"พื้นที่!" ในที่สุดเธอก็มีพื้นที่ว่างติดตัวมาเหมือนกับนางเอกนิยายย้อนอดีตหลาย ๆ คนแล้ว! พื้นที่ว่างของเธอคล้ายกับห้างแอคโคร่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไม่มีผิด! ......... เมื่อหญิงวัยเลขสี่ได้ย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของปิ่นแก้ว สาวน้อยที่มีชีวิตยอดเยี่ยมชนิดที่ต้องชูนิ้วกลางขึ้นฟ้า เอาล่ะ!! ในเมื่อชะตาเล่นตลกแบบนี้ เธอก็จะขอเป็นนางสาวปิ่นแก้วในแบบของตัวเองดูสักตั้ง ----- ++นิยายชายหญิง ++แนวย้อนอดีต ++แนวบรรยาย slice of life อ่านสบาย ๆ ไม่มีดราม่า ไม่มีมือที่สามให้ปวดใจ ++ไม่มี NC
ดูเพิ่มเติม“แก้วเอ๊ย ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างมาอย่างเวทนา
“ยังอายุน้อยอยู่แท้ ๆ” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวเสริมขึ้นมา
“เฮ้อ...ไม่รู้บ้านนี้มีอาถรรพณ์อะไร มีงานขาวดำไม่หยุดหย่อน แล้วใครจะเป็นเจ้าภาพงานศพล่ะทีนี้ แก้วก็ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว”
“แม่เดือน ฉันว่าเรามารับเป็นเจ้าภาพเพื่อทำบุญให้แก้วเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ ค่างานศพคงไม่กี่บาทหรอก”
“ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก้วมัน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอแต่ความทุกข์แบบนี้” วงเดือนเห็นด้วยกับสามี
“เฮือก!”
เสียงสูดหายใจเข้าลึกของหญิงสาวที่ตอนแรกนอนหมดลมหายใจไปแล้ว ทำเอาวงเดือน คำปัน และชายหนุ่มร่างสูงวัยยี่สิบเอ็ดปี รวมไปถึงชาวบ้านอีกสองสามคนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ต่างอยู่สะดุ้งโหยงไปตาม ๆกัน วงเดือนถึงกับตัวสั่นและขยับตัวเข้าไปชิดสามีและลูกชายด้วยความตกใจ
“ก..ก..แก้ว!” วงเดือนเอ่ยเรียกหญิงสาวปากคอสั่น
หลังจากสูดหายใจเข้าไปอีกเฮือกใหญ่ พิริยาจึงค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้น ภาพที่ตกกระทบสายตาภาพแรกคือหลังคาใบจากและขื่อไม้สีน้ำตาลที่ดูเก่าและทรุดโทรม ตรงขื่อมีผ้าฝ้ายเส้นหนาสีหมองผูกเป็นรูปบ่วงเอาไว้
นี่เธออยู่ที่ไหนกัน จำได้ว่าเธอขาดสติเผลอขับรถไปขวางทางปืนให้ชายแก่ท่าทางดูดีคนหนึ่งนี่นะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าได้รับบาดเจ็บแล้วมีคนพามารักษาตัวที่นี่?
“พ..พี่ปัน เข้าไปดูหน่อยสิ” วงเดือนที่ยังไม่หายจากอาการหวาดผวารีบผลักสามีเข้าไปใกล้ร่างหญิงสาว
คำปันเหงื่อแตกพลั่กแต่ไม่ลืมเหล่ค้อนภรรยา เขาค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างหญิงสาวแบบไม่เต็มใจ
“ก..แก้ว ต..ตายแล้วหรือยังเป็น?”
