หลิวเยว่ชิง บุตรสาวหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือในเมืองหลวง แต่นางเลือกแต่งให้กงหลี่เฉียง ในวันแต่งงานเขาสาบานว่าจะรักมั่นเพียงนาง แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็รับญาติผู้น้องของเขาเข้าจวน
View Moreหลิวเยว่ชิง สาวงามของเมืองหลวง บุตรสาวของท่านหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์ ทั้งเรื่องความสามารถเรื่องการรักษานางก็เก่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่เพราะด้วยที่นางเป็นสตรี นางจึงมิอาจเดินตามรอยเท้าของบิดาได้
ทำได้เพียงรักษาให้กับสตรีที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางยังคิดจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาให้กับสตรีโดยเฉพาะ แต่เพราะคู่หมั้นของนาง กงหลี่เฉียงมิเห็นด้วย นางจึงได้เลิกล้มไปเสีย
นางแต่งให้กงหลี่เฉียงท่ามกลางความเสียดายของบุรุษมากมายในเมืองหลวง งานมงคลของนางเป็นที่พูดถึงนานหลายเดือน เพราะสินเดิมที่บิดาจัดเตรียมให้ เรียกได้มามากมายจนไม่ต้องทำสิ่งใดอีกแล้ว
นางใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของกงหลี่เฉียง ดูแลจวน ทั้งยังดูแลแม่สามีที่เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนมีแต่คนเอ่ยชมกงหลี่เฉียงที่ได้ภรรยาเช่นนางไปครอบครอง
ในวันแต่งงาน เรื่องที่ไม่อาจไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคำสาบานของกงหลี่เฉียง
“ข้ากงหลี่เฉียง ขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าชีวิตนี้จะมีเพียง หลิวเยว่ชิงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว”
เรื่องนี้ยังสร้างความอิจฉาให้กับเหล่าสตรีในเมืองหลวงอยู่นานหลายเดือน หากบุรุษบ้านใดที่รับอนุเพิ่ม จะถูกเปรียบเทียบกับกงหลี่เฉียงในยามนั้นทันที
แต่แล้วความสุขของนางก็อยู่ได้ไม่นาน หลังแต่งงานได้เพียงสองปี กงหลี่เฉียงที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่ง รององครักษ์เสื้อแพรมาหมาดๆ ก็พาญาติผู้น้องของเขา ตู้ซิงเยียน เข้าจวนในตำแหน่งฮูหยินรอง
เรื่องนี้สร้างข่าวลือไปทั่วเมืองหลวง เพราะไม่คิดว่า กงหลี่เฉียงที่กล้าเอ่ยคำสาบานในวันงานแต่งเช่นนั้น จะกล้ารับสตรีเข้าจวนได้อีก
“ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
หลิวเยว่ชิงดวงตาแดงก่ำ มองกงหลี่เฉียงประคองตู้ซิงเยียนอยู่หน้าเรือนของนาง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง
บ่าวไพร่ที่รู้จักฮูหยินน้อยว่านางแสนดีเพียงใด ก็อดจะเห็นใจนางไม่ได้
“บุรุษใดเล่าในเมืองหลวงที่ไม่มีสามภรรยา สี่อนุ” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ โดยที่ตัวเขาก็หลงลืมเรื่องคำสาบานในวันแต่งงานไปแล้ว
“หึ เช่นนั้นรึ ท่านคงหลงลืมไปแล้วกระมังเรื่องคำสาบาน”
“แล้วอย่างไรเล่า ชิงชิง เจ้าแต่งเข้าจวนข้ามาสองปี ท้องเจ้ายังมิได้เรื่อง หากข้ารับเยียนเออร์เข้าจวนจะผิดอันใดเล่า”
