LOGINอยู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายน่ารังเกียจเพราะเผลอหลับไปตอนดูซีรีส์ เธอจึงเลือกเล่นนอกบทด้วยการคว้าองค์ชายผู้อ่อนแอมาเป็นสามีดีกว่าตบตีแย่งพระเอกธงแดง แม้เป็นองค์ชายอมโรคทว่าเขานั้นคือตัวประกอบร่างทอง
View More“เห็นกงกงบอกว่าอาหารพวกนี้เจ้าเป็นคนทำทั้งหมด”
“เพคะ หม่อมฉันทำเอง รสชาติไม่ถูกปากองค์ชายหรือเพคะ”
“แม่นางเฉินเข้าใจผิดแล้ว รสชาติที่เจ้าทำถูกปากข้ามาก แต่เดิมข้าคิดว่าเป็นพ่อครัวของทางโรงเตี๊ยม เสด็จย่าของข้าชื่นชอบการชิมอาหารและขนมหวานเป็นที่สุด เดิมทีหากเสร็จเรื่องข้าคิดจะเชิญพ่อครัวเดินทางไปวังหลวงด้วยกัน แต่ในเมื่อเป็นเจ้า ข้าเองก็ไม่อยากรบกวน เพียงแต่สูตรอาหารเหล่านี้สามารถขายให้ข้าได้หรือไม่”
“องค์ชายเพคะ อาหารที่หม่อมฉันทำไม่มีสูตรตายตัว จึงไม่อาจทำตามพระประสงค์ของท่านได้”
กงกงได้ฟังก็หน้าถอดสี “เจ้านี่ช่างเหิมเกริมนัก องค์ชายอุตส่าห์ลดตัวออกปากตรัสกับเจ้า แต่เจ้ากลับ…”
“กงกง” จินชางหลงปราม
กงกงค้อมศีรษะพลางหลุบเปลือกตาลงหน้าสลด
เฉินอิ้งถงยิ้มไปจนถึงดวงตา “ข้าน้อยยังพูดไม่จบ กงกงก็เร่งตัดสินเสียแล้ว”
เหยียนอ๋องที่นั่งเงียบมานานพลันเอ่ย “เจ้าช่างลูกไม้เยอะจริงเชียว เรื่องขวางขบวนวันก่อนอย่าคิดว่าข้าดูไม่ออกว่าเจ้าจงใจ”
เฉินอิ้งถงไม่ได้ตกใจที่เหยียนอ๋องมองออก นางทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นพระเอกธงแดงที่มองผู้อื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“อย่างไรหม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไม่ละเลยชาวบ้านตาดำ ๆ เพคะ หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์จะต้องปกครองราษฎรอย่างเที่ยงธรรม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งบารมีของท่านโดยลืมนึกถึงวิธีการ”
จินเหยียนยิ้มมุมปาก คำพูดคำจาของนางสมแล้วที่เป็นบุตรีของใต้เท้าเหอ “เจ้าพูดได้ดี เช่นนั้นก็ว่ามา สูตรอาหารของเจ้าเหตุใดจึงขายให้เราไม่ได้”
“ทูลท่านอ๋อง อาหารเหล่านี้หม่อมฉันทำออกมาจากความตั้งใจ เพราะอยากให้คนที่ได้ลิ้มลองนั้นมีความสุขเพคะ” เฉินอิ้งถงเบนหน้าไปทางที่จินชางหลงนั่งอยู่ เสียงใสเอ่ยอธิบายด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ
จินชางหลงติดอยู่ในภวังค์อย่างไม่รู้ตัว เขาสังเกตหญิงสาวตรงหน้าจนลืมกะพริบตา แววตาของนางกระจ่างใสประหนึ่งไข่มุกราตรี ดวงหน้าขาวสว่างดุจดั่งหยกบริสุทธิ์ ริมฝีปากอวบอิ่มชมพูระเรื่อ ยิ่งมีปิ่นบุปผาหลากสีประดับอยู่บนเส้นผมสีดำขลับก็ยิ่งเสริมความโดดเด่นให้เผยออกมา
“ในเมื่อนางพูดมาเช่นนี้ ข้าว่าน้องห้าตัดใจเสียเถอะ ไว้กลับวังหลวงเราก็เฟ้นหาพ่อครัวฝีมือดีไปทำอาหารให้เสด็จย่าใหม่แล้วกัน เจ้าว่าดีหรือไม่”
