้อมกันแน่นอนว่า...“ผมไม่รู้” จับมือของนับเพชรให้ออกแล้วดันตัวคณิกาให้เดินนำหน้าตามแม่บ้านเข้าไปในตัวบ้าน มีเสียงหัวเราะจากอินทร์ดังมาเล็กน้อยแต่เมื่อเข้ามาในตัวบ้านทุกคนต่างก็เงียบทันที“คุณแม่ล่ะครับ? “ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นพ่ออย่างคุณจิรเมธ ซึ่งมีสีหน้าไม่ค่อยดีคงเพราะว่าเครียดเรื่องการป่วยของภรรยาและยังทำใจไม่ได้“นอนเล่นอยู่หลังบ้าน น้องณิแม่เขารอหนูอยู่นะ” “รอหนู?” “อืม พ่อฝากเอาน้ำส้มนี่ไปให้แม่ด้วยสิ” พูดจบก็ยื่นแก้วน้ำส้มในมือที่คาดว่าน่าจะมาเอาไปให้ภรรยายื่นให้คณิกาที่ก็รับมา จากนั้นคุณจิรเมธก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้าน คาถาจึงจูงมือคณิกาพาตรงไปทางหลังบ้านโดยมีสองสาวเดินตามไปอย่างเงียบๆ“คุณป้าคะ คุณลุงให้เอาน้ำส้มมาให้ค่ะ” ร่างเล็กเดินไปนั่งยองข้างเก้าอี้โยกที่คุณปภาวีกึ่งนั่งกึ่
มาถึงคอนโดคณิกาก็รีบเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้าในกระเป๋าโดยมีแม่นันท์เดินตามเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง “น้องณิเก็บผ้าจะไปไหนลูก” ถามพร้อมนั่งยองข้างบุตรสาวที่กำลังพับผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง“ไปหาหาคุณแม่พี่คาถาค่ะพี่เขาจะพาไป ขึ้นเครื่องตอนหนึ่งทุ่มเดียวตอนห้าโมงเขาให้พี่อาติณมารับค่ะ” ร่ายยาวออกมาขณะที่มือกำลังพับผ้าอยู่ คนันท์มองบุตรสาวที่พับผ้าไปยิ้มไปก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้“คืนดีกับพี่เขาแล้วเหรอคะ?” “...เปล่าค่ะ” “แล้วทำไมถึงยิ้มแย้มแบบนี้” “แม่อยากให้หนูร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอคะ” “ไม่อยากแต่แม่แค่สงสัย เห็นยิ้มร่าเริงคิดว่าจะคืนดีกันแล้วซะอีก” “เดี๋ยวเดินทางไปหาคุณแม่เขา หนูจะค่อยๆ ง้อเขาอีกทีค่ะ” หันหน้ามามองแม่แล้วขยับไปโอบกอด “แม่ต้องเป็นกำลังใจให้หนูง้อเขาได้สำเร็จนะคะ” “จ้า แม่จะเป็นกำลังใจให้แต่ถ้าง้อเขาได้แล้วหนูต้องเป็นภรรยาที่ดีให้เขาด้วยนะ” “พูดแต่ให้หนูทำดีกับเขา แม่ไม่กลัวเขาจะทำร้ายหนูบ้างหรือไง” “น้องณิ หนูรู้มั้ย...พี่คาถาเขาเคยไปสู่ขอหนูจากพ่อกับแม่ด้วยนะ” น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของคนันท์เอ่ยบอกบุตรสาว ที่จริงคาถากำชับไม่ให้เธอบอกคณิกาแต่เธอคิดว่าบอกไปเจ้าเด็กน้อย
“เดี๋ยว” คาถาเอ่ยเรียกหญิงสาวตัวเล็กที่ยิ้มร่ากระโดดดี๊ด๊าด้วยความดีใจหลังจากที่เขาบอกให้เธอกลับไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อจะเดินทางไปเยี่ยมคุณแม่ของเขา“คะ?” “ให้อาติณพาไป” “อืม ไม่เป็นไรคะหนูไปเองได้” พูดจบก็กึ่งเดินกึ่งกระโดดออกไปจากหลังบ้าน คาถาเรียกคนสนิทอย่างอาติณสั่งให้พาคณิกาไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน ส่วนตัวเขาก็โทรไปบอกให้น้องสาวหาจองตั๋วในการเดินทางวันนี้ให้ และเตรียมจะขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า...“คุณณิครับ นายน้อยบอกให้ผมพาไป” อาติณวิ่งตามร่างเล็กออกมาพร้อมเอ่ยเรียกไว้ คณิกากันมามองเขาตาใส่แป๋ว เธอหยุดนิ่งจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นระริกก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอาบแก้มเนียนขาวสร้างความตกใจแก่อาติณเป็นอย่างมาก“ฮรึก! ฮือออออ!” “คะ คุณณิเป็นอะไรครับ ผะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ประโยคหลังเขาหันไปบอกคาถาที่เดินตรงมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ยืนมองอยู่ เขาส่งสายตาดุให้คนสนิทแล้วถอยหลังหนีเล็กน้อย“เป็นอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามคนตัวเล็กเสียงราบเรียบ พยายามใจแข็งกับเด็กสาวตรงหน้าให้ถึงที่สุดแม้ว่าภายในใจอยากจะถามจับตัวเธอหมุนดูว่าเป็นอะไรแค่ไหนก็ตาม“ผะ ผึ้ง ฮรึก! ผึ้งต่อย” ยกแขนให้ชายหนุ่มดูก็พบกับผึ้
“แม่คะ หนูรักเขานะ...” “รักเขาแล้วพูดแบบนั้นทำไม ลองเขาพูดว่าเบื่อหรือรำคาญลูกบ้างลูกจะรู้สึกยังไง” “เสียใจ...” “เขาก็เป็นคนนะน้องณิ หนูต้องเข้าใจความรู้สึกเขาด้วยสิลูก” คนันท์พูดอย่างตำหนิบุตรสาว ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของคณิกา “แล้วที่มาขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนี่ได้อะไรมั้ย?” “...” ส่ายหัวให้แทนการตอบ“ลูกสาวแม่เป็นเด็กฉลาด แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่มีความคิดบ้างเลยนะ รู้ว่าขังตัวเองไว้ไม่ได้ประโยชน์แล้วทำไมไม่ไปหาอะไรทำที่มันได้ประโยชน์อย่างเช่นกลับไปทำงาน” “กลับไปทำงานเหรอ?” “ใช่ กลับไปทำงานบางทีอาจจะได้เจอเขาก็ได้นะ” “แล้วถ้าเจอเขากับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะ” เขาย้ำกับเธอเสมอว่าอยากมีภรรยาอยากมีลูกและอยากสร้างครอบครัว ในเมื่อเธอทำให้เขาไม่ได้บางทีเขาอาจจะหาผู้หญิงคนอื่นมาทำหน้าที่แทนเธอ“แล้วอยากปล่อยให้เขาไปมีผู้หญิงคนอื่นมั้ยล่ะ?” “ไม่อยาก...” “ไม่อยากก็ยิ่งต้องกลับไปทำงาน ไปอยู่ใกล้ๆ เขา” “แม่คะ” “หื้ม?” “จริงมั้ยที่พ่อกับแม่ขายหนูให้คุณคาถา” ถามเสียงอ่อนๆ มันเป็นสิ่งที่เธออยากรู้อยากเข้าใจเหตุผลของแม่กับพ่อที่สุดเลย“หนูรู้ใช่มั้ยว่าบ้านเราล้มละลาย?”
Comments