กู้ชูหน่วน หมอยอดอัจฉริยะระดับโลกได้ข้ามกาลเวลามาแล้ว แถมยังโชคร้ายโดนวางยาที่มีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ถอนพิษได้ เพื่อรักษาชีวิตเฮงซวยนี้เอาไว้ ระหว่างทางเธอจึงคว้าชายงามที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งมาช่วยถอนพิษ "ก็แค่หลับนอนด้วยกัน เจ้าไม่สึกหรอหรอกน่า" เธอพูดอย่างไม่กระดากอาย แต่กลับทำเอาเขาโมโหจนแทบลมจับ โธ่เว้ย เขาเป็นถึงเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับแปดเปื้อนมลทินเพราะหญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า แต่ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ นางส่ายหน้าวิจารณ์ว่า "ลีลาแย่มาก ต้องปรับปรุง" ยอดไปเลย เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้เราต้องแต่งงานกัน ทะเบียนสมรสเพียงหนึ่งใบ นางและเขาได้กลายเป็นสามีภรรยากัน "เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าข้าลีลาใช้ไม่ได้ เช่นนั้นเรามาลองกันอีกสักครั้งไหม?" เมื่อเผชิญกับเทพสงครามที่ก้าวเข้ามาประชิด กู้ชูหน่วนเดือดดาล เดินออกห่างจากกำแพง "ไปให้พ้น ไก่อ่อนที่ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงอย่างเจ้า ข้าไม่เชื่อหรอก หย่า ต้องหย่าเท่านั้น" "หย่าไปก็ไม่มีผล เจ้าหนีไปที่ใด ข้าก็จะตามไปที่นั้น " "..." "ชายแกร่งหญิงกล้ามาพบกัน เรื่องราวความรักแสนหวาน โปรดติดตามตอนต่อไป!"
View Moreหรือคุณหนูจะเปลี่ยนไปแล้ว พระเจ้าช่วย นิสัยของคุณหนูเหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา นางเพิ่งจะรับได้ คุณหนูก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว เมื่อใกล้ถึงห้องหนังสือ ผู้ดูแลเอ่ยเตือนอย่างระแวดระวัง "พระชายา ท่านอ๋องยังไม่เข้าบรรทม เวลานี้ยังดูหนังสืออยู่ด้านใน จะแจ้งท่านอ๋องสักหน่อยไหม" เดิมกู้ชูหน่วนตั้งใจจะรอหลังเย่จิ่งหานเข้านอนแล้ว ค่อยมาหาดูให้ละเอียด แต่เมื่อนึกถึงชาวเผ่าอวี้ขึ้นมา นางก็กัดฟันทน มุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือ ทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียว "ไม่ต้องบอกหรอก พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าจะเข้าไปเอง" ชิวเอ๋อร์เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ที่แท้คุณหนูก็ใส่ใจท่านอ๋องอยู่เหมือนกัน ในที่สุดคุณหนูก็คิดได้ รู้เสียทีว่าต้องเอาใจท่านอ๋อง ผู้ดูแลโบกมือ บ่าวรับใช้ทุกคนพากันกลับไปจนหมด ชิวเอ๋อร์เองก็ถอยออกมาอย่างรู้งาน คอยกู้ชูหน่วนอยู่ไกลๆ "แอ๊ด..." ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านอ๋อง ยังไม่นอนอีกหรือ" เย่จิ่งหานนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จุดตะเกียงอ่านหนังสือ เมื่อได้ยินเสียงกู้ชูหน่วน ก็เงยหน้าขึ้นมา "ดึกขนาดนี้แล้ว มาหาข้ามีเรื่องใดรึ" กู้ชูหน่วน
