อดีตเด็กเลี้ยง สู่ตำแหน่งเมียที่เคารพ สมิติ หรือชื่อที่รุ่นน้องพากันเรียกว่าเฮียหมิง ทายาทเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจการเสริมเป็นโรงเบียร์ เปิดไว้เพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์ กฤติกา หรือลูกไก่ อดีตเด็กในคอนโทรลที่เฮียหมิงเคยส่งเสียเลี้ยงดูจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เด็กสาวที่ต้องเข้าสู่วังวนของการใช้ร่างกายเข้าโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เธอเป็นพี่สาวคนโตที่มีน้องสามคน ล้วนแล้วแต่คนละพ่อ แม่มีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างไม่สามารถส่งเสียเธอและน้องๆ ได้ เธอตัดใจยอมเป็นเด็กเสี่ยในวันที่ไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท น้องๆ ไม่มีข้าวจะกิน อาจจะเป็นความโชคดีที่ลูกค้าคนแรกของเธอคือเขา เฮียหมิงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นเด็กให้เขาเลี้ยงเพียงคนเดียวไม่ต้องรับลูกค้าอื่น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกินเวลาเกือบห้าปีเมื่อเธอเรียนจบและเขาอยากมีเด็กคนใหม่พอดีทั้งสองจึงไม่พบกันอีกตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเด็กสาวคนนั้นเติบโตในฐานะยูทูบเบอร์ชื่อดัง มีธุรกิจของตัวเองและกลายเป็นสาวเต็มตัวในอีก 5 ปีต่อมา เฮียหมิงผู้ที่เคยเป็นเสือมาตลอด กลับอยากเอาตัวเองไปให้อดีตเหยื่ออย่างลูกไก่ตัวน้อยชิม แหกกฎที่ว่า "ถ้าจะเป็นเสือ อย่าหลงรักเหยื่อและอย่ากินเนื้อก้อนเก่าของตัวเอง" เสียสิ้น
ดูเพิ่มเติม“ลูกไก่วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้วไปฉลองกันเถอะ” ญาณินชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียน วันนี้พวกเธอสอบวันสุดท้าย เทอมสุดท้ายแล้ว หมายความว่าต่อไปจะไม่ได้มาเจอกันแบบนี้อีก
ญาณินและกฤติกาไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่สี่ปีที่ผ่านมาก็คุยกันดี ช่วยเหลือกันดีเวลามีงานกลุ่มหรือติวด้วยกัน อาจจะเพราะว่าญาณินมีกลุ่มเพื่อนสนิทเดิมที่แต่ละคนค่อนข้างมีฐานะทางบ้านดีมาก ส่วนกฤติกาเป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดที่หัวดีจนสอบผ่านเข้ามาเรียนด้วยกันเท่านั้น
“เราคงไปไม่ได้ที่บ้านรอฉลองอยู่” กฤติกาปฏิเสธแม้ว่าจะอยากไปกับเพื่อนมากก็ตาม
“ไม่เป็นไร งั้นเอาไว้วันมาฟังผลสอบขึ้นทะเบียนบัณฑิตค่อยไปหาอะไรกินกันนะ” ญาณินเป็นคนพูดง่าย เธอเคารพในเรื่องส่วนตัวของทุกคน เมื่อเธอพูดแบบนั้นกฤติกาจึงมีสีหน้าดีขึ้นเธอพยักหน้า
“ฮื่อ ขอบใจนะนินฝากขอโทษเพื่อนคนอื่นด้วย เราไปล่ะ” กฤติกามองในห้องสอบ ยังมีเพื่อนหลายคนที่ทำข้อสอบไม่เสร็จเธอมองเวลากลัวว่ายิ่งเย็นจะยิ่งรถติดจึงขอตัวกลับก่อน
