ชาติก่อนเวินซื่อเป็นไข่มุกบนฝ่ามือของบิดาและเหล่าพี่ชาย แต่หลังจากที่บิดาพาน้องสาวกลับมา นางก็สูญเสียความรักไปทั้งหมด อีกทั้งยังโดนพวกพี่ชายมองว่าเป็นสตรีเจ้าเล่ห์เพราะแก่งแย่งความรักกับน้องสาว พี่ใหญ่บังคับให้นางคุกเข่าต่อหน้าผู้คน พี่รองตัดมือเท้าทั้งสองข้างของนาง พี่สามทรมานนางอย่างหนัก พี่สี่ทำลายโฉมหน้าและชื่อเสียงของนาง แม้แต่บิดาก็ไล่นางออกจากบ้าน สุดท้ายเวินซื่อเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของบิดาและพี่ชาย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางเลือกที่จะละทิ้ง ขอพระราชโองการออกจากตระกูล ตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใครจะรู้ว่าพวกพี่ชายกลับพากันนึกเสียใจ คุกเข่าอ้อนวอนให้นางลาสิกขา เวินซื่อส่ายหน้าอย่างเฉยชา “อมิตตาพุทธ ตระกูลเวินอันใด เวินซื่ออันใด พวกประสกจำคนผิดแล้ว”
View More“ข้าอยากจะดูว่า กระดูกของพวกคนแคระต้าหมิงอย่างพวกเจ้าจะแข็งสักแค่ไหน”เมื่อเห็นชาวต้าหมิงเหล่านั้นถูกลากออกไป หลานซื่อก็รีบปล่อยแมลงพิษจำนวนหนึ่งตามไปอย่างเงียบ ๆจากนั้นต้ารื่อหวังก็สั่งให้คนลากชาวต้าหมิงชุดใหม่ขึ้นมา ครั้งนี้ในบรรดาพวกเขามีคนใจเสาะอยู่คนสองคนหลังจากได้ยินคำถามของต้ารื่อหวังแล้ว ก็รีบแย่งกันพูดว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นบุตรสาวของเจิ้นกั๋วกงจริง”แต่รอยยิ้มยังไม่ทันปรากฏบนใบหน้าเวินเฉวียนเซิ่ง อีกคนก็รีบแย้ง “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ! ธิดาศักดิ์สิทธิ์เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าบัดนี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเจิ้นกั๋วกงแล้ว และยังเปลี่ยนสกุลเป็นหลาน ซึ่งก็คือสกุลหลานตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในอดีต”ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา เวินเฉวียนเซิ่งก็รู้สึกได้ว่าสายตาของต้ารื่อหวังที่มองมายังใบหน้าของเขา ได้เปลี่ยนเป็นมีความนัยลึกซึ้ง ทั้งยังแฝงความเย้ยหยันเอาไว้เล็กน้อยอีกด้วยเวินเฉวียนเซิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “เป็นบิดาเพียงหนึ่งวัน ย่อมเป็นไปชั่วชีวิต ต่อให้บุตรสาวอกตัญญูผู้นั้นไม่ยอมรับ เลือดของกระหม่อมก็จะไหลเวียนอยู่ในกายนางตลอดไป ไม
ในชั่วขณะนั้น ความโกรธแค้นที่ไม่มีสิ้นสุดพลุ่งพล่านขึ้นในใจของหลานซื่อ นางเกือบจะสูญเสียการควบคุมไปแล้วสารเลว เขากล้าได้อย่างไร...!?เขายังมีหน้ากล้าพูดว่าตนเป็นบุตรสาวของเขาได้อย่างไรกัน!?สารเลวสมควรตาย!ในขณะนี้ หลานซื่อได้แต่เกลียดชังตนเองว่าไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้ ที่ไม่สามารถสับไอ้เฒ่าไร้ยางอายผู้นี้ให้เละตั้งแต่ตอนที่อยู่ในเมืองหลวง!!“เจ้าบอกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงเป็นบุตรสาวของเจ้าหรือ? เจ้านี่น่ะหรือ...จะให้กำเนิดบุตรสาวเช่นนั้นได้?”เสียงของต้ารื่อหวังดังขึ้นบนบัลลังก์สูง ดวงตาที่โตเท่ากระดิ่งทองแดงคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายออกมา เพ่งพินิจตรงไปยังเวินเฉวียนเซิ่ง ราวกับกำลังยืนยันความจริงเท็จในคำพูดของเขาเวินเฉวียนเซิ่งสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อยเมื่อโดนคำพูดเชิงเหยียดหยามของต้ารื่อหวัง“ได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงผู้นั้นหน้าตาเสมอเหมือนเทพธิดา เจ้าบอกว่าเป็นพ่อลูกกับหญิงผู้นี้ข้าไม่สงสัย แต่เจ้าบอกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นบุตรสาวของเจ้า ข้าต้องสงสัยเสียหน่อยแล้ว ว่าเป็นเจ้าที่โกหก หรือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ำลือกันนั้นมีรูปโฉมไม่สมชื่อ?”
