ชีวิตคู่ผู้อื่นเริ่มต้นหลังแต่งงาน แต่นางเริ่มต้นหลังหย่าร้าง อดีตสามีผู้นั้นรูปงามหล่อเหลาและเร่าร้อน ทรงเสน่ห์เปี่ยมพลังเกินต้านขนาดนี้ มูฟออนเป็นวงกลมไปเลยสิคะ! หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นแนวอ่านสบายๆ ไม่มีปมหนักหรือเนื้อหาเคร่งเครียดค่ะ
ดูเพิ่มเติมบนเตียงนอนยับย่น ผ้าห่มไหลไปกองที่พื้นห้อง หมอนที่มีกลายเป็นไร้ความหมาย
หลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจ
ใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล
เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี
บุรุษที่ผลักไสนางทุกวัน
และนางก็คอยตามตื้ออย่างไร้ยางอายทุกวันเช่นกัน
“ท่านไม่รังเกียจข้าแล้ว?”
“รังเกียจหรือ?” คนถูกถามหัวเราะสุ้มเสียงทุ้มพร่า “จากความทรงจำ ข้าคิดว่าเกลียดชังเจ้าอย่างยิ่ง”
“...” แม้อึ้งงันแต่หญิงสาวยังคงผลิยิ้มหวานล้ำ จากความทรงจำ นางทำตัวไม่ร้ายกาจอย่างยิ่ง อาจเข้าขั้นต่ำทรามเลยด้วยซ้ำ คิดแล้วจึงทำใจดีสู้เสือ ออดอ้อนว่า “เช่นนั้น ท่านคงให้อภัยข้าแล้วกระมัง”
เขาขยับสะโพกแกร่งสร้างความสุขสมขณะก้มหน้ากระซิบเสียงนุ่ม
“เจ้าคือภรรยา คือแม่ของลูกข้าในชาตินี้...”
บุรุษหนุ่มรูปงามหล่อเหลา มีลอนมัดกล้ามกำลังดีตามธรรมชาติของบุรุษพพึงมี ไม่ใหญ่โตเกินไป ท่วงท่าลีลายามร่วมรักหรือยังเหลือร้าย
แววตาคมกล้าคล้ายมีประกายเพลิงปะดุอยู่ข้างใน ร้อนแรงปานนั้น ประหนึ่งต้องการแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้กลายเป็นจุนทุกเวลา ทุกสิ่งของเขา เรียกได้ว่าทรงเสน่ห์กระแทกใจหาใดเทียม นางกำลังหลอมละลาย...
มิใช่เพียงรูปกายงามสง่าแต่รวมถึงบุคลิกที่ครอบงำทำสตรีลุ่มหลงเพียงสบตา
คนผู้หนึ่งปกติสุขุมเย่อหยิ่งทั้งเคร่งขรึมเย็นชา คล้ายบัณฑิตผู้กุมฉายาน้ำแข็ง
มิคาด ยามอยู่บนเตียงจะเร่าร้อนปานนั้น
ดวงตานางจับจ้องมิวาง เขาเป็นบุรุษน่าค้นหา ทว่ากลับมิใช่บุคคลที่ควรเข้าใกล้ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่านางได้เป็นภรรยาของเขา อา...รู้สึกโชคดี
ชีวิตนี้ได้มีสามีเสียที นางไม่ต้องการอะไรแล้ว
ทว่าน่าเสียดายที่ทั้งหมดคือเรื่องราวเพียงชั่วราตรี ได้มีโอกาสซึมซับความรู้สึกคลั่งรักราวกับเพียงแค่ความฝัน เพราะรุ่งขึ้นวันต่อมา
นางถูกหย่า...
