เสวี่ยหนิงทะลุมิติมาอยู่ในนิยายแถมเป็นนางร้ายที่สามีไม่รัก แบบนี้ก็ต้องหย่าสิเจ้าคะ รออะไรอยู่! แล้วไปปลูกผักทำสวนให้ฉ่ำปอด นางจะอยู่แบบสวยๆรวยๆเชิดๆ ว่าแต่นางไปจ้างพ่อหนุ่มจอมซึนคนนี้มาตอนไหนไม่ทราบ!
view moreบทที่ 1 ชีวิตใหม่ของเสวี่ยหนิง ตอนต้น
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติสัมปชัญญะจะดับวูบลง คือเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท เปลวเพลิงพวยพุ่งโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องระงมด้วยความหวาดกลัวของประชาชนในหมู่บ้าน ซึ่งเธอและกองพลที่ยี่สิบเก้าถูกส่งมาประจำการ ในภารกิจต่อต้านกลุ่มผู้ก่อการร้าย เสวี่ยหนิง ถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง ตรงตำแหน่งหัวใจพอดี ในขณะวิ่งเอาตัวไปบังเด็กหญิงอายุราวห้าขวบที่พลัดหลงกับมารดา หญิงสาวเสียชีวิตทันที ในมือยังคงถือนิยายรักแนวจีนโบราณเอาไว้… เสวี่ยหนิงราวกับตกอยู่ในห้วงฝันอันแปลกประหลาด รอบกายห้อมล้อมไปด้วยหมอกสีขาว เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ในฉับพลันบังเกิดแสงสว่างเจิดจ้า สาดส่องมาที่เธอจนต้องหลับตาหนี ตามมาด้วยแรงกระชากหนักหน่วง ราวถูกดึงให้ร่วงลงจากที่สูง… เฮือกกกก!!! หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากความฝัน เหงื่อเม็ดเล็กไหลซึมตามไรผม เสวี่ยหนิงยกมือขึ้นปาดเหงื่อแต่กลับรู้สึกเจ็บปลาบบริเวณหน้าผากแทน “อ๊ะ! เจ็บ” เสียงครางแผ่วของเธอดึงความสนใจหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน “ฮูหยินของบ่าว ท่านฟื้นแล้ว ท่านอย่าทำแบบนี้อีกนะเจ้าคะ” สาวใช้นาม ซูฮวา รีบปรี่มาที่เตียง เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนฟื้นแล้ว ฮูหยินของนางวิ่งเอาหัวโขกกับเสาของศาลาแปดเหลี่ยมในสวน เพื่อเรียกร้องความสนใจจาก เหรินซื่อจื่อ เหรินหมิง ผู้เป็นสามี กระทั่งล่วงเลยมาสองวัน ซูฮวาและสาวใช้อีกคน กลับยังไม่เห็นแม้แต่เงาของบุรุษผู้นั้น… ถ้อยคำเรียกขานว่า ฮูหยิน ดึงความสนใจของเสวี่ยหนิงให้หันไปมอง หากจำไม่ผิดเธอไม่เคยพบเห็นเด็กสาวผู้นี้มาก่อน ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมของอีกฝ่าย ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนสาวใช้ในซีรีย์จีนโบราณไม่มีผิด! โดยเฉพาะผมทรงซาลาเปาสองลูกผูกโบว์แบบนี้ เสวี่ยหนิงเงยหน้า กวาดตามองสภาพรอบตัว ทุกสิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ห้องพยาบาลในค่ายทหาร หรือโรงพยาบาลอย่างที่เธอคุ้นเคย แต่กลับเป็นห้องนอนซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายในยุคจีนโบราณ เครื่องเรือนแกะสลักจากไม้จันทร์ ฉากกั้นปักลาย ผ้าม่านหน้าเตียงเรียงร้อยด้วยลูกปัด ตั่งตัวใหญ่ตั้งถัดจากหน้าต่างวงเดือน กลิ่นหอมอ่อนจากกำยานจุดตั้งไว้บนโต๊ะไม้กลางห้อง ของตกแต่งทุกชิ้นงดงามลงตัว มองอย่างไรก็เหมือนฉากในซีรีย์จีนแนวพีเรียดที่เธอชอบดู ‘นี่กำลังฝันอยู่หรือว่าเรื่องจริงกันแน่!’ ในเมื่อไม่แน่ใจเธอจึงลองหยิกเนื้อต้นขาตนเอง เพื่อทดสอบว่าสิ่งที่เห็นคือความจริงหรือว่ากำลังฝัน ‘ซี๊ดดด เจ็บ! แสดงว่าไม่ได้ฝัน นั่นก็หมายความว่า…เราทะลุมิติมาอย่างนั้นหรือ!’ ครั้นหาข้อสันนิษฐานได้ จึงหันไปหาเด็กสาวข้างๆ “นี่เธอ ไม่ใช่สิ เจ้า ชื่ออะไรเหรอ” สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งแตกระแหง ลำคอแสบร้อนไปหมด เป็นเพราะร่างนี้ไม่ได้ดื่มน้ำมาเกือบสองวันแล้ว “ขอ ขอน้ำดื่มหน่อยสิ” “ฮูหยิน…จำบ่าวไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ นี่ซูฮวาเองเจ้าค่ะ” สาวใช้ตกใจไม่น้อยที่เจ้านายจำตนไม่ได้ ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันเปลี่ยนสี ขอบตารื้นน้ำท่าทางสะเทือนใจ รีบลุกไปรินน้ำใส่ถ้วยมามอบให้เจ้านายตามคำขอ ในเสี้ยวลมหายใจนั้น บานประตูเปิดพลันเปิดออก หญิงสาวอีกคนก้าวเข้ามา ครั้นเห็นว่าเจ้านายของตนฟื้นแล้ว ก็รีบวางกะละมังทองเหลืองใส่น้ำอุ่นลงบนโต๊ะ รุดมาหญิงสาวบนเตียงอย่างด่วนจี๋ “ฮูหยินของบ่าว ท่านฟื้นแล้ว” ซูลี่ สาวใช้อีกคนเอื้อมไปกุมมือของเสวี่ยหนิงอย่างห่วงใย นางดูอายุมากกว่าซูฮวาเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะเกินสิบแปดปี ร่างบางบนเตียงฝืนยิ้มแห้งๆ ครุ่นคิดในใจว่าใช่แน่แท้ แบบนี้นางทะลุมิติมาอย่างแน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องมหัศจรรย์พันลึกจะมาเกิดขึ้นกับตัวเธอ สุดยอดด!! ในเมื่อสวรรค์มอบโอกาสให้เธอมาเกิดใหม่ โดยที่ไม่ต้องไปแวะไปทักทายยายเมิ่งยังแดนน้ำพุเหลืองก่อน นับว่าเป็นโชคดียิ่งนัก เธอจะได้ไม่ต้องไปเจอผีแปลกๆ หรือสารพัดวิญญาณหลอน ระหว่างยืนต่อแถวเพื่อรับน้ำแกงลืมเลือนก่อนไปเกิดใหม่ ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของโลกหลังความตาย นั่นเป็นเพราะเสวี่ยหนิงคนนี้…กลัวผี กลัวมากด้วย ถึงจะจบหมอมาก็เถอะ! หญิงสาวเลยกล่าวขอบคุณสวรรค์ในใจอยู่หลายรอบ ‘ขอบคุณสวรรค์ๆๆ ลูกขอน้อมรับชีวิตใหม่นี้อย่างเต็มใจไม่อิดออดค่ะ’ หากแต่มีปัญหาเล็กน้อยให้เสวี่ยหนิงข้องใจ ตกลงว่าเธอมาเกิดใหม่เป็นใครล่ะเนี่ย! ทำไมถึงไม่มีความทรงจำของร่างเดิม เหมือนอย่างที่เคยอ่านเจอในนิยายทะลุมิติเลยล่ะ …มันเกิดความผิดพลาดตรงไหนกัน!!! แต่ด้วยความที่เธอเป็นหมอ รวมทั้งถูกฝึกให้เป็นทหาร สติ คือสิ่งที่ต้องมีในทุกสถานการณ์ คิดได้ดังนั้นเสวี่ยหนิงจึงหันไปหาสาวใช้ทั้งสอง “ใช่ ข้าฟื้นแล้ว เพียงแต่ข้ามีปัญหานิดหน่อย คือ ข้าจำอะไรไม่ได้ พวกเจ้าสองคนช่วยเล่าเรื่องของตัวข้าให้ฟังหน่อยจะได้ไหม อ้อ แล้วขอกระจกหน่อยสิ” จะได้รู้ว่าตัวเองมาเกิดใหม่ที่ไหน ช่วงเวลาอะไร หน้าตาแบบไหนจะได้ใช้ชีวิตถูก ทั้งซูฮวาและซูลี่ต่างหน้าเหวอ ฮูหยินของพวกนางความจำเสื่อม!! แต่ถึงกระนั้นพวกนางก็ปฏิบัติตามคำขอของเจ้านายอย่างไม่อิดออด ซูลี่กุลีกุจอลุกไปหยิบคันฉ่องทองเหลืองมามอบให้เจ้านาย ครั้นเสวี่ยหนิงมองเห็นใบหน้าในคันฉ่องทองเหลือง เธอก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี ‘ชีวิตใหม่แต่หน้าเดิมอ่ะ หุหุ ค่อยยังชั่วหน่อยจะได้ไม่หลอนเวลาส่องกระจก’ จากนั้นจึงตั้งใจฟังเรื่องราวของร่างนี้จากปากสาวใช้ทั้งสอง ‘ชัดเลย! นี่มันนิยายที่เราอ่านค้างไว้ก่อนตายนี่! ถามจริง!’ เหตุผลที่เธอซื้อนิยายเรื่องนี้มาอ่าน เป็นเพราะนางร้ายอันดับสองในเรื่องนี้ มีชื่อเดียวกันกับเธอแต่ใช้ แซ่เชียน นำหน้า คนแต่งเป็นนักเขียนชื่อดัง ติดอันดับนิยายขายดีประจำปี และมีข่าวว่ากำลังจะนำไปสร้างเป็นซีรีย์ต้นปีหน้าอีกด้วย ******************* นิยายเรื่องใหม่มาแล้วจ้า ฝากลูกสาวคนใหม่อีกคนไว้อ้อมใจรี้ดที่รักทุกคนด้วยนะคะ อย่าลืมกดโหลดเข้าชั้นกันน้าบทที่ 15 ปลูกพริกหวานทำพูเเหมือนจะปลูกต้นรัก ตอนปลาย หญิงสาวหยุดมือ พูดตอบเสียงร่าเริง “ไม่เหนื่อยหรอก ข้าชอบปลูกผักมากเลยล่ะ” คนตัวโตไม่เอ่ยคำใดต่อ เพียงยกยิ้มอ่อนโยนก่อนจะคุกเข่าลงข้างๆนาง หยิบต้นกล้ามาหนึ่งต้น ใช้ช้อนปลูกขุดดินอย่างคนที่รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร “ไม่น่าเชื่อว่าทหารเก่าอย่างเจ้าปลูกผักได้คล่องแคล่วขนาดนี้” เสวี่ยหนิงแอบมองอย่างแปลกใจ “ก็ไม่เท่านายหญิงหรอกขอรับ แต่ถ้าได้ปลูกข้างๆท่าน จะให้ปลูกทุกวันข้าก็ยินดี” มือที่กำลังจะกดดินของหญิงสาวชะงักค้าง หน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ “เจ้าพูดแบบนี้อีกแล้วนะ” บ่นพึมพำเบาราวเสียงกระซิบ พยายามเก็บอาการเก้อเขิน แต่พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อจนปิดไม่มิด เว่ยลี่หยางเหลือบมองด้วยแววตาทอประกายยิ้มๆ “ข้าพูดความจริง นายหญิงรู้ไหม ตอนท่านจับต้นกล้าอย่างตั้งอกตั้งใจน่ะ ข้ารู้สึกริษยาต้นกล้าพวกนั้นที่ถูกท่านสัมผัสมาก” “พูดอะไรน่ะ! ข้าแค่ปลูกผักเอง” พวงแก้มที่แดงอยู่ก่อนแล้วยิ่งแดงขึ้นกว่าเก่า ซูฮวาที่นั่งยองๆปลูกพริกหวานอยู่ไม่ไกล ถึงกับเอามือปิดปากแอบร้อง “ว๊าย!” เบาๆแล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่น นางเขินแทนนายหญิงมาก! เว่ยลี่หยางรู้ส
บทที่ 15 ปลูกพริกหวานทำพูดเหมือนจะปลูกต้นรัก ตอนต้น หลางจื่อทำหน้าหมาหงอยหันมองพ่อจ๋าด้วยสีหน้าสุดสลด ประหนึ่งโลกทั้งใบกำลังจะแหลกสลาย ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวินผู้เย่อหยิ่ง ถูกสุนัขสาวตัวน้อยบดขยี้ศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ มันสลัดขนแรงๆ อีกสองสามที จากนั้นเดินตัวเปียกชุ่มไปใต้ต้นเฟิงที่ใบหนาทึบ เงยหน้าจ้องตาหลิวอินที่แฝงตัวอยู่ในนั้น ก่อนเห่าสั่งการว่าให้พามันกลับบ้านไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้! “โฮ่ว! โฮ่ว!” “เจ้า! ลงมา พาข้ากลับบ้านด่วน!” “…” หลิวอิน แล้วทำไมต้องเป็นข้าด้วย! จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เว่ยลี่หยางเลยมีความคิดที่จะขอให้เสวี่ยหนิงและอวิ๋นเอ๋อร์ ช่วยดัดนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของหลางจื่อขึ้นมา หากมีอวิ๋นเอ๋อร์คอยควบคุมความประพฤติ หลางจื่อจะได้ไม่ก่อเรื่อง ตัวเขาจะได้มีเวลาคอยดูแลช่วยเหลือเสวี่ยหนิงอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างเบาใจ…แต่คงต้องรออีกสักสองสามวัน รอให้หลางจื่ออารมณ์กลับมาเป็นปกติเสียก่อน เช้าตรู่วันถัดมา เสียงนกขับขานยามเช้า แสงแดดอ่อนส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของเว่ยลี่หยาง ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย ล้างหน้าล้างตารับมื้อเช้าเตรียมออกไปทำสวนตามปกติ