“…”
“น้องห้า”
“…”
“น้องห้า”
จินชางหลงหลุดจากภวังค์ เมื่อครู่เขาเอาแต่จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่ขยับไปมาเสียจนลำคอแห้งผาก
ชายหนุ่มผินหน้าตอบ “เช่นนั้นก็ตามพระทัยท่านพี่”
“องค์ชาย หม่อมฉันไม่อาจขายสูตรอาหารได้ แต่ตัวของหม่อมฉันก็ใช่ว่าจะไม่ได้นะเพคะ”
แค่ก แค่ก
เหยียนอ๋องสำลักน้ำชาจนหน้าแดงก่ำ ส่วนจินชางหลงก็ตัวแข็งค้างประหนึ่งดินปั้นไม้แกะสลัก
กงกงขยับเข้ามากระซิบด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “พูดอะไรของเจ้า เป็นสาวเป็นนาง ไร้ยางอายยิ่งนัก”
เฉินอิ้งถงแอบเห็นใบหูของจินชางหลงแดงก่ำก็พลันอมยิ้มชอบใจ
ตอนที่เขาเขินน่ารักมากจริง ๆ
การบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านแดนเหนือเป็นไปอย่างยากลำบากมาร่วมเดือนแล้ว แม้ว่ามีเสี่ยวฮวาคอยใช้พลังรักษาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้มาก วันดีคืนดีเจ้าภูติน้อยก็หมดแรงหลับไปเสียหลายวัน ส่วนปัจจัยทั้งห้าที่เหอหย่งเซาหอบมาก็ใช้ประทังชีวิตได้อีกไม่นาน สักวันย่อมมีวันหมด“ถงเอ๋อร์ไปพักบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ไม่สบายใจเอาเสียเลย”มือเรียวหยิบรากสมุนไพรใส่ลงในหม้อดินเผา ส่วนอีกด้านก็พัดเพิ่มแรงให้กับเชื้อเพลิง “ท่านพ่อ ข้าไหวเจ้าค่ะ ชาวบ้านล้มป่วยเป็นจำนวนมากเช่นนี้ข้าไม่อาจนิ่งนอนใจได้”“แต่เจ้าต้องต้มยาอีกกี่หม้อ หักโหมอีกกี่วันคนเหล่านั้นจะหาย รักษาได้หนึ่งอีกคนหนึ่งก็จะป่วยขึ้นมาอีก”“เช่นนั้นจะให้ทำเช่นไรเจ้าคะ ปล่อยพวกเขาล้มตายไม่ไยดีหรือ”“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”เหอหย่งเซาผ่อนเสียงเมื่อเห็นว่าเฉินอิ้งถงเกิดโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว“ท่านเองก็เหนื่อยมามาก ไปพักเถิดเจ้าค่ะ” เฉินอิ้งถงเลิกสนใจคนตรงหน้าและตั้งตาต้มยายื่นให้ชาวบ้านที่รอรับยาจากตนต่อเหอหย่งเซายืนมองด้วยแววตาสิ้นหวังพลางหมุนกายเดินจากไปเงียบ ๆ“พี่หญิ
ระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึงที่หมาย ทว่ายิ่งเข้าใกล้มากเท่าใดอากาศก็ยิ่งลดต่ำจนเหน็บหนาวเข้ากระดูกเฉินอิ้งถงแหงนมองบุรุษที่นั่งกอดเอวของตนอยู่บนหลังม้าด้วยแววตาเป็นห่วง แม้เสี่ยวฮวาจะบอกว่าเขาหายแล้ว ทว่าท่าทีและสีหน้าของจินชางหลงดูจะไม่เป็นเช่นนั้น “องค์ชายไหวหรือไม่เพคะ”“ไหว เจ้าอย่าห่วงแต่ผู้อื่นจนลืมห่วงตัวเจ้าเอง” จากอ้อมแขนที่กอดเอวคอดเอาไว้ ก็เลื่อนไปจับบังเหียนเบื้องหน้า เสื้อคลุมขนสัตว์ถูกนำมาห่อคนทั้งสองดุจร่างเดียวกัน“องค์ชายปล่อยมือเพคะ มือพระองค์ยังไม่หายดี”“ข้าไม่เป็นไร” จินชางหลงปลดมือขาวเนียนออกแช่มช้าพลางลูบเบา