เสี่ยวจิงทำหน้าย่นใส่หญิงชราอย่างรังเกียจติงยวี่ถิงจึงถลึงตามองอย่างข่มขู่ ตวาดเสียงดุดัน “พอรวยแล้วก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นบ้างตามกำลัง มิเช่นนั้น สะสมแต่บาปกรรมอาจจะทำให้ต้องหมดตัวอีก หรือเจ้าอยากกลับไปยากจน กระทั่งถูกส่งให้พ่อค้าทาส เอาไปเร่ขายในหอนางโลมอีกครั้งกันเล่า?”เสี่ยวจิงสะดุ้งโหยง “ไม่เอาเจ้าค่ะ”คุยกับลูกน้องของตัวร้ายแต่ละที ติงยวี่ถิงให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง นางสำทับเสียงเข้มงวดไม่ให้โต้แย้งอีก “เจ้าไปดูแลลูกค้าไป ก่อนที่ข้าจะหักเบี้ยหวัดทั้งปี” “เจ้าค่ะๆ ไปแล้วเจ้าค่ะ” ฮือ...นายหญิงน่ากลัวติงยวี่ถิงหันสั่งเจียวมิ่งที่ยืนเบิกตาโตมองอยู่อย่างแปลกใจไม่แพ้เสี่ยวจิง “เจ้าไปเตรียมน้ำกับผ้าสะอาดมา”“เจ้าค่ะๆ” จะรออันใด กลัวเหมือนกัน รีบไปอย่างไวในห้องรับรองหญิงชราเจ็บจนตัวสั่น หลังจากถูกเค้นถามครู่ใหญ่ อีกฝ่ายจึงยอมเล่าอย่างไม่ปิดบัง นางมีนามว่าจินอีต๋าเป็นแค่ขอทานต่ำต้อย วันนี้ได้เงินมาน้อยนิดกลับถูกอันธพาลทุบตีชกชิงไปจนหมด คิดว่าหลานที่รออยู่บ้านต้องกำลังหิวแน่ จึงขโมยซาลาเปาเอาจากร้านแถวนั้นหนึ่งลูก พ่อค้าเห็นเข้าก็สาดน้ำร้อนไล่ คนแก่เรี่ยวแรงน้อยไม่ว่องไ
ผู้เฒ่าคนนี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาค่อนข้างเก่าและขาด เมื่อมองเห็นผู้คนในร้านก็ไม่กล้าเข้ามา ยิ่งไม่กล้าเอ่ยวาจา เพียงก้มหน้านอบน้อม ถ่อมตนมาก สงบปากสงบคำขั้นสุด เหมือนกลัวจะพลั้งปากหลุดคำพูดสมควรตายออกมาให้ผู้ได้ยินรู้สึกระคายหูอย่างไรอย่างนั้นผู้หนึ่งต้องใช้ชีวิตระแวดระวังขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเคยเจอเรื่องร้ายปานใดมา ติงยวี่ถิงมองแล้วให้รู้สึกคิดถึงแม่ตัวเองในชาติที่แล้ว ถูกสามีทิ้ง เงินไม่มี ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง พอกลับบ้านเดิมก็ไม่มีใครอยากต้อนรับ แม่ก็เลยจำต้องก้มหน้าให้ทุกคนในตระกูลเหยียบย่ำ ตำหนิด่าทอสารพัด ตกต่ำกระทั่งพูดอะไรไปกลับไม่เคยเข้าหูพวกญาติๆ ท่าทีจึงระมัดระวังคำพูดเช่นนี้ และยังชอบทำทีเป็นแข็งแรงเช่นนี้ต่อหน้าเหมือนกัน กระทั่งล้มป่วยและใกล้จากลานั่นแหละถึงยอมรับว่าเจ็บมากจนทนไม่ไหวเฮ้อ...คิดถึงแม่จังติงยวี่ถิงนึกพลางจับประคองหญิงชรา พาเดินเข้ามาด้านในอย่างระมัดระวัง โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากอีกฝ่าย ท่าทางอย่างนั้นทำเอาเสี่ยวจิงที่ยังคงยืนมองอยู่ถึงกับเบิกตาโพลงประหนึ่งเจอผี“นายหญิงเจ้าคะ แค่ขอทานเท่านั้น สกปรกยิ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ” “ไม่ใส่ใจได้อย่างไร
