เสี่ยวจิ่วนักฆ่าระดับเพชร เธอมักจะฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ จนวันที่เธอทะลุมิติไปอยู่ในยุคโบราณ จึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องของเธอเมื่อภพก่อน
Lihat lebih banyak“เจ้าทำจริงหรือไม่ อวี้เออร์” เสียงเหยียบเย็นของผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรสาวที่คุกเข่าร้องไห้ แทบขาดใจอยู่ที่พื้น
นางเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเม้มปากแน่น ทั้งส่ายหน้าจนเส้นผมหลุดลุ่ยอย่างน่าสงสาร
“ลูกไม่เคยคิดจะทำ และไม่ได้ทำสิ่งใดผิด” นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
ผู้เป็นมารดาเมื่อรู้ข่าวว่าบุตรสาวถูกจับตัวไปสอบสวนที่ห้องโถงเรือนหลักก็รีบวิ่งมาหาอย่างร้อนใจ
“ท่านพี่ ได้โปรดเมตตาอวี้เออร์ด้วย บุตรสาวข้านางไม่มีทางทำเด็ดขาด” นางกอดบุตรสาวไว้แน่น พร้อมทั้งมองผู้เป็นสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เหอะ ไม่เคยทำ มิใช่ว่าจะไม่ทำ เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่น้องสาว” ฮูหยินเอก ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงก็เอ่ยถากถางออกมา
“น้องสาว หากเจ้าอยากได้ของหมั้นของข้าเหตุใดถึงไม่ขอข้าดีๆ ถึงแม้เป็นของหมั้นพี่สาวเช่นข้าก็ยกให้เจ้าได้” เซี่ยหรันเซียนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ยิ่งรวมกับท่าทางที่ชดช้อยของแม่ดอกบัวขาวด้วยแล้ว ทำให้ผู้คนที่พบเห็นนางต่างสงสารจับใจ
“เซียนเซียนเจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ของหมั้นที่ข้ายกให้เจ้า จะมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไร” กงจวิ้นปลอบใจคู่หมั้นของตนทันที
เซี่ยหรันเซียนยิ้มมองคู่หมั้นอย่างเขินอาย นางลอบยิ้มเย้ยเซี่ยหรูอวี้ที่นั่งอยู่ที่พื้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เซี่ยหรูอวี้ได้แต่ยกยิ้มเยาะตนเอง นางจะอยากได้ของหมั้นของพี่สาวไปเพื่ออันใด ในเมื่อนางไม่เคยมีใจให้กงจวิ้นมาก่อนเลย
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเข้าหานางอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นนางที่คอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอด ด้วยรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาพึงใจในตัวเขา นางจึงไม่คิดจะเพิ่มปัญหาให้มารดาและพี่ชายถูกรังแกเพิ่ม
“มาถึงขั้นนี้แล้ว อาอวี้เจ้ายอมรับผิดเสียเถิด” กงจวิ้นเอ่ยเสียงแข็งออกมาเพื่อเอาใจสวีเหมยลี่
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพึงใจเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย แต่นางเป็นเพียงบุตรอนุ ไม่อาจช่วยในหน้าที่การงานของเขาได้ ต่างจากเซี่ยหรันเซียนที่ท่านตาของนางเป็นถึงเสนาบดี หนทางขุนนางของเขาย่อมจะก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด
