หลินเยว่ เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำหอมชื่อดังในเมืองจีน ธุสินค้าของเธอเป็นที่นิยมจนทำให้เธอมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่เธอต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะ เทพชะตาพาวิญญาณไปผิดคน "ชดใช้ให้ฉันเลย"
View More“คุณหลินเยว่ ยินดีด้วยค่ะ กับยอดขายสินค้าตัวใหม่”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ฉันตั้งใจทำอย่างมากหวังว่าสินค้าตัวใหม่จะเป็นที่ถูกใจพวกคุณทุกคนค่ะ”
หลินเยว่ยิ้มหวานให้กล้อง พร้อมทั้งก้มหัวขอบคุณลูกค้าที่ให้ความสนใจสินค้าตัวใหม่ของเธอ เพียงเปิดขายในวันแรก ยอดสั่งซื้อจากทุกช่องทางก็ทำให้สินค้าหมดลงในเวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
นับว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเธอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม ครีมทาผิว ครีมอาบน้ำ หรือแต่เครื่องสำอางที่เพิ่งผลิตออกมาจำหน่าย ล้วนแต่ขึ้นเป็นสินค้าขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
นอกจากกลิ่นหอมที่ติดทนแล้ว สินค้าของเธอยังนับว่าช่วยอุดหนุนเกษตรกรในประเทศอีกด้วย วัตถุดิบทั้งหมดของเธอใช้ของที่ปลูกในประเทศไม่นำเข้า ทุกขั้นตอนการผลิตเธอเข้าไปควบคุมด้วยตนเอง เป็นการถ่ายคลิปโปรโมตสินค้าของเธอไปในตัว
และวิดีโอที่เธอนำมาเผยแพร่ยังดึงดูดความสนใจของคนทั่วประเทศได้มากมาย เธอนำวิธีการทำเครื่องหอมในยุคโบราณมาประยุกต์เข้าด้วยกัน บางกลิ่นจึงให้คนที่ติดตามร่วมสร้างสรรค์ไปกับเธอด้วย
เพียงเท่านี้ ผลิตภัณฑ์ของเธอก็ครองใจผู้คนไปได้มากกว่าที่จะคาดคิด
คืนนี้เธอจึงจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับพนักงานทุกคน ที่เหน็ดเหนื่อยมานับเดือน เพื่อที่จะทำให้สินค้าตัวใหม่ออกวางขายได้ตามกำหนด
นอกจากจะเลี้ยงขอบคุณพนักงานแล้ว เธอยังให้พนักงานได้ร่วมสนุกจับรางวัล ภายในงานแต่ละคนสนุกสนานรวมทั้งมึนเมาไม่น้อย
“คุณหลินเยว่คะ เรียกรถให้เรียบร้อยแล้ว ฉันจะออกไปส่งคุณที่หน้าร้านนะคะ” เลขาคนสนิทของหลินเยว่ เดินไปส่งเธอที่หน้าร้าน
เพราะดื่มไปไม่น้อย แม้จะไม่ถึงกับเมาไม่ได้สติ แต่เธอก็ไม่อยากเสี่ยงขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง คิดว่าเรียกรถรับจ้างให้มารับน่าจะดีที่สุดแล้ว
แต่ใครจะคิดว่าคนจะซวยยังไงก็ซวย อีกเพียงไม่นานหลินเยว่เธอก็จะถึงบ้านแล้ว แต่รถรับจ้างที่เธอเรียกมาเกิดเสียหลัก พุ่งเข้าไปชนกับรถที่สวนมาอย่างแรง ทำให้เธอหมดสติไปทันที