เมื่อได้ยินเสียงคนพูดอยู่ใกล้ ๆ พิริยาจึงค่อย ๆ เบือนหน้าของตัวเองไปยังทิศทางของเสียง และเธอก็ได้เห็นชายวัยเกือบห้าสิบ ผิวสีดำแดง รูปร่างสันทัด กำลังมองเธอด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ใคร? แล้วเป็นหรือตายคืออะไร? แล้วแก้วคือใคร? พิริยาส่งสายตาที่ว่างเปล่ามองไปยังชายสูงวัยคนนั้นด้วยความสับสนเป็นอย่างยิ่ง
-----
ได้อยู่คนเดียวแล้ว
พิริยาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะมองตามหลังผู้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินลงจากเรือนไป หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ชวนอึกทึกและสับสนวุ่นวายมากว่าหนึ่งชั่วโมง เธอจึงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทั้งหมด
เธอได้มาเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาววัยสิบหกปีที่ชื่อปิ่นแก้ว ถึงเธอจะชอบอ่านนิยายแนวย้อนอดีตมากแค่ไหนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปมีชีวิตเหมือนนางเอกในนิยายก็ได้นี่!
แล้วนี่ก็ไม่ใช่การย้อนอดีตแบบธรรมดา เป็นการย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2525!!
ชีวิตของพิริยาเกิดมาบนกองเงินกองทองเรียกว่าใช้ทั้งชาติไม่หมด เธอมีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่รักและทุ่มเททุกอย่างให้เธอ เรียกว่าแค่ขยับปากเบา ๆ ทุกสิ่งที่เธอต้องการก็จะมาตั้งอยู่เบื้องหน้าทันที
แต่การมีชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองของเธอต้องแลกกับความสูญเสียญาติพี่น้องแบบไม่มีที่สิ้นสุด ญาติพี่น้องในครอบครัวเธอต่างอายุสั้นและทยอยจากไปทีละคน สุดท้ายก็ทิ้งเธอให้อยู่เดียวดายเพียงลำพังเท่านั้น
หลังจากนั้น พิริยาก็ได้กลายเป็นคนเก็บตัว เธอไม่ยอมคบหากับใครและไม่ยอมสร้างครอบครัวกับใคร เพราะเธอกลัวความสูญเสีย เธอไม่ชอบความรู้สึกเสียใจที่เกิดจากการสูญเสียคนที่รัก
พิริยามีแต่ความเศร้าผสมกับความเบื่อหน่าย เธอจึงวนเวียน นอน กิน นอน กิน อยู่แบบนั้น จนน้ำหนักตัวร่วมร้อยในที่สุด แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะการกินของอร่อยช่วยให้เธอคลายเศร้าได้ หากเธอต้องตายเพราะกินอาหารเกินขนาดก็ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว
แต่แล้วความปรารถนาก็ไม่เป็นผล เนื่องจากอาหารในบ้านเริ่มร่อยหรอ เธอจึงขับรถออกจากบ้านเพื่อไปที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ระหว่างจอดรถรอออกจากซอย เธอก็เห็นภาพการไล่ล่าของรถยนต์สองคัน คันที่โดนไล่ล่าขับโดยชายสูงอายุท่าทางภูมิฐาน ส่วนคันที่ไล่ตามหลังขับโดยชายหนุ่มหน้าเหี้ยมสวมแว่นตาดำ และมีผู้ชายอีกคนที่นั่งคู่กันกำลังถือปืนเตรียมยิงไปที่คันข้างหน้า
ภาพนี้เหมือนกับซีรีส์ที่เธอเพิ่งดูเมื่อคืนตอนมือปืนกำลังไล่ล่าตามฆ่าบุคคลสำคัญอยู่ พิริยาตกตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า เหมือนผีจับยัด ความอยากเป็นพลเมืองดีได้จู่โจมเข้ามาในความคิดของเธอแบบกะทันหัน เธออยากช่วยชายสูงอายุคนนั้นให้รอดตาย แต่จะช่วยอย่างไรดี?
เมื่อรถทั้งสองคันขับผ่านเธอไป ชายสูงอายุที่โดนไล่ล่าก็ตัดสินใจยูเทิร์นรถตรงแยกข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาทางปากซอยที่พิริยาจอดรถอยู่ เธอจึงเห็นโอกาสและตัดสินใจเหยียบคันเร่งพุ่งออกจากซอย แล้ววิ่งรถตัดขวางถนนตรงไปยังอีกฝั่ง เพื่อนำรถของตัวเองเข้าขวางทางระหว่างรถสองคัน แล้วก็สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ หลังจากนั้นเธอก็ตาย!