เขาคิดจะรับนางเข้าจวนเพื่อเป็นอนุหลังจากแต่งกับเซี่ยหรันเซียนแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้เข้าเสียก่อน แม้นางจะไม่ได้ทำ อย่างไรเขาก็ต้องเข้าข้างคู่หมั้นของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดข้าต้องยอมรับ” นางเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม
ในเมื่อทุกคนคิดว่านางร้ายกาจมาโดยตลอด เหตุใดนางจะต้องยอมถอยเพื่อยอมรับการถูกใส่ร้ายในครั้งนี้ด้วย
พี่สาวของนางมักจะบอกใครต่อใครว่าถูกนางรังแกมากเพียงใดเมื่ออยู่ที่จวน ทั้งที่นางเป็นเพียงบุตรอนุ แต่ของทุกอย่างล้วนแต่ต้องให้นางเป็นผู้เลือกก่อน เพราะบิดาโปรดปรานมารดาของนางไม่น้อย
วันที่นางรู้เรื่องทั้งหมด คงเป็นเมื่อสามเดือนก่อนที่พี่สาวแสนดีของนาง ชวนนางไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนตระกูลกง คุณหนูที่มาร่วมงานต่างถากถางนางที่แต่งกายงดงามเกินหน้าบุตรสาวฮูหยินเอก
ทั้งที่ความจริง ชุดที่นางสวมใส่ เครื่องประดับบนตัวของนาง ก็มาจากพี่สาวและฮูหยินเอกจัดการให้นางก่อนวันจะเข้ารวมงานทั้งสิ้น นางเพิ่งจะได้รู้ว่าความหวังดีที่สองแม่ลูกมอบให้คือต้องการให้นางถูกประณามเช่นนี้เอง
“หึ บุตรสาวอนุเช่นเจ้า ร้ายกาจเช่นมารดาไม่มีผิด” สวีเหมยลี่ รู้จุดอ่อนของเซี่ยหรูอวี้ดี หากเมื่อใดที่กล่าวหามารดาของนาง นางจะต้องโวยวายอย่างไม่ยอมแน่นอน
“อย่าได้กล่าวหามารดาข้าเช่นนี้ ผู้ใดกันแน่ที่ร้ายกาจกล้าวางแผนสกปรกเช่นนี้กับข้า”
เพียะ!!! เสียงฝ่ามือของเซี่ยถงวู่ที่ตบลงบนใบหน้าของเซี่ยหรูอวี้ดังจนแม้แต่บ่าวที่อยู่ด้านนอกยังสะดุ้งตกใจ
“เจ้ากล้าดีเช่นใด!!! ถึงได้กล้าพูดกับแม่ใหญ่เจ้าเช่นนี้” เซี่ยถงวู่ตวาดกร้าวออกมาเสียงดัง สองแม่ลูกลอบยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ
“ท่านพี่!!!” ตู้เหลียนกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่คิดว่าสามีจะลงมือทำร้ายบุตรสาวรุนแรงถึงเพียงนี้
เซี่ยถงวู่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว แต่เพราะมีคนตระกูลกงเข้ามารวมฟังคำตัดสินในครั้งนี้ด้วย เขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปประคองบุตรสาวที่ล้มไปกองกับพื้นให้ลุกขึ้น
“สมควรแล้ว ทำผิดยังไม่ยอมรับ ยังจะปากกล้าใส่ผู้อาวุโสในจวน” เขาสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง โดยไม่คิดอยากจะมองสายตาของสองแม่ลูกที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวดใจ
“น้องสาว!!! เจ้าเจ็บมากหรือไม่” เซี่ยหยวน ที่เพิ่งกลับมาจากสำนักศึกษาก็รีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาวทันที เมื่อทราบเรื่องจากบ่าวในจวน
“ไม่เจ้าค่ะ “นางบีบมือพี่ชายแน่น เพื่อไม่ให้กังวลเรื่องของนาง กลัวว่าจะกวนใจเขาเพราะใกล้จะสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ท่านพ่อ เหตุใดถึงได้ลงมือกับน้องเช่นนี้ขอรับ” เซี่ยหยวนลุกขึ้นหันไปสอบถามผู้เป็นบิดา
“มิใช่เรื่องของเจ้า ถอยออกไป” เซี่ยถงวู่ไม่ต้องการให้บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา เข้ามายุ่งในเรื่องนี้
“แต่ว่า...”
