เข้าสู่ระบบเมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอตื่นขึ้นมาในร่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ร่างกายอ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำ นี่คือร่างของ ซูหว่านหว่าน สตรีอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมงในยุคจีนโบราณ! "นี่ไอ้คนแซ่หลี่ ข้าอยากตกลงกับเจ้าหน่อย บ้านเจ้ามีผู้ใหญ่มากมายแต่กลับให้ลูกข้าอายุแค่สีขวบไปรับจ้างหาเลี้ยง ข้าว่าเราหย่ากันเถอะ ลูกข้าจะเอาไปด้วย" "เจ้าไม่มีญาติที่ไหน เอาลุกไปลำบากกับเจ้าหรือ" "ถ้ามีญาติประสาแดกและเห็นแก่ตัวแบบบ้านหลี่เจ้า ข้ายอมโดดเดี่ยวดีกว่า" ซูหว่านหว่านเดินลงเขาไม่สนใจเขาอีก หลี่จื่อหานยืนงง เป็นนางที่วางยาเขาเพื่อได้แต่งงาน อยู่ๆบอกจะหย่าก็หย่าและยังจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง นี่ท่านย่าทุบนางจนสติผิดเพี้ยนไปแล้วหรือ
ดูเพิ่มเติมแคว้นต้าเป่ย
หมู่บ้านชาวประมง
ซูเว่ยหรานที่ตอนนี้พยายามลืมเปลือกตาที่หนักอึ้ง กำลังจะลุกก็รู้สึกแปลกไป ลุกไม่ไหวราวกับมีอะไรมาฉุดเอาไว้ ก่อนเอามือกุมขมับสองข้าง ความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามาราวกับเธอกำลังดาวโหลดข้อมูลใส่เมมโมรี่การ์ด
ในความทรงจำภาพสตรีโบราณอ้วนฉุคนหนึ่งที่ถูกวางยาให้หลับนอนผู้ชายคนหนึ่งและหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็แต่งงานกับเธอ ต่อมาไม่นานก็คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงออกมา แต่ยายอ้วนนี่ร้ายกาจมากนัก ชอบตบตีขโมยของจนเป็นที่รังเกียจและเอือมระอาแก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ว่าความร้ายกาจของยายนี่ก็มีสาเหตุมีที่มา
เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอหยิบกระจกทองเหลือที่เหลือเพียงเศษมาส่องดูใบหน้าถึงรู้ว่า เธอได้ตื่นขึ้นมาในร่างที่อ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำของสตรีคนนั้น
จากการประมวลผล นี่คือร่างของ ซูเว่ยหรานที่มีชื่อแซ่เดียวกับเธอ สตรีอ้วนอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมง เธอทะลุมิติมายังโลกอดีต ซูเว่ยหรานหมดแรงจะถือกระจก แขนสองข้างทิ้งลงข้างลำตัวอย่างท้อแท้เอ่ยรำพึงรำพัน
"ฮือๆ..พระเจ้าท่านทอดทิ้งลูกช้างหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ไปอยู่จวนขุนนางหรือบ้านเศรษฐี ทำไมต้องมาอยู่บ้านชาวประมงยากจนที่แทบไม่มีอะไรกินด้วย อีกทั้งยายนี่อ้วนจนเกือบจะร้อยโลได้กระมัง ฮือๆๆ สวรรค์ไม่มีจริง ฉันทำดีมาตลอดเลยนะ ฮือๆๆๆ"
