เข้าสู่ระบบจากนักศึกษาครูฝึกสอนสู่บท นอ.เจ้าน้ำตาที่มีชะตาชีวิตอันน่าสงสาร กว่าจะพบพานความสุขก็แทบกระอักเลือดตาย ทว่าข้าผู้นี้หาใช่คนที่จะยอมรับบทบาทของ นอ.! เมื่อถูกรังแกก็ต้องเอาคืนเป็นเท่าทวีคูณสิ!!
ดูเพิ่มเติมบทนำ
"เอาล่ะเด็ก ๆ วันนี้ก็ทำให้เต็มที่เลยนะ ครูเป็นกำลังใจให้ ถ้าการแข่งครั้งนี้คว้าที่ 1 มาได้ ครูจะพาไปเลี้ยงไอศกรีมเลย"
"เย้! ครูดาวใจดีที่สุดเลยครับ"
เด็กชายกลุ่มใหญ่ในชุดกีฬาสีเสื้อสีแดงโห่ร้องเสียงดังก้องด้วยความยินดี วันนี้คือการแข่งขันฟุตบอลในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4- 6 ซึ่งการแข่งรอบนี้คือการแข่งรอบชิงชนะเลิศ โดยมีครูดาวผู้เป็นนักศึกษาครูฝึกสอนปีสุดท้ายเป็นผู้ฝึกซ้อมพวกเขาด้วยตนเอง ครูดาวคือคุณครูพละแสนสวยขวัญใจของนักเรียน
"ไป ๆ ทำให้เต็มที่เลยนะ"
ครูดาวปรบมือให้สัญญาณเด็ก ๆ วิ่งเข้าสู่สนาม พวกเด็ก ๆ ต่างหันมาโบกมือยิ้มร่า ก่อนจะรีบวิ่งลงไปยังสนามด้วยหัวใจอันตื่นเต้น
การแข่งขันล่วงเข้าสู่นาทีสุดท้ายแล้วซึ่งเด็ก ๆ ต่างทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผลคะแนนอยู่ที่ 1-1 ในช่วงสุดท้ายของเกมกัปตันทีมของสีแดงกำลังเลี้ยงบอลเพื่อยิงเข้าประตูของฝ่ายตรงข้าม ครูดาวลุ้นระทึกด้วยความตื่นเต้น เธอยืนอยู่ข้างสนามท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้าอย่างไม่นึกร้อน
ทว่าในตอนที่ลูกบอลพุ่งตรงเข้าประตูของทีมสีเหลืองนั้น ครูดาวกลับรู้สึกว่าร่างของเธอผิดปกติ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง ในตอนนั้นสติของเธอพลันดับมืดลง เธอไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย...
รัชศกปีที่ 17 แคว้นฉิน
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวของคิมหันตฤดู กลับมีสตรีร่างบอบบางถูกกลุ่มคนจับกดน้ำในอ่างอย่างโหดเหี้ยม นางดิ้นเร่าไปมาด้วยความทุกข์ทรมาน พยายามจะขึ้นมาหายใจทว่ากลุ่มคนพวกนี้กลับไม่ยินยอม พวกนางยังคงจับหัวของนางกดลงไปในน้ำอย่างไม่ปรานี โดยมีน้ำเสียงเล็กหวานคอยสั่งการอยู่ไม่ห่าง
"พี่หญิงใหญ่ควรต้องรู้ฐานะของตนเองนะเจ้าคะ ไม่ว่าข้าสั่งให้ทำสิ่งใดก็ต้องทำ หากไม่ทำก็ต้องถูกลงโทษเช่นนี้"
'เจียงซูฉี' หญิงสาวในวัย 17 เหยียดยิ้มกว้างด้วยความรื่นเริงใจ การได้เห็นพี่สาวต่างมารดาทรมานเช่นนี้ ช่างเป็นความสุขที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก
"อื้อ ๆ"
ผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่หญิงใหญ่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเงยหน้าขึ้นมาหายใจ แต่เพราะร่างของนางถูกจับตรึงโดยสาวใช้ที่ตัวใหญ่กว่า ทำให้นางมิอาจหลีกหนีจากความทรมานนี้ได้เลย ชีวิตของนางในฐานะคุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลเจียงช่างต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าบ่าวไพร่เสียอีก หากแม้นว่านางตายเสียแต่ตอนนี้ก็คงจะดีสินะ
นางไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว...