ติงยวี่ถิงหยิบกระดาษจับพู่กันมาปาดหมึกเขียนกำกับว่าตัวไหนกิน ตัวไหนใช้ทาบำรุงภายนอกแล้วใส่หีบห่อแยกให้อย่างชัดเจน นอกจากไม่ตระหนี่คำชมต่อลูกค้า นางยังไม่ตระหนี่ความรู้ มักสอดแทรกเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณควบคู่ไปกับการบำรุงสุขภาพร่างกายอีกมากมาย ประหนึ่งเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นที่กุนซือประจำเรือนหลังให้สตรีทุกบ้้าน โดยไม่คิดเงินเพิ่มยาทุกห่อถูกนำมาใส่กระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ มีเฉพาะที่โรงยาเจี้ยนคัง เป็นการนำรูปแบบกระเป๋ายุคใหม่มาตัดเย็บประยุกต์ใช้กับยุคโบราณแห่งนี้หญิงสาวชอบงานฝีมือแต่ไม่เก่งเท่าใด แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีถุงพลาสติก นางจึงทำถุงผ้าแบบง่าย เป็นกระเป๋าแบบมีเชือกถักไม่ได้ปักลาย เอาไว้ฝึกฝนเก่งขึ้นหรือหาช่างฝีมือดีๆ มาได้ค่อยพัฒนาปรับปรุงแล้วกันระหว่างขายของอยู่หน้าร้าน สายตาของติงยวี่ถิงพลันหันไปเห็นหญิงชราผอมแห้งท่าทางมอมแมมผู้หนึ่ง เดินโซซัดโซเซแล้วล้มลงตรงทางเข้าหน้าร้านพอดีหญิงสาวตกใจนัก รีบหันไปสั่ง “เสี่ยวจิง เจ้ามาดูแลจัดสินค้าให้ฮูหยินซูทางนี้ อย่าลืมแยกใส่หีบห่อให้ชัดเจนด้วยนะ สังเกตให้ดีว่าตัวไหนกินตัวไหนทา อย่าใส่ผิด ข้าจะไปดูท่านป้าผู้นั้นสักหน่อย”จังหวะนั้นล
“ฮูหยินซู ท่านจะนำยาทาหน้าไปกินไม่ได้เจ้าค่ะ!” หญิงสาวบอกแก่ลูกค้าคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงห่วงใยกึ่งตกใจอีกฝ่ายบอกว่า “ยาตัวนี้น่ากินเหลือเกิน ข้าอยากซื้อเพราะมันเหมือนลูกท้อเชื่อม ต้องอร่อยแน่ๆ” นางหัวเราะ “เจ้าทำยาออกมาได้งดงามยิ่งนัก น่ากินทั้งหมดเลย”ติวยวี่ถิงยิ้มในหน้าแต่กลุ้มใจหนัก สหายรักออกแบบกล่องบรรจุ ส่วนนางขึ้นรูปไว้เป็นก้อนกลมกลึงเกลี้ยงเกลา เคลือบสีสันสวยงามเป็นมันวาว ยานี่น่ากินเกินไปแล้วจริงๆ หญิงสาวรีบอธิบาย “ตัวนี้กินไม่ได้เจ้าค่ะ เวลาจะใช้ต้องบีบเม็ดยาออก นำเอาน้ำมันด้านในมาลูบไล้บนผิวหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ ตัวนี้ทาตอนเช้า ตัวนี้ทาผิวก่อนนอน ส่วนด้านนอกที่ใช้ห่อตัวยาก่อนหน้า ข้าผสมสมุนไพรลงในเนื้อแป้ง สามารถนำไปละลายน้ำ ใช้แช่ตัวในน้ำและอาบ ช่วยบำรุงผิวกายเจ้าค่ะ”สรรพคุณดีล้ำจริงๆ แต่ฮูหยินซูยังทำสีหน้าเสียดาย “กินไม่ได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ติงยวี่ถิงพยักหน้า หันไปหยิบยาอีกตัวมา ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบบรรจุอยู่ในกล่องประณีตลายเมฆ ค่อยๆ อธิบายต่ออย่างใจเย็น “แต่ตัวนี้กินได้เจ้าค่ะ กินง่าย ย่อยง่าย บำรุงจากภายใน ร่างกายดูดซึมได้ดี รสชาติหวาน แต่กลมกล่อมกำลังดี ไม่ขมเฉกยาบำร
