เข้าสู่ระบบเมื่อเขาเข้าหาเธอด้วยความแค้น แต่เธอกลับรักเขาหมดหัวใจ เกมแค้นนี้จะจบลงเช่นไร เมื่อคนหนึ่งแค้น แต่อีกคนหนึ่งรัก
ดูเพิ่มเติมสิบห้าปีก่อน ปัง เสียงปืนที่ดังมาจากห้องทำงานในคฤหาสน์หลังใหญ่โตที่กินเนื้อที่กว่าห้าไร่ ทำให้ทุกคนในบ้านต่างสะดุ้งตื่นตกใจกับเสียงที่ได้ยินคุณหญิงนวลปรางรีบลงมาเปิดประตูห้องทำงานของสามีทันทีที่ได้ยินเสียงปืน
"คุณเทพ" เสียงของคุณหญิงนวลปรางตะโกนเรียกสามีด้วยความตกใจและช็อคกับภาพตรงหน้าที่เห็นว่าสามีนั้นนอนจมกองเลือดอยู่กลางห้องทำงาน เมื่อได้สติก็วิ่งไปกอดร่างสามีไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลราวทำนบแตก
"ฮือออออ เกิดอะไรขึ้นคุณเทพทำแบบนี้ทำไม ทำไม" เสียงคร่ำครวญร่ำไห้ปานจะขาดใจพร่ำถามว่าทำไมสามีถึงทำแบบนี้
ภายในศาลาที่ตั้งบำเพ็ญศพของนายวรเทพ พิมุกเดชา เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของคุณหญิงนวลปรางผู้เป็นภรรยา ขณะนั้นเองได้มีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดดำเดินเข้ามายังศาลาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ในดวงตาคมเข้มกลับแดงกร่ำอย่างคนที่ร้องไห้มาอย่างหนัก ชายหนุ่มผู้นั้นคือ ภารัน พิมุกเดชา ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีลูกชายเพียงคนเดียวของคุณวรเทพและคุณหญิงนวลปราง พิมุกเดชา หลังจากทราบข่าวที่ช็อคหัวใจตัวเองว่าพ่อของเขานั้นยิงตัวตาย ชายหนุ่มผู้ที่กำลังศึกษาต่ออยู่ที่ต่างประเทศก็รีบหาไฟล์บินที่เร็วที่สุดเพื่อกลับมาเมืองไทย ซึ้งกว่าจะได้ไฟล์บินก็เป็นวันสุดท้ายของการสวดอภิธรรมแล้ว เขายืนมองรูปถ่ายขาวดำของผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับครอบครัวของตัวเอง เมื่อมองจนพอใจแล้วจึงได้เดินไปหาคุณหญิงนวลปรางผู้เป็นแม่ที่นั่งร่ำไห้คิดถึงสามีผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น
"คุณแม่" เสียงเรียกสั่นเครือของชายหนุ่มร่างสูง ทำให้คุณหญิงนวลปรางเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอีกครั้ง ที่ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้วกับการจากไปของสามีสุดที่รัก
"รัน รันลูก คุณพ่อเขา เขาทิ้งเราไปแล้วลูก" เสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของผู้เป็นแม่ ทำให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาช้าๆ ด้วยความเจ็บปวด
"ครับคุณแม่ คุณแม่ใจเย็นนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะอยู่กับคุณแม่ไม่ทิ้งคุณแม่ไปไหนอีกแล้วครับ" ชายหนุ่มกอดปลอบผู้เป็นมารดาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ภายหลังจากงานฌาปณกิจศพ นายวรเทพ พิมุกเดชาเสร็จ ทุกคนก็กลับมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยอาการที่ยังโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของประมุกของบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับทนายที่นั่งรออยู่แล้ว ผู้เป็นทนายยื่นเอกสารทุกอย่างให้คุณหญิงนวลปรางผู้เป็นภรรยาของผู้ที่ล่วงลับไป