พิริยาเคาะหัวและด่าในความโง่เง่าของตนเอง อยู่ดีไม่ว่าดี แทนที่จะไปได้ซื้อของอร่อย ๆ ที่ห้างสรรพสินค้า กลับเลือกที่จะขับรถไปขวางทางรถอีกคันจนตัวเองตายไปแบบนี้ เจ็บใจตัวเองนัก!
พิริยาถอนหายใจดังเฮือกระหว่างเงยหน้ามองไปรอบบ้านหลังใหม่ของเธออย่างอดสูใจ ไม่รู้บุญหรือบาปที่ต้องมาอยู่ในร่างของนางสาวปิ่นแก้วคนนี้
ชีวิตของนางสาวปิ่นแก้วเจ้าของร่างนี้น่าอดสูเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวมีหนี้สินล้นเนื่องจากปู่และย่าสร้างหนี้ไว้แล้วก็ตายจาก พ่อและแม่ของปิ่นแก้วจำต้องทำงานงก ๆ หาเงินใช้หนี้ในทุกเดือน
พ่อและแม่ของปิ่นแก้วมีอาชีพทำนา ทำสวน ปลูกผัก ปลูกข้าวเลี้ยงชีพ รายได้จากการขายข้าวจะได้รับแค่ปีละสองครั้ง ระหว่างรอเงินก้อนจากการขายข้าว พ่อและแม่ก็ปลูกผักสวนครัวไปขายที่ตลาดเพื่อหารายได้ไว้ใช้จ่ายประจำวันและจ่ายหนี้รายเดือนของครอบครัว พวกเขาจึงไม่เหลือเงินเก็บ เรียกว่าจนแบบไม่ได้ผุดได้เกิด พิริยาไม่ถูกใจสิ่งนี้!
แม้จะกระเบียดกระเสียรกันแค่ไหน แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ยังคำนึงถึงอนาคตของลูกสาวคนเดียว จึงกัดฟันส่งลูกเรียนเพื่อให้มีความรู้ติดตัว ตอนนี้ ปิ่นแก้วกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ทั้งคู่ตั้งใจจะส่งลูกให้เรียนอย่างน้อยที่สุดคือจบมัธยมศึกษาปีที่หกเพื่อที่เธอจะได้สามารถประกอบอาชีพที่ดี ๆ และสุขสบายในอนาคต
แต่แล้วความตั้งใจของทั้งคู่ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน พ่อและแม่ของปิ่นแก้วมีอันต้องจบชีวิตไปพร้อมกันเพราะโดนฟ้าผ่าระหว่างที่กำลังไถนาอยู่กลางทุ่ง
เนื่องจากขาดเสาหลักของครอบครัวไป เจ้าของร่างเดิมถึงกับหัวใจสลาย หลังงานศพของพ่อและแม่ เธอก็จำต้องขายที่นาและที่สวนทั้งหมดเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ ตอนนี้มีเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ บนเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งงานหลังนี้เท่านั้นที่เป็นสมบัติติดตัวของเธอ
และเหมือนสวรรค์ยังเห็นว่าเธอใจสลายไม่พอ ยังยัดเยียดอาการอกหักให้เธออีก ปิ่นแก้ววัยสิบหกปีมีคนรักอยู่แล้วชื่อมานะ มานะเป็นหนุ่มรุ่นพี่วัยยี่สิบเอ็ดปี อาศัยในหมู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวของมานะถือว่าฐานะดีที่สุดในหมู่บ้าน และตอนนี้ชายหนุ่มก็กำลังเรียนต่อที่วิทยาลัยครูประจำจังหวัด m จังหวัดใหญ่ที่อยู่ติดกัน เรียกได้ว่าถ้าเรียนจบ อนาคตของมานะก็จะมีแต่คำว่าเฟื่องฟูอย่างแน่นอน