กฤติกาขึ้นรถประจำทางหน้ามหาวิทยาลัย เธอตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งซื้อของสดไปทำอาหารเตรียมรอใครบางคนที่บอกว่าจะมาฉลองสอบเสร็จกับเธอ เธอเลือกซื้อผัก เนื้อสัตว์หลายอย่างจากนั้นเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
เธอรีบลงมือเตรียมทำอาหารอย่างเร่งด่วนเพราะคนที่จะมาเคยบอกว่าชอบอาหารที่เธอทำเอง จากนั้นจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาผ่านไปจนเย็นย่ำเธอเริ่มกระวนกระวายเมื่อคนที่รอยังไม่มา
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาจะโทรหาแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกไว้ได้เธอจึงวางมันลงที่เดิม
“เบอร์โทรพี่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินไก่โทรหาพี่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ขอให้ฉุกเฉินจริงๆ นะ”
สมิติอาจจะกำลังติดงาน อาจจะกำลังคุยกับลูกค้าอยู่ และการที่เขามาช้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน อีกทั้งเธอเองไม่มีสิทธิ์โทรตามเขา กฤติการู้สถานะตัวเองดี
เธอกัดริมฝีปากเมื่อคิดถึงสถานะที่ว่า เธอไม่ใช่ญาติ ไม่ใข่คนรัก ไม่ใช่ภรรยาแต่เธอเป็นแค่เด็กที่เขาเลี้ยงไว้ในฐานะเมียเก็บ แลกกับการที่เขาส่งเสียเธอเรียน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเงินรายเดือนจำนวนที่มากพอดู อย่างน้อยก็มากกว่าเงินเดือนของเด็กจบใหม่หลายเท่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้มันทำให้ความหิวและความดีใจที่จะได้พบเขาลดลงไปจนเกือบหมด สมิติย้ำเสมอว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยน ตราบใดที่ยังพอใจกับผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนที่ได้ระหว่างกัน มันก็ยังดำเนินไปได้ต่อไปเรื่อยๆ
เธอเคยถามเขาว่าทำไมถึงให้เงินรายเดือนเธอในจำนวนที่มาก ทั้งที่เขาก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของเธออยู่แล้ว
“เอาไปเถอะพี่อยากให้ วันนี้พี่ยังเอ็นดูเราอยู่ไก่ควรจะกอบโกยจากพี่ให้ได้มากที่สุด เพราะสักวันเรื่องของเราก็ต้องจบลง” สมิติพูดเพราะเขาเดาได้ว่าเด็กสาวแบบกฤติกาหากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก คงไม่ยอมมาอยู่เป็นเด็กเสี่ยให้เขาเลี้ยง
ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจอายุมากกว่าเธอหลายปี ในวันที่พบกันวันแรกจากการแนะนำของเพื่อนเธอที่เป็นเด็กของเพื่อนเขาอีกที วันนั้นกฤติกาอายุ 18 และเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาไม่ปฏิเสธว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาดีมาก แต่สิ่งที่เขาตัดสินใจรับเลี้ยงเธอจริงจังคือแววตาของเด็กสาวทั้งลังเลและไม่แน่ใจในสิ่งที่เธอกำลังทำนั่นต่างหาก