“โอวโยว ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นตัวซวย เจ้าสาวมาถึงเรือนก็ตายเสียแล้ว” นางฮั่วซื่อกรีดร้องพร้อมทั้งชี้หน้าตาว่าหลายชายของนาง
“...” จางเลี่ยงรุ่ยเม้มปากแน่น ตอนที่เขาเดินไปรับนางลงจากเกี้ยวเจ้าสาวที่หน้าเรือน นางก็ไม่ได้สติแล้ว
ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่านางเป็นตายร้ายดีเช่นไร แต่ท่านย่าก็เอาแต่ต่อว่าเขาไม่จบสิ้น ทั้งที่ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ทำร้ายนางเสียหน่อย
“ซวย ซวย งานมงคลแท้ๆ ข้ารึ อุตส่าห์เสียเงินแต่งบุตรสาวคหบดีเข้าเรือน แล้วจะทำเช่นไรดี” นางฮั่วซื่อยังไม่ยอมที่จะหยุดโทษหลานชาย
ทั้งๆ ที่นางก็รู้ดีว่า เกาหลินเยว่ นางโดนแม่เลี้ยงวางยาก่อนจะจับขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นางยังรับเงินมาจากนางเจินซื่อถึงร้อยตำลึงทอง แล้วจะบอกว่าเสียเงินไปได้อย่างไร
หลินเยว่ตอนนี้เธอรู้สึกตัวแล้ว เพียงแต่ยังไม่กล้าลืมตา เธอนอนฟังมานานพอดูแล้ว จึงได้รู้ว่าเธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างของสตรีที่มีชื่อเดียวกับเธอ
แล้วถูกมารดาเลี้ยงร่วมมือกับนางฮั่วซื่อผู้เป็นย่าของเจ้าบ่าวของนางเอง เกาหลินเยว่ นางสิ้นใจลง เพราะยาที่ถูกนางเจินซื่อให้กินเมื่อคืน ตอนที่ถูกจับแต่งตัวยัดเข้าเกี้ยวนางจึงได้สิ้นใจระหว่างการเดินทาง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย หลินเยว่ได้แต่นอนคิดทบทวน เรื่องต่างๆ ที่เข้ามาในหัวของเธอ
เกาหยวนผู้เป็นบิดา นับตั้งแต่มารดาของเกาหลินเยว่สิ้นใจลงก็เลี้ยงดูนางมาอย่างทิ้งขว้าง ยิ่งเจอมารดาเลี้ยงเช่นนางเจินซื่อด้วยแล้ว ในจวนก็ราวกับนรกดีๆ นี่เอง
คงมีเรื่องเดียวที่นางคิดว่าโชคดี ก็คงเป็นสัญญาหมั้นหมายที่มารดาจัดการไว้ก่อนที่นางจะสิ้นใจ
แต่นางไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องดีๆ ที่นางคิดว่าโชคดี จะเลวร้ายกว่าเรื่องที่เคยพบเจอมา เมื่อตู้ฮุ่ยเหอคู่หมั้นของนาง แอบปันใจให้น้องสาวต่างมารดา จนถึงขั้นคิดแผนการเช่นนี้มาจัดการตัวนาง
ทั้งเรื่องที่โดนวางยาและเรื่องความเสียใจในโชคชะตา ทำให้เกาหลินเยว่ตรอมใจจนเสียชีวิต วิญญาณของหลินเยว่ที่อยู่อีกภพจึงเข้ามาสวมร่างแทน
“สวรรค์ ท่านกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว” หลินเยว่กัดฟันแน่นอย่างแค้นใจ ชีวิตหน้าที่การงาน ชื่อเสียงของเธอกำลังไปได้ด้วยดี แต่มาเกิดเรื่องเช่นนี้หมายความว่ายังไง
