ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ

ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ

Oleh:  กระจ่างแจ้งBaru saja diperbarui
Bahasa: Thai
goodnovel4goodnovel
10
3 Peringkat. 3 Ulasan-ulasan
100Bab
760Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

ชาติก่อน ซ่งถังหนิงคือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองเซิ่งจิง ทว่านางกลับต้องตายด้วยน้ำมือของพี่ชายแท้ ๆ และคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกัน เพียงเพราะบุตรอนุภรรยาคนหนึ่ง พวกเขาพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากนาง ทำลายชีวิตของนาง เหยียบย่ำนางราวกับโคลนตมเพื่อผลักดันให้บุตรอนุภรรยาคนนั้นกลายเป็นดวงตะวันที่เจิดจรัส ส่วนนางกลับต้องเสียโฉม ขาหัก ถูกกักขังอยู่ในเรือนร้างนานหลายปี และสุดท้ายก็ถูกคนรัดคอตายทั้งเป็น เมื่อได้เกิดใหม่ ถังหนิงไม่ขอเป็นบันไดให้ใครเหยียบย่ำอีกต่อไป พี่ชายที่เย็นชาและลำเอียง นางไม่ต้องการ ลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่สตรีจอมเสแสร้ง นางขอตัดขาด คู่หมั้นที่โลเลสองใจ นางขอถอนหมั้น และเมื่อหน้ากากของบุตรอนุภรรยาถูกกระชากออก เหล่าพี่ชายและคู่หมั้นต่างก็คุกเข่าลงตรงหน้า อ้อนวอนขอให้นางให้อภัย ซ่งถังหนิงกล่าวอย่างเย็นชา ให้อภัยหรือ? เหอะ เผาให้เป็นเถ้าถ่านแล้วโปรยทิ้งไปเสียยังจะดีกว่า นางมีท่านพี่คนใหม่แล้ว แม้ว่าท่านพี่คนใหม่จะเป็นขันที มีชื่อเสียงไม่ดี ทั้งยังเย็นชาและโหดเหี้ยมอำมหิต แค่เอ่ยว่าท่านหัวหน้าจากไกล ๆ ก็สามารถทำให้เด็กน้อยหวาดกลัวจนร้องไห้ได้ แต่ยามที่เขาเรียกนางว่า “เสี่ยวไห่ถัง” กลับอ่อนโยนที่สุด ...... คราแรกที่เซียวเยี่ยนอยู่กับถังหนิงตามลำพัง มีคนกล่าวว่าไม่เหมาะสมตามขนบธรรมเนียม “ข้าเป็นขันที จะมีขนบธรรมเนียมอะไร?” ต่อมา ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมไออุ่น เซียวเยี่ยนกอดเด็กสาวที่เมามายจนดวงตาแดงก่ำไว้ในอ้อมแขน “เสี่ยวไห่ถัง พี่รักและเอ็นดูเจ้า” ...... [ขันทีปลอม] + [ทุกคนต้องชดใช้] + [พี่ชายต้องชดใช้] + [ไม่มีวันให้อภัย]

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1

ต้นวสันตฤดูเดือนสอง ณ ภูเขาเชวี่ย หิมะในฤดูหนาวยังไม่ละลายดี ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างกะทันหัน พัดพาเอาทั้งหมอก หิมะ และโคลนเข้าไว้ด้วยกัน

ต้นต้วนในป่าถูกปกคลุมด้วยสีขาวโพลน สายลมและสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง เมื่อม้าที่คลุ้มคลั่งตัวหนึ่งบรรทุกคนพุ่งเข้ามา ก็ได้ทำลายความเงียบสงัดท่ามกลางหิมะลง

ซ่งถังหนิงยังคงจมอยู่กับความรู้สึกขาดอากาศหายใจจากการถูกบีบคอ พยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ในชั่วพริบตาต่อมา ทั้งร่างของนางก็ถูกเหวี่ยงจนลอยกระเด็นออกไป

บังเหียนบาดนิ้วจนเป็นแผล ร่างกายร่วงหล่นลงไปในกองหิมะอย่างแรง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็กลิ้งตกลงไปเบื้องล่างเรื่อย ๆ

“ฟู่! ——”

น่องกระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างรุนแรง เสียงลมพัดเสียดใบหู

ซ่งถังหนิงเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติไป

นางโบกมือคว้าก้อนหินที่อยู่ใกล้ที่สุด แขนถูกหินขูดจนเป็นรอยเลือดยาวเหยียด รอจนกระทั่งร่างกระแทกเข้ากับพงหญ้าบนทางลาดชันหลายครั้ง จึงสามารถยึดเกาะร่องหินไว้ได้และทรงตัวไว้ได้มั่นคง

ถังหนิงหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกขาดอากาศหายใจก่อนตายจากการถูกบีบคอนั้น ผสมปนเปกับความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง นางมองกิ่งไม้ที่หักโค่นอยู่บนที่สูงด้วยความมึนงง

เบื้องล่างคือป่าหิมะอันกว้างใหญ่ไพศาล ไกลออกไปมีเสียงร้องโหยหวนของม้าดังแว่วมา

ที่นี่คือ…

ภูเขาเชวี่ย?