“ท่านพี่ ท่านถอยออกไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ผิด หากจะถูกตีจนตายข้าก็ไม่ยอมรับ” เซี่ยหรูอวี้ลุกขึ้นยืน สายตาของนางเย็นชาจ้องมองไปที่ทุกคน ที่รวมหัวกันใส่ร้ายนางในครั้งนี้
เรื่องเกิดจากกงจวิ้นที่ยังอาลัยอาวรณ์นาง จนดักพบนางระหว่างที่ออกไปซื้อของนอกจวน เพียงเพื่อจะบอกนางว่า เมื่อแต่งเซี่ยหรันเซียนเข้าจวนแล้ว เขาจะมารับนางเข้าจวนด้วยอีกคน เรื่องนี้นางปฏิเสธเขาไปแล้ว
นางไม่รู้ว่าผู้ใดนำเรื่องนี้มาบอกพี่สาวนาง เพียงวันเดียวก็เกิดเรื่องกับนางได้ วันต่อมาจวนของนางก็ถูกค้นและพบกำไลหยกเนื้องามหนึ่งคู่ ที่เป็นหนึ่งในของหมั้นที่กงจวิ้นสวมให้เซี่ยหรันเซียนในวันหมั้นหมาย
นางจึงได้ถูกลากมาให้ผู้เป็นบิดาสอบสวนที่ห้องโถงในยามนี้ คนตระกูลกงถูกเรียกตัวเพื่อมายืนยันว่ากำไลหยกคู่นั้นใช่ของหมั้นหรือไม่
แต่ความจริงสองแม่ลูกเรียกตระกูลกงให้มารับรู้ด้วย เพื่อต่อไปจะได้ตัดหนทางที่จะรับเซี่ยหรูอวี้เข้าไปเป็นอนุในจวน คอยเป็นหนามแทงใจเซี่ยหรันเซียนเช่นที่สวีเหมยลี่นางถูกตู้เหลียนกระทำเช่นกัน
“ผู้ตรวจการเซี่ย ข้าขอพูดหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อหลักฐานก็เห็นเต็มตาเช่นนี้ ต่อให้นางไม่ยอมรับก็ควรจะส่งนางให้ทางการ หรือไม่ก็...” เขาปรายตามองสวีเหมยลี่เล็กน้อย เมื่อเห็นนางพยักหน้าจึงได้เอ่ยต่อ “ตัดขาดนางออกจากตระกูลเสีย” นายท่านกงพูดคุยเรื่องนี้กับสวีเหมยลี่ก่อนจะเดินทางมาที่จวนตระกูลเซี่ยแล้ว โดยนางต้องการกำจัดสามคนแม่ลูกออกไปให้พ้นสายตา
เพราะขอเสนอที่นางยื่นให้ เขาจึงยอมร่วมมือกับนาง เพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลกง โดยจะได้ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักให้กับกงจวิ้น เขาจึงยอมร่วมมือ โดยไม่มีขอแม้
เซี่ยถงวู่เม้มปากแน่น เขาไม่ได้อยากส่งบุตรสาวคนรองให้ทางการ หรือไม่ต้องการจะตัดขาดนางออกจากตระกูล
“ท่านพี่ อย่าได้ส่งนางให้ทางการเลยเจ้าค่ะ จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลด่างพล่อยไปด้วย ตัดขาดนางออกไปจากตระกูลก็พอ” สวีเหมยลี่เดินเข้ามาจับแขนผู้เป็นสามี แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเห็นใจ
“แต่ว่า...”
“ตัดข้าเลยเจ้าค่ะ” เซี่ยหรูอวี้เอ่ยขึ้นอย่างใจกล้า หากต้องทนอยู่ให้คนทั้งเมืองหลวงถากถาง เยาะเย้ย สู่นางออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเดิมของมารดาไปเริ่มชีวิตใหม่ยังดีเสียกว่า
“ไม่ได้!!! ท่านพ่อจะทำเช่นนี้กับน้องไม่ได้ หากจะตัดน้อง ท่านพ่อก็ต้องตัดข้าด้วย” เซี่ยหยวนเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอม พร้อมทั้งดันน้องสาวไปอยู่ด้านหลัง
ด้วยรู้ว่าน้องสาวคงหมดความอดทนที่นางกับมารดาถูกรังแกมาเนิ่นนานพอแล้ว
“หากท่านพี่จะตัดอวี้เออร์ ก็ตัดข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเดินเข้ามาขวางหน้าเซี่ยหรูอวี้ด้วยอีกคน