เมื่อเขามีครอบครัวเป็นของตนเองจึงไม่อยากให้ภรรยาถูกรังแกไปด้วย วันนี้เขาก็รู้จากลูกสะใภ้ว่าหลินเยว่นางต้องซักผ้าให้คนทั้งเรือน ทั้งยังเปิดให้ดูร่องรอยที่นางถูกนางฮั่วซื่อทุบตีอีกด้วย“เอาเถิด เช่นนั้นก็นำที่นาและเงินในส่วนของอาซางมาให้อารุ่ยเสีย” เขาหันไปบอกจางซุนและนางฮั่วซื่อ“เหอะ ข้าไม่ให้ ตั้งแต่มันเกิดมาครอบครัวข้าต้องสูญเสียไปไม่น้อย ตอนจะไปยังคิดจะมาเอาของ ของข้าไปอีกรึ” นางฮั่วซื่อเท้าสะเอวต่อว่าเลี่ยงรุ่ยผู้นำหมู่บ้านก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างยิ่งที่นางฮั่วซื่อดื้อรั้นเช่นนี้ เขากำลังจะอ้าปากต่อว่า แต่เสียงของเลี่ยงรุ่ยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“ท่านลุงจิ่ว ส่วนของบิดาข้า ข้าไม่ต้องการขอรับ แต่ข้าขอส่วนที่เป็นสินเดิมของท่านแม่คืนก็พอขอรับ” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมกับผู้นำหมู่บ้าน“ไปนำมาคืนอารุ่ยเสีย” ผู้นำหมู่บ้านก็เห็นด้วยกับเลี่ยงรุ่ย“ส่วนนี้ก็ไม่ได้” นางฮั่วซื่อหันหน้าไปทางอื่น“เพ้ย ของอาซางก็ไม่ให้ ที่นากับบ้านของอากุ้ยเจ้าก็ไม่ให้อีกรึ เช่นนั้นก็ไปที่ว่าการ ให้ท่านนายอำเภอตัดสินเสีย”จางซุนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าจะไปที่ว่าการ เขาลากตัวมารดาออกไปคุยห่างจากผู้อื่นเล็กน้อย“ท
หลินเยว่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหู นางนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ทำไมถึงได้ดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องได้เล่า“ท่านอาสะใภ้ ท่านพูดให้ดีเสียหน่อย ข้าจะให้ท่าบุตรชายของท่านเพื่ออันใด” หลินเยว่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“หึ ดูเสื้อผ้าของเจ้าสิ เช่นนี้ไม่ใช่ให้ท่าแล้วจะเรียกว่าอันใด”หลินเยว่นางจึงได้ก้มลงมองเสื้อผ้าของนาง นางอดที่จะกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายไม่ได้ เพียงแค่เปิดนิดหน่อย นางไม่ได้แก้ผ้ากวักมือเรียกให้เขาเข้ามาในห้องของนางเสียเมื่อไหร่“เหอะ หากข้าแก้ผ้าเรียกเขาเข้ามาค่อยมากล่าวหาข้า ข้านอนอยู่ในห้องจะให้เสื้อผ้าเรียบร้อยเช่นเดิมก็คงจะแปลก” นางเถียงอย่างไม่ยินยอม“ท่านย่าข้าต้องการแยกเรือน” จางเลี่ยงรุ่ยเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ทั้งหมดจะเถียงกันไปมากกว่านี้“เจ้าว่าอันใดนะ” นางฮั่วซื่อเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ“ข้าต้องการแยกเรือน ในเมื่ออาเฉิงคิดจะเข้าหาอาเยว่ ครั้งต่อไปเขาก็อาจจะทำอีกได้” ครั้งนี้เลี่ยงรุ่ยไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว“เพ้ย เจ้ากล้ารึ”“ต่อให้ข้าแยกออกไปต้องอดตาย ข้าก็ขอไปตายดาบหน้า แต่หากท่านย่าไม่ยอมให้ข้าแยกเรือน ข้าจะนำเรื่องที่อาเฉิงทำในวันนี้ไปแจ้งท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษา”“เจ้า เจ้า