ตอนนั้น นางอยากได้ม้วนหนังแกะโบราณ เพียงเพราะแปลกใจที่บนม้วนหนังแกะโบราณมีสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษอยู่ แม้เย่จิ่งหานจะไม่ยกให้นาง นางก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ยามนี้... ม้วนหนังแกะโบราณเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเกี่ยวข้องกับแก้วมังกร อีกทั้งชาวเผ่าอวี้นับหมื่นนับพันคนกำลังรอนางรวบรวมแก้วมังกรทั้งเจ็ดให้ครบ หากขอกับเย่จิ่งหานตรงๆ แล้วเย่จิ่งหานปฏิเสธอีกครั้ง หรือนำม้วนหนังแกะโบราณไปซ่อนไว้ล่ะ นางเดิมพันสิ่งนี้ไม่ไหว หลังจากที่เดินทางไปยังเผ่าอวี้มา ภาระบนบ่านางหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิมนัก เรื่องราวร้ายต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นที่เผ่าอวี้ในคืนขึ้นสิบห้าค่ำ ทุกฉากราวกับตราประทับที่เป็นรอยแผลฝังลึกอยู่ในหัวของนาง ทุกครั้งที่คิดถึง หัวใจนางก็เจ็บปวดอย่างไม่อาจห้ามได้ "คุณหนู เป็นอะไรไป สีหน้าดูไม่ดีเลย" กู้ชูหน่วนหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกท้อแท้เซื่องซึมเหล่านั้นกระเจิงไปหมดสิ้น "ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย" "เจ้าค่ะ" "ใส่ตัวนั้น" "คุณหนู ดึกแล้ว คุณหนูไม่พักผ่อนหรือเจ้าคะ" "นอนไม่หลับ อยากออกไปเดินเล่นหน่อย" "คุณหนูระหกระเหินอยู
สีหน้าที่ตึงเครียดของเย่จิ่งหานค่อยๆ ดีขึ้น น้ำเสียงก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ "ไม่สบายที่ใดบ้างหรือไม่" หมอบอกว่าพลังลมปราณภายในร่างกายคอยฉุดกระชากนางอยู่ตลอดเวลา หรือพลังจากผลึกหิมะยังไม่ถูกนางดูดไป ? นึกถึงตอนที่กู้ชูหน่วนกลืนผลึกหิมะเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ มีพลังลมปราณหลายส่วนพุ่งชนพลุกพล่านอยู่ในร่างของนาง เขารักษานาง ปรากฏว่ากำลังภายในกลับถูกนางดูดไปเกินครึ่ง ทำให้เขาเสียพลังอย่างหนัก เย่จิ่งหานเริ่มเชื่อคำพูดของหมอโดยไม่รู้ตัว และแอบตัดสินใจอยู่ลึกๆ ว่าวันพรุ่งหลังจากที่นางตื่นค่อยให้หมอหลวงมาจับชีพจรนางอย่างละเอียดอีกครั้ง กู้ชูหน่วนชูมือบิดขี้เกียจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ "แน่นอนว่าไม่สบาย ทั้งบนทั้งล่าง ในและนอกล้วนแต่ไม่สบาย โดยเฉพาะหัวใจ ยิ่งไม่สบายเข้าไปใหญ่" "ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป แต่ต่อไปเจ้าก็กินให้เยอะหน่อย ดูท้องเจ้าสิ แบนยิ่งนัก ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าข้าทรมานเจ้า" เย่จิ่งหานมองไปที่ท้องของนางอีกครั้ง ภายในใจยังคงสงสัย กู้ชูหน่วนเลิกเสื้อขึ้นมา เปิดให้เขาดูอย่างโจ่งแจ้งไปเสียเลย "เขาเอาแต่กินไม่ยอมโต ข้าจะทำเช่นไรได้ หากแน่จริง ท่านก็มุดเข้าไปถามเขาในท้องเอง
กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ยิ้มเยาะ "ท่านคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วสินะว่าจะไม่ให้ข้ากลับไปนอน" "ข้าทำเพื่อผลดีของพระชายา พระชายาเอาแต่ดื้อ ไม่ยอมให้ตรวจชีพจร คงไม่ได้ปกปิดซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ ?" "ท่านต่างหากที่มีเรื่องซ่อนเร้น ทั้งบ้านท่านต่างก็เป็นกันหมด อยากตรวจชีพจรมากนักใช่หรือไม่ ได้ เช่นนั้นก็ตรวจเลย แต่เร็วหน่อย อย่าเสียเวลานอนข้า" กู้ชูหน่วนหาที่ที่สบายนั่งลง ดึงแขนเสื้อตนเองขึ้นมา มองทุกคนตรงนั้นด้วยความเย็นชา เมื่อครู่นางพยายามปฏิเสธ ยามนี้กลับว่าง่ายใจกว้างขนาดนี้ เย่จิ่งหานอดไม่ได้ที่จะสงสัยยิ่งกว่าเดิม เขาส่งสายตาไป หมอเข้าใจในทันที แต่ละคนวางผ้าเช็ดหน้าลงบนมือกู้ชูหน่วน ตรวจชีพจรผ่านผ้าบาง หมอคนแรกขมวดคิ้วมุ่น เย่จิ่งหานพลันเป็นกังวล "เป็นเช่นไร" นางคงไม่ได้หลอกเขาว่าท้องหรอกกระมัง เย่จิ่งหานไม่กล้าจินตนาการ หากกู้ชูหน่วนแกล้งท้อง เขาควรจะทำเช่นไรกับนาง หมอเหงื่อแตกพลั่ก "เรื่องนี้...