ซูเว่ยหรานโอดครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตน เธอค้นพบว่าร่างเดิมของซูเว่ยหรานคนนี้นั้นไม่ได้เป็นที่รักของใครเลย นอกจากความอัปลักษณ์และนิสัยเกเรแล้ว ซูเว่ยหรานคนนี้ยังก่อเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า
นางกับสามีร่างเดิมมีสัมพันธ์กันเพียงคืนนั้นคืนเดียวกลับมำให้นางกับเขามีบุตรด้วยกันถึงสองคน ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
"โอ๊ย....เจ๊ อยากตายอีกรอบ ยายหมูตอนเธอนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ แล้วทำไมฉันต้องมารับกรรมด้วย แต่ก่อนยายนี่ก็พอดูได้อยู่หรอก แต่พอคลอดลูกก็เอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนเลยอ้วนยังหมูรอเชือดตอนตรุษจีน"
เมื่อนึกถึงสาเหตที่ทำให้ร่างเดิมตาย เมื่อวานฝนตกลมแรง ชาวบ้านออกไปเก็บอวนและทิ้งสมอเรือเพราะกลัวว่าเรือจะลอยออกทะเลไปไกล เรือคือสมบัติล้ำค่าของชาวประมง ทุกคนช่วยกันแต่สามีนางยังไม่กลับมา ทุกคนจึงออกไปตามทว่าซูเว่ยหรานคนนี้กลับขี้เกียจไม่ยอมไปช่วย
ยายแก่หลิวย่าเลี้ยงของหลลี่จื่อหานเลยเอามาเป็นข้ออ้างหาว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีตายจึงลงมือทุบตีจนนางสลบไป เพราะน้ำหนักมากจึงทำให้วิ่งหนีไม่ทัน ร่างเดิมจากไปเพราะถูกตีเข้าจุดสำคัญจนเธอได้เข้ามาอยู่แทน
"ยายหมูตอน เธอควรตอบแทนอะไรฉันบ้างนะที่ฉันต้องมาลำบากในร่างที่วีรกรรมร้ายกาจสุดแสนจะบรรยายอย่างเธอเนี่ย"
ซูเว่ยหรานยกกระจกทองเหลืองขึ้มาดูตัวเองอีกครั้ง สายตายังคงจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองด้วยความไม่เชื่อ ร่างอ้วนฉุและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยด่างดำนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกอย่างรุนแรง เธอพยายามนึกถึงความทรงจำของ ซูเว่ยหราน ร่างเดิมที่เธอเข้ามาสวมรอย
ซูเว่ยหรานคนเก่าเป็นสตรีที่เอาแต่ใจและเกียจคร้าน มักจะสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับครอบครัวของสามีขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ครืดดดด....ร่างอวบอ้วนหันขวับไปมอง นางพบกับหญิงวัยประมาณห้าสิบปีคนๆหนึ่งที่ส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีก
"ตื่นแล้วหรือนางหมูตอน....เจ้ายังไม่ตายอีกรึ!"
เสียงแหลมสูงของนางหลิวดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ซูเว่ยหรานเดาได้ทันทีว่านี่คือนางหลิวซื่อย่าเลี้ยงของสามีร่างเดิม เสียงแหลมบาดหูนั่นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก นางหลิวยังคงตวาดใส่หลานสะใภ้ไม่หยุด
"ยังจะมานอนเหมือนหมูตายอยู่อีก ไม่ไปหุงหาอาหาร คิดว่านอนอืดอยู่บนเตียงแล้วจะมีข้าวกินเองรึ!"