"คุณหนูรองเจ้าคะ คุณหนูใหญ่แน่นิ่งไปแล้วเจ้าค่ะ"
สาวใช้ที่ทำหน้าที่กดหน้าของคุณหนูใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจกลัว แม้ว่าพวกนางจะทำตามคำสั่งของคุณหนูรองก็ตาม แต่หากคุณหนูใหญ่เป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ พวกนางคงมิพ้นโทษตายเป็นแน่
“เช่นนั้นก็เอาตัวพี่หญิงใหญ่ไปที่เรือนของนางซะสิ”
นางตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตน ราวกับว่าความเป็นความตายของพี่สาวผู้นี้จะเป็นอย่างไร นางก็หาได้สนใจไม่
“เจ้าค่ะคุณหนูรอง”
สาวใช้สองคนรีบประคองร่างที่หมดสติของคุณหนูใหญ่กลับไปที่เรือนท้ายจวนทันที ก่อนพวกนางจะไปยังเข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูใหญ่เสียก่อน ทว่าก็ไม่มีใครคิดจะเข้ามาดูแลคุณหนูใหญ่ หรือตามท่านหมอมาดูอาการเลย ด้วยหากพวกนางทำเกินคำสั่ง คงมิพ้นถูกขายออกไปอย่างแน่นอน
“อ่า... ปวดหัวชะมัดเลย อื้อ”
เปลือกตาค่อย ๆ เผยอขึ้นเมื่อต้องแสงของพระอาทิตย์ เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่เป็นประกายระยิบระยับ แม้ว่าใบหน้าหวานจะขาวซีดไปเสียหน่อย แต่มิอาจปิดบังความงดงามของเจ้าของร่างนี้ได้เลย
เส้นผมสีดำขลับที่ยาวถึงกลางหลังยุ่งเหยิงเล็กน้อย นางปัดเส้นผมที่เกลี่ยแก้มขาวเนียนไปทางด้านหลัง คิ้วเล็กเรียวที่พาดเหนือดวงตาคู่กลมที่มีขนตางอนยาวเป็นแพหนากะพริบปริบ ๆ เพื่อให้คุ้นกับภาพตรงหน้า จมูกโด่งที่เชิดขึ้นน้อย ๆ ย่นลงด้วยกลิ่นเหม็นอับชื้น ริมฝีปากเล็กสีแดงระเรื่ออ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับภาพตรงหน้านี้
“นะ นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย ไม่ใช่บ้านและก็ไม่ใช่โรงพยาบาล แต่ว่า... มะ เหมือนกับห้องนอนสมัยจีนโบราณเลย อึก! ปวดหัวชะมัด”
น้ำเสียงแว่วหวานพูดกับตนเองด้วยความฉงน นางกวาดสายตามองข้าวของในห้องด้วยความตกตะลึง แม้ในห้องนี้จะไม่ได้ตกแต่งด้วยเครื่องเงินเครื่องทองอย่างหรูหรา ทว่ากลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ผิดแน่! นี่คือห้องนอนตามแบบฉบับของยุคสมัยจีนโบราณมิมีผิดเพี้ยน แล้วทำไม? ข้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้เล่า
“โอ๊ยยย!”
สติที่คืนกลับมาดับวูบลงอีกครั้ง พร้อมกับความทรงจำของเจ้าขอร่างเดิมที่ได้หวนคืนเข้าสู่เจ้าของร่างนี้...