นางกลับมาแล้วจริง ๆ

กลับมาตอนอายุสิบห้าปี ขณะที่ประสบอุบัติเหตุจนเสียโฉมที่วัดหลิงอวิ๋น

ปีนี้ ซ่งซูหลานซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาเพิ่งจะเข้าจวน ก็อาศัยความน่าสงสารของชาติกำเนิด ทำให้พี่ชายของนางโปรดปรานและเอ็นดูเป็นพิเศษ

เพียงแค่ซ่งซูหลานหลั่งน้ำตา ก็สามารถหลอกล่อให้ลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่นางมาตั้งแต่เด็ก และคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันประคบประหงมนางราวกับดวงใจ

เพียงเพราะนางมีเรื่องทะเลาะกับซ่งซูหลาน คนที่เคยเป็นญาติสนิทที่สุดของนางทั้งสามคนกลับทอดทิ้งนางไว้ในป่ารกร้างไร้ผู้คน ปล่อยให้นางตกหน้าผา ขาหัก และเสียโฉม

สายฝนเย็นเยียบสาดซัดเข้าใบหน้า โลหิตไหลเข้าตาจนแสบไปหมด

ซ่งถังหนิงกัดฟันแน่นพยายามจะปีนขึ้นไป แต่พอขยับตัวก็กลับไถลลงไปเบื้องล่าง

นางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เพิ่งจะกลับมา หรือว่าจะต้องตายอีกครั้ง...

“เมื่อครู่เหมือนจะได้ยินเสียงมาจากทางนี้ เอ๊ะ ตรงนี้มีม้าอยู่ตัวหนึ่ง... นายท่าน จะไปดูหรือไม่ขอรับ?”

“ดูคนตายหรือ?”

“...ก็จริง ตกจากที่สูงขนาดนี้ คนคงตายไปนานแล้ว...”

ซ่งถังหนิงได้ยินเสียงที่คลุมเครือจากทางลาดชันด้านบนราวกับกำลังจะเดินจากไป นางไม่สนใจความประหลาดใจและความสับสนจากการได้เกิดใหม่แล้ว นางคว้าก้อนหินใต้มือไว้แน่นแล้วตะโกนออกไปสุดเสียง “ข้างบนมีคนอยู่หรือไม่ ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!!”

ข้างบนเงียบไปชั่วขณะ ไม่นานก็มีศีรษะหนึ่งโผล่ออกมา

“โอ้ ช่างดวงแข็งจริง ๆ ยังรอดชีวิตมาได้อีกหรือ?”

ซ่งถังหนิงมองผ่านม่านฝน ไม่เห็นชัดเจนว่าคนที่อยู่ข้างบนเป็นใคร เห็นเพียงเสื้อคลุมฟางที่เขาสวมอยู่

นางรีบอ้อนวอน “ท่านผู้กล้า ข้าคือคุณหนูรองแห่งจวนซ่งกั๋วกง พระชายาเฉิงคือท่านน้าของข้า ท่านลุงของข้าคือเสนาบดีผู้ช่วยสำนักราชเลขาธิการซ่งหง ขอท่านผู้กล้าโปรดช่วยข้าด้วย จวนของข้าจะต้องตอบแทนอย่างงามแน่นอน”

ทันทีที่นางอ้าปาก น้ำฝนก็ผสมกับเลือดไหลเข้าปาก ทำให้นางสำลักจนร่างกายโงนเงน

คนที่อยู่ข้างบนประหลาดใจ “นายท่าน เป็นคุณหนูจากจวนซ่งกั๋วกงขอรับ”

“คนของสกุลซ่งหรือ?”

เสียงของคนคนนั้นเมื่อครู่ไพเราะดุจหยกกระทบกันเบา ๆ “พาขึ้นมา”

“ขอรับ”

คนที่อยู่บนทางลาดชันรับคำสั่งแล้วกระโดดลงไป ก้อนกรวดที่สั่นคลอนอยู่แล้วก็ร่วงลงมาเพราะเขา

ซ่งถังหนิงตกใจจนต้องรีบหลับตา มือที่จับก้อนหินสั่นเทาและร้องเสียงหลง ขณะที่กำลังจะร่วงลงไป ก็ถูกใครบางคนคว้าตัวไว้แล้วดึงขึ้นมา พลิกตัวทะยานขึ้นไปด้านบน

วิชาตัวเบาของคนผู้นั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก ในชั่วพริบตาก็ถึงที่หมาย เมื่อเท้าแตะพื้นดินที่มั่นคงในป่าหิมะ และแน่ใจว่าตนเองรอดแล้ว ซ่งถังหนิงก็เข่าอ่อนทรุดลงนั่งบนพื้น

ม่านตาของนางถูกเลือดบดบัง ทุกสิ่งเบื้องหน้าจึงเป็นสีแดงฉาน นางเงยหน้าขึ้นมองรถม้าเบื้องหน้าแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณท่านผู้กล้าที่ช่วยชีวิต...”

“ผู้กล้าหรือ?”