“อ้อ เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นรึ” นางยิ้มเยาะตนเอง
เป็นนางที่คิดแทนผู้เป็นสามี ไหนจะเรื่องภายในจวน ที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนต้องควักมาจากสินเดิมของนาง
ไหนจะเรื่องของอาการป่วยของแม่สามีที่แทบจะเรียกหานางทุกหนึ่งชั่วยาม นางและเขาจึงคิดตรงกันเรื่องที่ยังไม่อยากมีบุตร ทุกครั้งที่ร่วมรักกันนางจึงกินยาห้ามครรภ์มาตลอด
แต่การที่หวังดีต่อเขาเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหักหาญน้ำใจของนาง
“หากท่านดึงดันจะรับนางเข้าจวน เช่นนั้นก็หย่าขาดจากข้าเสีย”
“เพ้ย ไม่หย่า เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย เยียนเออร์ย่อมเชื่อฟังเจ้าอย่างดี ไม่ดีหรือที่จะมีคนมาช่วยดูแลเรือนเพิ่มอีกคน”
“วาจาของท่านช่างน่าขันนัก หากข้าไม่รับน้ำชาของนาง นางรึจะเข้ามาอยู่ในจวนได้”
“หึ ต่อให้เจ้าไม่รับน้ำชาของนาง นางก็เข้ามาอยู่ในจวนได้ เพราะเยียนเออร์นางตั้งครรภ์แล้ว”
คำพูดของกงหลี่เฉียง เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเยว่ชิง นางเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่สาวใช้ของนางเข้ามาประคองนางไว้เสียก่อน
เขาให้นางกินยาห้ามครรภ์มาโดยตลอด แต่กลับพาญาติผู้น้องที่ตั้งครรภ์กลับเข้ามาในจวน นางจะทนฟังเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
“อาอิง เจ้าไปเก็บของข้าจะกลับจวนตระกูลหลิว” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากบ้านเดิม
“หยุด!!! หากเจ้าจะไปก็กลายเป็นศพออกไปเสีย แต่งเข้าตระกูลกงแล้ว ถึงตายก็ต้องเป็นผีตระกูลกง” กงหลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง
แต่ที่น่าขันที่สุดเห็นจะเป็นแม่สามีของนาง กลับลุกออกมาจากเรือนของนางได้ ทั้งๆ ที่ในแต่ละวันล้วนแต่นอนป่วยอยู่บนเตียง
“ใช่แล้ว อาเฉียงพูดถูก หากเจ้าจะออกไปก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเท่านั้น” นางเดินเข้าไปจับมือของซิงเยียนราวกับปลอบใจนางที่ได้รับความไม่ยุติธรรม
"หึหึ ท่านแม่ ท่านหายป่วยแล้วรึเจ้าคะ” นางจ้องมองพวกเขาอย่างโกรธแค้น
ไม่ว่ายาดีอันใดที่นางเพียรหามารักษา สมุนไพรราคาแพงนางก็ยอมจ่ายเงินซื้อ ก็ไม่อาจทำให้แม่สามีของนางลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เห็นทีคงเป็นเพียงละครงิ้วบทหนึ่งเท่านั้น
“ข้าเป็นอันใดอย่างงั้นรึ” นางมองเยว่ชิงด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ ราวกับว่ากำลังถูกเยว่ชิงใส่ร้าย
“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นข้าที่โง่เขลามาตลอด ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนที่มาจากสินเดิมของข้า และเรื่องรักษาท่าน เพื่อให้หลี่เฉียงมีเวลาไปอยู่กับแม่นางตู้ หึหึ ตัวข้าช่างน่าขันนัก”
ใบหน้าของสองแม่ลูกเบ้อย่างไม่น่ามอง เมื่อถูกเยว่ชิงเปิดโปงเรื่องที่พวกเขานำสินเดิมของนางมาใช้จ่าย
นางหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ก่อนจะกระซิบสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย
“ฮูหยิน” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น
“ไปเอามา” นางเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับผลักสาวใช้เบาๆ
อาอิงรู้ดีว่าคุณหนูของนางใจกล้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่านางจะเลือกหนทางนี้ แต่ก็ยังไปทำตามคำสั่งอยู่ดี
ทั้งสามไม่รู้ว่า สองนายบ่าวกระซิบกระซาบอันใดกัน ได้แต่มองอาอิงหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย
เมื่อนางกลับมาพร้อมมีดสั้นในมือ ทั้งสามก็มีใบหน้าที่ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าจะทำอันใด” กงหลี่เฉียงดันตัว">ตู้ซิงเยียนไปไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เยว่ชิงปวดใจมากกว่าเดิม
บุรุษที่นางเลือกเองกับมือ กล้าทำร้ายจิตใจของนางมากถึงเพียงนี้ แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ หากเขาไม่เอาใจใส่นางตลอดหลายปีก่อนที่จะแต่งงาน นางจะเลือกเขาได้อย่างไร
ทั้งหน้ากากบุรุษแสนดีที่เขาสวมไว้ ทำให้นางเชื่อหมดใจว่าเขารักนางมากจริงๆ
เยว่ชิงเดินเข้าไปหาทั้งสามคนช้าๆ พร้อมทั้งกำมีดในมือแน่น
“กง หลี่ เฉียง ท่านฟังคำข้าให้ดี” นางยิ้มเย็นออกมาอย่างน่ากลัว
“เจ้า เจ้า อย่าได้คิดบ้าๆ เด็ดขาด” ต่อให้เขาจะได้เป็นรององครักษ์เสื้อแพร แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะบารมีของพ่อภรรยา เรื่องวรยุทธ์ของเขาก็เรียนรู้มาเพียงงูๆ ปลาๆ เท่านั้นจะไปสู้ผู้ใดได้
“ข้า หลิวเยว่ชิง ชาตินี้คิดผิดที่เลือกบุรุษเช่นท่านเป็นสามี หากมีชาติหน้าจริง ขออย่าได้พบเจอท่านอีก หากพบเจอก็ให้นึกรังเกียจราวกับพบเดรัจฉาน ข้าขอให้ท่านมิได้สิ่งใดหรือสมหวังเรื่องใดอีกเลย” เยว่ชิงใช้มีดสั้นในมือของนางปักเข้าที่หัวใจของนางทันที
เลือดจำนวนมากพุ่งเข้าไปโดนใบหน้าและลำตัวของคนทั้งสามที่ยื่นตกตะลึงอยู่กับที่ เสียงกรีดร้องของบ่าวในจวนดังกึกก้องไปทั่วจวนตระกูลกง
เยว่ชิงล้มทรุดตัวลงช้าๆ ก่อนที่นางจะจบชีวิตลง ได้ยินเสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจของผู้เป็นบิดา ที่รู้เรื่องกงหลี่เฉียงรับสตรีเข้าจวน จึงได้รีบเร่งรุดมาหาบุตรสาว
และอีกเสียงที่นางได้ยินไม่ชัดเจน เขากำลังจัดการกับกงหลี่เฉียง นางรับรู้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลง
