คุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพ เอาแต่ใจที่สุด เลือกกินที่สุด ชอบชายงามที่สุด แต่หลังจากนางไล่ตามอ๋องเยียนไปชายแดนครั้งนั้น กลับมานางก็เปลี่ยนไป และพาสามีอัปลักษณ์คนหนึ่งกลับมาด้วย นางทั้งเอาใจเขา รักเขา คลั่งเขา *** หลี่เฟิ่งเซียนนั่งมองคนชั่วในกรงสุนัขจากช่องฝาผนังของห้องเก็บฟืน นางไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเขาต้องช่วยนางมากเพียงนั้น ถึงขั้นยอมอยู่ในกรงสุนัข เห่าหอนเช่นสุนัข หากเป็นนางคงหนีเอาตัวรอดก่อน หรือไม่ก็ตายให้สิ้นเรื่อง นางนั่งมองเขาจนนางหลับไป ส่วนคนชั่วคนนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางนั่งจ้องเขาอยู่เป็นนานสองนาน ในเมื่อห้องเก็บฟืนเก่านั่น ผนังไม้หลุดไปหลายแผ่น ไม่ได้มิดชิดอะไร เขาได้แต่หงุดหงิด หัวใจสั่นรัวเป็นบางครั้ง แต่ไม่กล้ามองกลับไปทางที่นางอยู่ คิดเพียงว่านางอาจกำลังสมเพชเขาที่ยอมถูกดูแคลนมากเช่นนี้ หรือไม่ก็กำลังดูถูกเขาที่นั่งอยู่ในกรงราวกับสุนัข ****
View Moreหลี่เฟิ่งเซียน คุณหนูใหญ่ ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ รั้นเอาแต่ใจอยากตามท่านพ่อและท่านอ๋องเยียนไปชายแดนสวีโจวให้ได้ นางให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตามไปเกี้ยวท่านอ๋องเยียน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า แม้จะถูกท่านย่าทำโทษคุกเข่าในศาลบรรพชนกระทั่งขบวนทัพออกเดินทางได้หลายวันแล้ว สุดท้ายเมื่อท่านย่ารู้ หลี่เฟิ่งเซียนก็หอบผ้าขี่ม้าตามขบวนทัพไปแล้ว
เพราะตามมาช้าหลายวัน ต่อให้หลี่เฟิ่งเซียนควบม้าไม่พัก จนต้องเปลี่ยนม้าไปสองตัวก็ยังไม่สามารถตามขบวนทัพทัน นางได้แต่ก่นด่าตามถนนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเมื่อมืดค่ำก็ยังต้องหาที่พักก่อน
คืนนั้นในห้องพัก ระหว่างที่นางกำลังหลับสบาย จู่ๆก็มีบางอย่างปิดลงมาที่หน้าของนางอย่างแรง ด้วยความตกใจหลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตื่น จมูกได้กลิ่นฉุนบางอย่างคล้ายสมุนไพร นางตะเกียกตะกายคว้าโดนมือของใครบางคน แต่โชคร้าย มือข้างนั้นบีบลงมาที่คอของนางอย่างแรง หายใจไม่สะดวก รู้สึกปวดแสบทั่วลำคอเพราะกลิ่นฉุนและแรงกด แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนรางลง
นางสิ้นสติในที่สุด!!