เมื่อเล็งเห็นถึงอนาคตอันสดใสของลูก พ่อและแม่ของมานะจึงไม่ชอบปิ่นแก้วแม้แต่น้อย เพราะเธออาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขวางหนทางของลูก ทั้งคู่จึงคัดค้านการคบหานี้มาโดยตลอด ในช่วงที่ผ่านมา มานะไม่เคยสนใจคำคัดค้านของพ่อกับแม่เลย จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันและที่สำคัญเพื่อนคนนี้เป็นลูกสาวของครูใหญ่โรงเรียนประจำอำเภอแห่งนี้อีกด้วย มานะจึงเปลี่ยนใจหันไปรักใคร่ชอบพอผู้หญิงคนนี้อย่างง่ายดาย
การสะบั้นรักจากมานะถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของปิ่นแก้ว เธอไม่ต้องการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปจึงตัดสินแขวนคอตายในวันนี้ ต่อจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น พิริยาได้มาสวมร่างและต้องใช้ชีวิตอยู่ในนามของผู้หญิงชื่อปิ่นแก้วตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป
พิริยาเป่าปากอย่างไม่สบอารมณ์ โจทย์ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมถือว่ายากมาก ถ้าเปรียบเป็นระดับการศึกษา ถือเป็นระดับโพสต์ดอกเตอร์ได้เลย
“ตอนนี้ดินดื่มเหล้าหนักมาก เห็นว่าทะเลาะกับคนรักเรื่องทำงานทำการอะไรนี่แหละ” ไพจิตรเปิดปากเล่ารายละเอียดให้ฟัง“คนรักของดินไม่พอใจที่เขาคิดแต่จะมาปลูกผัก ขายผักหาเลี้ยงชีพ ผู้หญิงคนนั้นอยากให้ดินไปทำงานราชการด้วยกันมากกว่า ตอนแรกดินไม่ยอมเลยทะเลาะกันใหญ่โต หลังจากนั้นได้ข่าวว่าดินเวียนเข้ามาในตัวเมืองเพื่อตามง้อ แต่ก็ไม่เป็นผล คงรู้สึกเสียใจผิดหวังมากเลยหันไปพึ่งเหล้าเพื่อดับกลุ้ม” ไพจิตรเอ่ยอย่างเข้าใจเพราะเธอเคยเป็นมาก่อน“ในที่สุดดินก็ยอมแพ้ ตัดใจจะเข้าไปทำงานราชการตามคำขอของคนรัก แต่ก็มีปัญหาอีกว่าถ้าอยากได้ตำแหน่งต้องจ่ายเงินหลายหมื่น ดินเขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนแรกคิดจะยอมแพ้ ก็เป็นฝ่ายหญิงอีกนั่นแหละที่ไม่ยอม กดดันให้ดินหาเงินก้อนนี้มาให้ได้ ดินเขาเลยหันไปหาเหล้าหนักขึ้น”หลังจากให้เงินสามหมื่นบาทไปเมื่อวาน และวันนี้เป็นวันหยุดซึ่งไพจิตรเข้ามาขายเสื้อผ้าในตัวเมือง เธอจึงออกมาถามเรื่องนี้ตั้งแต่เช้า“แบบนี้นี่เองพี่ดินถึงคิดเข้าทำงานราชการ” ปิ่นแก้วพึมพำไพจิตรกล่าวเสริม “พี่เดือนกับพี่ปันทนเห็นลูกเอาแต่เมาหัวราน้ำไม่ได้
“แก้ว พ่อหาบ้านแถวริมคลองต้นลุงให้ได้แล้วนะ” วิภาวีมาหาปิ่นแก้วที่ร้านในตอนเย็นหลังเลิกเรียนปิ่นแก้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก็เข้าใกล้ความฝันไปทีละน้อยแล้วในช่วงระหว่างวันที่อยู่ว่าง เธอมักจะเดินสำรวจรอบตัวเมืองอยู่เสมอเพื่อหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับเปิดคาเฟ่ บวกกับการเปิดดูคลิปเกี่ยวกับประวัติของเมืองนี้ เธอถึงพบว่าเขตเศรษฐกิจสำคัญของตัวเมืองจะมีอยู่สองจุด อยู่ติดน้ำทั้งคู่จุดแรกคือถนนเลียบคลองต้นลุง ซึ่งในยุคปี พ.