นางหลิวส่งเสียงตวาดลั่นบ้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห สายตาที่มองมาที่ซูเว่ยหรานเต็มไปด้วย ความรังเกียจอย่างชัดเจน ซูเว่ยหรานอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตอยู่ๆมีคนมาตวาดใส่ด่าหยาบคาย และการถูกด่าทอด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน อีกทั้งยังมีประสบการณ์จากการเป็นเจ้าของมินิมาร์ทที่ต้องรับมือกับลูกค้าสารพัดแบบมาก่อน ทำให้เธอตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
ร่างเดิมตอนที่แต่งงานมาใหม่ๆก็ไม่ได้ร้ายกาจ จนกระทั่งนางคลอดคู่แฝดนางหลิวอาศัยตอนที่หลี่จื่อหานไม่อยู่บังคับให้นางออกเดือนมาทำงานบ้าน ซูเว่ยหรานที่แต่เดิมบิดารัดดุจแก้วตาดวงใจ ถูกวางยาจนเสื่อมเสียและต้องมาแต่งงานกับชาวประมง จนวันหนึ่งบังเอิญได้เห็นหลี่ถงหรือหลิวถงลูกติดนางหลิวพูดคยกับบัณฑิตคนหนึ่งซูเว่ยหรานจึงรู้ว่าคนที่วางยาหลี่จื่อไหานทำให้นางต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้คือหลิวถง
ใบหน้าที่อัปลักษณ์อาจเพราะนางไม่ได้อยู่เดือนเต็มที่ คลอดบุตรออกมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ถูกยายแก่นี่ลากออกมาบังคับให้ทำงาน ซูเว่ยหรานจึงเริ่มต่อต้านและร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ นางร้ายกาจจนไม่มีใครกล้าเข้าใหล้ บางครั้งก็ตบตีกับหลี่ถงที่ชอบยั่วยุและถากถาง บางครั้งก็ตบตีกับแม่เฒ่าหลิวแต่นยางไม่ค่อยชนะเท่าไหร่เพราะอ้วนเกินไปมักเสียเปรียบ
ซูเว่ยหรานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ ดวงตาเรียวเล็กภายใต้ใบหน้าอวบอ้วนจ้องกลับไปที่ย่าสามีอย่างไม่ยอมแพ้ ร้ายมาร้ายกลับสิไหนๆยายเจ้าของร่างนี่ก็ไม่ใช่คนดีแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนยายแก่นี้ก็แค่ย่าเลี้ยงไม่ใช่ย่าจริงๆเสียหน่อย เธอจึงเอ่ยตอกกลับไปอีกอย่างไม่หวั่นเกรง
"เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ากำลังป่วยอยู่ เงินที่สามีข้าหามาก็ถูกยายแก่อย่างเจ้ายึดเอาไป แม้แต่จะซื้อยาให้ข้ายังไม่มี นี่ยายเฒ่าจะใช้งานคนอื่นก็หัดใช้คำพูดกับน้ำเสียงให้มันดีๆ”
"นางขี้ครอก แต่งากินอยู่บ้านคนอื่นมือไม่พาย งานการไม่ขยับสักนิด แกมันนางตัวไร้ค่า"
ซูเว่ยหรานที่ไม่จำเป็นต้องทำดีกับยายแก่นี่แต่อย่างใด เพราะปกติร่างเดิมก็ไม่ได้เคาระยายแก่นี่อยู่แล้วจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญ
"ยายแก่หลิว...คนป่วยน่ะนะ ควรจะได้พักผ่อนนอนให้เพียงพอ ไม่ใช่มานั่งฟังคนแก่ไม่มีมารยาทคอยโหวกเหวกโวยวายข้างหูน่ารำคาญ"