แต่สมิติก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะเสียเงินทิ้งเปล่าๆ แล้วไม่แตะต้องเธอ เขาจะมาค้างกับกฤติกาเฉลี่ยสัปดาห์ละหนึ่งวันโดยที่เขามีเพียงเงื่อนไขเดียวคือเธอห้ามมีคนอื่น ห้ามมีคนรักและเธอต้องเป็นฝ่ายคุมกำเนิด ผ่านมาจากวันนั้นถึงวันนี้สี่ปีเต็ม จากเด็กสาวก้าวมาเป็นหญิงสาวเต็มตัว เธอก็ยังอยู่กับเขาที่คอนโดที่เขาซื้อให้อยู่
สี่ทุ่มคืนนั้นสมิติเปิดประตูห้องเข้ามา เขาเห็นอาหารบนโต๊ะเย็นชืดส่วนคนทำหลับอยู่บนโซฟา สเต็กสองจานยังอยู่ดีแปลว่ากฤติกายังไม่ได้ทานมื้อเย็น วันนี้ไม่ใช่วันประจำที่เขาจะมาค้างด้วย แต่ที่เขาบอกไว้ว่าจะมาเพราะอยากมาฉลองที่เธอสอบเสร็จ
ชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเธอ แต่เขาถอดเสื้อนอกวางพาดบนพนักโซฟาอีกตัว พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนถึงข้อศอกหยิบจานสเต็กอุ่นในไมโครเวฟทีละจาน เสียงกุกกักนั้นทำให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น
“พี่มาแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกไก่” เธอลุกมาหาเขา
“พี่เห็นเราหลับเลยไม่อยากปลุก ทีหลังถ้าพี่มาช้าไม่ต้องรอนะ กินก่อนได้เลยแล้ววันนี้สอบเป็นไง” เขาพูดพลางยกจานมาวางที่โต๊ะ เมื่อเธอทำท่าจะช่วยเขาจึงรีบพูดต่อ
“ไม่ต้องหรอก ไก่เป็นคนทำแล้วพี่ช่วยอุ่นดีกว่าไปนั่งรอเถอะ”
กฤติกานั่งรอตามที่เขาบอก เธอทำตัวเป็นเด็กดีสำหรับเขามาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันเพราะอะไรแต่เธอก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเป็นไปด้วยดี
“ก็ดีค่ะ ทำข้อสอบได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เธอมั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอต้องได้คะแนนท็อปของรุ่นแต่ไม่ได้พูดออกไป
“ก็ดีแล้วไก่อยากทำงานที่ไหน ทำที่ไปฝึกงานไหม” เขาหมายถึงบริษัทของเขาเองที่เธอเคยไปฝึกงานในเทอมก่อน แต่หญิงสาวส่ายหน้าทันที ที่นั่นมีทั้งมารดาและน้องสาวของเขา แม้ว่าต่อหน้าคนอื่นสมิติปฎิบัติต่อเธอเหมือนคนไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของเขาจะรู้ว่าเธอเป็นใคร และเธอก็รับรู้ดีว่าน้องสาวของเขาไม่ชอบเธอแบบมากๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไก่อยากหางานทำเองก่อน” เธอปฏิเสธ สมิติไม่แปลกใจเด็กจบใหม่บางคนไฟแรงอยากหางานด้วยความสามารถของตัวเองมีเยอะ เขาจึงไม่ว่าอะไร
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันเงียบๆ สมิติทานมาแล้วเขาจึงทานน้อยกว่าปกติ กฤติกามองแล้วถาม
“วันนี้ไก่ทำไม่ถูกปากเหรอคะ”