ศ.2525 ได้เริ่มกลายเป็นแหล่งเดินซื้อของ แหล่งหาอะไรกินของผู้คนในตัวเมืองบ้างแล้ว และความนิยมนี้มีต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงยุคอนาคตที่เธอจากมา ถนนเส้นนี้ถือเป็นทำเลทองอย่างแท้จริงส่วนจุดที่สองนั้นคือถนนริมชลซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านหลายจังหวัด แต่ปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาเนื่องจากติดปัญหาเรื่องน้ำท่วมตลอดทั้งปี ตอนนี้จึงมีแค่กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ต้องรออีกประมาณหกปีนับจากนี้ถนนริมชลถึงได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็นทำเลทองแห่งที่สองของตัวเมืองประจำจังหวัด sปิ่นแก้วสนใจทำเลทองท
“พี่แพง พี่นี พวกพี่รับมือไหวแน่นะ หรือแก้วจะยังไม่ไปดี วันนี้ยังไงก็คงไม่มีเรียนหรอก”“ไม่ต้องห่วงหรอกแก้ว มีคนงานช่วยเยอะแยะ ต่อให้ทำมากกว่านี้อีกห้าร้อยชิ้นก็ยังทำกันเองได้สบาย แก้วรีบไปดีกว่า ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกมันไม่ดีหรอก” แพงไม่เห็นด้วยเมื่อจัดการเรื่องดอกไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้กลับมาอยู่ในตัวเมืองเพื่อดูแลร้านแบบถาวรไม่ได้เทียวไปเทียวมาอีก จวบจนล่วงไปเกือบสองเดือนก็ถึงเวลาเปิดเทอมของเธอเสียทีเมื่อเห็นว่าร้านขนมมีความมั่นคง ส่วนร้านขายเสื้อผ้าก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะมีคนขายที่แข็งขันอย่างไพจิตรอยู่ ปิ่นแก้วจึงวางใจลงและเข้าสมัครเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนในระดับชั้น ม.4 ตามที่เคยสัญญาไว้กับบรรดาผู้ใหญ่หลาย ๆ คนในทันทีแต่เผอิญวันเปิดเทอมวันนี้ได้คำสั่งซื้อขนมสำหรับจัดประชุมเข้ามาห้าร้อยชิ้น ปิ่นแก้วจึงเกิดอาการพะวักพะวน โชคดีที่แพงมีประสบการณ์ในการรับมือเป็นอย่างดี“งั้นแก้วไปก่อนนะพี่ จะรีบไปรีบกลับ”“อ้าวพี่สุวิทย์ สวัสดีค่ะ วันนี้มาหาใครคะ”
ปิ่นแก้วเดินวนเวียนอยู่บริเวณแปลงดอกไม้อย่างไม่สบายใจเลยสักนิด เธอรู้ว่าเธอผิดที่แอบเผลอใจไปชอบแดนดินแบบนั้น เมื่อนึกถึงเสียงทะเลาะกันของแดนดินและแพรวพรรณยามเมื่อเธอเดินออกจากบ้านเขามาตอนหัวค่ำ ความไม่สบายใจก็ยิ่งเพิ่มทบทวีเธอไม่คิดที่จะแย่งหรือแยกทั้งคู่ออกจากกันเลยเพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แดนดินไม่ได้รักเธอ และปิ่นแก้วก็ไม่ได้มีนิสัยแย่ถึงกับแย่งของของคนอื่นมาเป็นของตนเธอเพียงแค่อยากเก็บความมีน้ำใจและความใจดีที่ชายหนุ่มมีให้เอาไว้ในใจเธออย่างเงียบ ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวยังเก็บไว้ไม่มิดพอจนโดนแพรวพรรณจับได้แบบนี้ แต่ก็อย่างว่า ผู้หญิงมักจะมีเซ้นส์พิเศษเสมอในเรื่องแบบนี้“แก้ว”ปิ่นแก้วสะดุ้งเบา ๆ ก่อนเหลียวไปตามเสียงเรียก“พี่ดิน ยังไม่นอนอีกเหรอคะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว” เธอถามด้วยความรู้สึกหวิวโหวง“พี่นอนไม่หลับน่ะ แล้วเห็นแก้วพอดี เลยอยากมาคุยด้วย”“พี่อยากขอโทษแทนพรรณอีกทีนะกับเรื่องเมื่อหัวค่ำ แก้วอย่าโกรธเธอเลย พรรณดูเป็นคนเจ้าอารมณ์แบบนั้นแหละแต่ใจจริงไม่ได้