"นี่เป็นเอกสารทั้งหมดครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางคุณพินิจจะเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของโรงแรม ทีพี แกรนด์แต่เพียงผู้เดียวครับ รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของคุณวรเทพด้วยครับ" เมื่อทนายพูดจบ ชายหนุ่มก็ถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมเพื่อนสนิทของพ่อเขาถึงได้หุ้นของโรงแรมไปเพียงแต่ผู้เดียวรวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ของครอบครัวตัวเองด้วย
"หมายความว่ายังไงครับ"
"ก่อนคุณวรเทพจะเสียชีวิต ได้ทำเอกสารมอบอำนาจให้คุณพินิจเป็นคนดูแลทรัพย์สินทั้งหมดรวมถึงหุ้นของโรงแรมด้วยครับ"
"ไม่จริง คุณพ่อไม่มีทางทำแบบนั้น" ชายหนุ่มสวนกลับอย่างพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง
"อันนี้ผมไม่ทราบครับ ผมพูดไปตามเอกสาร ถ้าคุณไม่เชื่อสามารถเช็คดูได้ครับ ส่วนบ้านหลังนี้พวกคุณสามารถอยู่ได้ถึงสิ้นเดือนนี้นะครับ เพราะบ้านหลังนี้ได้เปลี่ยนเป็นชื่อของคุณพินิจเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนครับ" เมื่อทนายพูดจบคุณหญิงนวลปรางก็ได้เป็นลมไปทันที
"คุณแม่" ชายหนุ่มเรียกคุณหญิงนวลปรางด้วยความตกใจที่เห็นแม่ของตัวเองเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะรีบอุ้มคุณหญิงนวลปรางไปพักในห้องนอน แล้วปฐมพยาบาลให้คุณหญิงนวลปรางฟื้นขึ้นมา
"คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ" ชายหนุ่มรีบถามทันทีหลังจากคุณหญิงนวลปรางฟื้น
"แม่ดีขึ้นแล้วละรัน" คุณหญิงนวลปรางบอกลูกชายเสียงสั่นเครือ หลังจากเงียบไปสักพักชายหนุ่มก็ถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยทันที
"คุณแม่ครับ คุณแม่พอจะทราบสาเหตุที่คุณพ่อทำแบบนี้ลงไปไหมครับ" เมื่อได้ยินคำถามจากลูกชาย คุณหญิงนวลปรางก็หยิบจดหมายที่สามีเขียนทิ้งไว้ก่อนจะยิงตัวตายให้กับลูกชายด้วยใบหน้าโศกเศร้าเสียใจ
เมื่อกลับมายังห้องส่วนตัว ชายหนุ่มก็เปิดอ่านจดหมายที่พ่อของตัวเองทิ้งไว้ก่อนตายทันที หลังอ่านจดหมายจบ ชายหนุ่มก็ขยำจดหมายจนเละ แล้วขว้างทิ้งออกไปด้วยความคับแค้นใจอย่างที่สุด สาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาต้องยิงตัวตายเป็นเพราะหลงเชื่อและไว้ใจเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ทรยศหักหลังคิดเอาหุ้นของโรงแรมที่พ่อเขาก่อตั้งมาด้วยความยากลำบากไปเป็นของตัวเอง รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ของครอบครัวเขาไปเป็นของตนเองทั้งหมด ในตาแดงกร่ำเต็มไปด้วยไฟแค้นที่มีต่อคนคิดคตทรยศหักหลัง เขาสาบานกับตัวเองว่าเขาจะแก้แค้นคนที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาต้องพังลงให้สาสม นายพินิจ ไกรสรนาท เพื่อนผู้ทรยศหักหลังของพ่อเขา เขาจะจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจ เขาจะอดทนรอวันที่เขากลับมามีทุกอย่าง เงินทอง อำนาจ บารมี ชื่อเสียง แล้วกลับมาแก้แค้นคนเลว “ฉันจะทำให้ครอบครัวแกต้องพังพินาศและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสมากกว่าที่ครอบครัวฉันต้องเจอ”