“เปล่า อร่อยเหมือนเดิมแต่พี่ทานมาแล้วน่ะ ไก่ทานเถอะ” เขาอธิบายแค่นั้น ไม่ได้พูดต่อว่าวันนี้มารดาขอให้เขาไปส่งที่โรงแรมที่ท่านนัดเพื่อนไว้ พอไปถึงเพื่อนแม่พาลูกสาวมาด้วยเขาถูกขอให้ร่วมโต๊ะทานอาหาร สมิติไม่อยากหักหน้าแม่ต่อหน้าคนอื่นเขาจึงมาสายและไม่มีเวลาโทรบอกกฤติกา
กฤติกาหน้าหมองลงนิดหน่อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สมิติลุกขึ้นไปหยิบเสื้อนอกล้วงเอาซองในนั้นมาส่งให้เธอ
“ของขวัญวันเรียนจบ ถ้าไก่อยากทำงานกับพี่บอกได้ตลอดเวลานะ” เขาเป็นทายาทเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ดำเนินการครบวงจรตั้งแต่สร้างบ้านอยู่อาศัยจนถึงสถานีรถไฟฟ้า ในฐานะลูกชายคนโตครอบครัวของสมิติเตรียมผลักดันเขาให้รับตำแหน่งประธานแทนบิดาในอีกไม่เกินห้าปีข้างหน้า
กฤติการับซองนั้นมาเธอเดาได้ว่าคงเป็นเช็คเงินสดแบบที่เขามักจะให้ในโอกาสพิเศษแบบทุกคราว แต่วันนี้เธอต้องตกใจเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขในนั้น
“สิบล้าน ทำไมเยอะขนาดนี้ค่ะ”
“ไม่เยอะหรอก ไก่อยู่กับพี่มาตั้งสี่ปีแค่นี้ทำไมพี่จะให้เมียไม่ได้” เขาพูดแล้วชะงักแต่ไม่ได้แก้คำพูดอะไร คนฟังใจฟูกับคำว่า 'เมีย' สมิติไม่เคยเรียกเธอด้วยคำนี้ตลอดเวลาที่อยู่กันมา
แต่ความดีใจของเธอก็หายไปเมื่อเขามองเวลาหยิบเสื้อมาพาดบนแขนทำท่าเหมือนจะออกไปไหน
“พี่กลับก่อนนะไก่”
“คืนนี้ไม่นอนนี่เหรอคะ”
สมิติส่ายหน้า “พรุ่งนี้พี่ต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า ส่วนคืนวันเสาร์ต่อจากนี้พี่คงไม่ได้สักสองสามเสาร์นะ ถ้าไก่อยากจะไปเที่ยวไหนกับเพื่อนก็ไม่ต้องกังวลไปได้เลย” เขาพูดแล้วไม่ได้รอฟังว่าเธอจะว่าอย่างไรเปิดประตูออกไปไม่หันกลับมามองเธอ
คืนนั้นเธอร้องไห้จนหลับ และสมิติไม่ได้มาหาเธอในวันเสาร์ต่อๆ มาตามที่เขาพูดจริง
สามปีต่อมาชีวิตของเกศราและอัศราดำเนินไปอย่างมีความสุขภายใต้ร่มเงาของความรักและความเข้าใจ มีพ่อ แม่และลูกอีกสองคนคือน้องเชอรี่และน้องพีชทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้น การมีสมาชิกเพิ่มอีกคนทำให้บ้านอบอุ่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น น้องเชอรี่รับหน้าที่พี่สาวได้อย่างดีเยี่ยม เธอรักน้องชายมาก หวงมากและคอยช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ดูแลน้องพีชอยู่ไม่ห่างเกศรายังคงสนุกกับงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กฤติกาผู้เป็นเจ้าของช่องก็ยังคงสร้างสรรค์คอนเทนต์ดีๆ ออกมาไม่หยุด การทำงานร่วมกันของพี่น้องเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ เกศราใช้เวลาส่วนหนึ่งในการดูแลลูกๆ และอีกส่วนหนึ่งในการพัฒนาอาชีพที่เธอรักอัศราเองก็ยังคงเป็นผู้บริหารมือทองและเป็นหัวหน้าครอบครัวที่อบอุ่น เขาบริหารงานที่บริษัทอัศราดูโฮมให้เติบโตอย่างมั่นคง และยังคงมีเวลาสำหรับภรรยาและลูกๆ ทุกคนรู้ดีว่าความสุขที่แท้จริงของอัศราอยู่ที่บ้าน สถานที่ที่มีรอยยิ้มของเกศรา เสียงหัวเราะของแม่ลูก รวมถึงเสียงเถียงกันบ้างหรือรักกันดีบ้างของน้องเชอรี่ และน้องพีชดังก้องอยู่เสมอก้องเกียรติน้องชายคนเล็กของเกศรา ก็ประสบความสำเร็จในเส้นทางของตัวเอง อู่ซ่อมรถเล็ก