ซูเว่ยหรานตื่นไม่ไหวเพราะถูกคนตัวโตเรียกร้องทั้งคืน แต่เขาตื่นแล้วไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แต่เช้า ยามซื่อสาวใช้จึงได้มาปลุก"พระชายา...หม่อมฉันเองเสี่ยวเตี๋ยเพคะ""อืม...รอเดี๋ยวนะ"ซูเว่ยหรานเปิดประตูออกมาก็ต้องเอามือบังตา แสงแดดยามหน้าร้อนนี้ช่างจ้านัก เสี่ยวเตี๋ยยิ้มละไมให้เจ้านายของตน ดูท่าไท่จื่อจะรักใครพระชายายิ่งนัก คอแดงไปหมดเชียว เสี่ยวเตี๋ยเดินตามไปเพื่ออาบน้ำให้นางซูเว่ยหรานนั่งแช่ลงในอ่างหลับตาผ่อนคลาย ขืนเขาว่างแบบนี้มีหวังได้ท้องอีกคนแน่ๆ กินไม่เลิกเลย กระทั่งน้ำเริ่มเย็นนางจึงลุกขึ้น เสี่ยวเตี๋ยส่งเสื้อคลุมมาให้เท้าเรียวก้าวออกจากอ่างยังไม่ทันจะก้าวอีกข้างก็ถูกอุ้มลอยจากพื้น ร่างบางกอดคอเขาทันทีก่อนจะร้องอุทาน"ว้าย...ไท่จื่อทรงทำอะไรเพคะ พื้นเปียกน้ำหากลื่นล้มจะทำเช่นไร""ไม่ล้มหรอก ประชุมเสร็จก็รีบกลับบ้านคิดถึงเมีย เสี่ยวเตี๋ยเจ้าไปได้แล้ว""เพคะ"สาวใช้ยิ้มก่อนจะเดินออกไป ซูเว่ยหรานทุบอกเขาอย่างแรง คนบ้านี่ช่างหน้าหนาหน้าทนยิ่งนัก ปากจิ้มลิ้มเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อสาวใช้ออกไปแล้ว"ท่านพี่...ทำอะไรมิคิดบ้าง คนอื่นจะเอาไปนินทาได้นะเจ้าคะ""คนงาม.......พี่คำนวณแล้วตอนนี้เจ้า
ยามซวีแล้วคนตัวโตเพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะสำรวจตนเอง เมียสวมเสื้อผ้าให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งนางยังนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะมีอาหารที่ควันยังคงลอยกรุ่น จ้าวจื่อหานรู้สึกผิดที่ทำให้นางลำบาก ร่างสูงลุกจากเตียงเดินไปหาร่างบางที่ฟุบอยู่กับโต๊ะก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นมา ซูเว่ยหรานลืมตายิ้มให้เขาเอ่ยถามออกมา"ตื่นแล้วหรือเพคะ..หม่อมฉันอุ่นอาหารเอาไว้""ไม่หิวข้าว หิวแต่เจ้า""พอได้แล้วเพคะ เสวยก่อนเถอะหม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วย""หรานหราน...เจอกับใต้เท้าเซียวหรือยัง""ใต้เท้าเซียวหรือเพคะ เขาคือผู้ใดกัน"จ้าวจื่อหานวางนางลงบนเตียงก่อนจะหอมแก้มนางอย่างอ่อนโยน เขาอยากให้นางกับบิดาได้พบกัน แต่อีกใจก็เกรงว่านางจะอาการกำเริบ จึงลองโยนหินถามทางก่อน"อาการปวดหัวเป็นเช่นไรบ้างบอกพี่สิ""บางวันก็มีปวดตุ๊บๆ แต่ไม่ร้ายแรง มีแค่ครั้งนั้นที่ปวดมากเสด็จพ่อให้หมอหลวงจ่ายยาก็พอทุเลาลงบ้าง ยาที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้หมดแล้วอาการจึงกำเริบบ่อยๆ แต่ไม่หนักเท่าไหร่เพคะ"ร่างสูงนั่งลงช้อนนางมานั่งตัก เขาเอ่ยกับนางเรื่องออกเดินทางไปอารามเต๋า"หรานหราน....พี่จะพาเจ้าท่องเที่ยวอยากไปหรือไม่ บัดนี้บ้า