“แก้ว ไม่เจอกันหลายเดือน รู้ไหมว่าป้าคิดถึง” วงเดือนทักขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้าประตูครัวมา“สวัสดีค่ะป้า ลุง สบายดีกันทั้งคู่นะคะ”“สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ เมื่อคืนลุงกับป้ายังบ่นคิดถึงแก้วอยู่เลย ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” คำปันเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“ช่วงนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่งแล้ว แก้วเลยกะจะมาอยู่บ้านสักสองอาทิตย์ จะมาจัดการดอกไม้ที่ปลูกทิ้งไว้ด้วย”“ดอกพวกนั้นหอมจริง ๆ นะแก้ว กลิ่นฟุ้งไปหมด ขนาดตอนนี้ยังได้กลิ่นเลย ลองสูดดูสิ”“แล้วแก้วจะตัดไปขายหรือไปแต่งร้านล่ะ แต่เยอะขนาดนั้นคงเอาไปแต่งไม่ไหวมั้ง ล้นร้านพอดี”ปิ่นแก้วหัวเราะ “แก้วตั้งใจจะเด็ดมาตากแห้งค่ะ เอาไว้ชงเป็นชาดื่ม”คำปันทำหน้าฉงน “ดอกพวกนี้กินได้? ไม่มีพิษเหรอ?”“กินได้ค่ะ เป็นดอกไม้ประเภทกินได้ ดอกพวกนี้คนนิยมนำมาทำเป็นชา โดยเฉพาะคนในประเทศ C รวมถึงประเทศ J ด้วยจะนิยมดื่มกันมาก แก้วโชคดีได้เมล็ดพันธุ์มา เลยลองปลูกดู ถ้าผลผลิตดีแก้วว่าจ
“ทำไมวันนี้แม่เลี้ยงปิ่นแก้วปลีกตัวมาแถวนี้ได้” มาลีที่นั่งอยู่ในร้านด้วยเอ่ยปากกระเซ้า การได้เห็นมาลีและสุขมานั่งช่วยขายเสื้อผ้ากลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วสำหรับผู้คนแถวนี้ แม้จะไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ แต่ผู้สูงวัยทั้งสองคนก็ยังเต็มใจมาช่วยทุกสัปดาห์ เพราะรู้สึกสนุกที่ได้ขายและพบเจอผู้คน ดีกว่านั่งเบื่ออยู่ที่บ้านอีกอย่าง เพราะทั้งสองคนรู้สึกถูกชะตากับไพจิตรและชิงชัยเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อได้รับรู้ถึงสภาพชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ มาลีและสุขยิ่งรู้สึกสงสารและอยากมีปฏิสัมพันธ์กับแม่ลูกคู่นี้ให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต“แม่ล้งแม่เลี้ยงที่ไหนกันเล่าคะป้าลี นี่ก็ปิ่นแก้วคนเดิมคนที่เคยนั่งทำตาแดง ๆ กับป้าในวันที่เราเจอกันครั้งแรกไง” ปิ่นแก้วพูดแก้ขวย“จะไม่ใช่ได้ยังไงจ๊ะ ตอนนี้ลองไปสะกิดถามผู้คนแถวนี้ดูเถอะ มีใครบ้างไม่รู้จักร้านหวานใจ ร้านขนมอันดับหนึ่งของจังหวัด ยิ่งเมื่อตอนสิ้นปี ได้ข่าวว่าชุดกล่องของขวัญของร้านนี่ขายดิบขายดี วันหนึ่งร้อยชุดไม่พอขายเลยไม่ใช่เหรอ” มาลีพูดพร้อมกับหัวเราะร่วน สุขก็นั่งยิ้มและพยักหน้าไปกั
ความคิดเห็น