ผนังรถม้าทำจากไม้แดงประดับด้วยทองสำริดแกะสลักลวดลาย หน้าต่างมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา

ซ่งถังหนิงเห็นม่านนั้นถูกเลิกขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่คมคายราวกับแกะสลัก แฝงไปด้วยความสูงส่งและสง่างาม ม่านตาของนางหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าเหม่อลอย

ท้องฟ้าสีเลือด พื้นดินสีเลือด รถม้าสีเลือด

และ

เซียวเยี่ยน...

ใบหน้าของซ่งถังหนิงซีดขาวในทันที ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ช่วยนางจะเป็นคนของเซียวเยี่ยน

เดิมทีเซียวเยี่ยนมาจากสำนักขันที เป็นหัวหน้าขันทีในวัง เนื่องจากได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จึงได้กุมอำนาจบัญชาการกองกำลังทหารในเมืองหลวง ในมือมีองครักษ์เกราะดำที่ทุกคนต่างหวาดกลัว คอยทำหน้าที่กำจัดเหล่าขุนนางที่ไม่เห็นพ้องหรือเป็นปฏิปักษ์กับฮ่องเต้โดยเฉพาะ

ผู้ใดที่ถูกเขาหมายหัวล้วนต้องพบกับจุดจบที่เลวร้าย คนที่ตายด้วยน้ำมือเขานั้นมีนับไม่ถ้วน

ขุนนางทั่วทั้งราชสำนักต่างมองว่าเขาเป็นขันทีทรราช แต่เพราะอำนาจล้นฟ้าของเขา แม้แต่เชื้อพระวงศ์และขุนนางผู้มีอำนาจเมื่อพบเขาก็ต้องก้มหัวเรียกเขาว่า “หัวหน้าเซียว”

เซียวเยี่ยนเป็นคนเย็นชาอำมหิต ใช้วิธีการที่เหี้ยมโหดปรานี เขาไม่มีญาติมิตรหรือคนรู้จัก ไม่มีพันธะใด ๆ แต่ในชาติที่แล้ว เขากลับกลายเป็นที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของซ่งซูหลาน พี่หญิงของนางผู้มีชาติกำเนิดเป็นบุตรีอนุนอกเรือน

ใบหน้าของซ่งถังหนิงซีดขาว นางก้มหน้าลงต่ำ นึกถึงเรื่องราวที่นางได้ยินคนเฝ้ายามคุยกัน ในระหว่างที่นางถูกสกุลซ่งกักขัง

พวกเขาบอกว่า หัวหน้าเซียวรับซ่งซูหลานเป็นน้องสาวบุญธรรม

พวกเขาบอกว่า หัวหน้าเซียวดูแลน้องสาวคนนี้เป็นอย่างดี

ด้วยอำนาจของเซียวเยี่ยน ไม่มีใครกล้าดูถูกซ่งซูหลาน

ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันประจบประแจงและยกย่องซ่งซูหลานเพราะสถานะนี้ แม้ว่าภายนอกบุตรีอนุนอกเรือนคนนี้จะมีตำแหน่งเป็นเพียงบุตรอนุภรรยา แต่กลับมีชีวิตที่สูงส่งกว่าองค์หญิงเสียอีก

ซ่งถังหนิงจำได้ไม่เคยลืม หลังจากที่นางตกหน้าผาที่ภูเขาเชวี่ยจนเสียโฉม เพราะ “ความริษยา” ที่มีต่อซ่งซูหลาน นางจึงถูกคนสกุลซ่งกักขังไว้ในจวนนานหลายปี ส่วนซ่งซูหลานกลับได้แต่งงานกับลู่จื๋อเหนียน คู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันและหมั้นหมายกันมานานหลายปีของนาง

ในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน นางอาศัยช่วงชุลมุนหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก ทว่าที่หน้าประตู นางกลับชนเข้ากับเซียวเยี่ยนที่สวมชุดคลุมขนปีกนกกระเรียน ผู้ซึ่งกำลังยืนอยู่ต่อหน้าซ่งจิ่นซิวพี่ชายของนาง

“นางคือ?” เซียวเยี่ยนแสดงสีหน้าเย็นชา

พี่ชายของนางซ่งจิ่นซิว ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ “คนบ้าในจวน ทำให้ท่านหัวหน้าตกใจแล้ว”

“ในเมื่อเป็นคนบ้า ก็ดูแลให้ดี”

เพียงประโยคเดียว นางก็ถูกจับตัวกลับไป

ในคืนนั้น นางก็ถูกรัดคอจนตายในห้อง ก่อนตายได้ยินเพียงเสียงเย็นยะเยือกของคนข้างหลังว่า

“ใครใช้ให้เจ้าไปรบกวนคนที่ไม่ควรรบกวน”

......

ความรู้สึกขาดอากาศหายใจจากการถูกผ้าขาวรัดคอทำให้นางหายใจถี่ขึ้น ราวกับว่านางเห็นตัวเองคอพับ ตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ

ซ่งถังหนิงตกใจจนอยากจะถอยหลัง แต่กลับชนเข้ากับขาของชางลั่งโดยไม่ทันได้ระวัง

ชางลั่งเห็นเด็กสาวหนาวจนหน้าซีดเผือด ก็หยิบร่มขึ้นมากางให้นาง “แม่นางน้อยซ่งไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ฝนตกหนักขนาดนี้ ที่นี่ก็เปลี่ยวและเดินทางลำบาก แม่นางน้อยซ่งมาที่นี่คนเดียวได้อย่างไร?”