จ้าวจื่อหานจุมพิตซูเว่ยหรานอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความร้อนแรง มือหนาปลดอาภรณ์ผืนงามออกทีละชิ้นก่อนจะทิ้งมันลงข้างเตียง กระทั่งนางเปลือยเปล่าเขาลูบไล้เรือนร่างเย้ายวน ปากหยักละจากริมฝีปากอวบอิ่ม กวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของนาง สายตาหลงใหลไม่ปิดบัง ซูเว่ยหรานใบหน้าเห่อร้อนเพราะความเขินอาย นางยกแขนขึ้นปิดทรวงอกสล้างที่เปิดเผย คนตัวโตจับมือนางออกเพื่อมองมันให้เต็มตาพร้อมกับเอ่ยกระเซ้า"งามเพียงนี้จะปิดบังไปไย ขอพี่มองให้ชื่นใจหน่อยเถอะ หรานหรานยิ่งมีลูกเจ้ายิ่งงามนัก""ท่านพี่...ท่านเอาแต่จ้องใครจะไม่อายเล่า""เรามีลูกด้วยกันแล้วนะ มาเถอะหนิงซินอยากมีน้องชายน้องสาวเราอย่าเสียเวลาเลยมาทำน้องให้เด็กๆกันเถอะ"เขาเอ่ยจบก้มอบจุมพิตให้นางอีกครั้ง ก่อนจะถอนริมฝีปากแล้วเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาพรมจูบนางไปทั่วพวงแก้ม จ้าวจื่อหานงับติ่งหูนางเบาๆ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนใต้ร่างออกมา"อ๊า...ท่านพี่""เจ้าหวานนัก หรานหรานเจ้าหอมเย้ายวนเหลือเกิน"จ้าวจื่อหานซุกไซร้จมูกโด่งต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินสล้างลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ทำเอาคนใต้ร่างขนลุกเกรียวด้วยความรัญจวน ปลายถันสีหวานชูชันรอเขามาชิม
ซูเว่ยหรานกำลังจัดการต้นกล้าที่ได้มาอยู่ที่ลานบ้าน ยามนี้ชาวบ้านที่หนีการกวาดต้อนกลับไปอยู่บ้านของตนเองได้แล้ว ต้าเป่ยก็มีฮ่องเต้องค์ใหม่ที่รักใคร่และห่วงใยราษฎร สามีนางไปได้สี่เดือนแล้ว บัดนี้เขากำลังเดินทางกลับมาต้าเหยียนซูหานกลับจวนมาก่อน รัชทายาทกำลังตามมาติดๆ เมื่อมาถึงที่เรือนสำหรับใช้ทำงานเขามองดูบุตรสาวที่นั่งเขียนพู่กันอยู่ที่ศาลาข้างๆ มีหลี่เย่าฟางนั่งจัดแยกชนิดของต้านกล้า คนงานบรรจุลงตะกร้าไม้ไผ่ มองไปเห็นตะต้นกล้าวางเรียงจนเต็มลานมีเพียงแค่ทางเดิน ซูหานเดินเข้าไปหานางเอ่ยเรียก"พระชายา"ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก่อนจะวางพู่กันแล้วรีบลุกวิ่งลงมาหาสวมกอดเขาเอาไว้"ท่านพ่อ...ท่านกลับมาแล้ว บาดเจ็บหรือไม่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ"มือหนายกขึ้นลูบศีรษะสวยได้รูป ซูหานกอดตอบก่อนจะเอ่ย"พ่อไม่เป็นไร...อืมเด็กดีตอนที่พ่อจากไปเจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้วแต่พ่อกลับไม่ได้ทำหน้าที่บิดาให้ดี มิได้ทำพิธีนั้นให้เจ้า แต่วันนี้พ่อมีของขวัญมาชดเชย"ซูหานหยิบปิ่นออกมา ตัวปิ่นเป็นเงินบริสุทธิ์ ดัดจนอ่อนช้อยประดับหยกเนื้อดี อีกทั้งพู่ห้อยทำจากเงินค่อยๆ ต่อห่วงลงมาเป็นโซ่เส้นเล็กๆ สามเส้