หลายวันผ่านไป
วิญญาณสาวของครูดาว ได้เข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีกรมยุติธรรมหลายวันแล้ว หลังจากที่สติแตกเพราะตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายที่อ่านจบแล้ว กว่าจะทำใจได้ว่าตัวเองอาศัยอยู่ในร่างนี้ ก็ทำเอานางเกือบเป็นบ้าไปเลย
ใครจะคิดว่าตัวเองจะได้มาเข้าร่าง ‘เจียงเม่ย’ นางเอกนิยายเรื่อง ‘บุปผาคู่บัลลังก์’ กันเล่า ทั้งชีวิตของนางเอกก็แสนจะน่าบัดซบเหลือเกิน
มารดาที่เป็นฮูหยินรองก็เสียตั้งแต่นางอายุเพียง 5 ปี บิดาจากที่เคยรักใคร่ก็ไม่สนใจไยดี ฮูหยินใหญ่ก็รังเกียจเดียดฉันท์ น้องสาวน้องชายต่างมารดาก็คอยหาเรื่องกลั่นแกล้ง อีกทั้งบ่าวไพร่ก็หาได้ยำเกรงไม่ พอได้เจอพระเอกก็ต้องพบเจอกับเรื่องอันตราย
เฮ้อ... จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบราบรื่นไม่ได้เลยหรือ
เจียงเม่ยคร่ำครวญในใจกับตนเองอย่างปลงตก ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานางก็ไม่เคยได้อยู่ในเรือนอย่างสงบเลย
“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินใหญ่เรียกให้ไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ ท่านจะมาอ้างว่าไม่สบาย ปวดหัว มีไข้ไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ หาไม่ท่านคงได้ถูกลงโทษหนักกว่าคราวที่แล้วอีกแน่”
รั่วจูผู้เป็นสาวใช้ประจำตัวของคุณหนูรอง ข่มขู่ผู้ที่นางไม่เคยมองว่าเป็นเจ้านายเลยสักครั้งด้วยความถือดี ด้วยตนเองอาศัยว่ามีฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองคอยหนุนหลัง
ผลัวะ!
ประตูถูกผลักออกพร้อมกับเงาร่างอันแสนบอบบางของเจียงเม่ย สายตาของนางตวัดมองสาวใช้ที่กำแหงผู้นี้ด้วยสายตาวาววับ
“ข้ารู้แล้ว” น้ำเสียงหวานพลันเย็นเหยียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สร้างความขนลุกซู่ให้กับรั่วจูอย่างไม่คาดคิด
“ชะ เช่นนั้นก็รีบไปเถิดเจ้าค่ะ”
รั่วจูเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางรู้สึกหวาดกลัวคุณหนูใหญ่ผู้นี้เลย
“หึ! ไว้ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้าที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
เจียงเม่ยเดินผ่านโดยพูดกับรั่วจูด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ แววตาของนางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนใหญ่ อันเป็นสถานที่พำนักของฮูหยินใหญ่ ผู้เป็นนายหญิงของจวนตระกูลเจียงแห่งนี้!
เจียงเม่ยในชุดสีชมพูอ่อนที่ขาวซีดเสียจนคิดว่าเป็นสีขาว นางก้าวเดินอย่างมั่นคงสู่สนามรบของตนเอง บัดนี้นางเอกที่แสนอ่อนแอที่ถูกคนในจวนแห่งนี้รังแกจะไม่มีอีกแล้ว แต่จะมีเพียงสตรีที่แสนร้ายกาจที่พร้อมจะเอาคืนทุกผู้คนเอง
“คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
‘หลี่หลินถง’ ฮูหยินใหญ่ผู้มีอำนาจสูงสุดในเรือนหลังกวาดตามองเจียงเม่ยด้วยสายตาวาววับ นับวันเจียงเม่ยจะยิ่งเผยความงามมากขึ้น นางมิผิดจากนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้เป็นมารดาเลย
“ลุกขึ้นเถิด ข้าได้ยินจากฉีเอ๋อร์ว่าเจ้าไม่ยอมปักผ้าหรือ เพราะเจ้าดื้อดึงเช่นนี้อย่างไรเล่า ฉีเอ๋อร์จึงได้หยอกล้อเจ้าเล่น ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสาน้องรองของเจ้าใช่หรือไม่” แววตาที่คล้ายกับอสรพิษร้ายจับจ้องเจียงเม่ยไม่วางตา
“ข้ามิกล้าถือสาน้องรองหรอกเจ้าค่ะ พี่น้องจะหยอกล้อกันเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ ข้าเองก็อยากจะเล่นกับน้องรองเช่นนั้นเหมือนกัน”
‘ครั้งหน้าข้าจะลองกดหัวน้องรองบ้างก็แล้วกัน’ เจียงเม่ยคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์
หลี่หลินถงไม่ได้สนใจประโยคหลังที่สื่อความนัยของเจียงเม่ย แต่นางกลับพยักหน้าให้รั่วจูนำผ้าหลายพับยื่นให้กับเจียงเม่ย
“นับว่าเจ้ายังรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนนี่คือพัดที่ทำจากกระดาษเนื้อดีที่เจ้าจะต้องนำไปวาดให้เสร็จภายในสามวัน หากเสร็จไม่ทันเจ้าจะต้องอดข้าวสามวัน เข้าใจแล้วใช่หรือไม่” หลี่หลินถงข่มขู่เสียงเข้ม
“น้อมรับคำสั่งฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
เจียงเม่ยรับพัดทั้งสามอันมาถือไว้ในมือ คอยดูละกันว่านางจะทำสิ่งใดกับพัดพวกนี้กัน!