อีกคนหรือจะเย็นชาถามอันใดก็ไม่อยากจะพูด อีกคนก็เหมือนไฟ ที่พร้อมจะเผาทำร้ายทุกสิ่งทุกอย่างหากไม่ได้ดั่งใจ“แล้วมันเรื่องอันใดของเจ้าเล่า หากเปิ่นหวางจะไปที่ใด” เขาปรายตามองไป๋ซูหนี่อย่างไม่พอใจไม่ใช่เพราะคำขู่ของนางหรือ เขาถึงไม่ได้ไปพบเยว่ชิงเสียที ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะเข้าใจเขาผิดไปมากน้อยเพียงใด“เหอะ แผลของท่านเป็นน้อยเสียเมื่อไหร่ อีกนิดเดียวลูกธนูจะเข้าหัวใจแล้ว ข้าไม่น่าช่วยพวกท่านสองคนเลย จนตัวเองก็มิอาจจะอยู่ที่หมู่บ้านได้”ไป๋ซูหนี่หัวเสียกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน เป็นเพราะนางช่วยชีวิตพวกเขาสองคนไว้ นางจึงต้องตามเขากลับมาที่เมืองหลวง เพราะกลัวว่าจะถูกคนนอกด่านเข้ามาทำร้ายนางมิใช่คนในภพนี้ แต่นางเป็นแพทย์สาวที่อยู่ในยุคอีกสองพันปีข้างหน้า นางไม่รู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับนางได้อย่างไร วิญญาณของนางเข้ามาอยู่ในร่างของไป๋ซูหนี่ที่ขึ้นไปหาของป่าแล้วตกเขาจนเสียชีวิตอย่างน้อยเครื่องมือแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาลของนางก็ติดตัวมาด้วยทั้งหมด หากช่วยรักษาทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว นางก็คิดที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวช่วยเหลือคนไปทั่วแคว้นแต่น่าแปลกใจที่แผลของเสิ่นเจิ้งซีที่บาดเจ็บน้
ดวงตาของเยว่ชิงแดงก่ำ นางกำลังกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาอยากยากลำบาก“ชิงเออร์ เป็นอันใดหรือไม่” เหอหมิ่นเอ่ยเรียกนางเมื่อเห็นท่าทางที่แปลกไปของนาง“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ฝุ่นมากนัก ข้าขอตัวเข้าไปในโรงหมอก่อนเจ้าค่ะ” เยว่ชิงหันหลังหมุนตัวเข้าไปในโรงหมอทันทีเหอหมิ่นมองไปทางเว่ยอ๋องอย่างแปลกใจ ยามนี้เว่ยอ๋องก็มองมาทางเขาอยู่เช่นกัน แต่เพราะระยะห่างที่ค่อนข้างมาก เขาจึงไม่รู้ความหมายจากสายตาที่เว่ยอ๋องมองเหอหมิ่นจึงได้ตามเยว่ชิงกลับเข้าไปในโรงหมอ เพื่อดูว่านางเป็นอันใดหรือไม่“ชิงเออร์ เจ้ามิเป็นอันใดจริงรึ” เขาอดที่จะเป็นห่วงนางไม่ได้“ข้าจะเป็นอันใดได้เล่า พี่หมิ่นท่านว่าท่านจะออกเดินทางเมื่อใดนะเจ้าคะ” นางหันมายิ้มให้เขา เพื่อให้เขาวางใจ“อีกสองวัน” เหอหมิ่นถึงจะแปลกใจ แต่ก็ตอบคำถามนาง“ท่านเดินทางพรุ่งนี้เลยได้หรือไม่ ข้าอยากจะไปเที่ยวชมทะเลเจียงซานด้วยตนตนเองสักครั้ง” นางอมยิ้มบอกเขา“เจ้าพูดจริงรึ แต่ท่านน้าเขยจะยอมให้เจ้าไปด้วยรึ” เขาย่อมดีใจที่นางคิดจะไปเจียงซานกับเขา“เรื่องท่านพ่อ ข้าจะบอกเขาเองเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนจะรีบกลับไปเตรียมตัว” นางเก็บของแล้วออกจากโรงหมอไปพร้อมกับเหอ
เยว่ชิงนางยังคงไปรักษาคนไข้ที่โรงหมออยู่เป็นประจำ ในแต่ละวันของนางไม่ได้มีสิ่งใดที่ดูต่างไปจากเดิมนางยังได้รับจดหมายของเว่ยอ๋องที่ส่งมาให้นางทุกสามวันไม่เคยขาดเขาจะเขียนมาตลอดว่าอยู่ที่ใด ในแต่ละวันพบเจอเรื่องใด ที่ขาดไม่ได้ลงท้ายของทุกฉบับจะเขียนบอกนางเสมอว่า เขาคิดถึงนางมากเพียงใดเยว่ชิงมิได้ตอบกลับทุกฉบับที่เขาเขียนมา นางเพียงบอกว่าในแต่ละวันนางอยู่อย่างสบายดี ไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องกังวลเว่ยอ๋องออกเดินทางไปได้ห้าเดือนแล้ว เขาถึงสู่เป่ยตั้งแต่เดือนแรกที่ออกเดินทาง