นางอดทนมามากพอแล้ว สามีที่สัญญาก่อนจะรับนางเข้าจวนก็ไม่อาจจะช่วยเหลือสามแม่ลูกได้เลย เมื่อถูกสวีเหมยลี่รังแก ทั้งยังเชื่อคำพูดคนอื่นจะไม่สนใจสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ดีเสียก่อน
“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็จะตัดพวกเจ้าทั้งสามคนเสีย” เซี่ยถงวู่ที่เสียหน้าต่อหน้าคนตระกูลกงก็เอ่ยออกมาอย่างมีโทสะ
สวีเหมยลี่ที่เห็นว่าแผนการของนางสำเร็จแล้ว ก็เอ่ยทำทีขอร้องสามีแทนสามแม่ลูกอย่างขอไปที ก่อนจะบอกว่าจะมอบเงินให้ทั้งสามติดตัวไปเล็กน้อย เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ไม่ต้อง เงินของพวกท่านข้าไม่ต้องการ” ตู้เหลียนเอ่ยออกมา นางมีสินเดิมติดตัวมาไม่น้อย เพียงพอให้พาลูกทั้งสองกลับบ้านเดิม เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ดี ดี” เซี่ยถงวู่คำรามออกมา เมื่อเห็นว่าตู้เหลียนไม่ได้อาลัยอาวรณ์ตนสักนิด เขาให้พ่อบ้านไปนำกระดาษพู่กันมา ก่อนจะร่างหนังสือตัดขาดต่อหน้าคนตระกูลกง
สามแม่ลูกพากันกลับไปเก็บข้าวของของตนเองเพื่อออกจากจวน มีเพียงสาวใช้สองคนที่ตามาจากบ้านเดิมของตู้เหลียนที่ติดตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย
เซี่ยถงวู่ไม่ได้ออกมามองทั้งสามแม่ลูกออกจากจวนในวันนั้น มีเพียงสวีเหมยลี่และเซี่ยหรันเซียนที่มองจะออกมาส่ง แต่มาเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“อย่างไรเล่า เห็นหรือไม่สุดท้ายแล้วท่านพี่ก็ต้องเลือกเชื่อข้าผู้เป็นภรรยาเอก ตู้เหลียนเจ้าแพ้ข้าแล้ว” สวีเหมยลี่กระซิบบอกตู้เหลียน สตรีที่นางเกลียดมานับสิบกว่าปี
“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่ต้องการแข่งกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะมีบุตรชายให้ท่านพี่ได้สืบสกุล มิเช่นนั้น เจ้าก็ต้องรับสตรีเข้าจวนมาให้เขาเพิ่มไม่รู้จบ” ตู้เหลียนยกยิ้มที่มุมปาก
ที่เซี่ยถงวู่ไม่รับสตรีเข้าจวนเพิ่ม เพราะนางมีบุตรชายให้เขาแล้ว แตกต่างจากสวีเหมยลี่ที่นางมีเพียงเซี่ยหรันเซียนเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว
“จะ เจ้า” สวีเหมยลี่กัดฟันแน่น นางทำสิ่งใดไม่ได้ เมื่อมีคนตระกูลกงมองมาที่พวกนางอยู่ แต่ไม่ใช่ว่านอกจวนหลังจากนี้นางจะทำสิ่งใดไม่ได้
นางทำเป็นใจดีให้พ่อบ้านเซี่ยไปส่งสามแม่ลูกถึงที่เมืองเป่ยหาน ทางตอนเหนือของแคว้น แต่ความจริงนางสั่งการให้พ่อบ้านจัดการสามแม่ลูกเรียบร้อยแล้ว
รถม้าที่ทั้งสามนั่งไป เดินทางออกจากเมืองหลวงได้เพียงสามวัน ก็ถูกโจรป่าเข้าดักปล้น คนทั้งขบวนนอกจากพ่อบ้านเซี่ยตกตายทั้งหมด
“ฝันบ้าอะไรแบบนี้” เสี่ยวจิ่วลุกขึ้นนั่งกุมหัวอยู่บนที่นอน
“อาจิ่ว ไปเตรียมตัวได้แล้ว ภารกิจจะเริ่มแล้ว”
“อืม เธอไปก่อนเลย” เสี่ยวจิ่วไม่มีเวลาได้คิดเรื่องความฝันที่เธอฝันเช่นเดิมซ้ำๆ มาหลายปี
เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทางองค์กรพาตัวเข้ามาเลี้ยงดู ในตอนแรกเธอก็คิดว่าจะเลี้ยงดูเพื่อให้เข้ามาช่วยทำงาน แต่ไม่ใช่เธอถูกเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นนักฆ่า ตั้งแต่เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น
ตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าแล้ว เป็นถึงนักฆ่าระดับเพชร ที่ทางองค์กรมอบหมายงานชิ้นใหญ่ให้เธอทำเกือบจะทุกงาน ที่เรียกได้ว่าเสี่ยงตายทั้งสิ้น
หลังจากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จลง หรูอวี้นางถูกพาตัวเข้าไปส่งที่ห้องหอ เมื่อร่วมผูกผมเรียบร้อยแล้ว ตัวจ้าวลู่ฉือจำต้องออกไปแจกเสบียงอาหารให้กับชาวบ้านที่มารออยู่ที่หน้าจวน“ข้าต้องออกไปด้วยหรือไม่” หรูอวี้เอ่ยถามออกมา“ไม่ต้องเจ้าค่ะ เจ้าสาวไม่ควรจะออกจากห้องหอ ออกอีกครั้งก็เป็นวันพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ” ป้าจิ้นเข้ามาอยู่ดูแลหรูอวี้ร่วมกับเสี่ยวซี“อืม เช่นนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด ข้าอึดอัดจะแย่”จ้าวลู่ฉือกลับเข้ามาในห้อง ฟ้าด้านนอกก็มืดเสียแล้ว เมื่อเข้ามาเห็นหรูอวี้นางนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาก็ยืนมองนางอยู่นาน“จะมองอีกนานหรือไม่ ท่านไม่นอนรึ” หรูอวี้ปรือตาขึ้นมามองเขาอย่างเกียจคร้าน“ท้องของเจ้าใหญ่โตนัก เช่นนี้จะออกเดินทางได้หรือไม่” เขานั่งลงที่เตียงข้างนาง ลูบท้องที่ใหญ่โตอย่างกังวล“ท่านมิต้องห่วง ข้าออกเดินทางได้” นางจับมือของเขามาวางที่ข้างแก้ม“อวี้เออร์ ลำบากเจ้าแล้ว” เขาก้มลงกดจูบที่ใบหน้าผากของนาง“เหอะ มิใช่ว่าท่านทำให้ข้าลำบากหรือไง รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย ข้าจะนอนต่อแล้ว”“แต่นี่ เป็นคืนเข้าหอ เจ้าจะปล่อยให้ข้านอนได้อย่างไร”“เช่นนั้น ท่านก็ออกไปนอนด้านนอก” นางปาหมอนใส่
จ้าวลู่ฉือรู้ว่า อาจารย์ของตนยอมถอยให้หลายก้าวแล้ว จึงได้ก้มคำนับขอบคุณเขา และรับปากอย่างดีว่าจะไม่ไปที่จวนจนกว่าจะถึงวันรับเจ้าสาว เพื่อไม่ให้นางถูกนินทาไปมากกว่านี้พ่อบ้านตู้ก็ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ภายในเมืองมีจวนที่บอกขายอยู่หลายหลัง เขาเลือกจวนที่ไม่ห่างจากจวนแม่ทัพมากนัก ตัวเรือนก็ไม่ต้องซ่อมแซมอันใด เครื่องเรือนก็มีพร้อมใช้อย่างมากมายด้วยเจ้าของจวนคนเก่าที่เป็นคหบดี ได้ย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ที่เมืองอื่นเรียบร้อยแล้วหรูอวี้พาคนของนางทั้งสามคนไปอยู่ที่จวนหลังใหม่ด้วย ตัวนางมีเสี่ยวซีที่คอยดูแล ป้าจิ้นจึงไม่ต้องติดตามไปด้วย“ท่านป้าไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้น เพียงไม่นานข้าก็จะกลับมาเช่นเดิม” หรูอวี้เอ่ยบอกป้าจิ้น เมื่อนางสีหน้าหมองลง“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” แต่ป้าจิ้นก็ยังมองรถม้าของหรูอวี้ที่หน้าจวนจนหายลับตาไปตู้เหลียนเมื่อมาถึงจวนหลังใหม่ นางก็รีบพาหรูอวี้ไปที่เรือน แล้วพูดคุยสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที“อวี้เออร์ เจ้าทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ได้อย่างไร”“โถ่ ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้โกรธเคืองข้าเลย ไม่ดีหรือเจ้าคะ ท่านจะได้มีหลานแล้ว” หรูอวี้จับมือมารดาของนางมาวางที่ท้
