ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!

ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
โดย:  ต้นไม้แห้งยังไม่จบ
ภาษา: Thai
goodnovel12goodnovel
10
0 การให้คะแนน. 0 ความคิดเห็น
26บท
730views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ในลมหายใจสุดท้ายของชีวิตวัย 35 ปี ‘ซูเยว่ซิน’ ได้ตระหนักว่าการถูกครอบครัวที่แท้จริงรับกลับไปดูแลนั้นคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมด เธอถูกสลับตัวไปเมื่อแรกเกิด เติบโตอย่างยากลำบากแต่เปี่ยมสุขกับครอบครัวชาวนา ก่อนจะถูกพรากไปสู่คฤหาสน์ของตระกูลซูผู้ให้กำเนิด ที่นั่นเธอไม่ได้พบกับความรัก แต่กลับถูก ‘ซูเหม่ยลี่’ ลูกสาวตัวร้ายที่เติบโตมาในฐานะคุณหนูคอยกดขี่ข่มเหง จนสุดท้ายถูกใส่ร้ายและทอดทิ้งให้ตายอย่างโดดเดี่ยว แต่แล้วสวรรค์กลับมีตา ทำให้เยว่ซินได้ย้อนเวลากลับมาในร่างวัย 17 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนที่ตระกูลซูจะมารับตัว! ครั้งนี้เธอจะไม่เลือกเส้นทางเดิมอีกต่อไป เยว่ซินจึงปฏิเสธสายเลือดอย่างเด็ดขาด ประกาศตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเศรษฐี และเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวหลินผู้ยากจนแต่รักเธอสุดหัวใจ

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

๐๑ โอกาสอีกครั้ง

สายลมปลายฤดูสารทปี 1998 หอบเอาอากาศอันหนาวเย็นที่เสียดแทงถึงกระดูกแทรกซึมผ่านรอยแตกของบานหน้าต่างไม้เก่าซอมซ่อเข้ามาในห้องเช่าขนาดเท่ารูหนู ซูเยว่ซิน ในวัยสามสิบห้าปีนอนขดตัวอยู่บนเตียงแข็งกระด้าง ร่างกายผ่ายผอมราวกับกิ่งไม้แห้งที่รอวันแหลกสลาย กับผ้าห่มผืนบางเฉียบที่ทั้งเก่าและเปื่อยยุ่ย จนแทบไม่อาจมอบไออุ่นใด ๆ ให้แก่เธอได้เลย

เสียงหอบหายใจของเธอดังครืดคราดอยู่ในลำคอ แต่ละครั้งที่ไอออกมาก็ราวกับจะขย้อนเอาเครื่องในออกมาด้วยอย่างไรอย่างนั้น เลือดสีคล้ำที่กระเซ็นเปรอะผ้าเช็ดหน้าผืนเก่านั้นเปรียบดั่งสิ่งที่บ่งบอกถึงความพ่ายแพ้ของชีวิต

เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ปรือขึ้น ภาพเพดานที่มีหยดน้ำเกาะพราวและคราบเชื้อราสีดำทะมึนเป็นสิ่งที่เธอเห็นจนชินตามาตลอดห้าปีสุดท้ายของชีวิต มันช่างแตกต่างจากโคมระย้าคริสตัลระยิบระยับในคฤหาสน์ตระกูลซูราวฟ้ากับเหว บ้านที่เธอเคยคิดว่าเป็นของตัวเอง!

ภาพความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับมาฉายชัดในมโนสำนึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน...

วันนั้นฝนตกพรำ ๆ เช่นกัน แต่เป็นฝนในฤดูร้อนที่นำพาความอับชื้นน่ารำคาญใจ เธอยืนตัวเปียกปอนอยู่กลางห้องโถงโอ่อ่าของบ้านตระกูลซู ตรงหน้าคือบิดา กับมารดาผู้ให้กำเนิดที่เธอเพิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเพียงสิบกว่าปี พวกเขามองเธอด้วยสายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและรังเกียจเดียดฉันท์

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเลือดในอกของฉันจะกลายเป็นอสรพิษเสียเอง แกกล้าดียังไงถึงได้ยักยอกเงินของบริษัท!?” ซูเจิ้งกั๋ว หรือพ่อผู้บังเกิดเกล้าตวาดลั่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยโทสะ นิ้วที่ชี้มาที่เธอนั้นสั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัด

“พ่อคะ มันไม่ใช่...” เยว่ซินพยายามจะอธิบาย แต่เสียงของเธอกลับสั่นเครือและแผ่วเบาจนน่าสมเพช

“ยังจะแก้ตัวอีก!” เผยฮุ่ยหลัน ผู้เป็นแม่ร่ำไห้ปานจะขาดใจ พลางชี้นิ้วมาที่กองเอกสารบนโต๊ะ “หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ แกยังจะปากแข็งอีกหรือ! ฉันอุตส่าห์รักและเอ็นดูแกมากกว่าเหม่ยลี่ตั้งเท่าไหร่ ทำไมแกถึงทำกับพวกเราได้ลงคอ!”