ชีพจรของพระชายาดูจะประหลาดไปบ้าง ข้าน้อย...ข้าน้อยตรวจไม่เจอเลย" เขารีบหลีกทาง หลังจากที่หมอคนต่อๆ ไปหลายคนจับชีพจรแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเช่นกัน เหงื่อเย็นผุ
"ไม่ต้อง ถอยไปให้หมด" หมอหลวงท่านหนึ่งอธิบายด้วยรอยยิ้ม "ท่านอ๋อง ผู้ที่ร่างกายมีครรภ์ ภายในร่างค่อนข้างร้อนลุ่ม อาการเช่นนี้ของพระชายาถือเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวกระหม่อมจะให้ยาที่ช่วยทำให้ใจสงบแก่พระชายา" สีหน้าไม่สบอารมณ์ของเย่จิ่งหานเย็นลงไปอย่างชัดเจน เขาส่งสายตา พลันมีหมอหลวงอีกท่านพูดเอาอกเอาใจด้วยรอยยิ้ม "พระชายา อีกประเดี๋ยวข้าจะตรวจชีพจรให้ท่านอย่างดี ไม่ใช้เวลาของท่านนานนักหรอก ท่าน..." จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็กุมท้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมากะทันหัน หน้านิ่วคิ้วขมวด "โอ๊ย ข้าปวดท้องจะแย่อยู่แล้ว เป็นเพราะอาหารเมื่อครู่ไม่สดหรือเปล่า ปวดท้องจะตายแล้ว หลีกไป ข้าขอไปทำธุระส่วนตัวก่อน" ขณะพูด กู้ชูหน่วนดันทุกคนออก แล้วออกไปด้วยความรีบร้อน หมอหลายสิบคนตกใจ ตามติดกู้ชูหน่วนอยู่ด้านหลังดั่งกับเงา รอจนกว่านางจะออกมาจากห้องน้ำ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับนางแล้วเทพสงครามจะจัดการพวกเขา "นายท่าน บางทีอาจเพราะช่วงหลายวันนี้พระชายานอนกลางดินกินกลางป่า ทำให้ท้องไส้ไม่ดีนัก น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ใด" "ชิงเฟิง เจ้าว่าผู้ที่ท้องได้สามเดือนแล้ว หน้าท้องจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดเล
ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเย่จิ่งหานจะเข้าใจความหมายของนาง "ผู้ที่จับเจ้าไปคือเผ่าอวี้รึ" "อืม..." กู้ชูหน่วนฝืนพูดออกมา "เจ้ากับเผ่าอวี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร" เย่จิ่งหานจ้องมองนาง ไม่ยอมพลาดทุกสีหน้าของหน้า "จะมีความเกี่ยวข้องใดได้ หากไม่ใช่เพราะข้ามีแก้วมังกรอยู่ที่ตัว พวกเขาจึงอยากได้แก้วมังกรก็เท่านั้น" "เช่นนั้นรึ แต่ตอนที่คนเผ่าอวี้พาตัวเจ้าไปบอกว่า หมอด้านล่างภูเขาช่วยเจ้าไม่ได้ มีเพียงพวกเขาที่ช่วยเจ้าได้" เย่จิ่งหานมั่นใจว่ากู้ชูหน่วนกำลังโกหก เพียงแต่เขาระดมกำลังทุกฝ่ายไปตามสืบ ก็ไม่เจอว่ากู้ชูหน่วนและเผ่าอวี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยข้องเกี่ยวใดๆ ต่อกันมาก่อน กู้ชูหน่วนกินน่องไก่ด้วยความร้อนรน ตอบเขาไปเรื่อยเปื่อย "เช่นนั้นรึ บางทีอาจเพราะพวกเขาได้แก้วมังกรจากข้า คิดว่าติดหนี้บุญคุณข้า จึงถือโอกาสช่วยข้าไว้" "เช่นนั้นเกิดอะไรกับเจ้าบ้างที่เผ่าอวี้ คนเผ่าอวี้มีใครบ้าง พวกเขารักษาเจ้าหายได้อย่างไร" "ท่านอ๋อง ถามมาเยอะขนาดนี้ จะให้ข้าตอบคำถามใดก่อนล่ะ ภรรยาของท่านเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ท่านไม่รู้จักใส่ใจก็ช่าง ยังจะซักถามไม่หยุด ข้าคือนั
Comments