หลังจากวันนั้นภารันก็มีอาการแบบเดิมและเป็นหนักกว่าเดิมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปทำงานได้ เดือดร้อนถึงดินแดนที่ต้องทำงานแทนทุกอย่าง โดยที่ถ้ามีเอกสารสำคัญที่ภารันต้องเซ็นลงนามดินแดนก็จะหอบเอกสารมาให้ภารันเซ็นที่บ้านแทน“พี่รันไหวไหมค่ะ” พระพายเดินเข้ามาดูภารันที่ไม่สามารถลุกจากที่นอนได้เลยเนื่องจากอาการหน้ามืดเวียนหัวเล่นงานไม่หยุดไม่หย่อน“ไม่ไหว” ภารันตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา เมื่อเห็นสภาพของภารันพระพายก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ“พี่รันลุกขึ้นมาทานข้าวต้มไหวไหมค่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นภารันก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว แต่พอได้กลิ่นข้าวต้มอาการพะอืดพะอมก็เล่นงานทันที ทำให้ภารันต้องสลัดผ้าห่มออกแล้ววิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำทันที ด้านพระพายที่เห็นแบบนั้นก็รีบตามภารันเข้ามาในห้องน้ำเพื่อมาลูบหลังให้ โดยที่ภารันก็โก่งคออาเจียนอยู่ที่ชักโครกด้วยสภาพที่อ่อนแรงอย่างน่าสงสาร“พี่รันมาค่ะ เดี๋ยวพายพาออกไปนอนที่เตียงนะค่ะ” พระพายเรียกชื่อภารันด้วยความเป็นห่วงกับอาการที่ภารันกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ โดยทั้งสงสารและเอ็นดูไปในตัวที่ภารันมีอาการแพ้ท้องแทนเธอ ถ้าภารันรู้ว่าเธอท้องเขาจะมี
หลังจากที่พระพายยอมให้โอกาสภารันอีกครั้ง ภารันก็ดูแลพระพายดุจเจ้าหญิงไม่ว่าพระพายจะทำอะไรหรือต้องการอะไรภารันก็ยอมทุกอย่าง“พี่รันค่ะ พี่รันตื่นก่อนค่ะ” แรงเขย่าที่แขนทำให้ภารันต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย“อือ พายว่าไงครับ” ภารันหันไปถามพระพายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พายอยากกินข้าวไข่เจียวค่ะ พี่รันทำให้พายกินหน่อยได้ไหมค่ะ” พระพายบอกความต้องการไปให้ภารันได้รับรู้“พายอยากกินข้าวไข่เจียวตอนนี้เนี่ยนะ” ภารันพูดออกไปพร้อมกับเหลือบมองไปยังนาฬิกาซึ่งตอนนี้บอกเวลาตีสองกว่าแล้ว“ค่ะ พายอยากกิน” พระพายพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเบาๆ พร้อมกับเอาหน้าไปถูซอกคอภารันอย่างออดอ้อน“มันดึกแล้วเอาไว้กินพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ” หลังจบประโยคของภารัน พระพายก็เงยหน้ามาสบตากับภารันด้วยใบหน้าที่บึงตึงพร้อมกับสะบัดตัวหันหลังให้ภารันทันที"พายไม่กินแล้วก็ได้ค่ะ” หลังจากที่พระพายพูดจบภารันก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ มาจากทางเมียรักทำให้ภารันถึงกับตกใจพร้อมกับเอี้ยวตัวไปเปิดโคมไฟหัวเตียงทันที“พายร้องไห้ทำไมครับ” ภารันถามออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรนเมื่อเห็นว่าพระพายกำลังร้องไห้อยู่“พี่รันไม่ต้องมาสนใจพายหรอกค่ะ” พระพายพูดออกไป