ๆ หวังคลายความเจ็บให้อีกฝ่าย ฝ่ามืออันเนียนนุ่มของหญิงสาวบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งยังเริ่มถลอก“เจ็บหรือไม่”เฉินอิ้งถงส่ายหน้า “ไม่เพคะ”“โกหกตาใส เจ้าพักเสียบ้าง อีกไม่กี่ลี้ [1] ก็จะถึงแล้ว”“พระองค์นั่นแหละ อย่าดื้อสิเพคะ” เฉินอิ้งถงคิดแย่งบังเหียนกลับ“เจ้าสิที่ดื้อ” จินชางหลงใช้มือหนึ่งฝั่งดึงร่างระหงเข้ามาแนบตัวเฉินอิ้งถงถูกแรงชายหนุ่มลากมาปะทะแผ่นอกกว้างก็ตกใจหน้าตื่น อ
เฉินอิ้งถงเดินทางร่วมห้าวันเต็มก็ยังไม่พบจินชางหลง วันที่สามหญิงสาวฝากม้าไว้ที่โรงเตี๊ยม จากนั้นเลือกที่จะเดินเท้าไปต่อ เสี่ยวฮวามอบขนมเพิ่มพลังงานความเร็วให้กับนาง ไม่กี่ชั่วยามก็เดินทางได้หลายร้อยลี้องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวติดตามตะลึงงันเพราะบัดนี้เฉินอิ้งถงหายตัวไปรวดเร็วประหนึ่งลมกรด วรยุทธ์สุดเลิศล้ำของพวกเขาดูด้อยลงไปถนัดตา“เกิดอะไรขึ้น คลาดสายตาครู่เดียวคุณหนูก็หายไปแล้ว”“ข้าเองก็ไม่รู้ เห็นคุณหนูออกจากโรงเตี๊ยมอยู่ไว ๆ พริบตาก็หาไม่เจอ”องครักษ์เงาทั้งสองมองหน้ากันหลุกหลิก โซนสมองดุจถูกหมอกบดบัง“นายท่าน พวกเขาตามมาไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ”ริมฝีปากสีกุหลาบกดลึกเป็นรอยยิ้ม องครักษ์เงาชะล่าใจเกินไป เฉินอิ้งถงไหวตัวทันตั้งนานแล้ว นางก็แค่รอจังหวะสลัดพวกเขาให้พ้นทาง หนำซ้ำหูของเฉินอิ้งถงก็รับเสียงได้ดียิ่งกว่าหมาป่าเพราะมีขนมของเสี่ยวฮวาเป็นตัวช่วยเฉินอิ้งถงเดินทางมาถึงธารน้ำหลาก บริเวณโดยรอบเงียบเชียบวังเวง อากาศก็หนาวยะเยือกจนสะท้านเข้ากระดูก จากสภาพอากาศที่ต่ำลงเรื่อย ๆ คงไม่มีขบวนพ่อค้าใดคิดผ่านมาแถบนี้ ดูเหมือนว่านางกำลังเข้
รถม้ามุ่งหน้าออกนอกเมืองหลวงว่องไวดั่งลมกรด หญิงสาวด้านในยังคงหลับใหลไร้สติ ความโคลงเคลงก็มิอาจทำให้นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ นั่นเพราะนางกำลังดมกำยานสงบใจโดยไม่รู้ตัว“นายท่าน นายท่านตื่นเร็วเข้า”“…”“นายท่านเจ้าคะ ตื่นเร็วเข้า”“…”เสี่ยวฮวาพยายามเรียกเฉินอิ้งถงตลอดทาง ทว่าทำอย่างไรนางก็ยังไม่ได้สติ วันนี้เจ้าภูติตัวน้อยได้กลิ่นประหลาดรบกวนการหลับจึงทำให้เสี่ยวฮวาตื่นขึ้นก่อนกำหนด“เป็นเพราะของสิ่งนี้สินะ นายท่านข้าจึงขี้เซาเช่นนี้” ภูติตัวน้อยลอยเข้าใกล้เตากำยานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วรถม้าฟู่ว…เสี่ยวฮวาเป่าลมเพื่อดับกำยานที่กำลังส่งควันโขมงจนสำเร็จ“นายท่าน นายท่านตื่นเร็วเจ้าค่ะ องค์ชายแย่แล้ว”“…”“ยังไม่ตื่นหรือ เช่นนั้นก็ลองนี่แล้วกัน” เสี่ยวฮวาเสกลูกกวาดมาอันหนึ่ง จากนั้นก็ส่งเข้าปากบางเฉียบไม่นานปลายนิ้วของหญิงสาวก็เริ่มขยับ แพขนตาหนาระริกไหวไม่นานเปลือกตาบางก็แง้มเป
