เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอตื่นขึ้นมาในร่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ร่างกายอ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำ นี่คือร่างของ ซูหว่านหว่าน สตรีอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมงในยุคจีนโบราณ! "นี่ไอ้คนแซ่หลี่ ข้าอยากตกลงกับเจ้าหน่อย บ้านเจ้ามีผู้ใหญ่มากมายแต่กลับให้ลูกข้าอายุแค่สีขวบไปรับจ้างหาเลี้ยง ข้าว่าเราหย่ากันเถอะ ลูกข้าจะเอาไปด้วย" "เจ้าไม่มีญาติที่ไหน เอาลุกไปลำบากกับเจ้าหรือ" "ถ้ามีญาติประสาแดกและเห็นแก่ตัวแบบบ้านหลี่เจ้า ข้ายอมโดดเดี่ยวดีกว่า" ซูหว่านหว่านเดินลงเขาไม่สนใจเขาอีก หลี่จื่อหานยืนงง เป็นนางที่วางยาเขาเพื่อได้แต่งงาน อยู่ๆบอกจะหย่าก็หย่าและยังจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง นี่ท่านย่าทุบนางจนสติผิดเพี้ยนไปแล้วหรือ
View Moreแคว้นต้าเป่ย
หมู่บ้านชาวประมง
ซูเว่ยหรานที่ตอนนี้พยายามลืมเปลือกตาที่หนักอึ้ง กำลังจะลุกก็รู้สึกแปลกไป ลุกไม่ไหวราวกับมีอะไรมาฉุดเอาไว้ ก่อนเอามือกุมขมับสองข้าง ความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามาราวกับเธอกำลังดาวโหลดข้อมูลใส่เมมโมรี่การ์ด
ในความทรงจำภาพสตรีโบราณอ้วนฉุคนหนึ่งที่วางยาผู้ชายคนหนึ่งและหลับนอนกับเขา จากนั้นเธอบังคับให้เขาแต่งกับเธอ ต่อมาไม่นานเธอก็คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงออกมา ยายอ้วนนี่ร้ายกาจมากนัก ชอบตบตีขโมยของจนเป็นที่รังเกียจและเอือมระอาแก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน
เมื่อรวมรวมทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาสำรวจตัวเอง เธอหยิบกระจกทองเหลือที่เหลือเพียงเศษมาส่องดูใบหน้าถึงรู้ว่า เธอได้ตื่นขึ้นมาในร่างที่อ้วนฉุ ผิวพรรณหยาบกร้าน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำของสตรีคนนั้น
จากการประมวลผล นี่คือร่างของ ซูเว่ยหรานที่มีชื่อแซ่เดียวกับเธอ สตรีอ้วนอัปลักษณ์และร้ายกาจแห่งหมู่บ้านชาวประมง เธอทะลุมิติมายังโลกอดีต ซูเว่ยหรานหมดแรงจะถือกระจก แขนสองข้างทิ้งลงข้างลำตัวอย่างท้อแท้เอ่ยรำพึงรำพัน
"ฮือๆ..พระเจ้าท่านทอดทิ้งลูกช้างหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ไปอยู่จวนขุนนางหรือบ้านเศรษฐี ทำไมต้องมาอยู่บ้านชาวประมงยากจนที่แทบไม่มีอะไรกินด้วย อีกทั้งยายนี่อ้วนจนเกือบจะร้อยโลได้กระมัง ฮือๆๆ สวรรค์ไม่มีจริง ฉันทำดีมาตลอดเลยนะ ฮือๆๆๆ"
ซูเว่ยหรานโอดครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตน เธอค้นพบว่าร่างเดิมของซูเว่ยหรานคนนี้นั้นไม่ได้เป็นที่รักของใครเลย นอกจากความอัปลักษณ์และนิสัยเกเรแล้ว ซูเว่ยหรานคนนี้ยังก่อเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า