น้ำเสียงนั้นเปรียบเสมือนคมมีดกรีดเฉือนหัวใจของเยว่ซินจนเป็นแผลเหวอะหวะ ที่เจ็บปวดกว่านั้นคือสายตาของผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเผยฮุ่ยหลัน ซูเหม่ยลี่ น้องสาวต่างสายเลือดที่ถูกสลับตัวกันไปเมื่อครั้งยังเป็นทารก

ในขณะที่ทุกคนกำลังเกรี้ยวกราด เหม่ยลี่กลับมีเพียงรอยยิ้มเยาะหยันที่มุมปาก ดวงตาของเธอฉายแววแห่งผู้ชนะอย่างปิดไม่มิด เป็นรอยยิ้มที่เยว่ซินจะไม่มีวันลืมเลือนไปชั่วชีวิต

“พี่เยว่ซินคะ ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะลำบากถึงขั้นต้องทำเรื่องแบบนี้ ถ้าพี่ต้องการเงินทำไมไม่บอกฉันดี ๆ ล่ะคะ” น้ำเสียงของหล่อนหวานล้ำ “ถึงแม้ว่าพี่จะมาจากบ้านนอกคอกนา แต่พ่อกับแม่ก็รักพี่มากนะคะ ทำไมถึงไม่รู้จักพอเสียที”

คำพูดของเหม่ยลี่เป็นดั่งการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ซูเจิ้งกั๋วคำรามลั่น

“นับแต่นี้ต่อไป ตระกูลซูจะไม่มีลูกสาวที่ชื่อซูเยว่ซินอีก! รีบไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้!”

เธอยังจำได้ดีถึงสัมผัสหยาบกระด้างของคนรับใช้ที่ลากตัวเธอออกไปนอกประตูรั้วใหญ่โตมโหฬาร แล้วโยนกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กตามหลังออกมา หรือเสียงปิดประตูเหล็กดัดที่ดังสนั่นนั้น ไม่เพียงแต่ปิดกั้นไม่ให้เธอกลับเข้าไป แต่ยังปิดฉากชีวิตอันสวยหรูที่เธอเคยหลงระเริงไปกับมันด้วย

นับจากวันนั้น ชีวิตของเธอก็ดิ่งลงสู่จุดต่ำอย่างถึงที่สุด ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขโมย อกตัญญู ไม่มีแม้ใครที่จะรับเข้าทำงาน ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย จนเธอกลายเป็นเพียงเศษธุลีที่สังคมรังเกียจ จนสุดท้ายต้องมาจบชีวิตลงในห้องเช่าแห่งนี้เพียงลำพัง

หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็อยากจะถามเหลือเกินว่าความผิดของเธอคืออะไร คือการที่เธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของบ้านตระกูลหลินที่แสนยากจนงั้นหรือ? หรือคือการที่เธอหลงเชื่อคำหวานของครอบครัวเศรษฐีที่มารับเธอกลับไป โดยทอดทิ้งครอบครัวที่กัดก้อนเกลือเลี้ยงดูเธอมาตลอดสิบเจ็ดปีเต็ม

ใช่แล้ว ครอบครัวหลิน

น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินจากหางตาอันแห้งผาก ภาพใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความรักของพ่อหลิน แม่หลิน พี่ต้าเฉียง และพี่ซิวอิงพลันปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึงสุดท้าย พวกเขาคือคนที่ยอมอดเพื่อให้เธอได้อิ่ม คือคนที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อเธอเสมอมา แต่เธอกลับตอบแทนพวกเขาด้วยการจากมาอย่างไม่ไยดี

ช่างโง่เขลา ช่างน่าสมเพชสิ้นดี

ซูเยว่ซินเอ๋ยซูเยว่ซิน มีสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัวแท้ ๆ แต่กลับมองไม่เห็น กลับไล่ตามคว้าเงาในน้ำ จนสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายขาดห้วงไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิท ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์เข้าครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง

***

“เยว่ซิน! เยว่ซิน! ตื่นได้แล้วลูก!”