ในแต่ละวันเขายุ่งอยู่กับการสืบหาข่าว แต่ก็ไม่ลืมที่จะเขียนจดหมายหาเยว่ชิง“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ คุณชายเหอ ต้องการให้คุณหนูไปตรวจให้ฮูหยินผู้เฒ่าเหอเจ้าค่ะ”เยว่ชิงขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “ข้าจะออกไปพบคุณชายเหอเสียหน่อย” นางเดินออกจากห้องตรวจไปหา เหอหมิ่น ที่ยืนรออยู่ด้านหน้าโรงหมอ“พี่หมิ่น” นางเรียกเขาพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างยินดีเหอหมิ่น เป็นญาติผู้พี่ฝั่งมารดาของนาง เขาเดินทางออกจากเมืองหลวงไปเป็นเจ้าเมืองที่เจียงซาน หัวเมืองทางตอนใต้ของแคว้นต้าฉี ตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว“ชิงเออร์ เจ้าสบายดีหรือไม่” เขายิ้มให้นางเช่นกัน
ทางด้านซิงเยียนเมื่อกลับมาถึงที่จวนตระกูลตู้ นางก็มิได้ถูกเชิญเข้าไปด้านใน เพราะจวนปิดประตูไว้หนาแน่น“เหตุใดไม่เปิดประตูให้ข้าเข้าไป” นางเอ่ยถามเสียงดัง“นายท่านสั่งไว้ขอรับว่าหาฮูหยินน้อยกงมาที่จวนให้ท่านกลับไปที่จวนตระกูลกง มิให้เข้าไปในจวน”ซิงเยียนยืนนิ่งอย่างตกตะลึง นางไม่อยากจะเชื่อว่าบิดามารดาที่บอกว่ารักนางมาก เมื่อเกิดเรื่องขึ้นไม่แม้แต่จะเป็นประตูจวนต้อนรับนาง“ข้าไม่เชื่อ” นางกรีดร้องออกมา“กลับไปเสีย เจ้าอยากให้ตระกูลตู้ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยรึ” เสียงของนายท่านตู้ตวาดออกมาจากด้านใน“ท่านพ่อ” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น“หากเจ้ายังคิดว่าเป็นบุตรสาวของข้าก็อย่าได้กลับมาที่จวนนี่อีก”ซิงเยียนร่ำไห้ตัวโยน นางไม่อยากเชื่อว่าจะถูกตระกูลตัดขาดเช่นนี้ สาวใช้ของนางจำต้องประคองนางกลับไปที่จวนตระกูลกง“หึ เห็นหรือไม่ บุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกมา เจ้าคิดรึว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้น บิดามารดาเจ้าจะช่วยเหลืออันใดเจ้า” ตู้ซื่ออดที่จะถากถางซิงเยียนไม่ได้สายตาที่มองมาทางหลานสาวนางมีแต่ความดูแคลน หากเชื่อนางสักนิดก็คงไม่ต้องเสียใจมากเพียงนี้ ทั้งยังต้องอับอายกลับมาที่จวน ไม่รู
ไม่รู้ว่ากงหลี่เฉียงเอ่ยอันใด ตระกูลตู้ถึงได้ยอมถอย พากันกลับจวนไป“เจ้าไปพูดเช่นไร” นายท่านกงเอ่ยถามบุตรชาย เมื่อเขาเดินกลับเข้ามาในห้องโถง“ตระกูลตู้ต้องการเงินห้าร้อยตำลึงทอง ข้ารับปากพวกเขาไป ถึงได้ยอมกลับไปขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ แล้วจะหาเงินมากถึงเพียงนั้นมาได้อย่างไร” นางตู้ซื่อกรีดร้องออกมาวันๆ มีแต่เรื่องให้นางตามแก้ไข ไม่รู้ว่าตระกูลกงของสามีนางไปลบหลู่เทพองค์ใดเข้า“หาไม่ได้ก็ต้องหา ท่านแม่ข้าเป็นคนใช้ยากับเยียนเออร์เองขอรับ”คำพูดของกงหลี่เฉียงทำให้นางตู้ซื่อถึงกับเป็นลม นายท่านกงก็มองบุตรชายด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ“เพราะอันใด” เขาเอ่ยถามออกมาเสียงสั่น“ท่านพ่อ ท่านมิรู้หรือว่าตอนนี้ที่จวนเป็นเช่นไร