นางวางยาหลี่จื่อหานเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา และคืนนั้นคืนเดียวกลับมำให้นางกับเขามีบุตรด้วยกันถึงสองคน ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจากแม่ใจร้าย
"โอ๊ย....เจ๊ อยากตายอีกรอบ ยายหมูตอนเธอนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ แล้วทำไมฉันต้องมารับกรรมด้วย แต่ก่อนยายนี่ก็พอดูได้อยู่หรอก แต่พอคลอดลูกก็เอาแต่ขี้เกียจกินกับนอนเลยอ้วนยังหมูรอเชือดตอนตรุษจีน"
เมื่อนึกถึงสาเหตที่ทำให้ร่างเดิมตาย เมื่อวานฝนตกลมแรง ชาวบ้านออกไปเก็บอวนและทิ้งสมอเรือเพราะกลัวว่าเรือจะลอยออกทะเลไปไกล เรือคือสมบัติล้ำค่าของชาวประมง ทุกคนช่วยกันแต่สามีนางยังไม่กลับมา ทุกคนจึงออกไปตามทว่าซูเว่ยหรานคนนี้กลับขี้เกียจไม่ยอมไปช่วย
ยายแก่หลิวย่าเลี้ยงของหลลี่จื่อหานเลยเอามาเป็นข้ออ้างหาว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีตายจึงลงมือทุบตีจนนางสลบไป เพราะน้ำหนักมากจึงทำให้วิ่งหนีไม่ทัน ร่างเดิมจากไปเพราะถูกตีเข้าจุดสำคัญจนเธอได้เข้ามาอยู่แทน
"ยายหมูตอน เธอควรตอบแทนอะไรฉันบ้างนะที่ฉันต้องมาลำบากในร่างที่วีรกรรมร้ายกาจสุดแสนจะบรรยายอย่างเธอเนี่ย"
ซูเว่ยหรานยกกระจกทองเหลืองขึ้มาดูตัวเองอีกครั้ง สายตายังคงจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองด้วยความไม่เชื่อ ร่างอ้วนฉุและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยด่างดำนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกแยกอย่างรุนแรง เธอพยายามนึกถึงความทรงจำของ ซูเว่ยหราน ร่างเดิมที่เธอเข้ามาสวมรอย
ซูเว่ยหรานคนเก่าเป็นสตรีที่เอาแต่ใจและเกียจคร้าน มักจะสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับครอบครัวของสามีขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ครืดดดด....ร่างอวบอ้วนหันขวับไปมอง นางพบกับหญิงวัยประมาณห้าสิบปีคนๆหนึ่งที่ส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีก
"ตื่นแล้วหรือนางหมูตอน....เจ้ายังไม่ตายอีกรึ!"
เสียงแหลมสูงของนางหลิวดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ซูเว่ยหรานเดาได้ทันทีว่านี่คือนางหลิวซื่อย่าเลี้ยงของสามีร่างเดิม เสียงแหลมบาดหูนั่นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก นางหลิวยังคงตวาดใส่หลานสะใภ้ไม่หยุด
"ยังจะมานอนเหมือนหมูตายอยู่อีก ไม่ไปหุงหาอาหาร คิดว่านอนอืดอยู่บนเตียงแล้วจะมีข้าวกินเองรึ!"
นางหลิวส่งเสียงตวาดลั่นบ้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห สายตาที่มองมาที่ซูเว่ยหรานเต็มไปด้วย ความรังเกียจอย่างชัดเจน ซูเว่ยหรานอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตอยู่ๆมีคนมาตวาดใส่ด่าหยาบคาย และการถูกด่าทอด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน อีกทั้งยังมีประสบการณ์จากการเป็นเจ้าของมินิมาร์ทที่ต้องรับมือกับลูกค้าสารพัดแบบมาก่อน ทำให้เธอตั้งสติได้อย่างรวดเร็วกล่าวตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
"เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ากำลังป่วยอยู่ เงินที่สามีข้าหามาก็ถูกยายแก่อย่างเจ้ายึดเอาไป แม้แต่จะซื้อยาให้ข้ายังไม่มี นี่ยายเฒ่าจะใช้งานคนอื่นก็หัดใช้คำพูดกับน้ำเสียงให้มันดีๆ”
ซูเว่ยหรานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ ดวงตาเรียวเล็กภายใต้ใบหน้าอวบอ้วนจ้องกลับไปที่ย่าสามีอย่างไม่ยอมแพ้ ร้ายมาร้ายกลับสิไหนๆยายเจ้าของร่างนี่ก็ไม่ใช่คนดีแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนยายแก่นี้ก็แค่ย่าเลี้ยงไม่ใช่ย่าจริงๆเสียหน่อย เธอจึงเอ่ยตอกกลับไปอีกอย่างไม่หวั่นเกรง
"ยายแก่หลิว...คนป่วยน่ะนะ ควรจะได้พักผ่อนนอนให้เพียงพอ ไม่ใช่มานั่งฟังคนแก่ไม่มีมารยาทคอยโหวกเหวกโวยวายข้างหูน่ารำคาญ"
ซูเว่ยหรานนอนบนเตียงก่อนจะตะแคงไปทางด้านที่หลี่จื่อหานนอนอยู่ เขารู้สึกตัวว่านางกำลังมองมาจึงได้พลิกหันกลับ สายตาของเขาและนางสบกันในความมืดก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้นมาก่อน"นอนไม่หลับหรือ...มีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกได้หรือไม่"ซูเว่ยหรานลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้กลมใกล้กับที่นอนของเขาแล้วเอ่ย"เจิ้นหยวนเพิ่งจะห้าขวบ เหยียนเฟิงคนนั้นอายุไม่น้อยแล้ว เป็นปู่คนเป็นตาคนมีหลานน้อยๆได้แล้วแต่กลับพูดจาไม่รู้จักคิด ข้าไม่สนหรอกเรื่องที่เขาบอกว่าข้าอ้วนหรืออัปลักษณ์แต่ข้าห่วงความรู้สึกลูกน่ะเจ้าค่ะ""อืม...พรุ่งนี้ข้าจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง เจ้าอย่ากังวลเลยนอนเถอะ"ซูเว่ยหรานมองหน้าเขายิ้มน้อยๆและเอ่ยเสียงเย็น"ท่านอยู่บ้านเถอะพรุ่งนี้ข้าจะไปเอง ในเมื่อคนที่ถูกพาดพิงคือข้าเช่นนั้นข้านี่แหละจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง"ซูเว่ยหรานลุกแล้วเดินกลับไปนอน ปล่อยให้สามีลุกมานั่งจ้องนางแทน เขารู้สึกว่าพรุ่งนี้อาจารย์แซ่เหยียนคนนั้นเหมือนจะดวงตกนะ จากนั้นก็เอนตัวลงนอนแล้วหลับไปยามเหมา (05.00-07.00 น.) ซูเว่ยหรานออกไปวิ่งออกกำลังกายเช่นเดิม ส่วนผลปาล์มที่ต้มเอาไว้ก็นิ่มดีแล้ว วันนี้เธอต
เมื่อคนสร้างรั้วไปหมดแล้วบ้านหลี่ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง บ้านหลังนี้ห่างจากบ้านชาวบ้านหนึ่งลี้ ซูเว่ยหรานไม่ได้ทำอาหารเพราะมีของที่สกุลฟางนำมาฝากจึงหุงเพียงข้าวสวยและต้มน้ำแกง ไม่นานโม่หินและครกหินก็มาส่ง อุปกรณ์พร้อมแล้วเหลือเพียงดินขาวแห้งใช้ได้ คืนนี้จัดการต้มผลปาล์มก่อนก็แล้วกัน ผลปาล์มมีมากนักต้องต้มทีละกระทะเพราะที่บ้านมีแค่เตาเดียว ซูเว่ยหรานไม่อยากเสียเวลานางจึงนำก้อนหินมาสร้างเตาชั่วคราวโดยวางไว้หน้าบ้านเป็นเตาสามเส้าที่ทำจากหินสามก้อน นางเริ่มก่อไฟเพื่อต้มผลปาล์ม หลี่จื่อหานหอบฟืนมาให้ก่อนจะเอ่ย"เจ้าผลโหยวจงนี่เรียกอีกชื่อว่าผลปาล์มหรือ""ใช่เจ้าค่ะ.. เอ่อจริงสิ...