ซ่งถังหนิงก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความตื่นตระหนก “ข้าไม่ได้มาคนเดียว ข้ามากับพี่ชายเพื่อไหว้พระที่วัดหลิงอวิ๋น”

“ไหว้พระหรือ?” ชางลั่งประหลาดใจ “ที่นี่ห่างจากวัดหลิงอวิ๋นไกลมากนะ”

ซ่งถังหนิงกลัวเซียวเยี่ยน และไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีความเกี่ยวข้องกับซ่งซูหลานแล้วหรือไม่

นางไม่กล้าพูดถึงความผิดของซ่งซูหลาน ได้แต่พูดอย่างระมัดระวัง “พี่ชายของข้ามีธุระด่วนต้องกลับเมืองหลวงก่อน ให้ข้าอยู่ที่วัดแล้วจะมารับทีหลัง เป็นข้าที่ดื้อรั้นตามออกมาเลยหลงทาง...”

“โกหก”

คนบนรถม้าพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ขึ้นไปไหว้พระมีถนนหลวง ลงเขาก็มีเช่นกัน คุณหนูจวนกั๋วกงเดินทางย่อมมีบ่าวไพร่ติดตามเป็นกลุ่ม แม้จะดื้อรั้นออกจากวัด ก็ไม่มีทางที่จะขี่ม้ามาถึงที่นี่ตามลำพังเด็ดขาด”

“ข้า...” ถังหนิงตัวสั่น

“ใครส่งเจ้ามา”

คนในเมืองหลวงทุกคนต่างรู้ดีว่า ทุกปีในวันนี้เขาจะขึ้นภูเขาเชวี่ยเพื่อเซ่นไหว้ สตรีผู้นี้บอกว่าไปวัดหลิงอวิ๋น แต่กลับเดินในเส้นทางเล็ก ๆ ที่เขาใช้ขึ้นลงเขา

ช่วงนี้เขากำลังสืบสวนเรื่องราวในอดีตบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูลใหญ่หลายตระกูลในเมืองหลวง และยังไปเหยียบตาปลาของใครหลายคนเข้า

เขาต่อสู้กับคนเหล่านั้นในราชสำนักมานานหลายปี พวกสุนัขจนตรอกที่อยากจะเอาชีวิตเขาก็มีอยู่ไม่น้อย

ตระกูลใดกันที่สืบรู้การเดินทางของเขา แล้วใช้ชื่อของคุณหนูสกุลซ่งมา หวังจะใช้แผนเสี่ยงอันตรายเพื่อเข้าใกล้ตัวเขา?

สายตาของเซียวเยี่ยนเย็นชา “สารภาพมาตามตรง จะให้ศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์”

ซ่งถังหนิงตกใจในทันที “ข้าเป็นบุตรสาวสกุลซ่งจริง ๆ ข้าไม่ได้โกหกท่านผู้สูงศักดิ์ ข้าแค่หลงทางชั่วขณะจึงมาถึงที่นี่...”

เซียวเยี่ยนก้มหน้าลงมองเด็กสาวที่ตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่บนพื้น

ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับดอกตูมเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ดวงตากลมโตเมื่อร้องไห้ก็แดงก่ำช้ำเลือด ขดตัวเป็นก้อนราวกับสัตว์ป่าตัวน้อยที่บาดเจ็บ แต่เขากลับไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย

“ฆ่าทิ้งเสีย”

“เจ้าคนเนรคุณ คิดจะทำร้ายนายท่านของข้าหรือ?”

ชางลั่งที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าเป็นห่วง บัดนี้กลับบีบคอของนางไว้

ความกลัวในวินาทีที่ถูกรัดคอจนตายจู่โจมเข้ามาในใจ ซ่งถังหนิงยื่นมือไปเกาะขอบรถม้าแล้วล้มลงกับพื้น “หัวหน้าเซียวโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

“โอ้?”

บนรถม้ามีเสียงหัวเราะเยาะ เซียวเยี่ยนมองลงมาจากที่สูง “เลิกแกล้งทำเป็นไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?”

แม้จะเป็นเพียงประโยคเบา ๆ หนึ่งประโยค แต่ถังหนิงกลับรู้สึกราวกับว่าวินาทีต่อมาจะถูกถลกหนัง “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงท่านหัวหน้า เพียงแต่ตอนแรกจำท่านไม่ได้...”

“ตอนนี้จำได้แล้ว”

“ข้า...”

ซ่งถังหนิงรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ

เซียวเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ “อะไรกัน กลัวข้าหรือ?”

เขาสลัดความโหดเหี้ยมออกไปราวกับเป็นคนอารมณ์ดี แต่ถังหนิงกลับรู้สึกลำคอตีบตัน “ไม่เจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ได้ยินคนพูดว่าท่านหัวหน้าชอบความสงบ”

“คำพูดเหลวไหลมาจากไหนกัน”

เซียวเยี่ยนราวกับได้ยินเรื่องน่าสนใจอะไรบางอย่าง เขาเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย

“ข้าชอบความครึกครื้นที่สุด โดยเฉพาะตอนถลกหนังคนทั้งเป็น เลือดเนื้อที่แหลกเละผสมกับเสียงร้องขอชีวิตอันโหยหวน ช่างไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก หนังแผ่นนั้นลอกจากศีรษะลงมา ถลกออกมาทั้งแผ่น งดงามอย่างยิ่ง”

“...”