แล้วเรื่องคดีความของท่านที่ไม่รู้จะถูกตัดสินเช่นใด ท่านคิดหรือไม่ หากถูกเนรเทศข้ากับบุตรจะเป็นเช่นไร” กงหลี่เฉียงมองหน้าบิดาอย่างปวดใจหากบิดาไม่ติดการพนันจนแทบจะนำทุกสิ่งที่มีค่าในจวนออกไปขาย เขาจะต้องเป็นเช่นนี้หรือ ทั้งเรื่องที่จะให้เขาแต่งกับหลิวเยว่ชิง เพื่อนำสินเดิมของนางมาไถ่หนี้ เขาก็รู้สึกผิดกับนางอยู่ไม่น้อยสหายในเมืองหลวงก็แทบจะไม่คบหาเขาเช่นเดิม ตอนที่หลบออกไปอย
พอเยว่ชิงตื่นขึ้นในตอนเช้าก็ไม่พบร่างของเว่ยอ๋องบนเตียงแล้ว คงเหลือเพียงกลิ่นของสุราจางๆ ที่ติดอยู่ที่ผ้าปูที่นอนของนาง“คุณหนูท่านดื่มสุราหรือเจ้าคะ” อาอิงที่ยกน้ำเข้ามาด้านในเอ่ยถามขึ้น“อืม” หากนางไม่ยอมรับว่านางเป็นผู้ดื่ม อาอิงคงได้สงสัยไม่เลิกอย่างแน่นอนผ่านมาได้นับสิบวันที่เยว่ชิงเดินทางไปที่จวนของตระกูลกง นางก็ไม่ได้ข่าวเรื่องอาการป่วยของนางตู้ซื่ออีกเลยวันนี้เมื่อเยว่ชิงมาถึงที่โรงหมอ ก็พบสาวใช้ของนางตู้ซื่อที่มาเข้าแถว เพื่อจะเข้าตรวจเช่นชาวบ้านผู้อื่น เรื่องนี้ทำให้นางแปลกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็มิได้เอ่ยถาม หรือแสดงท่าทีว่ารู้จักนางมาก่อน เยว่ชิงเดินเข้าไปในห้อง เพื่อตรวจให้คนไข้เช่นปกติจนเมื่อถึงตาของนางต้องเข้ามาตรวจ นางก็เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับห่อผ้าที่อยู่ในมือ“เป็นอันใดมารึ” นางเอ่ยถามเช่นเดียวกับถามชาวบ้านคนอื่น“บ่าวมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ เพียงแต่มีบางสิ่งต้องการให้คุณหนูตรวจสอบ” นางเอ่ยเล่าเรื่องที่นางสงสัย ทั้งยังบอกกล่าวว่าเป็นบ่าวของจวนใดกับเยว่ชิง“บ่าวตระกูลกงรึ” นางเลิกคิ้วขึ้น ราวกับว่าเพิ่งเคยจะเห็นนางครั้งแรก“เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัว นางกลัวว่าเย
ไทเฮาที่ได้กลิ่นสุราที่ตัวของบุตรชายคนเล็กนางก็ย่นจมูกทันที“อาจ้านเจ้าอาบสุราหรือว่าดื่มกันแน่” นางดันตัวบุตรชายออกอย่างนึกรังเกียจ“เสด็จพี่ ชวนลูกดื่มสุราเป็นเพื่อน ลูกจึงได้มาพบเสด็จช้ากว่าที่ควรพ่ะย่ะค่ะ”“เพ้ย อาจ้านเจ้าใส่ร้ายเจิ้นแล้ว” ฮ่องเต้ที่เดินตามมาติดๆ ก็ได้ยินที่น้องชายพูดจนต้องเอ่ยตำหนิเขาออกมา“เอาเถิดๆ แล้วพากันมาที่นี่มีเรื่องอันใด”“คุณหนูหลิวเล่าเสด็จแม่” ฮ่องเต้มองหาเยว่ชิงก็ไม่เห็นว่านางจะอยู่ภายในตำหนัก“หึ เจ้าจะรับนางเข้าวังหลังอย่างนั้นรึ” ไทเฮาเอ่ยถามบุตรชายคนโตอย่างสงสัยแต่เว่ยอ๋องหันไปมองพี่ชายอย่างไม่สบอารมณ์แล้ว “เสด็จแม่เข้าใจลูกผิดเสียแล้ว ลูกจะรับนางเข้าวังหลังได้อย่างไร แต่หากจะรับนางเข้าตำหนักอ๋องก็ว่าไปอย่าง” ฮ่องเต้มองน้องชายอย่างมีความหมาย“จริงรึ อาจ้าน” ไทเฮาหันมาถามบุตรชายคนเล็กอย่างสนใจ“เรื่องนี้ต้องให้เสด็จแม่ช่วยลูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอ๋องกุมมือของไทเฮา“เพราะอันใด”เว่ยอ๋องปรับทุกข์ให้ไทเฮาฟัง เรื่องที่ดูเหมือนว่าเยว่ชิงนางมิต้องการจะแต่งงาน จนเขาก็ไม่รู้จะพูดเรื่องนี้กับนางเช่นไรแล้ว“เห้อ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เจ้าว่า ชิงเออร์นางมิอยา