เสียงที่คุ้นเคยแต่ห่างหายไปนานเกือบยี่สิบปีดังขึ้นข้างหู ปลุกให้สติที่กระจัดกระจายของหลินเยว่ซินค่อย ๆ รวมตัวกันอีกครั้ง เปลือกตาที่เคยหนักอึ้งราวกับมีหินถ่วง บัดนี้กลับขยับเปิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาไม่ใช่เพดานผุพังชื้นแฉะ แต่เป็นหลังคาไม้สีเข้มที่มุงด้วยกระเบื้องดินเผาเก่า ๆ แม้จะมีใยแมงมุมเกาะอยู่บ้างประปราย แต่มันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างน่าประหลาด

เมื่อเธอลองขยับร่างกาย ความเจ็บปวดทรมานที่เคยเกาะกินอยู่ทุกอณูก็พลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงความรู้สึกเมื่อยขบเล็กน้อยเท่านั้น เธอยกมือขึ้นมาดู เห็นฝ่ามือเรียวเล็ก ขาวสะอาด ปราศจากร่องรอยกร้านงานหนักและริ้วรอยแห่งวัย นี่มันมือของเด็กสาวชัด ๆ

“ตื่นแล้วหรือลูก? ฝันร้ายเหรอ เห็นเหงื่อออกเต็มหน้าผากเลย”

เยว่ซินหันไปตามเสียงนั้น แล้วหัวใจของเธอก็พลันกระตุกวูบราวกับจะหยุดเต้น สตรีวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงมีใบหน้าซูบตอบ ดวงตาโหลลึกจากการทำงานหนักและพักผ่อนน้อย แต่แววตาที่มองมายังเธอนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง...

“แม่...” คำ ๆ นี้หลุดออกจากปากของเธออย่างแผ่วเบา น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วกลับทะลักทลายออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างไม่อาจควบคุม

นี่คือแม่หลิน แม่ผู้เลี้ยงดูเธอมาสิบเจ็ดปี!

จ้าวซู่เฟิน หรือ แม่หลิน ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักจู่ ๆ ก็ร้องไห้โฮออกมา “โอ๋ ๆๆ เป็นอะไรไปลูกรัก บอกแม่มาสิว่าใครทำอะไรให้หนูเสียใจ” เธอดึงร่างของเยว่ซินเข้ามากอดปลอบโยน พลางลูบหลังบางเบา ๆ

ไออุ่นจากอ้อมกอดนี้ กลิ่นดินจาง ๆ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของผู้เป็นแม่บ่งบอกได้ว่ามันคือของจริง ทุกอย่างเป็นความจริง! เยว่ซินกอดตอบผู้เป็นแม่แน่นราวกับกลัวว่าภาพตรงหน้าจะสลายไป

“หนู... หนูแค่ฝันร้ายค่ะแม่” เธอตอบเสียงอู้อี้ ซุกใบหน้ากับอกอุ่น ๆ ของมารดาเพื่อซ่อนความสับสนตื่นตระลึงของตัวเอง

“ฝันก็คือฝัน ตื่นมาก็ลืมมันไปนะลูก” แม่หลินลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “ลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ พ่อกับพี่ ๆ เขารอมันต้มฝีมือลูกอยู่นะ วันนี้ต้าเฉียงไปขุดมาได้หัวใหญ่เชียว”

เยว่ซินค่อย ๆ คลายอ้อมกอดแล้วพยักหน้ารับ สติของเธอเริ่มกลับมาทำงานเต็มที่อีกครั้ง เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนอนเล็ก ๆ ที่คุ้นเคย ทั้งเตียงไม้ โต๊ะหนังสือเก่า ๆ ที่พ่อเป็นคนต่อให้ และปฏิทินกระดาษที่แขวนอยู่บนผนัง

ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นตัวเลขบนปฏิทิน...

วันที่ 12 เดือนกันยายน ปี 1983

หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก ปี 1983 เธอได้ย้อนกลับมาเมื่อตอนอายุสิบเจ็ดปี และวันที่ 12 เดือนกันยายน นั่นหมายความว่า...

พรุ่งนี้!

พรุ่งนี้คือวันที่ 13 กันยายน วันที่รถยนต์คันหรูของตระกูลซูจะมาจอดที่หน้าบ้านหลังนี้ วันที่พวกเขาจะมาพรากเธอไปจากครอบครัวที่แท้จริง และเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมดในชาติที่แล้ว

ฟ้ายังมีตา! สวรรค์ยังเมตตาเธอ!

เยว่ซินกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว โอกาสที่จะได้แก้ไขความผิดพลาดทั้งหมด โอกาสที่จะได้ปกป้องครอบครัวนี้ และโอกาสที่จะได้เอาคืนคนพวกนั้นอย่างสาสม!

หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ๆ ในกะละมัง เยว่ซินก็เดินออกมายังห้องโถงเล็ก ๆ ซึ่งใช้เป็นทั้งที่กินข้าวและที่นั่งเล่น กลิ่นหอมหวานของมันเทศต้มลอยอบอวลไปทั่ว พ่อหลินกำลังนั่งซ่อมเครื่องมือทำไร่อยู่ที่มุมหนึ่ง หลินต้าเฉียง พี่ชายคนโตกำลังเช็ดเหงื่อบนใบหน้าคมเข้ม และ หลินซิวอิง พี่สาวคนรองกำลังช่วยแม่หลินจัดเตรียมชามข้าวอยู่

“เยว่ซินมาแล้วรึ” พ่อหลิน หรือ หลินเจี้ยนกั๋ว เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ลูกสาวคนเล็กอย่างรักใคร่ “หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าลูก”

“เปล่าค่ะพ่อ หนูสบายดี” เธอยิ้มตอบ พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ภายในใจ

“มา ๆๆ น้องเล็กมานั่งนี่เร็ว วันนี้พี่ใหญ่ขุดมันหัวใหญ่ที่สุดในแปลงมาให้เธอเลยนะ!” ต้าเฉียงพูดพลางตบที่นั่งว่างข้าง ๆ เขาด้วยท่าทีแข็งขันแต่แฝงไว้ด้วยความเอ็นดู

ครอบครัวหลินมีกันห้าชีวิต แม้จะยากจนข้นแค้นชนิดที่เรียกว่ากัดก้อนเกลือกิน แต่ความรักความผูกพันกลับเหนียวแน่นยิ่งกว่าสิ่งใด ทุกคนทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้เยว่ซินได้เรียนหนังสือ เพราะเธอเป็นความหวังเดียวของครอบครัว

แม่หลินตักมันเทศต้มสีเหลืองทองที่ร้อนกรุ่นใส่ชามให้ทุกคน ในหม้อมีมันอยู่เพียงไม่กี่หัว แต่ชามของเยว่ซินกลับได้รับชิ้นที่ใหญ่และดูน่ากินที่สุดเสมอ

“กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้มีแรงอ่านหนังสือ” ซิวอิงคีบมันชิ้นเล็ก ๆ จากชามของตัวเองมาใส่ให้เยว่ซินเพิ่ม

ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเยว่ซินอุ่นซ่านและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน นี่คือความรักอันบริสุทธิ์แบบที่เธอโหยหามาตลอดชีวิตในชาติที่แล้ว ครอบครัวที่ยอมสละทุกอย่างได้เพื่อเธอโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

เธอก้มหน้าลงกินมันต้มในชาม รสชาติหวานอร่อยของมันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก มันอร่อยกว่าอาหารเหลาหรูหราจานไหน ๆ ที่เธอเคยกินในบ้านตระกูลซูเสียอีก เพราะมันคือรสชาติของบ้าน

เยว่ซินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของทุกคนอีกครั้ง ใบหน้าของพ่อที่เต็มไปด้วยริ้วรอยจากการตรากตรำกลางแดดฝน ใบหน้าของแม่ที่ซูบซีดแต่แววตายังคงอ่อนโยน ใบหน้าของพี่ชายที่เปื้อนดินแต่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าของพี่สาวที่เรียบง่ายแต่แฝงความเสียสละ

น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงในชามข้าวโดยที่เธอไม่รู้ตัว

ไม่! เธอเปล่งเสียงในใจอย่างเด็ดเดี่ยว ชาตินี้ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเขาอีกแล้ว!

ตระกูลซูงั้นหรือ? ความร่ำรวยมั่งคั่งงั้นหรือ? มันก็แค่ภาพลวงตาจอมปลอมที่เคยทำลายชีวิตเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง น้ำบ่อหน้าย่อมสู้น้ำบ่อน้อยหลังบ้านไม่ได้ ความสุขจอมปลอมที่อยู่ไกลตัว จะเทียบกับความอบอุ่นที่แท้จริงตรงนี้ได้อย่างไร

เธอจะใช้ความทรงจำและความรู้จากอนาคต พลิกชะตาชีวิตของครอบครัวนี้ให้จงได้ เธอจะทำให้พ่อแม่และพี่น้องได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องลำบากลำบนอีกต่อไป

ส่วนตระกูลซูและซูเหม่ยลี่ หนี้แค้นที่เคยติดค้างกันไว้ ชาตินี้เธอจะขอทวงคืนกลับมาทั้งหมด ทั้งต้นทั้งดอก!

หลินเยว่ซินกำหมัดที่อยู่ใต้โต๊ะแน่น แววตาที่เคยสับสนและอ่อนแอ บัดนี้ทอประกายกล้าแกร่งและเย็นเยียบขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ชาตินี้ฉันจะไม่ไปจากที่นี่เด็ดขาด!”

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status