เมื่อเห็นว่านางหน้าซีดไร้สีเลือด เซียวเยี่ยนก็หัวเราะเยาะ สายตาเย็นชาลงทันที

“โยนนางลงไป”
Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

default avatar
Phattika
สนุกมาก สงสารนาวเอกอะ รอดูแก้แค้น
2025-10-21 13:19:38
2
user avatar
KIKz
สนุกมากๆ ชาติก่อนนางเอกน่าสงสาร แต่ชาตินี้มีพี่คนใหม่แล้ว พวกพี่นางเอกกับนางร้ายคือไม่รอดแน่
2025-10-18 21:44:48
2
default avatar
Thidarat
อ่านแล้วร้องไห้เลยล่ะ สงสารนางเอก
2025-10-17 12:15:18
2
100 Bab
บทที่ 1
ต้นวสันตฤดูเดือนสอง ณ ภูเขาเชวี่ย หิมะในฤดูหนาวยังไม่ละลายดี ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างกะทันหัน พัดพาเอาทั้งหมอก หิมะ และโคลนเข้าไว้ด้วยกันต้นต้วนในป่าถูกปกคลุมด้วยสีขาวโพลน สายลมและสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง เมื่อม้าที่คลุ้มคลั่งตัวหนึ่งบรรทุกคนพุ่งเข้ามา ก็ได้ทำลายความเงียบสงัดท่ามกลางหิมะลงซ่งถังหนิงยังคงจมอยู่กับความรู้สึกขาดอากาศหายใจจากการถูกบีบคอ พยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ในชั่วพริบตาต่อมา ทั้งร่างของนางก็ถูกเหวี่ยงจนลอยกระเด็นออกไปบังเหียนบาดนิ้วจนเป็นแผล ร่างกายร่วงหล่นลงไปในกองหิมะอย่างแรง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็กลิ้งตกลงไปเบื้องล่างเรื่อย ๆ “ฟู่! ——”น่องกระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างรุนแรง เสียงลมพัดเสียดใบหูซ่งถังหนิงเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติไปนางโบกมือคว้าก้อนหินที่อยู่ใกล้ที่สุด แขนถูกหินขูดจนเป็นรอยเลือดยาวเหยียด รอจนกระทั่งร่างกระแทกเข้ากับพงหญ้าบนทางลาดชันหลายครั้ง จึงสามารถยึดเกาะร่องหินไว้ได้และทรงตัวไว้ได้มั่นคงถังหนิงหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกขาดอากาศหายใจก่อนตายจากการถูกบีบคอนั้น ผสมปนเปกับความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง นางมองกิ่งไม้ที่หักโค่นอยู่บน
Baca selengkapnya
บทที่ 2
ซ่งถังหนิงคาดไม่ถึงเลยว่าเซียวเยี่ยนจะเปลี่ยนท่าทีได้เร็วขนาดนี้ เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มพูดคุยอยู่ดี ๆ ชั่วพริบตาต่อมากลับจะเอาชีวิตนางเสียแล้วเมื่อถูกกระชากแขนดึงขึ้นมา นางก็ตระหนักได้ว่าหายนะมาเยือนแล้ว ซ่งถังหนิงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์ลงนางยังตายไม่ได้ นางยังไม่ได้ทำให้สกุลซ่งได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ ยังไม่ได้ถามให้แน่ชัดว่าเหตุใดพวกเขาถึงทำกับนางเช่นนั้นนางเกาะขอบรถม้าไว้แน่น ร่างกายเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาด“หัวหน้าเซียว ข้าไม่ได้โกหกท่าน ข้าเพิ่งจะจำท่านได้เมื่อครู่นี้เองจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นท่านในวังหลวงเพียงครั้งเดียว ไม่ได้คุ้นเคยกับท่าน จึงจำท่านไม่ได้ในทันที”“ข้าไม่ใช่คนเลว ข้าหลงทางจริง ๆ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของมารดาข้า คนที่วัดหลิงอวิ๋นทุกคนเคยเห็นข้า...”เด็กสาวถูกลากออกไป พยายามเกาะพื้นดินเพื่อร้องขอชีวิตตอนแรกนางยังสามารถแก้ต่างได้อย่างใจเย็น ตะโกนบอกให้เขาไปตรวจสอบยืนยัน แต่ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนเลือดเย็น ก็ค่อย ๆ สิ้นหวังและร้องไห้โฮออกมาละอองฝนบดบังสายตา สายฝนที่สาดกระหน่ำทำให้โคลนกระเด็นไปทั่วเซียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเ
Baca selengkapnya
บทที่ 3