“เอาเถิด นับจากนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้า ข้าก็จะเรียกพวกเจ้าเช่นนี้ หากพวกเจ้าเชื่อฟังข้า ทำตามที่ข้าบอก ต่อไปจะไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าได้ หากอยากเรียนข้าจะส่งให้เรียน หรือจะเป็นทหารข้าก็จะไม่ห้าม”“จะ จริงหรือขอรับนายหญิง”“อืม...ข้าไม่เคยพูดปด แต่ว่า...ข้าไม่ชอบคนขโมยของ หรือหากคิดจะหักหลังข้า หากพวกเจ้าทำสิ่งที่จะได้รับ มีเพียงความตายเท่านั้น” หรูอวี้จ้องมองพวกเขาอย่างแข็งกร้าว แววตาของนางน่ากลัวจนเด็กหนุ่มและป้าจิ้นสั่นสะท้านออกมาราวกับว่าคำว่าความตายที่หลุดออกมาจากปากนาง พวกเขาได้ตายไปแล้วจริงๆ“ขอรับ ข้าสาบานด้วยชีวิต” เสี่ยวซานคุกเข่าลงยกมือขึ้นสาบาน อีกสองคนที่เหลือก็ทำตามเขาเช่นกัน“เอาเถิด วันนี้เจ้ากลับไปพักเสีย พรุ่งนี้เช้ามาพบข้าอีกครั้ง” ทั้งสามถอยออกไป“ท่านป้าจิ้น ในเรือนไม่มีสาวใช้คนอื่นแล้วรึ” นางเห็นว่าไม่ว่าเรื่องอันใด ก็ล้วนแต่เป็นป้าจิ้นที่จัดการ“มีไม่กี่คนเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพไม่ชอบให้มีสตรีอยู่ในจวน ที่เห็นอยู่ก็เป็นภรรยาของอดีตทหาร หรือไม่ก็บุตรสาวของพวกนาง แต่พอครบอายุออกเรือน ต่างก็แต่งออกไปทั้งสิ้น ตอนนี้มีเด็กสาวอายุสิบหนาวอยู่สองสามคนเจ้าค่ะ”“อืม...ข้าเห็นว่าป้า
อำนาจการตัดสินใจเรื่องจะเจรจาไม่ใช่หน้าที่ของจ้าวลู่ฉือ เขาจำต้องส่งเรื่องเข้าเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้ก็เป็นการพักรบของทั้งสองแคว้น เพื่อรอราชโองการ ว่าฮ่องเต้จะตรัสสินพระทัยเช่นไร“อวี้เออร์ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ หากอยู่ที่ค่าย เจ้าจะมิสะดวกนัก” ด้วยตอนนี้ไม่มีเรื่องใดให้หรูอวี้นางจัดการแล้ว หากนางไปอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ จะได้มีบ่าวไพร่คอยดูแลนาง“อืม ก็ดี”“เช่นนั้นก็เตรียมตัวเถิด ข้าจะไปส่งเจ้าเอง”“ให้เสี่ยวฟ่านไปก็ได้ ท่านยังต้องมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก”“เรื่องใดจะสำคัญ เท่ากับเรื่องของเจ้ากับลูก ข้ายังต้องไปสั่งงานพ่อบ้านในจวนด้วย”“อืม พูดมาก ไปได้แล้ว” หรูอวี้นางเพิ่งจะรู้จักความเขินอาย เมื่อถูกสายตาของจ้าวลู่ฉือมองมาที่นางเต็มไปด้วยความลุ่มหลงจ้าวลู่ฉือ พาหรูอวี้ออกไปอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ ในเมืองเป่ยจิน ตอนนี้สภาพเมืองเงียบราวกับไร้ผู้คนอยู่อาศัย มีเพียงขอทานไม่กี่คนที่หลับนอนอยู่หน้าร้านขายของที่ปิดสนิทหรูอวี้เห็นสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสามที่มองมาทางนางอย่างมีความหวัง มันทำให้นึกถึงสายตาของตนเองและสหายที่อยู่ในองค์กรยามนั้นนางก็มีสายตาเช่นนี้ เมื่อเห็