หลังจากนั้นพระพายก็ชันขาทั้งสองข้างขึ้นให้เป็นรูปตัวเอ็มพร้อมกับอ้าขาให้กว้างขึ้น ภารันจ้องมองช่องทางรักของพระพายที่มีน้ำหวานเกาะติดอยู่ก็แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งราวกับขาดน้ำของตัวเองทันที“ร่องพายโคตรน่าเลียเลย พี่ขอเลียนะ” พูดจบภารันก็ก้มหน้าลงไปที่กลีบกุหลาบแสนสวยของพระพายทันทีโดยที่ไม่ได้รอให้พระพายได้อนุญาต ภารันเริ่มจากการดูดดุนติ่งเกสรที่มันล่อตาล่อใจของเขาก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นภารันก็ใช้ลิ้นร้อนชื้นของตัวเองลากไปตามร่องที่มีน้ำหวานติดอยู่ของพระพาย บางจังหวะภารันก็ห่อลิ้นให้เรียวแหลมแล้วจวงแทงเข้าออกในช่องทางรักของพระพายให้เหมือนกับตอนที่เขาใช้เอ็นร้อนจวงแทงเข้าไปในช่องทางรักเพื่อปรนเปรอพระพาย เสียงลามกดังไปทั่วห้องนอนสร้างความเสียวซ่านให้ทั้งคู่ได้เป็นอย่างดีแจ๊ะ แจ๊ะ แจ๊ะ“อือ อ้า พี่รันขา” พระพายครางออกมาเสียงดังอย่างเสียวซ่านกับการปรนเปรอของภารัน โดยที่พระพายได้ยื่นมือลงไปจับที่ศีรษะของภารันพร้อมกับขยุ้มอย่างต้องการที่ระบายกับความเสียวซ่านที่ได้รับ“พายชอบให้พี่เลียไหม” ภารันเงยหน้าจากกุหลาบงามเพื่อมาถามพระพายแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งนิ้วเรียวยาวเข้าไปในช่องทางรักข
ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังโตวันนี้มีเพียงคุณหญิงนวลปรางพระพายและภูวินทร์เท่านั้นที่นั่งรับประทานอาหาร“หนูพายตารันไปไหนทำไมไม่ยอมมากินข้าว” คุณหญิงนวลปรางหันไปถามพระพายที่นั่งกินข้าวอยู่เงียบๆ“คุณพ่อไม่ค่อยสบายตอนนี้กินยานอนแล้วครับ” ภูวินทร์เป็นคนที่ตอบกลับไปแทน“อ้าวแล้วพ่อเราเขาเป็นอะไรล่ะ” คุณหญิงนวลปรางหันมาถามภูวินทร์ด้วยความสงสัย“คือคุณพ่อโดนรถเฉี่ยวน่ะครับ”“ตายจริงแล้วเป็นอะไรมากไหม” คุณหญิงนวลปรางอุทานออกไปด้วยความตกใจ“ไม่เป็นไรมากครับ มีรอยถลอกนิดหน่อยครับ”“งั้นหนูพายป้าฝากดูแลตารันด้วยนะ” คุณหญิงนวลปรางหันมาฝากฝังพระพายให้ช่วยดูแลภารันทันทีที่รู้ว่าภารันโดนรถเฉี่ยว“เอ่อ พาย”“เดี๋ยวภูดูเองครับ ตอนนี้คุณพ่อนอนอยู่ห้องภู”“ทำไมพ่อเราไปนอนห้องเราล่ะ”“คุณพ่อบอกว่าแม่พายไล่ไม่ให้นอนด้วยครับ คุณพ่อเลยมานอนห้องภูก่อน” ขณะที่พูดไปภูวินทร์ก็คิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะลงมาจากห้อง“แขนกับคิ้วพ่อไปโดนอะไรมาครับ” ภูวินทร์ถามออกไปเมื่อเห็นสภาพของภารัน“เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่าภูทำยังไงก็ได้ให้แม่ยอมให้พ่อไปนอนด้วย” เมื่อได้ยินแบบนั้นภูวินทร์ก็พยักหน้าน้อยๆ ให้ภารัน “ผมจะพย