ติงยวี่ถิงเองอยากมีสามีก็จริง ปรารถนามีลูกๆ มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไปก็ใช่ทั้งโลกเก่าและโลกนี้ที่ทะลุมิติมาอาศัย นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่เห็น ทำงาน ค้าขาย เรียกได้ว่ามีอิสระมากมาย อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ เงินก็พอมีแล้วไง จึงมีความคิดว่าอยากแต่งงานเหมือนคนอื่นบ้าง อยากเป็นแค่เพียงภรรยาตัวน้อยที่เชื่อฟังสามีและดูแลลูกๆ อย่างดี เป็นคุณแม่ยังสาวที่ไร้ที่ติคนหนึ่งแต่ไม่ได้อยากทำตัวชั่วร้ายเหมือนร่างเก่าแล้วไง ยิ่งไม่อยากแย่งชิงกับใครแล้วด้วยแค่คิดก็เหนื่อยยิ่ง...ดังนั้น ในเมื่อหลงยุคมาเป็นหม้ายแต่งงานไม่ได้ง่ายๆ เอาสมองมาคิดเรื่องหาเงินดีกว่านะตัวเราวันนี้โรงยายังคงมีงานที่ยุ่งวุ่นวายเช่นเดิมติงยวี่ถิงเองก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้นางเป็นเถ้าแก่เนี้ยแต่หยิบจับทุกอย่างเหมือนคนงานอื่นๆจนมือเป็นระวิง พอว่างจากงานในลานสมุนไพร นางก็หาอย่างอื่นทำหญิงสาวกำลังฝึกฝนการใช้ลูกคิดอย่างขะมักเขม้น ฟังเสียงลูกคิดให้รู้สึกว่าช่างไพเราะยิ่งนัก ยังคิดว่าหากลองประดิษฐ์ลูกคิดจากลูกแก้วจะไพเราะขนาดไหน หรือว่าจะทำจากหยกดี แต่ว่า มันจะทนมือเหมือนทำจากไม้หรือไม่นะ ตอนกระทบกันมันเพราะก็จริงแต่มันจะแตกร้า
ทางฝั่งติงยวี่ถิงเว่ยหนิงยิ้มร่า จับมือติงยวี่ถิงเดินไปอย่างอารมณ์ดี “ข้าสบายใจแล้ว เรามาจิบชากันเถอะ เจ้านั่งตรงนี้รอก่อน ข้าจะไปสั่งคนนำขนมมาให้”“ข้าไม่หิว คุณหนูเว่ยอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ”“ไม่ลำบากๆ ข้าต้องตอบแทนเจ้าให้มากหน่อย” จบคำก็เดินไปสั่งการสาวใช้ที่ยืนรอรับใช้อยู่อีกฝั่งทันทีจังหวะนั้น พลันมีเสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยทักทายติงยวี่ถิง “ไอ่โยว! นี่มิใช่แม่นางติงหรอกหรือ?”เจ้าของเสียงจะเป็นใครไปได้ หากมิใช่คู่อริคนเก่า ติงยวี่ถิงหันมองขวับ เห็นเหวินฟางยืนตะหง่านตรงหน้า เหยียดปากว่าต่อ “ข้านึกว่าสตรีดีงามจากที่ใด แต่งกายโดดเด่นเกินหน้าเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทเหลือเกิน ทำตัวแย่ยิ่งนัก คงลืมตัวกระมังว่าเป็นแค่หญิงหม้าย บุรุษใดจะชายตาแลถึงขั้นสู่ขอตบแต่งเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ย่อมได้เป็นแค่อนุชั้นต่ำเท่านั้น”ตรงจุดนี้มีพุ่มดอกไม้กั้นจากผู้คน จึงมีเพียงพวกนางแค่สองคนเท่านั้น จึงไม่แปลกที่สตรีผู้หนึ่งจะกล้าพูดเช่นนี้เหวินฟางเชิดคางมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน “อยากให้ข้าช่วยประกาศหรือไม่เล่า? ว่าเจ้าทำตัวต่ำทรามชั่วช้าปานใดถึงถูกบ้านสามีหย่าร้างและขับไล่เอาได้”ติงยวี่ถิงมีหรือจะกลัว
ความคิดเห็น