บทที่ 16ปะทะฝีปากหลังจากจัดการงานศพของเจียงซูฉีเรียบร้อยแล้ว จวนตระกูลเจียงก็ได้ถึงคราวเปลี่ยนแปลง เมื่อเจียงซูเหวินที่ควรจะกลับไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาที่เมืองเฉิงตูนั้น กลับย้ายกลับมาศึกษาเล่าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงแทน โดยให้เหตุผลว่าเป็นห่วงมารดาที่เพิ่งสูญเสียพี่สาวไป เจียงลู่ได้ยินเช่นนั้นแม้จะนึกเสียดายโอกาสอันดีที่จะได้สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูล อันเนื่องจากสำนักศึกษาที่เมืองเฉิงตูนั้นมีชื่อเสียงมากนัก ทว่าตัวเขานั้นตามใจเจียงซูเหวินมาก ด้วยเขาคือบุตรชายเพียงคนเดียวที่จะต้องสืบทอดตระกูลเจียงต่อจากเขาเจียงซูเหวินที่รู้ดีว่าเจียงลู่ตามใจเขามาก เขาจึงใช้โอกาสนี้ในตอนที่รับประทานอาหารเช้าเพื่อเอ่ยเรื่องสำคัญ"ท่านพ่อขอรับ ข้าเห็นควรว่าพี่หญิงใหญ่ก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว เราควรจะรีบเสาะหาเจ้าบ่าวให้พี่หญิงใหญ่ดีหรือไม่ขอรับ"เจียงลู่ที่กำลังทานอาหารอย่างสำราญใจวางตะเกียบลงทันที "เหตุใดเจ้าถึงอยากจะให้พี่สาวของเจ้ารีบแต่งงานออกไปเล่า""ก็เพราะการตายของพี่รองอาจจะส่งผลกระทบกับการแต่งงานของพี่หญิงใหญ่ก็ได้นี่ขอรับ ข้าเกรงว่าเราจะหาเจ้าบ่าวดี ๆ ไม่ได้อีกแล้ว คุณชายใหญ่ตระกูลลั่วแห่งเมืองเป
บทที่ 15แหวนหยกที่ถอดไม่ออกข่าวการตายของเจียงซูฉีโด่งดังในชั่วข้ามคืน ทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ทราบข่าวนี้ เช่นเดียวกับน้องชายเพียงคนเดียวของเจียงซูฉี 'เจียงซูเหวิน' คุณชายใหญ่แห่งจวนตระกูลเจียง ผู้มีสิทธิ์สืบทอดตระกูลเจียงคนต่อไป เขาคือเด็กหนุ่มเลือดร้อนเจ้าแผนการที่มีอายุเพียง 15 เท่านั้นเมื่อรู้ว่าพี่สาวได้จากไปแล้วจึงตกใจมาก เขาเร่งเดินทางจากสำนักศึกษาแห่งเมืองเฉิงตูที่อยู่ทางทิศบูรพาเพื่อกลับมายังเมืองหลวงทันที"ฮือ ๆ อาเหวินของแม่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ฮือ ๆ แม่ไม่เหลือใครอีกแล้ว มีเพียงเจ้าเท่านั้น"ทันทีที่หลี่หลินถงเห็นหน้าบุตรชายก็โผเข้ากอดเขาอย่างหาที่พึ่งพิง มีเพียงเจียงซูเหวินเท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างนาง และเขาจะต้องหาทางช่วยกำจัดเจียงเม่ยเป็นแน่ เพราะตัวเขารักและเทิดทูนเจียงซูฉีเป็นอย่างมาก"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ เหตุใดพี่รองถึงได้ตาย เรื่องนี้มีเงื่อนงำใช่หรือไม่ขอรับ"หลี่หลินถงสะดุ้งโหยง ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าของตน นางเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างไม่มีตกหล่นให้กับบุตรชายได้ฟัง รวมถึงแผนการของนางที่ได้วางเอาไว้ด้วย เจียงซูเหวินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดถึงกับปวดหัว
บทที่ 14ซ่งหยางจวนตระกูลซ่งซ่งหยางและคนของเขากลับมาถึงจวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะมีชินอ๋องและองค์รัชทายาทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ยังดีที่พวกเขายังไม่ได้ทันลงมือทำอะไรไปมาก มิเช่นนั้นคงได้เผยพิรุธออกมาเป็นแน่ "ส่งคนไปจับตาดูจวนตระกูลเจียงด้วย หากมีเรื่องอันใดให้รีบมารายงานข้าทันที""ขอรับนายท่าน" บ่าวชายออกไปทำตามคำสั่งโดยไวเมื่อซ่งหยางเข้ามาในห้องหนังสือ เขาก็นั่งมองป้ายหยกของเขาที่ได้คืนกลับมาในตอนที่เข้าไปช่วยเจียงเม่ย คราแรกคิดว่าตัวเขาคงจะทำหายไปเสียแล้วแต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจียงเม่ยจะเก็บเอาไว้ให้ โชคดีจริง ๆ ที่ป้ายหยกของเขาไม่ได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชินอ๋อง มิเช่นนั้นคงมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่"นายท่านขอรับ คนของเราส่งของเรียบร้อยแล้วขอรับ แม้ว่าครั้งก่อนจะเกิดปัญหาขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับคนของแคว้นเหลียงขอรับ พวกเขายังบอกว่าครั้งหน้าขอเพิ่มจำนวนเป็นเท่าตัวขอรับ"บุรุษวัยกลางคนรับฟังคำรายงานจากคนของตนอย่างอารมณ์ดี เรื่องในวันนี้ทำให้เขาได้ครุ่นคิดอะไรได้มากมายเชียวล่ะ"หึ ๆ ช่างเป็นเรื่องดีนัก เราทำการค้ากับคนแคว้นเหลียงมาหลายสิบปีแล้ว แค่ติดข
บทที่ 13ความผิดของเจ้าเช้าวันนั้นหรงป๋อไฉ่ได้พาตัวเจียงซูฉีกลับมายังจวนตระกูลเจียงได้สำเร็จ ทว่าช่างน่าเสียดายนักที่เขามิอาจช่วยนางเอาไว้ได้ทัน ตอนที่เขาไปถึงรังโจรก็พบว่านางได้ขาดใจตายไปเสียแล้ว เมื่อตรวจสอบสภาพศพก็พบว่าช่างน่าอเนจอนาถยิ่งนัก สภาพศพของนางมีแต่ร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีพื้นที่ใดเลยที่จะไม่มีรอยเขียวช้ำ รอยขบกัด และสาเหตุที่นางตายก็เพราะถูกบีบคอจนตายนั่นเอง เขาคาดว่านางน่าจะต่อสู้กับโจรอย่างสุดกำลัง แต่แรงสตรีมิอาจสู้แรงบุรุษได้ เพราะเช่นนั้นนางจึงถูกโจรที่โมโหจนขาดสติแล้วพลั้งมือบีบคอนางจนตาย ทว่าก่อนนางตายคงได้รับความทุกข์ทรมานมาก ด้วยสิ่งที่สตรีหวงแหนมากที่สุดได้ถูกโจรผู้นั้นพรากไปเสียแล้ว ส่วนหัวหน้าโจรผู้นั้นเขาก็ได้จับตัวนำกลับมาสอบสวนที่เมืองหลวง"ฉีเอ๋อร์ของแม่ ฉีเอ๋อร์ของแม่ นะ นี่..."หลี่หลินถงยืนแข็งค้างด้วยความตะลึงงัน นางมองดูร่างที่ไร้วิญญาณของบุตรสาวที่ถูกวางอยู่บนพื้นด้วยความตกใจ เรี่ยวแรงที่เคยมีมาแทบจะไม่หลงเหลือแล้ว ร่างกายอันสั่นเทิ้มค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาร่างที่หลับตาสนิทราวกับคนนอนหลับด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวของนางเอื้อมไปอังจมูกของเจีย