หลังจากที่ตระกูลกงรับเซี่ยหรันเซียนเข้าจวน กงจวิ้นและทุกคนก็เอาอกเอาใจนางอย่างดี จนนางเริ่มเรื่องก่อนหน้านี้ที่กลัวว่าเขาจะรังเกียจไปเสียสนิทจนเมื่อเกิดเรื่องร้ายกับตระกูลสวี กงจวิ้นกลับมาอาละวาดด่าทอเซี่ยหรันเซียนที่เรือนของนางอย่างไม่ไว้หน้า“การที่ข้าแต่งเจ้าเข้าจวน นับเป็นเรื่องโชคร้ายที่สุดของชีวิตข้าแล้ว”“กรี๊ดดดด ท่านพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ตำแหน่งของท่านและท่านพ่อสามี ก็เป็นท่านตาข้าที่จัดการให้ แล้วมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีกรึ” หรูอวี้ขว้างปาข้าวของที่พอจะหาได้ใส่ตัวของกงจวิ้น“เหอะ นับจากนี้จงอยู่อย่างเจียมตัวภายในเรือนเสีย ข้าจะรับเยี่ยเออร์ เข้ามาเป็นฮูหยินรอง”“ท่านบ้าไปแล้ว!!! ข้าเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่ถึงเดือน อาเยี่ยนางก็เป็นสหายของข้า พวกท่านกล้าหักหลังข้าเช่นนั้นรึ”“แล้วอย่างไรเล่า ที่ข้าแต่งเจ้าไม่ใช่เป็นเพราะตระกูลสวียื่นตำแหน่งขุนนางให้ข้าหรอกรึ ลองดูสภาพเจ้าตอนนี้ คิดว่ามีบุรุษใดยังต้องการเจ้าอีกรึไม่” เขายิ้มเยาะที่มุมปาก เมื่อเห็นฟันหน้าที่หายไปของนาง ขนทั่วร่างของตั้งชันเสียแล้ว“กรี๊ดดดดดดด” เซี่ยหรันเซียนกรีดร้องออกมาเสียงดัง นางไม่คิดว่าความหลงใหลก่อนหน้าที่เ
หรูอวี้นางไม่เอ่ยตอบ ได้แต่นั่งเงียบ นางยังไม่รู้เลยว่าอารมณ์ของตนเองยามนี้เป็นเช่นใด เหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่ยอมร้อง อยากจะโวยวายก็ไม่อยากจะทำ จึงได้แต่นิ่งเงียบไปเสียเฉยๆ“หากเจ้าไม่บอกว่าเป็นอันใด ข้าจะไปถามหัวหน้าหมอประเดี๋ยวนี้” จ้าวลู่ฉือเริ่มจะมีโทสะ เมื่อหรูอวี้นางเอาแต่นิ่งเงียบ“ไม่ต้อง อาฉือ ข้า ข้าตั้งครรภ์” นางมองเขา พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หรูอวี้นางไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันทั้งดีใจ ทั้งหวาดกลัว ไม่รู้ว่าการที่นางถูกเลี้ยงมาจากองค์กรที่โหดร้าย จะทำให้นางเลี้ยงเด็กที่จะเกิดมาได้หรือไม่ นางจะแสดงความรักกับเขาเช่นใดดี นางได้กังวลไม่รู้จบจ้าวลู่ฉือชะงักนิ่งอยู่กับที่ ยิ่งเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง เขาก็ยิ่งตกตะลึง“ข้ากลัว” นางเอ่ยบอกเขาเสียงสั่น“อวี้เออร์” เข้าดึงนางเข้ามาสวมกอด “เจ้ากลัวสิ่งใด มีข้าอยู่เจ้าต้องกลัวเรื่องอันใด หากกลัวว่าท่านตากับท่านแม่เจ้าจะตำหนิ ข้าจะออกรับแทนเอง” เขาสวมกอดนางแน่นขึ้น เมื่อคนในอ้อมแขนเริ่มสะอื้นจนตัวโยน“มิใช่ ขะ ข้า ข้ากลัวว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดี” นางผู้ที่ไม่เคยได้รับความรัก ก็ไม่รู้ว่
Komen