สายฝนโปรยปรายลงมาจากภูเขา กระทบหลังคาดังเปาะแปะแสงเทียนในห้องสว่างไสว เปลวเทียนที่สั่นไหวนั้นเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่อยู่บนเตียง......“ถังหนิง เจ้าต้องยอมให้หลานเอ๋อร์บ้าง ชาติกำเนิดของนางน่าสงสาร ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เจ้าเป็นคุณหนูสูงศักดิ์มาหลายปี ต้องมีคุณสมบัติของกุลสตรี รู้จักโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น”“ถังหนิง หลานเอ๋อร์แค่ไม่เข้าใจกฎระเบียบในเมืองหลวง นางไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเจ้า”“ถังหนิง เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้ความเช่นนี้ หลานเอ๋อร์ยอมเจ้าแล้ว เหตุใดยังต้องบีบคั้นนางอีก?”......ซ่งจิ่นซิวปกป้องซ่งซูหลานที่ร้องไห้จนใบหน้างดงามเปียกปอนไปด้วยน้ำตา “ซ่งถังหนิง เป็นเจ้าที่หาเรื่องเองจนตกหน้าผาเสียโฉม เป็นเจ้าที่ทำผิดก่อนจนทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ”“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำร้ายหลานเอ๋อร์ก่อน พวกเราจะจากมาด้วยความโมโหได้อย่างไร? หากเจ้ากลับไปที่วัดหลิงอวิ๋นอย่างว่าง่าย จะกลิ้งตกจากที่สูงจนตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?”“สองปีมานี้ เพื่อใบหน้าของเจ้า หลานเอ๋อร์ไปเสาะหายาให้เจ้าทุกหนทุกแห่ง กรีดเอาเลือดจากหัวใจของตนเองเพื่อใช้บำรุงร่างกายให้เจ้า นางอยากจะชดใช้ให้เจ้าด้วยร่างก
Baca selengkapnya
บทที่ 4
ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน พอรุ่งสางท้องฟ้าก็แจ่มใสไอหิมะที่เชิงเขาละลายหายไป ยอดอ่อนของต้นหลิ่วเริ่มผลิออกมาให้เห็น มีเสียงนกกระเต็นร้องเบา ๆ บินผ่านเป็นครั้งครา ทำลายความเงียบสงบในยามเช้าแสงแดดสายหนึ่งลอดผ่านขอบหน้าต่างตกกระทบลงบนใบหน้าของซ่งถังหนิง ปลุกนางให้ตื่นขึ้นจากภวังค์เมื่อได้กลิ่นยาอันเข้มข้น ซ่งถังหนิงเงยหน้ามองลวดลายแกะสลักรูปกิเลนคาบคัมภีร์หยกบนเพดาน มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่นางไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด“ตื่นแล้วหรือ?”น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้น ราวกับก้อนหินที่ตกลงไปในผิวน้ำทะเลสาบ และยังปลุกความทรงจำก่อนที่ซ่งถังหนิงจะหมดสติให้ตื่นขึ้นมาด้วยซ่งถังหนิงลุกขึ้นนั่งทันที หันหน้าไปมองนอกฉากกั้นลายนกกระเรียนโดยไม่สนใจความเจ็บปวด เห็นเงาร่างสูงโปร่งทางนั้นกำลังวางม้วนตำราในมือลง แล้วลุกขึ้นเดินมาทางนี้เซียวเยี่ยนเห็นเด็กสาวตกใจจนหน้าซีดเผือด กอดผ้าห่มไว้แน่น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เขาจึงหยุดยืนอยู่ข้างฉากกั้นแล้วเอ่ยว่า “ระวังมือด้วย”ซ่งถังหนิงตัวสั่นเทา “อย่าตัดมือข้า”เซียวเยี่ยน “...”พรืดแม่นางฉินที่ยกอ่างทองเหลืองเข้ามา พอได้ยินเสียงข้างในก็หลุดหัวเราะออกมาทันที นางเหลือบ
Baca selengkapnya
บทที่ 5
หากซ่งซูหลานไม่ใช่บุตรสาวของบิดามาตั้งแต่แรก พวกซ่งหงก็ได้โกหกนางมาโดยตลอดเช่นนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หลังความตายของบิดาต้องมัวหมอง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาต้องแปดเปื้อน แต่ยังปล่อยให้บุตรนอกสมรสนั่นใช้ชื่อของบ้านรองมาแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของนางไป!!เลือดซึมออกจากริมฝีปาก ซ่งถังหนิงเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าจะกลับไป”เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้น “ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปได้ แต่หลังจากกลับไปแล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไร เปิดโปงฐานะของนาง หรือคาดคั้นพวกซ่งหง?”ซ่งถังหนิงอ้าปากตามสัญชาตญาณ อยากจะพูดอะไรบางอย่างเซียวเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ “ในมือเจ้าไม่มีหลักฐาน คาดคั้นแล้วจะได้อะไร?”“สกุลซ่งมีบรรดาศักดิ์กั๋วกง ถือตนว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์ ย่อมไม่มีทางทำให้สายเลือดต้องปะปนเป็นอันขาด การที่พวกเขายอมให้บุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นอยู่ในจวน ก็แสดงว่าบนตัวนางมีสายเลือดของสกุลซ่งอยู่”พูดอีกอย่างก็คือ ซ่งซูหลานคนนั้น หากมิใช่บุตรสาวของซ่งหงคนโต ก็เป็นของซ่งถานคนที่สาม“พวกเขากล้าให้บุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นมาสวมรอยเป็นคนของบ้านรอง ก็เพราะแน่ใจว่าเจ้าจะไม่มีทางทันสังเก