เยว่ชิงเม้มปากแน่น นางไม่เชื่อเขาจริงๆ แต่ไม่กล้าจะเอ่ยออกมา“ชิงชิง” เขาเอ่ยเรียกนางเสียงแผ่วเบา ก่อนจะลุกจากที่นอน แล้วกระโดดออกจากห้องของนางไปเยว่ชิงนอนขดตัวอยู่บนที่นอน นางไม่รู้ว่าจะตอบเขาเช่นไรดี ถึงนางจะรู้สึกดีกับเขาไม่น้อย แต่นางในตอนนี้ยังมิอาจเปิดใจได้ เพราะยังหวาดกลัวในสิ่งที่กงหลี่เฉียงได้กระทำไว้รุ่งเช้า เมื่อเยว่ชิงตื่นขึ้น ขอบตาของนางดำคล้ำ เพราะอดนอน อาอิงที่เดินเข้ามาเตรียมน้ำล้างหน้าให้คุณหนูของนาง ถึงกับต้องอุทานออกมา“คุณหนู ท่านนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ” นางไม่อยากเชื่อว่าคุณหนูของนางจะนอนไม่หลับ เพราะเมื่อวานมีคนไข้จนโรงหมอปิด ทั้งยังเหนื่อยล้ากันอย่างมาก“ไม่ ไม่มีอันใด เร่งมือเข้าเถิด ประเดี๋ยวจะไปเปิดโรงหมอสาย” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเมื่อรับมื้อเช้าเรียบร้อย เยว่ชิงก็พาอาอิงออกไปที่โรงหมอ ด้านหน้าโรงหมอมีชาวบ้านมายืนรอกันอยู่หลายคนแล้ว นางจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นจำต้องเข้าไปที่ห้องตรวจทันทีผ่านมาหลายวัน เว่ยอ๋องก็ยังไม่ได้มาให้เยว่ชิงได้เห็นหน้า ทั้งยามค่ำคืนเขาก็ไม่แอบมาพบนางเช่นเดิม แต่เพราะโรงหมอมีคนไข้มากทุกวัน เยว่ชิงนางจึงไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องของเขา
ตั้งแต่แต่งนางเข้าไป เขาก็มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน ไหนจะสินเดิมที่นางไม่มีติดตัวมาด้วย แต่กลับชี้นิ้วสั่งจะเปลี่ยนเครื่องเรือน เสื้อผ้าเครื่องประดับก็จะเอาชุดใหม่อยู่ทุกวัน“ท่านไม่เห็นรึ ว่าข้าเจ็บตัวอยู่ ผู้ใดกันแน่ที่โดนทำร้าย”“หึ เปิ่นหวางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ทำร้ายผู้อื่นแต่กลับบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ น่าขันนัก ชิงชิงลุกไหวหรือไม่” เขามองนางอย่างปวดใจ เพียงแค่พ้นสายตาครู่เดียวนางก็ถูกรังแกแล้ว“ไหวเจ้าค่ะ” เยว่ชิงลุกขึ้นโดยมีเว่ยอ๋องประคองนางมิได้เจ็บอันใด แต่คงเป็นเพราะผิวของนางบอบบางจึงทำให้รอยนิ้วมือของซิงเยียนบนหน้านางดูน่ากลัว“เปิ่นหวางจะไปส่งเจ้าที่จวน” เว่ยอ๋องประคองเยว่ชิงเดนออกจากจวนตระกูลกง“ประเดี๋ยวก่อน คุณหนูหลิวเจ้ายังมิได้ตรวจอาการให้มารดาข้าเลย” กงหลี่เฉียงเอ่ยรั้งพวกเขาไว้“หึ เจ้ายังคิดจะให้นางเข้าไปตรวจมารดาเจ้าอีกรึ นางรึอุตส่าห์มาตรวจให้ถึงจวน แต่คนของเจ้ากลับทำกับนางเช่นนี้” เว่ยอ๋องจ้องมองทั้งสองอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อทั้งคู่ทิ้งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ถูกเยว่ชิงสะกิดเรียกสติเขาไว้ก่อน “หม่อมฉันอยากกลับจวนแล้วเพคะ” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา ใบหน้าที่
Comments