แสงแดดยามเช้าทอประกายลอดเข้ามาภายใต้ผ้าม่านขลิบทองที่กำลังปลิวไสวลู่ลม คิ้วเข้มยับย่นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวกระดิกแผ่ว“องค์ชาย องค์ชายฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”จินชางหลงเปิดเปลือกตาขึ้นแช่มช้า นัยน์ตาคมเข้มกวาดมองโดยรอบ พริบตาก็ร้องโอดโอย“โอ๊ย…ปวดหัว”กงกงตกใจหน้าตื่น “องค์ชายระวังพ่ะย่ะค่ะอย่ารีบร้อน”กงกงประคองร่างของจินชางหลงด้วยความระมัดระวัง เผิงจิ้นเสียนเข้ามาช่วยอีกแรง“ข้า…เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับข้า”กงกงหน้าซีด เผิงจิ้นเสียนจึงรับหน้าที่อธิบาย “องค์ชาย เมื่อคืนพระองค์บอกว่าฝันร้าย ไม่พอยังอาละวาดจะไปหาแม่นางเฉินให้ได้ จากนั้นพระองค์ก็ทำร้ายกงกงจนหมดสติไป”กงกงก้มหน้างุด จินชางหลงเหลียวมองอีกฝ่าย เห็นกงกงหมองเศร้าเขาเองก็รู้สึกผิด “ขอโทษท่านด้วยกงกง เมื่อคืนข้าเป็นอะไรไปก็ไม่รู้”“องค์ชาย จะโทษพระองค์ได้อย่างไร กระหม่อมไม่เป็นอะไรมากพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเร่งโบกมือละล้าละลังจินชางหลงยกมือขึ้นลูบท้ายทอยก็ครวญครางเสียงแผ่ว “เกิดเรื่องใดกับข้ากันแน่”“เมื่อคืนแม่นางเฉินส่งคนมาตามกระหม่อม องค์ชายบุกไปหาแม่นางเฉ
เฉินอิ้งถงสงบลงทันควัน ครั้นรับรู้ว่าอีกฝ่ายนิ่งแล้ว ฝ่ามือกว้างจึงลดลงแช่มช้า“องค์ชาย นี่พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ”“ถงเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้ามาก” จินชางหลงจับไหล่แคบให้หมุนร่างประจันหน้ากับตน เขารั้งอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดเฉินอิ้งถงอึ้งเป็นไก่ไม้“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”ใบหน้าหล่อเหลาซบลงตรงไหล่แคบ อ้อมแขนของเขารัดแน่นยิ่งกว่าเก่า “ข้าฝันร้าย”“หา…” เฉินอิ้งถงกะพริบตาถี่เขาฝันร้ายถึงขั้นต้องบุกมาหานางที่ห้องนอนเลยอย่างนั้นหรือ เหตุผลเช่นนี้ก็ใช้ได้หรือจินชางหลงกอดจนพอใจก็ปล่อยนางให้เป็นอิสระ เฉินอิ้งถงแหงนมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน “พระองค์ฝันร้ายจนต้องลอบมาห้องหม่อมฉันใช้ได้หรือ นี่พระองค์คิดอันใดอยู่เพคะ”“เอ่อ…ข้าขอโทษ ก็ข้าคิดถึงเจ้า”แรงกอดของเขาเมื่อครู่ทำนางกระดูกแทบแหลกละเอียด “เหตุใดพระองค์แรงเยอะเช่นนี้เพคะ เจ็บไปหมดเลย”มือเรียวยกขึ้นคลึงไหล่ของตนเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด จินชางหลงหน้าถอดสี “ข้าเองก็ไม่รู้ เมื่อครู่ทำเจ้าเจ็บมากเลยหรือ ขอโทษด้วยข้าไม่ได้ตั้งใจ”ชายหนุ่มเดินหน้าเข้าใกล้อีกครั้งทว่าหนนี้






Comments