บทที่ 12ให้ตายเถิดเจียงเม่ยรู้สึกตัวเมื่อยามรุ่งสางมาเยือน นางขยับกายด้วยความอึดอัดก่อนจะพบว่าตนเองได้ขึ้นมานอนบนอกของหรงหมิงฮ่าว โดยมีแขนของเขาโอบกอดร่างของนางเอาไว้ ใบหน้าคมเข้มที่หลับสนิทนี้ช่างดูอ่อนโยนนักในสายตาของเจียงเม่ย ดวงตาคู่สวยเผลอมองริมฝีปากบางเฉียบ ที่ได้บดจูบริมฝีปากของนางทั้งราตรีด้วยความรู้สึกวูบหวานในโพรงอกเล็ก นางยังคงจดจำรสสัมผัสอันนุ่มละมุนและร้อนแรงของเขาได้อย่างชัดเจน เขาเป็นคนที่จูบเก่งมากเหลือเกิน ราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของนางเสียอย่างนั้นแหละ ดวงหน้าหวานที่คิดถึงเหตุการณ์อันร้อนเร่าเมื่อคืนนี้พลันใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขิน 'นี่ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย! จะบ้าตาย'เจียงเม่ยแทบอยากจะดึงทึ้งหนังศีรษะของตน เมื่อคืนนางเพียงแค่คิดอยากจะช่วยหรงหมิงฮ่าวเท่านั้น แต่เมื่อได้สติขึ้นมาแล้วกลับรู้สึกอับอายเกินจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ นางอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้เลย'ข้าต้องรีบไปก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา'คิดได้ดังนั้นเจียงเม่ยก็ค่อย ๆ ขยับแขนของหรงหมิงฮ่าวออกจากเอวของตนอย่างแผ่วเบา"อื้อ..."หรงหมิงฮ่าวครางในลำคออย่างงัวเงีย ก่อนที่เขาจะกระชับอ้อมกอดเพิ่มมากขึ้น และ
บทที่ 11มือคู่นี้มีมลทินเสียแล้ว"ทะ ท่าน!"เจียงเม่ยที่สูญเสียจูบแรกไปเพิ่งจะได้สติขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเห็นหรงหมิงฮ่าวกระอักเลือดสีแดงคล้ำ นางที่ถูกเขาล่วงเกินกลับมิได้รังเกียจสัมผัสนั้นเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับรู้สึกวูบหวานในโพรงอกเล็ก ร้อนเร่าไปกับสัมผัสของเขาเสียอย่างนั้น"จะ เจ้ารีบออกไปซะ!" "หากข้าไปแล้วท่านเล่า""ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบไปเสียเถิด ก่อนที่ข้าจะไม่มีสติจนล่วงเกินเจ้าไปมากกว่านี้"เจียงเม่ยตระหนักได้ในทันทีว่านางอยากจะช่วยหรงหมิงฮ่าว นางไม่อยากจะให้เขาต้องทนทรมานเช่นนี้เลย นางไม่อยากให้เขาต้องตาย!"ข้าจะช่วยท่านเองเจ้าค่ะ ถือเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือข้าเอาไว้"จบคำเจียงเม่ยก็ตรงเข้ามาถอดกางเกงของหรงหมิงฮ่าวทันที การกระทำของนางได้สร้างความตกใจให้กับเขาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะพยายามดึงกางเกงให้คืนกลับมา แต่เพราะตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรง ทำให้แม้แต่เจียงเม่ยที่มีแรงอันน้อยนิดยังสามารถขัดขวางเขาเอาไว้ได้"อึก! เจ้ามันบ้าไปแล้ว เจ้าคิดจะใช้ร่างกายของเจ้าตอบแทนข้าอย่างนั้น ข้าไม่ต้องการความหวังดีเช่นนี้!!""แล้วผู้ใดบอกว่าข้าจะใช้ร่างกายตอบแทนท่านเล่า ข้าเองก็มีศักดิ์ศรี เพี






ความคิดเห็น