ฉันจากไปโดยไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวฉันเอง
ในค่ำคืนแห่งการครบรอบแต่งงานปีที่เก้าของพวกเรา กู้อี่เฉิน สามีของฉัน——ผู้ชายที่ปกครองตระกูลมาเฟียในยามกลางวัน และกุมหัวใจของฉันในยามค่ำคืน——ไม่ได้มอบดอกกุหลาบให้ฉัน
แต่เขากลับมอบดอกกุหลาบให้กับหลิ่วหรูเยียน ผู้ช่วยส่วนตัวของเขา
ใต้โคมระย้าที่เราเคยเริงระบำกันในคืนวันแต่งงาน เขาหันมาสบตาฉัน ด้วยเสน่ห์อันเย็นชา แบบเดียวกับที่เคยใช้กระซิบคำรักข้างหูฉัน
“เธอท้อง” เขาเอ่ยขึ้น ราวกับว่านั่นคือคำอธิบายของทุกสิ่ง “แล้วเธอก็แพ้ท้องหนักมาก จากนี้ไป เธอต้องทำอาหารสามมื้อให้เธอ ห้ามมีเมนูซ้ำ”
“เธอขวัญอ่อน ไม่ชอบนอนคนเดียว เพราะงั้นเธอย้ายของของเธอไปที่ห้องรับแขกซะ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
ฉันไม่ได้กรีดร้อง ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย ฉันเพียงแค่หยิบกระเป๋าเดินทางที่จัดเตรียมไว้อยู่แล้วขึ้นมา แล้วเดินตรงไปยังประตู
พ่อบ้านพยายามจะรั้งฉันไว้ แต่กู้อี่เฉินไม่แม้แต่จะกะพริบตา
“เดี๋ยวเธอก็กลับมา” เขาพูดพลางแกว่งแก้วไวน์แดงในมืออย่างเอื่อย ๆ “ไม่เกินสามวัน เดี๋ยวก็ซมซานกลับมาอ้อนวอนฉันเอง”
เสียงหัวเราะของแขกเหรื่อดังลั่น
พวกเขาพนันกันต่อหน้าฉันด้วยเงินหนึ่งล้านดอลลาร์
พนันว่าไม่ทันข้ามคืนนี้ ฉันจะต้องซมซานกลับมาเหมือนหมาจรจัดที่สิ้นไร้ศักดิ์ศรี กระดิกหางอ้อนวอนให้กู้อี่เฉินยอมให้ฉันเข้าบ้าน
แต่พวกเขาไม่มีใครรู้ว่าฉันได้รับของสืบทอดประจำตระกูลจากพ่อที่แท้จริงของฉันแล้ว และฉันก็ได้จองตั๋วเครื่องบินเพื่อที่จะจากไปแล้วเช่นกัน
ครั้งนี้ ฉันไปจริง ๆ แล้ว