แต่หลินเยว่นางก็ยังร้องออกมา “อู๊ยยย” เมื่อตุ่มน้ำแตกออกนางก็แสบมือไม่น้อย“ใกล้เสร็จแล้ว” เขาเป่าลมใส่มือให้นางอย่างใส่ใจ“อย่าได้พูดเรื่องหย่าขึ้นมาอีกเข้าใจหรือไม่ แล้วก็นำของออกมาวางไว้ที่เดิมด้วย” เขาจับมือของนางไว้ พร้อมทั้งมองนางอย่างคาดคั้น“เลี่ยงรุ่ย ข้าอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่สองวัน ข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงได้ตบตีกับพวกนางแน่ แล้วเจ้าจะทำเช่นไร” นางเอ่ยถามเขาออกมา เพราะรู้ดีว่าเรื่องความกตัญญูของคนในยุคนี้มาเป็นอันดับหนึ่งหากหลานสะใภ้ตบดีกับท่านย่าของสามี ชื่อเสียงของนางและของเขาก็คงจะถูกครหาไม่น้อย ไม่ใช่ว่าจางเลี่ยงรุ่ยจะไม่เข้าใจนาง เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่อาจหาทางออกเรื่องการแยกเรือนออกไปได้“เจ้าใจเย็นอีกนิดได้หรือไม่ ข้ากำลังหาทางจัดการเรื่องนี้อยู่” เขามองนางอย่างขอความเห็นใจเขาก็ไม่อยากจะเสียนางไปเช่นกัน หลินเยว่นางเป็นคนเดียวที่เดือดร้อนแทนเขา เมื่อเขาถูกคนในเรือนรังแกตั้งแต่วันแรกที่พบนาง นางก็เอ่ยถามเขาเรื่องกินข้าวแล้วหรือยัง เหนื่อยมากหรือไม่ นางคงไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่เคยมีผู้ใดพูดกับเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่ไม่น้อย“
เมื่อมาถึงริมแม่น้ำก็มีชาวบ้านอยู่ไม่น้อยที่นั่งซักผ้าอยู่ พอเห็นเลี่ยงรุ่ยแบกตะกร้าผ้ามาให้หลินเยว่ก็อดจะกระซิบพูดคุยกันไม่ได้ บางคนเห็นใจนางที่เป็นถึงคุณหนูแต่ต้องแต่งเข้ามาเป็นหลานสะใภ้ของนางฮั่วซื่อที่ปากร้ายใจแคบ บางคนก็ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นหลินเยว่นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะมองนางหรือนินทานางเช่นไร เมื่อเลี่ยงรุ่ยวางตะกร้าลง นางจึงให้เขาไปดูกับดักสัตว์ที่เขาวางไว้“เจ้าทำไหวแน่หรือ” เขามองนางอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่านางคงไม่เคยซักผ้าเช่นนี้“เอาเถิด ท่านไปจัดการเรื่องของท่านเถิด” นางจะทำไหวได้อย่างไรแต่ในเมื่อต้องการให้นางซัก จะออกมาเป็นเช่นไรก็จะต่อว่านางไม่ได้เช่นกัน“ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาแบกกลับเรือนเอง เจ้าซักเสร็จแล้วรอข้าอยู่ที่นี่เล่า”“อืม ไปเถิด”หลินเยว่นั่งลงที่ก้อนหินริมน้ำ นางนำเสื้อผ้าออกมากองทั้งหมด ก่อนจะเริ่มต้นซักที่ละตัว นางไม่ได้ดูว่าผู้อื่นซักผ้าเช่นไร นางมีวิธีของนางเมื่อสตรีที่อยู่ริมน้ำเห็นการซักผ้าของหลินเยว่ ต่างก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ถึงกับมีสตรีใจกล้าเอ่ยถามนางด้วยว่ากำลังทำอะไร“ภรรยาอารุ่ยเจ้าซักผ้าไม่เป็นรึ เหตุใดถึงทำเช่นนั้น” หลินเยว่ห
