"จากนี้ไปเหมยคือผู้หญิงของกู..! ถ้ามึงไม่ฟังกูจะให้มึงไปเฝ้ายมบาลซะ...ลากตัวมันออกไปให้พ้นหน้ากู..!" กูยอมแล้ว อย่าทำอะไรกูเลย เสียงไอ้ธงโวยวายลั่น "ไม่เป็นไรแล้ว ผมมาช่วยคุณแล้ว" อาชาตอบด้วยน้ำเสีนงอ่อนโยน
ดูเพิ่มเติมสุทธิดา ธรรมรงค์รัก ชื่อเล่นเหมย หรือฉายาเหมยลี่ หญิงสาวอายุ 27 ปีมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยาย ค่อนข้างจะอินโทรเวิร์ดเพื่อนน้อยแต่ส่วนใหญ่มักเป็นเพื่อนแท้
เหมยมักจะชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องแต่งนิยายไปวัน ๆเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ฐานแฟนคลับของเหมย หนาแน่นไปด้วยนักอ่านที่รักและซัพพอร์ต เธอค่อนข้างดังในโลกออนไลน์แต่ไม่มีใครเคยเห็นตัวตนของนักเขียนนิยายคนนี้ที่ชื่อว่า "นิรนามกระดาษสีดำ" ด้วยความเขียนงานที่เป็นเอกลักษณ์จนแฟน ๆ ต้องกรี๊ดแทบจะพากันฟินจิกหมอนในไลฟ์สไตล์การเขียนงานที่ออกแนว bad boy ของพระเอกธงแดงจนออกดำปี๋ เหมยที่แต่งตัวเสื้อยืดตัวโคร่งใหญ่ด้วยกางเกงบอลเลขโปรดของเธอคือเลข 8 เธอบอกว่ามันเป็นเลขมงคลสำหรับเธอ ผมที่ถูกขมวดเป็นปมดูเผิน ๆ เหมือนจะยุ่งรุงรังแต่กลับโดยมีสไตล์สาวแว่น เหมยมีเพื่อนสาวชื่อว่าเจสสิก้า อายุ 27 ปีรุ่นราวคราวเดียวกับเหมย เจสซี่เป็นลูกครึ่งไทยออสเตรเลียที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนเพื่อนรักของเหมย ทั้งสองติดต่อกันผ่านโลกออนไลน์ตลอดระยะเวลาหลายปี ถึงเหมยจะไม่ค่อยมีเพื่อนมาก แต่เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือเจสซี่ วันนี้เจสซี่เพื่อนรักของเธอเดินทางกลับมาเที่ยวประเทศไทยสิ่งแรกที่เจสซี่ทำคือพุ่งตรงไปหาเพื่อนรักอย่างเหมย สาวร่างเล็กที่สวมเสื้อบอลเบอร์ 8 สีแดงพร้อมกับแว่นหนาเตอะ ผมที่ขมวดเป็นปมจนดูยุ่งเหยิงยืนอยู่ที่แอร์พอร์ทสนามบินเพื่อรอรับเพื่อนรักอย่างเจสซี่ สาวสวยมั่นอกมั่นใจหุ่นแซ่บพริกร้อยไร่สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงรัดรูปรอง เท้าบูทสีแดง ผมยาวถึงสะโพก พร้อมกับปากที่ถูกฉีดด้วยฟิลเลอร์จนดูอวบอิ่ม กำลังเดินเฉิดฉายลงมาจากเครื่องบินเท้าแตะถึงแผ่นดินประเทศไทยนั่นคือเจสซี่เพื่อนรักของเหมย "hey you..! เพื่อนรักของฉัน"เจสซี่ที่มักจะวีดีโอคอลหาเหมยเป็นประจำ เพียงแค่มองมาแต่ไกลร้อยเมตรก็จำได้ว่านั่นคือเพื่อนรักของตัวเอง เหมยที่ได้ยินเสียงของเจสซี่ก็หันไปตามเสียงนั้น พร้อมกับส่งรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวให้เพื่อนรัก ไม่ต้องบอกว่าใครเป็นคนวิ่งมากอดกันก่อนแน่นอนว่าต้องเป็นเจสซี่อยู่แล้ว "เธอไม่เห็นบอกว่าจะมารับฉัน"เจสซี่ดีใจที่เพื่อนรักใส่ใจความรู้สึกและแคร์ความรู้สึกของตัวเองมากขนาดนี้ "ก็เซอร์ไพรส์ไงเจสซี่ ปกติฉันไม่ได้ออกมารับใครง่าย ๆ นะจ๊ะ ฉันคิดถึงแกมากเลย แกสบายดีใช่ไหมเพื่อนรัก" คนที่เพื่อนน้อยอย่างเหมย แต่มีเพื่อนที่จริงใจเพียงหนึ่งเดียวก็มากเกินพอ ถึงแม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกับไม่ได้ดูห่างเหินเลยแม้แต่น้อย "ฉันซื้อของมาฝากแกเยอะแยะเลย ฉัันบอกให้อยู่บินไปหาฉันบ้าง แกก็ไม่ยอมมาเลยนะเหมย"เพื่อนรักอย่างเจสซี่ตัดพ้อ "ฉันก็อยากไป แต่ว่าฉันติดต้องส่งต้นฉบับบก.ให้ทันปิดในเดือนหน้า แกดูสภาพฉันก่อนจะเป็นซอมบี้เดินได้อยู่แล้ว.!" สองเพื่อนรักต่างพากันเข็นรถเข็นสัมภาระออกจากสนามบิน โดยมีเหมยเป็นคนขับรถพาเพื่อนรักกลับไปที่บ้านพักที่อยู่ในสวนห่างไกลผู้คน "ยัยเหมยอยู่ยังอยู่ที่เดิมหรอเนี่ย" เจสซี่ที่เดินมาถึงบ้านหลังเดิมที่ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยดอกไม้และรอบ ๆ มีบ่อปลาคาร์ฟที่เหมยรักมากเป็นพิเศษ "ฉันก็อยู่ที่เดิม แกจะให้ฉันไปไหนยัยเจสซี่วัน ๆ ฉันก็อยู่กับสวนเล็ก ๆ รดน้ำต้นไม้เสร็จก็ไปปั่นต้นฉบับสุดธิดาบอกเพื่อนรัก "ฉันว่านะแกจะต้องปรับปรุงตัวเองออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง แกไม่มีแฟนมากี่ปีแล้วตั้งแต่มหาวิทยาลัย" เจสซี่พูดจี้ปมเหมยเพราะตอนมหาวิทยาลัยเหมยเคยโดนกลั่นแกล้งจากผู้ชายนิสัยเสียกลุ่มหนึ่งที่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอจนเป็นบาดแผลในใจมาถึงทุกวันนี้ ย้อนไปเมื่อสมัยที่เหมยอายุ 23 ปีกำลังละอ่อน เหมยไม่เคยผ่านการมีแฟนมาก่อนเป็นเด็กเนิร์ดที่ดูหน้าใส ๆ ทุกคนในห้องต่างไม่ค่อยชอบยุ่งกับเหมย เพราะเหมยเอาแต่หมกตัวอยู่กับหนังสือมีเพื่อนคนเดียวคือเจสซี่สาวมั่นที่สุดในมหาวิทยาลัย เจสซี่ที่เลือกคบเหมยเพราะความใจดีและใจเย็นของเหมย เธอมักจะแบ่งปันเรื่องราวหลาย ๆ อย่างให้กับเจสซี่ได้เรียนรู้ แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นที่มักจะชวนเจสซี่ไปช้อปปิ้งเข้าผับกินเหล้าแล้วลับหลังก็พากันนินทาว่าร้าย.... "เฮ้ยไอ้ธง ถ้ามึงจีบยัยเด็กเนิร์ดนั่นมาเป็นแฟนได้ภายใน 1 เดือนนึงกูจะยอมให้มึงคบกับน้องสาวกู" ต๊อบรุ่นพี่มหาวิทยาลัยปี 4 ที่กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยเทอมหน้าเทอมสุดท้ายท้าทาย ได้ท้าทายให้ธงหนุ่มฮอตประจำมหาวิทยาลัยไปจีบเด็กเนิร์ดปี 3 อย่างสเหมย "มึงให้กูไปจีบแม่นั่นน่ะนะ โอ้โห..