Baca selengkapnya
บทที่ 6
รถม้าสี่ล้อที่ปูด้วยเบาะรองนั่งหนานุ่มนั้นกว้างขวางอย่างยิ่ง ในรถยังมีโต๊ะยาวตั้งอยู่เดิมทีซ่งถังหนิงยังกังวลว่าเซียวเยี่ยนจะหาเรื่องนาง หรือเยาะเย้ยนางที่บังอาจกำเริบเสิบสาน แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาขึ้นรถมาแล้ว ก็พิงตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วงีบหลับไปเมื่อบุรุษผู้นั้นหลับตา เส้นสายบนใบหน้าก็อ่อนโยนลง ใบหน้าที่ขาวซีดเย็นชานั้นจมลงไปในแสงและเงาที่สั่นไหว ราวกับหยกเย็นที่ตกลงไปในน้ำอุ่น สลายความเยือกเย็นอันน่าเกรงขามที่บีบคั้นจิตใจผู้คนไปจนหมดสิ้นในใจของนางค่อย ๆ ผ่อนคลายลง อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปเปิดม่านข้างตัวภูเขาเชวี่ยอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง จวนของเซียวเยี่ยนก็ตั้งอยู่ที่ชานเมืองต้นวสันต์ดอกท้อยังไม่บาน ดอกเหมยก็ร่วงโรยไปแล้ว ทุ่งนาโดยรอบที่ถูกหิมะทับถมอยู่จึงไม่มีทิวทัศน์ที่งดงามเท่าใดนัก ลมเย็นที่พัดปะทะใบหน้าจนรู้สึกหนาวสะท้าน แต่สำหรับถังหนิงที่ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานาน กลับสูดหายใจรับเอากลิ่นอายแห่งอิสรภาพเข้าไปอย่างตะกละตะกลามเมื่อรถม้าสี่ล้อเข้าสู่ประตูเมืองตะวันออก ผู้คนรอบข้างก็เริ่มมีมากขึ้นเสียงผู้คนจอแจที่ค่อย ๆ ดังขึ้น และเสียงร้องขายของที่ดังมาเป็นครั้งคราว ล้
Baca selengkapnya
บทที่ 7
เซียวเยี่ยนมาเยือนสกุลเฉียนอย่างกะทันหัน ทำให้คนทั้งสกุลเฉียนราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจหัวใจของเฉียนเป่าคุนกระตุก ในวินาทีที่ได้ยินรายงาน ในหัวของเขาก็ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ทำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ คิดว่าบิดา พี่น้อง บุตรชาย หรือญาติพี่น้องของตนเองได้ไปล่วงเกินเทพหายนะองค์นี้หรือไม่ หรือตัวเขาได้ไปล่วงเกินอะไรเขาในราชสำนักหรือเปล่าเขาทิ้งแขกเหรื่อในงานเลี้ยงแล้วรีบออกไปต้อนรับ เมื่อเห็นว่าข้างกายของเซียวเยี่ยนไม่มีองครักษ์เกราะดำ และได้ยินว่าเขาพาคนมาตามหาพระชายาเฉิงเฉียนเป่าคุนถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ยังดี ๆ ไม่ได้มาตรวจค้นยึดทรัพย์...ทำเอาเขาตกใจแทบแย่หลังจากเชิญเซียวเยี่ยนเข้าไปแล้ว ห้องโถงด้านหน้าที่เดิมทีคึกคักก็เงียบสงัดลงทันที หากไม่ใช่เพราะยังแขวนผ้าไหมสีแดงและติดอักษรมงคลอยู่ บรรยากาศนั้นไม่เหมือนกับกำลังจัดงานมงคลเลยแม้แต่น้อยเซียวเยี่ยนเดินไปนั่งลงบนที่นั่งประธานอย่างเป็นธรรมชาติ “วันนี้ไม่ได้มาปฏิบัติราชการ พวกท่านไม่ต้องตื่นตระหนก” ไม่ได้มาปฏิบัติราชการ?กลุ่มคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“ได้ยินว่าในจวนของใต้เท้าเฉียนมีงานมงคล เดิมทีข้าไม่ควรจะมารบกวน
Baca selengkapnya
บทที่ 8
ใบหน้าของเซี่ยอิ๋นแดงก่ำจากการถูกด่าทอ ประกอบกับรอยฝ่ามือทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้เขาทั้งอับอายทั้งโกรธจนทนไม่ไหวซ่งซูหลานเห็นดวงตาของเซี่ยอิ๋นแดงก่ำ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นข้าง ๆ “พระชายาก็เป็นผู้สูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้เอ่ยปากพูดแต่คำว่านางสารเลวเล่า?”“อีกอย่าง พี่อาอิ๋นก็ไม่รู้ว่าน้องสาวจะเกิดเรื่อง เป็นนางที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจจนทำร้ายจิตใจท่านพี่ก่อน ท่านพี่ถึงได้ให้นางกลับไปสำนึกผิดที่วัด พระชายาจะแยกแยะผิดถูกไม่ได้แล้วลงมือตีพี่อาอิ๋นได้อย่างไร...”