หลี่เฟิ่งเซียน ตื่นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ลืมตาตื่นท่ามกลางความมืด แต่คล้ายว่านางนอนขดตัวอยู่บนรถม้าที่เต็มไปด้วยฟางข้าวสาลี ที่กำลังวิ่งโคลงเคลงไปตามถนนขรุขระ มีบางอย่างมัดมือของนางไว้ทั้งสองข้างไพล่หลัง
นางพยายามดิ้นรนแต่ไม่หลุด พยายามจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงที่ออกมาจากปากของนาง แหบแห้งจนฟังแล้วคล้ายกับเสียงลูกหมูที่กำลังถูกเชือดคอ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดยังไม่ใช่เสียงของนาง
แต่เป็นความรู้สึกด้านในลำคอที่ราวกับถูกถ่านไฟแดงฉานลวก ทั้งปวดแสบปวดร้อน ทั้งทุกทรมานทุกช่วงขณะที่หายใจ ด้วยความโมโห นางเตะขาไปทั่ว จนกระทั่งไปโดนถูกบางอย่างเข้า
หลังจากนั้น หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงคล้ายบางอย่างกำลังขยับ นางจึงนิ่งตั้งใจฟัง หวังว่าจะเป็นสาวใช้หรือใครบางคนที่ต้องรีบหาทางจุดไฟ และรีบขอโทษขอโพยคุณหนูใหญ่เช่นนาง แต่นางคาดผิด จู่ๆ ก็มีมือผอมบางเย็นยะเยือกข้างหนึ่ง คลำไปทั่วตัวของนาง!
คราแรกก็คลำจากสะโพก ไปที่เอว ค้นเจอถุงเงินและบางอย่างก็หยิบฉวยขโมยทันที หลี่เฟื่องเซียนอยากจะกรีดร้องประท้วงแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เตะเปะปะ ดิ้นรนไม่พอใจ
"ชู่ว..." มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายกระซิบห้ามนางส่งเสียงที่ข้างหู
หลี่เฟิ่งเซียนขนลุกซู่ ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว นางเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
มือเย็นข้างนั้นยังคงเลื่อนขึ้นไปบริเวณใกล้หน้าอก ก่อนจะเลี่ยงไปจับแขนของนาง ลูบคลำไปเรื่อยๆ จนถึงลำคอ และเลื่อนไปลูบคลำที่ใบหูของนาง ค่อยๆ ดึงตุ้มหูทองคำแกะสลักที่ฮ่องเต้ประทานให้เมื่อปีก่อนออก
นางเข้าใจแล้วว่ากำลังถูกปล้น แต่ทั้งชีวิตคุณหนูใหญ่เช่นนางไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ถึงนางจะเป็นลูกสาวจวนแม่ทัพ กล้าหาญเหนือชายหลายคน ในสถานการณ์น่ากลัวเช่นนี้ นางทำสิ่งใดไม่ได้มาก ได้แต่นิ่งเฉย ปล่อยให้ตัวเองถูกลูบคลำ ถูกขโมย และร้องไห้ด่าตะโกนในใจ ไม่เช่นนั้นนางอาจตายได้ นางเข้าใจสถานการณ์ดี
นางนิ่งเงียบหวาดกลัวจนคนถ่อยที่ลูบคลำรู้สึกได้ เขาจึงหยุดกระทำเรื่องชั่ว หันไปนั่งห่างๆเช่นเดิม
'หน็อยแน่!!! เจ้าคนชั่ว ทำมาเป็นคนดี ทั้งที่เจ้าขโมยของมีค่าบนตัวข้าไปหมดแล้ว ฮึ่ม!' หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่าในใจ เจ็บใจที่กระทั่งด่านางยังทำไม่ได้
เนื่องจากปกติที่ปกติหรือเพราะยาสลบที่นางโดนยังไม่หมดฤทธิ์ดีสำหรับคุณที่มองเห็นการมองเห็นซึมหลับไปอีกครั้งในรถม้าจะกระเด้งกระดอนไม่สบายตัวผ่านมานานมากอย่างเห็นได้ชัด...
นางยังคงถูกมัดมือไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดตามเนื้อตัวและยังคงรู้สึกแสบร้อนในหลี่เฟิ่งเซียนสำรวจตามองไปรอบ ๆ ห้องนี้มีลักษณะคล้ายปรุงอาหารในจวนแม่ทัพอยู่มากเพียงแต่ที่นี่ทั้งสกปรกมีกลิ่นเหม็นพบกับคราบน้ำเฉอะแฉะยังคงดีที่มีกองคานบางๆปูให้นั่งให้นอน
ที่สำคัญนางไม่ใช่คนเดียวที่เจอ!! ส่วนเพิ่มเติมที่คนที่นั่งตัวสั่นสำหรับความต้องการใดๆ จำเป็นต้องเข้าถึงที่ต้องใช้ความผอมแห้งมากขดตัวซุกหน้านอนคู้อยู่ตรงมุมห้องเพราะไม่จำเป็นต้องส่องไปไม่ถึงที่มุมนั้นนางจึงเห็นร่างนั้นไม่ชัดรู้เพียงว่าเสื้อผ้าสกปรกยิ่ง
หลี่เฟิ่งเซียนเบะปากขยะ แขยงและความไม่พอใจ เพราะเหตุใดมีเพียงนางที่ถูกมัดมือ!! แต่ถึงจะโหมโหฬารนางยังคงส่งเสียงไม่ได้หายใจยังยากต่อเนื่อง
จู่ๆก็มีเสียงพูดคุยดังมาแต่ไกลคราแรกยังจับใจฟังประกาศกันรู้เพียงว่าเสียงของชายฉกรรจ์หลายๆ คนที่นี่จะเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนอย่างเห็นได้ชัดอย่างไรอย่างไร
“ฉันเอาคนขาวๆ”
"ฉันอยากได้นางม้าพยศ ฮ่าๆ.."
"ฉันจองคนเด็กสุด"
"เดี๋ยวก่อนจะไม่อยากได้ไม้ต่อผีผอมแห้งนั่น"
หลี่เฟิ่งเซียนพยายามจับใจและวิเคราะห์ที่พูดคุยกันแต่จู่ๆ ความเย็นที่มุมห้องนั่นก็ลุกพราวปราดเข้ามาใกล้นาง ขับไล่นางบนกองแป้งแต่เพราะกองแป้งไม่ได้หนามาก นางยังคงเจ็บร่างกายนางความโมโหมากแต่พูดไม่ได้นางจึงชักสีหน้าแบบคุณหนูใหญ่กลับมา
แต่กลับมีประตูปิดที่ปากแทนนางส่งเสียงมือหนึ่งและดึงเชือกมัดเอวของหลี่เฟิ่งเซียน นางสัมผัสแต่ทำอะไรไม่ได้มากแต่ดิ้นความต้องการของร่างที่คร่อมนางอยู่จะผอมมาก แต่ยังมีแรงสามารถกดนางได้อยู่แล้วคนคนนั้นนั้นบางส่วนถอดเสื้อผ้าของนางปีนี้หลี่เฟิ่งเซียนไม่สามารถยอมได้จริงๆ ถึงแม้ว่าผู้ที่พยายามจะถอดจะเป็นสตรีนางนางเริ่มส่งเสียงแม้จะพูดไม่ได้
"อื้อออ.. อ้ากกก.."
หลายๆ คนที่อยู่ข้างๆ มองมาด้วยความบังเอิญไม่ค่อยจะขยับหลี่เฟิ่งเซียนโมโหนางร้องขนาดนี้เป็นสาเหตุของการล่องเรือที่นางยังคงโง่มไม่ลุกมาช่วยนางอีก
ติดตามของนางหลุดลุ่ยจนเห็นตู้โตว แต่ยายผู้หญิงสกปรกที่นั่งคร่อมนางยังคงอยู่ไม่หยุด ส่งมือมาดึงดึงตู้โตวของนางทิ้ง ระบบภูมิคุ้มกันและยอดชมพูที่ราวกับซาลาเปาลูกท้อกับผู้พิทักษ์ชะงักไปเล็กน้อยอีกครั้งดึงนางขึ้นมาดูแก้มัดมือให้หลี่เฟิ่งเซียน
แต่น่าเสียดายหลี่เฟิ่งเซียนนางต้องการให้คนผู้หนึ่งตำหนิกับนางหรือนางกัดไปบนไหล่ของร่างที่กอดนางอยู่
'นางนี่ ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้วหรือไร ...' แล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็นึกถึงออก
มือผอมบางเย็นยะเยือกนี่คือใช่เจ้าคนที่ปล้นเมืองเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงนี่!!!
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่
Comments