หลี่จื่อหานที่ยืนสง่าอยู่หน้าประตูของท้องพระโรงนั้นเงาของเขาทอดยาวจนบดบังรัศมีด้านใน แม้แต่บนบัลลังก์มังกรที่จ้าวรุ่ยซิงนั่งอยู่ก็มืดมิดในทันทีเมื่อเงาของเขาทอดลงมา จ้าวรุ่ยซิงไม่รีบเรียกหาคนของตนทันที"ทหารวัง องครักษ์ พวกเจ้าไปตายที่ไหนกันหมด มีคนร้ายๆ"เสียงฝีเท้าขององครักษ์กรูเข้ามาเพื่อปกป้องเขากว่าสามร้อยคนจนท้องพระโรงแน่นไปหมด จ้าวรุ่ยซิงสั่งการทันที"พวกเจ้าจัดการพวกมัน ฆ่าทิ้งอย่าให้เหลือแม่แต่มดสักตัว มันคือบุตรชายของกบฏ จ้าวหมิงเทียน ที่คิดชิงบัลลังก์จากอดีตฮ่องเต้ และไอ้คนทรยศจ้าวฉี่หลิง ฆ่าให้หมด"องครักษ์เดินสามขุมเข้าหากลุ่มของหลี่จื่อหาน แต่ยังไม่ทันเงื้อดาบมือก็มีลูกธนูพุ่งลงมาปักกลางท้องพระโรง ขุนนางที่ตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ไม่สามารถหนีออกไปได้ก็มองหน้ากัน หลี่จื่อก็จะเดินเข้ามาตามด้วยพลธนูนับร้อยที่ขึ้นสายพร้อมยิง ร่างสูงหิ้วคอเสื้อจ้าวหมิงฮ่าวมาโยนลงตรงเท้าจ้าวรุ่ยซิงก่อนจะเอ่ยช้าๆ"เจ้าไม่ต้องหาเรื่องให้ตัวเองรีบตายเพียงนี้ สกุลซุนของมารดาข้ากว่าสามร้อยชีวิต ยังมีสกุลซุนสายรองของท่านน้าไฉ่หลินอีกร้อยกว่าชีวิตข้ายังไม่ได้ชำระ ให้เจ้าตายง่ายๆ จะสบายเกินไปนะจ้าวรุ่ยซ
ยามอิ๋นกองทัพเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนพลเนื่อจากทางจ้าวฉี่หลิงส่งข่าวมาแล้วว่ายามนยี้เขาปะปนกับทหารวังเรียบร้อย พรุ่งนี้ยามเฉินประชุมเช้าสามารถบุกเข้าวังได้เลย หลี่จื่อหานมิได้นอนเขาต้องการไปสำรวจเมืองหลวงก่อนเขาเคยมาเมืองหลวงครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน มิรู้ยามนี้เปลี่ยนแปลงไปเช่นไรบ้าง ร่างสูงดีดตัวข้ามกำแพงเมืองมาได้ก้สำรวจพื้นที่ เขาสำรวจจนมาถึงบ้านเดิมมารดาที่ยามนี้กลายเป็นเพียงจวนร้างหลังหนึ่ง กว่าสามร้อยชีวิตถูกสังเวยที่นี่ เซียวอี้ที่ติดตามมาด้วยมองชายหนุ่มที่เดินนำหน้าก่อนจะเอ่ยกับเขา"ไม่จื่อ.....ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วหากพรุ่งนี้ทุกอย่างเรียบร้อยจะทรงมาฟื้นฟูที่นี่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""เฮ้อ...ท่านพ่อตาข้าไม่อยากใช้ชีวิตที่นี่ ข้ากลัวว่าหากดึงเข็มทองออกแล้วนางจำเรื่องราวได้ เมื่องหลวงแห่งนี้คือสถานที่ฝันร้ายสำหรับนาง"เซียวอี้เงียบลง เขารู้สึกดีใจที่บัตรเขยรักบุตรสาวของตนเพียงนี้ แม้ว่าก่อนหน้าชีวิตบุตรสาวจะลำบากเพราะสตรีแซ่หลิวคนนั้นแต่เรื่องผ่านมาแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเขาเอ่ยอีกครั้ง"หากเสร็จเรื่องข้าอยากมีลูกกับนางอีกสักสามสี่คน ท่านเองก็ร่างกายไม่เหมือนเก่า อยู่บ้านเลี้ยงหลานก็ไม






ความคิดเห็น