เมื่อองค์ชายใหญ่พูดเช่นนี้ สายตาของทุกคนก็ไปรวมอยู่ที่เวินเยวี่ยที่อยู่ข้างกายชางชิงหลานทันทีพอได้เห็น ก็เป็นคนจากจงหยวนจริง ๆผิวขาวนวลและบอบบางอ่อนโยนเช่นนี้ หน้าตาดูน่าสงสารยิ่งนักไม่นึกเลยว่าอ๋องชางนั้นจะชอบสตรีเช่นนี้ชั่วขณะหนึ่ง สายตาที่ทุกคนมองไปยังชางชิงหลานล้วนมีความนัยลึกซึ้งเมื่อได้ยินทุกคนกล่าวว่าตนเป็นผู้หญิงของชางชิงหลาน เวินเยวี่ยชอบความเข้าใจผิดเช่นนี้มาก ใบหน้าน้อยนั้นแดงซ่านด้วยความเขินอายภายใต้สายตาของทุกคนแต่ในวินาทีต่อมา คำพูดของชางชิงหลานก็ทำให้ใบหน้าของนางซีดเผือดทันใด...“ใครบอกว่านางเป็นผู้หญิงของข้า?”ชางชิงหลานเหลือบมองเวินเยวี่ยพลางเย้ยหยัน “ก็แค่ของเล่นเล็กน้อยที่จับมาเล่น ๆ เท่านั้น หากท่านพี่ทั้งสามชอบ ก็เอาไปได้เลย”เวินเยวี่ยที่นั่งอยู่ข้างกายเขาราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายอันผอมบางสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม“อ๋องชาง...”นางยังพูดไม่ทันจบ ชางชิงหลานก็เมินเฉยต่อนางเสียแล้ว ก่อนจะมองไปยังเวินเฉวียนเซิ่งด้านล่างที่สีหน้าดูไม่ค่อยดี แล้วเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง “อ้อ จริงสิ ข้าลืมไป เรื่องนี้ดูเหมือนจะต้องได้รับความยินยอมจากท่านเจิ้นกั๋วกงทูตจากต้าหมิง
ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา เกือบทั้งลานประลองสัตว์ก็เงียบสงบลงชั่วขณะหลายคนมองหน้ากันไปมา แต่ละคนสีหน้าตกตะลึงยิ่งนัก“เมื่อครู่คนผู้นั้นพูดอะไรหรือ?”“เขาพูดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิง!”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิงอยู่ในราชสำนักของพวกเราตอนนี้!”“จริงหรือไม่? ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิงจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน?!”“คงไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกกระมัง?”ภายในลานประลองสัตว์ ชาวต่างเผ่าจากทุกทิศทางเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาในเวลานี้ เกาหยางและคนอื่น ๆ เรียกได้ว่าโกรธจนสั่นเทิ้มพวกเขากำด้ามดาบที่เอวแน่น อยากพุ่งขึ้นไปฟันไอ้คนขายชาติที่สมควรตายนั่นเหลือเกิน!ไม่ผิด เวินเฉวียนเซิ่งในสายตาของเกาหยางกับพวกตอนนี้ ก็เท่ากับคนขายชาติไปแล้วสามเรื่องใหญ่ที่นางทำนับตั้งแต่หลานซื่อเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็คือ ขอฝนที่จินโจว รักษาโรคระบาดที่ลู่โจว และบรรเทาภัยพิบัติที่ชางโจว ได้ช่วยชีวิตชาวต้าหมิงไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อมายังมีการปลูกสมุนไพร บริจาคสมุนไพร บรรเทาความกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ประชาชนหลังภัยพิบัติ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง คู่ควรแก่น