แค่ได้ยินกูก็ขนลุกแล้วว่ะ ทำไมมึงต้องให้กูทำอะไรแบบนี้วะ ให้กูคบกับน้องเฟิร์นเลยไม่ได้หรอ"ไอ้ธงที่แอบชอบเหมยน้องสาวของไอ้ต๊อบเพื่อนรัก "ก่อนที่มึงจะทำอะไร มึงก็ต้องผ่านด่านพี่ชายอย่างกูไปให้ได้ก่อนไอ้เพื่อนรัก ถ้ามึงทำไม่ได้ กูถือว่ามึงรักน้องกูไม่จริงนะเว้ย.!" ไอ้ต๊อบท้าทายเพื่อนเพราะไม่อยากให้เพื่อนรักอย่างไอ้ธงมาจีบน้องสาวตัวเองเลยปากพล่อยพูดออกไป "เออก็ได้วะภายใน 1 เดือนกูจะจีบยัยเด็กเนิร์ดนั่นมาเป็นแฟน แต่พวกเรามีงานนิเทศนี่หว่าอีกแค่เดือนนิดๆ ก็ต้องไปต่างจังหวัดแล้วนี่" "งั้นเอาอย่างนี้หลังจบงานนิเทศรอบกองไฟกูจะขอยัยเด็กเนิร์ดนี่เป็นแฟนแล้วกูก็จะบอกเลิกทันที" เพื่อนทั้งสองทำข้อตกลงกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ จนเวลาผ่านไปไอ้ธงเริ่มแผนการตามจีบเหมยอย่างสุดฤทธิ์ ตอนแรกเหมยก็ไม่เล่นด้วยเพราะกลัวว่าธงจะไม่จริงจัง แต่ด้วยความหัวอ่อนและใจอ่อนของเหมยจึงยอมตอบรับไมตรี ไอ้ธงมักจะเอาดอกกุหลาบดอกไม้ช่อโตไปฝากสุดธิดาตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ก่อนที่จะเอ่ยปากชวน "เหมยเดี๋ยวเราจะมีงานนิเทศทัศนศึกษาของมหาวิทยาลัย เหมยก็ไปด้วยกันสิพี่จะได้ใช้เวลาอยู่กับเหมยด้วย" ใต้โต๊ะม้าหินของมหาวิทยาลัยไอ้ธงพูดกับธิดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งที่จริงกำลังตีสองหน้า "เออเหมย... ว่า.."เหมยกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่กลับปฏิเสธไม่ทันเพราะเพื่อนสาวสวยอย่างเจสซี่เดินเข้ามาเสียก่อน "แน่นอนค่ะ เพื่อนรักของฉัน ยายเหมยยังไงเธอก็ไป ขอบคุณพี่ธงนะคะที่เอ่ยปากชวน แต่วันหลังไม่ต้อง." เจสซี่ที่ผ่านผู้ชายในการคบหาเป็นแฟนมาก็เยอะ พอจะมองออกว่าไอ้ธงเป็นคนนิสัยยังไงเจสซี่จึงไม่ชอบไอ้ธงตั้งแต่แรกเห็น "แหมน้องเจสซี่ ไม่เห็นจะต้องทำท่าทีอย่างนี้กับพี่เลย ถ้างั้นเหมยพี่ไปก่อนนะเด็กดี"ไอ้ธงเอามือลูบไปที่หัวของเหมยเบา ๆ แล้วเดินจากไป "โถเจสซี่..ไม่น่าไปพูดกับพี่ธงเขาแบบนั้นเลย เขาจะเสียใจเอานะ"เหมยที่ยังหัวอ่อนอยู่ก็แอบต่อว่าเพื่อนไปเล็ก ๆ "เธอไม่รู้อะไร คนอย่างไอ้ธงเนี่ยผู้หญิงเยอะจะตาย มันจะมาจริงจังอะไรกับเธอเหมยเธอเชื่อฉันสิ เธออย่าไปเปิดใจให้มันเชียวนะ"แต่เหมือนว่าคำเตือนของเจสซี่จะไม่เป็นผลสำหรับเหมยในตอนนั้น "ฉันก็ไม่อยากปิดกั้นตัวเองอ่ะลองคบดูก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะ"เหมยหันไปพูดกับ เจสซี่แล้วกลับมาอ่านหนังสือต่อยังตั้งใจ "ตามใจเธอเถอะเห็นเพื่อนต๊องเอ้ยเดี๋ยวอ่านหนังสือเสร็จเราไปหาไอติมอร่อย ๆ กินหน้า มหาลัยกันดีกว่าฉันเบื่ออ่านหนังสือ แล้วอ่ะ" เจสซี่พูดจบก็ลากยายหนอนหนังสือเพื่อนรักอย่างเหมยให้ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ หน้ามหาวิทยาลัยกินกัน.....วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั
ความคิดเห็น