หลินเยว่มองหน้าจางเลี่ยงรุ่ยอย่างเหนื่อยใจ “เหตุใดท่านต้องยอมมากถึงเพียงนี้ด้วย”“ต่อให้ท่านย่าจะดุด่าข้าหรือทุบตีข้า อย่างน้อยนางก็ให้ที่หลับนอนและอาหารกับข้าทุกมื้อ” แม้จะกินไม่อิ่มท้องก็ตาม“เลี่ยงรุ่ย ท่านมีทางเลือกอื่นมากมาย เหตุใดต้องทนด้วยเล่า” หากนางโดนกระทำเพียงนี้ไม่รู้ว่าจะทนได้เท่าเขาหรือไม่“ข้าโดนเช่นนี้มาตั้งแต่เล็กแล้ว จะมาบอกว่าตอนนี้ทนไม่ได้ก็คงจะน่าขันไม่น้อย” แววตาของเขาเศร้าลง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนต้องทนโดนโขกสับเยี่ยงทาสมานานนับสิบเก้าปี“ท่านเคยคิดจะแยกบ้านหรือไม่” นางยื่นหน้าเข้าไปถาม“เคย แต่จะแยกไปที่ใดเล่า ท่านย่าคงไม่ยอมแน่” เพราะเขาเป็นแรงงานของบ้านจะให้แยกตัวไปคงไม่มีใครยอม“เอาเถิด เรื่องนี้ค่อยว่ากัน หากเจ้าจะออกไปข้าก็ไม่ห้าม แต่เลี่ยงรุ่ย ข้าไม่เหมือนท่าน ข้าทนการถูกรังแกไม่ได้ หากต่อไปต้องโดนมากกว่านี้ ข้าคงต้องขอแยกทางกับท่าน” นางเอ่ยออกมาตรงๆ ถ้าจะให้ทั้งชีวิตนางมาทิ้งอยู่ในสภาพเช่นนี้นางก็ไม่เอาเช่นกันต่อให้ได้สามีที่ดีเช่นเขานางก็ไม่ต้องการ ต่อไปหากนางคิดจะสร้างตัว ไม่ใช่ว่าต้องยกเงินที่หามาได้ให้ท่านย่าของเขาเสียหมดเลยรึจางเลี่ยงรุ่ยเข้าใจควา
นางฮั่วซื่อจึงร้องเรียกให้นางหงซื่อที่วิ่งออกมาอยู่ที่หน้าเรือน เข้าไปจัดการในห้องครัวแทน“ไม่มีปากหรืออย่างไร ทำไม่เป็นเหตุใดถึงไม่พูด ห๊า” นางชี้นิ้วต่อว่าหลินเยว่เสียงดัง“ท่านไม่ได้ถามข้าว่าจุดไฟเป็นหรือไม่ ท่านถามเพียงแค่ว่าข้าทำอาหารได้หรือเปล่า” นางเถียงออกมาเสียงเบา“โอวโยว เจ้า เจ้าโง่เสียจริง เพียงจุดเตาก็ทำไม่ได้ ยังจะมาเถียงข้าอีก” นางฮั่วซื่อคว้าไม้ที่อยู่ใกล้มือได้ก็วิ่งเข้ามาตีหลินเยว่ทันทีนางจะวิ่งหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงได้ถูกไม้หวดไปที่ลำตัวถึงสองที แต่พอจะหันไปแย่งไม้กลับมา เลี่ยงรุ่ยที่เห็นควันไฟจากเรือนของตนก็รีบร้อนกลับมาที่เรือน เพราะกลัวว่าหลินเยว่นางจะก่อเรื่องมาถึงก็เห็นว่านางกำลังถูกท่านย่าทุบตีอยู่จึงได้เอาตัวเข้ามาขวางไว้ ทำให้ไม้ที่ฟาดลงมาอย่างแรงฟาดไปถูกหัวคิ้วของเขาจนเลือดไหลอาบออกมาอย่างน่าหวาดกลัว“เลี่ยงรุ่ย” หลินเยว่ร้องออกมาอย่างตกใจ นางรีบเข้าไปดูเขาทันทีนางฮั่วซื่อโยนไม้ในมือทิ้งอย่างรวดเร็ว นางไม่คิดว่าหลานชายจะเอาตัวเข้ามาขวาง แล้วไม่คิดว่าจะตีโดนหัวคิ้วของเขาจนเลือดออกมามากเพียงนี้“ท่านเป็นย่าของเขาจริงหรือไม่ เหตุใดต้องทุบตีจนได้เลือดด้วย”
Comments