ในใจหลานซื่อพลันเต้น ‘ตึกตัก’นางรีบใช้มุมมองของอวิ่นซิงสังเกตต้ารื่อหวัง เมื่อเห็นแล้วนางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่พวกเขาเลย กระทั่งไม่ได้อยู่ที่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองด้วยซ้ำประกอบกับนางใช้แมงมุมน้อยคอยจับตาดูพวกเขาทั้งสองมาโดยตลอด ดังนั้นสองคนนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะไปฟ้องได้ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็น่าจะเกิดขึ้นกับคนอื่นเมื่อมองตามสายตาของต้ารื่อหวังไป ก็ไม่ใช่ชางชิงหลานด้วยซ้ำตรงกันข้ามใบหน้าของชางชิงหลานกลับฉายแววตระหนกและสงสัยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นกันดังนั้นชางชิงหลานก็เป็นไปตามที่นางเคยคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของนางโดยตรงเพียงแต่ในเวลานี้ปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว...คนที่ต้ารื่อหวังมองไม่ใช่นาง ไม่ใช่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง และไม่ใช่ชางชิงหลาน แต่เป็นเวินเยวี่ยที่อยู่ข้างกายชางชิงหลานหลานซื่อเห็นเวินเยวี่ยสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ยืนขึ้นอย่างสงบภายใต้สายตาของทุกคน ในสมองของนางพลันมีแสงสว่างสุกใสปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง เข้าใจบางอย่างได้ในทันทีเป็นเช่นนี้นี่เองดูเหมือนว่าเขาจะมาถึงแล้ว...ตามที่หลานซื
“งานเลี้ยงราชวงศ์เริ่มขึ้นแล้ว...”ณ ลานประลองสัตว์ หลังจากหลานซื่อและคนอื่น ๆ ตามองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเข้าไปในงานแล้ว ไม่นานชางชิงหลานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงงานเลี้ยงเช่นกันองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดพาองครักษ์และผู้ติดตามของตนเองนั่งบนอัฒจันทร์ที่ดีที่สุดตามลำดับ ตำแหน่งนี้ต่อให้อยู่ด้านหลังแต่หลานซื่อและคนอื่น ๆ ก็ยังสามารถชมทิวทัศน์ของลานประลองสัตว์ได้ทั้งหมดด้านล่างคือสังเวียนของลานประลองสัตว์ฝั่งตะวันออกของสังเวียนเป็นอัฒจันทร์สำหรับสมาชิกราชวงศ์รวมถึงราชา ที่เหลืออีกสามฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นที่นั่งของบรรดาชนชั้นสูงในราชสำนัก อีกฝั่งหนึ่งเป็นที่นั่งของบรรดาหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ และฝั่งสุดท้ายเป็นที่นั่งของประชาชนชาวต่างเผ่าหลานซื่อกวาดตามองไปรอบ ๆแต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นเงาของเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่น ๆอาจจะยังมาไม่ถึงราชสำนัก หรืออาจจะยังซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เพียงแต่ยังไม่เปิดเผยตัวออกมาสรุปแล้วไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร วันนี้นางจะต้องลงมือแน่นอนเสี่ยวหานไม่สามารถรอได้อีกแล้ว[อวิ่นซิง สามารถรับรู้ได้หรือไม่ว่าในลานประลองสัตว์นี้มีปรมาจารย์กู่อยู่กี่คน?]หลังจากเข้าสู่ลานประลอง
Comments