ท่านพี่ก่อนจะออกเดินทางท่านช่วยสร้างห้องเก็บฟืนเพิ่มได้หรือไม่ ข้าไม่อาจขึ้นเขาไปเก็บทุกวันได้ อีกอย่างต่อไปบ้านเราจะใช้เยอะขึ้น เราสามารถรับซื้อจากชาวบ้านได้ อย่างน้อยก็ได้ช่วยเหลือคนที่ไม่เกียจคร้าน แต่ต้องมีที่เก็บ""อืมได้สิ" หลี่จื่อหานเอ่ยเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเอ่ยต่อ "ข้าได้ข่าวมาว่าการเดินทางเลื่อนออกไปอีกสามเดือน""ห๊า...เช่นนั้นท่านพี่ก็ไม่ต้องไปแล้วใช่หรือ
ยามเหมาซูเว่ยหรานตื่นขึ้นมา นางพูดคุยกับอาหญิงรองกับอาหญิงเล็กของหลี่จื่อหานให้พวกนางเข้าครัวตอนเช้า เพราะตนต้องการลดน้ำหนักต้องไปหาวิ่งออกกำลังกาย ซูเว่ยหรานเลือกวิ่งขึ้นเขาลงเขาในเส้นทางที่ไม่มีเศษหินและลาดชัน ก่อนหน้านางตั้งใจจะใช้วิธีนี้จึงเตรียมเส้นทางเอาไว้ล่วงหน้าปักคบเพลิงเพื่อให้แสงส่องสว่าง ร่างหนาวิ่งขึ้นลงได้เพียงแค่ห้ารอบก็ต้องหยุดพักเหนื่อย ร่างนี้อ้วนน่ะเท่าไหร่แต่เพราะที่ผ่านมาเอาแต่กินกับนอน พอมาออกแรงก็เลยเหนื่อยง่าย นางวิ่งลงเขามารอบที่หกก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินมา ซูเว่ยหรานวิ่งเหยาะๆจนมาใกล้ถึงเขา หลี่จื่อหานหยุดยืนรอนาง เมื่อนางมาถึงตัวเขาก็หอบเล็กน้อย เขาส่งกระบอกน้ำให้นาง ซูเว่ยหรานรับมาจิบทีละน้อยเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ"แฮ่กๆๆ ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"หลี่จื่อหานพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยปากถามนาง"หรานหราน...หากเหนื่อยก็ไม่จำเป็นต้องลกหรอกเจ้าก็ไม่ได้น่าเกลียดสักเท่าไหร่""ไม่ได้น่าเกลียดสักเท่าไหร่ก็แปลว่าน่าเกลียดอยู่ดี"หลี่จื่อหานสะอึกก่อนจะเอ่ยเอาใจนาง"เจ้าไม่ได้น่าเกลียดสักนิดสำหรับข้า อย่างไรข้าก็คิดแต่งภรรยาแค่คนเดียวในชีวิตอยู่แล้ว"ซูเว่
หลังจากมื้อค่ำไปแล้วทั้งหมดก็นั่งคุยกันเพื่อย่อยอาหาร ส่วนเด็กๆเข้าเรือนเตรียมนอนแล้ว วันนี้สังเกตท้องฟ้าโปร่ง หลี่ต้าหยางเอ่ยถามซูเว่ยหรานถึงดินที่เก็บมาวันนี้"หลานสะใภ้ ดินนั่นเจ้าจะเอามาทำอะไรหรือ""ข้าจะเอามาใช้ดูดซับตอนที่สกัดน้ำมมันจากผลโหยวจงเจ้าค่ะ""ไอ้เจ้าผลนี้สามารถสกัดน้ำมันได้จริงๆหรือ""ท่านปู่รอดูเถอะเจ้าค่ะข้าจะใช้มันหาเงิน แต่น่าเสียดายท่านพี่จะไปชายแดนอีกไม่กี่วันแล้ว ต่อไปข้าก็ไม่มีคนให้ใช้งานแล้วสิ""เช่นนั้นปู่จะช่วยเจ้าเอง""จริงหรือเจ้าคะ แหม่....ข้ายังกังวลว่าข้าจะเอาสังขารอ้วนๆขึ้นลงเขาแบกทลายผลโหยวจงได้อย่างไร ฮ่าๆๆ นี่มิใช่ว่าพอง่วงก็มีคนยื่นหมอนมาให้หรอกหรือ"หลี่ต้าหยาง".........."นางช่างตรงเสียจริงๆ หลี่เย่วถิงนำน้ำอุ่นมาให้หลี่ต้าหยางแช่เท้า เขาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยกับซูเว่ยหราน"อีกไม่กี่วันจะมีญาติห่างๆของภรรยาข้ามาหา เขาตามหาข้าเพิ่งจะเจอเลยส่งลูกชายมาพบ น่าจะอยู่กับเราประมาณปีกว่าเพราะบ้านเกิดเขาอยู่ทางเหนือ เดินทางครั้งหนึ่งเกือบครึ่งปี""อ้อ..ท่านพ่อยังคงมีญาติหลงเหลือ ดีเหลือเกินเจ้าค่ะหากเปรียบกับข้าที่มีญาติแต่เหมือนไม่มี"หลี่ต้าห