หลังจากหายป่วยดีแล้วพระพายก็กลับมาเปิดร้านขนมอีกครั้งหลังจากที่ปิดไปนานกรุ๊งกริ๊งเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นทำให้พระพายเงยหน้าจากการจัดขนมเข้าตู้ และเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาพระพายก็ส่งยิ้มให้ทันที“สวัสดีค่ะคุณพฤกษ์” พระพายส่งเสียงทักทายพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้“สวัสดีครับ ดีใจจังที่คุณพายเปิดร้านแล้ว” พฤกษ์พูดออกไปพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“พอดีพายมีเรื่องนิดหน่อนค่ะ หลังจากนี้ก็จะเปิดตลอดแล้วค่ะ”“ครับ”“แล้ววันนี้คุณพฤกษ์จะรับอะไรดีค่ะ”“เอาเหมือนเดิมครับ”“ได้ค่ะ รอสักครู่นะค่ะ” หลังจากนั้นพระพายก็จัดขนมให้พฤกษ์พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ทำให้ภารันที่เดินมาจากทางด้านหลังของร้านมองภาพความสนิทสนมนั้นด้วยความหึงหวง“ทำอะไรกัน” ภารันถามออกไปพร้อมกับมองหน้าพฤกษ์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร“ทำอะไรแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยค่ะ” พระพายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชา เมื่อได้ยินเสียงพระพายภารันก็หน้าสลดลงทันที“พี่”“จะไปส่งขนมใช่ไหม ก็ไปสิค่ะเดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน” เมื่อได้ยินพระพายพูดแบบนั้นภารันก็เดินคอตกไปที่ประตูเพื่อออกไปส่งขนมตามที่เขารับอาสาเมื่อเช้านี้ ระหว่างที่จะเปิดประตูร้านหูของภารันก็ได้ยินปร
ภายในห้องครัวของบ้านหลังโตภารันที่อยู่ในชุดใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังยืนขะมักขะเม่นในการทำอะไรสักอย่าง ทำให้สาวใช้ทั้งหลายต่างชะเง้อมองกันเป็นแถว“คุณรันทำเมนูอะไรอยู่ค่ะ” หนึ่งในสาวใช้ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเจ้านายหนุ่ม“ขนมพระพาย” ภารันตอบกลับไปพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ให้สาวใช้ที่ยืนกันอยู่ในครัว“ชื่อเหมือนคุณพระพายเลยนะค่ะ แสดงว่าคุณรันตั้งใจทำให้คุณพระพายใช่ไหมค่ะ”“ใช่ ฉันตั้งใจทำให้พระพายกิน” ภารันพูดไปยิ้มไปวันนี้เขาตั้งใจทำขนมชนิดนี้เพราะครั้งนึงเขาเคยทำให้พระพายกินแล้วพระพายบอกว่าอร่อย ซึ่งมันก็ทำให้ภารันคิดไปถึงเมื่ออดีตตอนที่เขาทำขนมชนิดนี้ให้พระพายกินเป็นครั้งแรก“พี่รันทำอะไรอยู่ค่ะ” พระพายเดินเข้ามาสวมกอดภารันที่ด้านหลังพร้อมกับชะเง้อหน้าไปดูว่าภารันกำลังทำอะไรอยู่“พี่กำลังทำขนมพระพายอยู่” ภารันหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น“จริงเหรอค่ะ พี่รันทำเป็นด้วยเหรอค่ะ” พระพายพูดออกไปพร้อมกับทำตาโตไปด้วยไม่คิดว่าภารันจะทำขนมพระพายเป็น“เป็นสิ พายไม่รู้เหรอว่าแฟนพายเก่งแค่ไหน” ภารันหันมายิ้มแล้วทำหน้าทะเล้นใส่พระพาย“ค่า เชื่อค่ะ แต่พายต้องชิมก่อนนะค่ะว่าผ่านไหม”“ถ้างั้นก็ไ
ความคิดเห็น