บทที่ 14-2 ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ ตอนปลาย เว่ยลี่หยางไปจนถึงองครักษ์เงาทุกคนดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง ตะลึงลานกับภาพที่เห็น ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ!!! ต่อสาวน้อยตัวฟูขาวจั๊วะเหมือนก้อนเมฆตัวนั้น!! “ระ เรื่องจริงใช่ไหม หลางจื่อยอมสยบต่ออวิ๋นเอ๋อร์ หรือข้าเมาแดด?” เจ้าของหมาพึมพำเบาๆ ขณะมองอวิ๋นเอ๋อร์เดินกลับมาอย่างสง่างามหางชูสูงเหมือนนางพญาตัวจิ๋ว เสวี่ยหนิงรับก้อนขาวฟูนุ่มขึ้นอุ้ม แล้วลูบหัวมันเบาๆเอ่ยชมเสียงหวาน “งู้ยย สุดยอด เก่งมากอวิ๋นเอ๋อร์ คราวหน้าเจ้าก็ช่วยดูพฤติกรรมของคนในสวนด้วยนะ โดยเฉพาะบางคนที่ชอบอู้งาน…แต่คอยมายืนแอบดูข้าแทน“ คนตัวโตสะดุ้งเล็กน้อย ยกมือเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน ยิ้มแห้งๆเอ่ยแก้ตัว “ก็ข้ากลัวนายหญิงจะมีอันตราย หากข้าคลาดสายตาจากท่าน” “…” เสวี่ยหนิง “ไม่สิงข้าเสียเลยล่ะถ้าห่วงนักล่ะก็!” “หากทำได้จริงข้าทำแล้วขอรับนายหญิง” พูดจบก็ทำเฉไฉ เดินแบกท่อนไม้ไผ่ลงแปลงผักไปอย่างเนียนๆด้วยรอยยิ้มประดับมุมปาก ทิ้งร่างบางยืนอ้าปากค้างหาคำเถียงกลับไม่ทัน “เจ้าหมีบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” ทางด้านหลางจื่อ เมื่อเห็นพ่อมาก็กระโจนพรวด! ทิ้งไม้ไผ่ที่แทะค้างไว้ แล้ววิ่งดุจพายุหมุนมาห
บทที่ 14 ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ ตอนต้น กลับไปเย็นวันนั้น เสวี่ยหนิงตรงไปหามารดาที่กำลังฝึกไก่แจ้ตัวใหม่ เพราะไก่แจ้ตัวเดิมเริ่มอายุมาก เสียงขันตอนเช้าเลยไม่ไพเราะเพราะพริ้งสั่นสะเทือนแก้วหูเหมือนแต่ก่อน บนตักของเย่หลินในเวลานี้คือผู้ช่วยมือหนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องไก่แจ้เขม็ง มองไปคล้ายผู้คุมกฎอย่างไรอย่างนั้น “ท่านแม่ อวิ๋นเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เสวี่ยหนิงทิ้งตัวลงข้างมารดา ยื่นมือไปลูบหัวของเจ้าตัวขนฟูนุ่มสีขาวปลอด อวิ๋นเอ๋อร์ พริ้มตาขยับหัวถูไถมือบางอย่างเอาใจ ก่อนขยับลงจากตักของเย่หลินก้าวไปทิ้งตัวบนตักของเสวี่ยหนิงแทน พร้อมเงยขึ้นมองใบหน้างามด้วยสายตาคล้ายมีคำถามอยู่ในนั้น จมูกเล็กสูดกลิ่นฟุดฟิดทำท่าแยกเขี้ยวเล็กน้อย ส่งเสียง ฮื่อ ฮื่อ แผ่วเบา เย่หลินเห็นปฏิกิริยาของอวิ๋นเอ๋อร์จึงพอเดาได้ ว่ามันคงได้กลิ่นสุนัขตัวอื่นบนร่างกายของบุตรี “หนิงเอ๋อร์ไปเล่นกับสุนัขที่ไหนมาหรือ” “ท่านแม่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ” นางยังไม่ได้บอกสักคำ มารดากลับทราบเรื่องแล้ว สุดยอด! “แม่ดูหน้าอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้แล้ว มันฉลาดมากเจ้าก็รู้ คอยช่วยแม่ฝึกไก่แจ้ ม้าและลาทุกตัวในคอกจนเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครกล้
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่
Mga Comments