ซูเว่ยหรานและหลี่เย่าฟางเตรียมขึ้นเขา เนื่องจากมีความรู้จากโลกก่อนซูเว่ยหรานรู้ดีว่าต้องไปหาดินขาวที่ไหน นางสะพายตะกร้าเดินตามลำธารจากหลังบ้านไปเรื่อยๆ ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาไกลกว่าสองลี้ ซูเว่ยหรานเอ่ยกับอาหญิงของสามี"อาเล็ก...พวกเราเจอต้นหอมป่ากับพริก และผลเฉาเหมยมากมายตามทางเดิน ขากลับเราเก็บกลับไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ ที่บ้านจะได้มีเสบียงเพิ่ม""ผลเฉาเหมยนั้นเปรี้ยวยิ่งนักไม่อร่อยสักนิด""อาเล็กท่านต้องเก็บที่ผลสุกจัดถึงจะอร่อย แต่ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะข้าสามารถแปรรูปให้เป็นของหวานได้"หลี่เย่าฟางยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"อาหราน...ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าก็เชื่อว่ามันจะออกมาอร่อยแน่นอน"ซูเว่ยหรานพยักหน้า เดินต่อไปอีกเล็กน้อยซูเว่ยหรานก็สั่งเกตเห็นริมลำธารที่เป็นสีชมพูออกม่วง มีสีอิฐบางแห่ง ใบหน้าอวบอูมใยิ้มจนตาหยี นางคิดว่านางเจอของดีแล้ว จากนั้นก็วิ่งไปยังทิศทางที่สายตาของนางพบเจอ ก่อนจะหอบหายใจเมื่อถึงที่หมายบ่นพึมพำ"เฮ้อ..วิ่งยังไม่ถึงร้อยก้าวฉันก็หอบแล้ว ร่างนี้ไม่ไหวจริงๆ ซูเว่ยหรานหล่อนต้องจริงจังในการลดน้ำหนักแล้วนะ"หลี่เย่าฟางที่ตามมาได้ยินหลานสะใภ้บ่นงึมงำคน
หลังจากที่เสร็จเรื่องของเศรษฐีจิ้งแล้วซูเว่ยหรานก็เข้าใจอะไรบางอย่าง นายอำเภอคนนี้แม้ผิวเผินจะดูเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ทว่าเขากลับรับสินบนเงียบๆ เช่นนั้นคนๆนี้ไม่ควรให้นั่งตำแหน่งหัวหน้าสมาคมการค้า คงต้องคุยกับท่านปู่ของหลี่จือหานอีกที หากหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ก็ล้มโครงการไปก่อน ไม่เช่นนั้นอนาคตจะตกเป็นเบี้ยล่างขุนนางเลวทันที "มันต้องมีตัวเลือกอื่นสิน่า ใครที่คุมการค้าของเมืองตงหยางกันนะ?"ซูเว่ยหรานบังคับเกวียนไปด้วยบ่นไปด้วย หลี่เย่าฟางที่ได้ยินก็เอ่ยถามนาง"อาหราน เจ้ากำลังบ่นอะไรกัน""อ้อ..เปล่าเจ้าค่ะอาเล็ก อีกอย่างข้าชอบเวลาท่านเรียกข้าว่าอาหรานมากกว่าหรานหรานหรือหลานสะใภ้ เพราะเราวัยไม่ต่างกัน ดูเหมือนข้าจะแก่กว่าท่านด้วย ว่าแต่อาเล็กท่านค้าขายปลาให้กับเศรษฐีหลายบ้าน พอจะรู้หรือไม่ว่าใครที่มีอำนาจพอจะต่อรองกับนายอำเภอ และที่สำคัญต้องไม่ใช่พวกนายทุนหน้าเลือด""หากพูดถึงเมืองตงยางคงมีแต่นายท่านฉางแล้วที่ไม่เอาเปรียบมดปลวกตัวเล็กๆอย่างพวกเรา"อำเภอหยางเป็นอำเภอเล็กที่อยู่ในเมืองตงหยาง แปลว่านายท่านฉางคนนี้ย่อมมีเบื้องหลังที่ใหญ่กว่า นางต้องเลื่อยขาเก้าอี้ไม่ให้นายอ
Comments