เพียะ!พระชายาเฉิงตบสวนกลับไป “เจ้าเป็นตัวอะไร ถึงมีสิทธิ์มาเรียกบุตรชายข้าว่าท่านพี่?”“อะไรกัน เกาะสกุลซ่งยังไม่พอ ตอนนี้ยังคิดจะมาปีนป่ายประตูจวนเฉิงอ๋องของข้าอีกหรือ?!”ในหูของซ่งซูหลานอื้ออึง ในหัวก็ดังหึ่ง ๆ เซี่ยอิ๋นรีบประคองเด็กสาวที่โซเซ แล้วยืนขวางอยู่ข้างหน้านาง“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เป็นข้าที่ไม่รอบคอบพอจนทำให้ถังหนิงบาดเจ็บ แต่ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับซูหลาน นางไม่เคยทำร้ายถังหนิง ทั้งยังจิตใจดีงามไม่เคยคิดแก่งแย่ง เป็นถังหนิงที่คอยหาเรื่อง...”“เจ้าหุบปากไปเสีย!”พระชายาเฉิงหัวเราะเยาะ “ถ้านางไม่คิดแก่ง
Baca selengkapnya
บทที่ 9
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอิ๋นวิ่งหนีไปแล้ว ซ่งถังหนิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งถึงเพิ่งจะรู้สึกตัว นางด่าคนจนวิ่งหนีไปได้จริง ๆ ฝ่ามือของนางสั่นเทาเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่นั่งอยู่ข้างบนโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นเขายกมือขึ้นเท้าคางแล้วยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสบาย ๆ ดวงตาสีดำคมกริบดุจกระบี่คู่นั้นเมื่อมองมาทางนี้ ราวกับแทรกซึมเข้าไปในแสงเงาที่สั่นไหวบริเวณรอบ ๆ เซียวเยี่ยนกำลังยิ้มหัวใจที่เต้นระรัวของถังหนิงพลันสงบลง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา “ท่านน้า ข้าไม่ชอบท่านพี่”พระชายาเฉิงเดิมก็เป็นคนลำเอียงอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่านางทำลายหน้าตาของตนเองเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่กล่าวอย่างสงสาร“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ท่านพี่ของเจ้าไม่รู้จักแยกแยะว่าใครสนิทใครห่าง ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ถูกนางสารเลวหลอกลวงไม่กี่ประโยคก็มารังแกเจ้า เขาเป็นคนไร้สมอง”“แล้วก็สกุลซ่งนั่น ซ่งหงถึงกับกล้าเอาบุตรีอนุนอกเรือนมาสวมรอยเป็นบุตรอนุภรรยาบังคับให้เจ้ายอมรับญาติ พวกเขารังแกเจ้าเช่นนี้ ข้ากับสกุลซ่งไม่จบง่าย ๆ แน่!”เมื่อเห็นว่าพระชายาเฉิงปกป้องนางอย่างไม่ลังเล ขอบตาของซ่งถังหนิงก็แดงก่ำเกือบจะร้อง
Baca selengkapnya
บทที่ 10
ในใจของถังหนิงพลันเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจที่ยากจะบรรยายขึ้นมาชาติที่แล้วหลังจากที่ท่านน้าจากไป นางถูกกักขังอยู่ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนั้น เฝ้ามองใบไม้ร่วงหล่นอยู่นอกหน้าต่างทุกวัน มองดูวสันต์ผ่านไปสารทฤดูมาเยือน เป็นเวลานานแสนนานแล้วที่ไม่มีใครมาสนใจว่านางมีความสุขหรือไม่ ไม่มีใครสนใจว่านางร้องไห้หรือไม่ทุกครั้งที่นางเฝ้ารอคอยให้พวกซ่งจิ่นซิวมาหา ไม่ใช่มาเพื่อเอาของดูต่างหน้าของท่านแม่ที่เหลือเพียงน้อยนิดของนางไป ก็มาเพื่อตำหนิว่านางไม่รู้ความนางเจ็บปวด ไม่มีใครถามนางป่วยไข้ ก็ไม่มีใครสนใจถังหนิงจากที่เคยร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนด้วยความน้อยใจในตอนแรก จนกระทั่งต่อมาน้ำตาก็ไหลออกมาไม่ได้ นางร้องไห้จนตาเสียพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใด แต่จนกระทั่งก่อนที่นางจะตายก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยแม้แต่คนเดียวเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครยอมเสียเวลามาปลอบให้นางดีใจ“เหตุใดจึงร้องไห้อีกแล้ว?” พระชายาเฉิงรู้สึกสงสารเสียงของถังหนิงสั่นเครือเล็กน้อย “ท่านน้า แผลของข้าเจ็บเหลือเกิน” เจ็บจนนางหายใจไม่ออก แม้แต่ลมหายใจก็ยังเจ็บปวดราวกับหัวใจจะฉีกขาดฮูหยินเหวินซิ่นโหวที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงกับเรื่องของสก
Baca selengkapnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status