“เช้านี้คุณแม่ต้องไปหาหมอใช่ไหมครับ เดี๋ยวพี่เข้ามารับตอนเที่ยงนะเผื่อไปหาอะไรกินกันก่อน” อัศราบอกขณะที่ยกนมและอาหารเช้ามาวางไว้ให้ภรรยาที่โต๊ะ “หน่อยไปเองก็ได้นะคะพี่ฮาน โรงพยาบาลอยู่แค่นี้เอง” ตั้งแต่อายุครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สาม และหมอเริ่มนัดบ่อยขึ้นครอบครัวก็ย้ายมาพักที่เพนต์เฮาส์เพราะว่าที่นี่อยู่ใกล้โรงพยาบาลมาก เดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว“ไม่เป็นไร พี่อยากไปด้วย” อัศราเลื่อนเก้าอี้ให้ภรรยานั่งหลังจากที่เขาดูแลให้เชอรี่นั่งเรียบร้อยแล้ว“กินมื้อเช้าก่อนค่ะลูก เชอรี่วันนี้มีโจ๊กนะคะ พ่อสั่งร้านข้างล่างมาให้ใส่ไข่ออนเซ็นแบบที่หนูชอบด้วย” “มีหมี่กรอบอีกไหมคะพ่อ” เด็กหญิงหยิบช้อนเตรียมจะคนโจ๊ก“มีลูก แม่ใส่ให้ดีกว่าจะได้ไม่หก” เกศราเลื่อนถ้วยใส่หมี่กรอบที่อัศรารู้ว่าลูกชอบเป็นพิเศษ เขาจึงสั่งซื้อมาต่างหากเพิ่มมาด้วย“ขอบคุณค่ะแม่ แบบนี้เลยที่หนูอยากกิน”ชีวิตหลังแต่งงานของเกศรากับอัศราดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุขกันดี ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งก่อนแต่งงาน ทำให้ไม่ต้องมีเรื่องปรับตัวกันอีก และจากการที่เธอท้องลูกอีกคนความรักขอ
“วันนี้อากาศดีมาก ฝนก็ไม่ตกด้วยใครปักตะไคร้นะ” เสียงแซวดังขึ้นในเช้าวันสำคัญ เด็กหญิงอัญชุลีหรือน้องเชอรี่ยกมือทันที“หนูเองค่ะย่า” เสียงหัวเราะดังขึ้นทันที วันนี้ในพื้นที่ในส่วนรีสอร์ตของบูรพาถูกเหมาปิดทั้งหมดเพื่อจัดงานแต่งงานระหว่างอัศราและเกศรา “เดี๋ยวจะได้เวลาทำพิธีแล้ว ใครเป็นคนไปตามเจ้าสาวจ๊ะ” นางอัมพรถาม ทำให้ก้องเกียรติรีบตอบ “พี่ไก่ไปแล้วครับคุณป้า ส่วนผมว่าจะออกไปดูความเรียบร้อยที่สนามข้างนอกอีกที” คำตอบของเขาทำให้บรรดาผู้ใหญ่พยักหน้า พลางจัดเตรียมที่นั่งของแต่ละท่านด้านในห้องแต่งตัวเจ้าสาว “เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ” กฤติกาเข้ามาดู“อีกนิดเดียวค่ะคุณลูกไก่ เดี๋ยวคุณลูกไก่รอเติมหน้าด้วยไหมคะ หนูว่าน่าจะเก็บรายละเอียดอีกนิด” ช่างแต่งหน้าประจำกองของบริษัทถามเจ้านายสาว“ได้สิ งั้นเดี๋ยวพี่รอในนี้แหละ” ระหว่างรอเจ้าสาวแต่งหน้ากฤติกาเดินมามองออกไปยังนอกหน้าต่าง แสงแดดยามเช้าทอประกายอบอุ่นลงมาต้องผืนหญ้าสีเขียวขจี ณ สถานที่จัดงานแต่งงานริมทะเลสาบที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงามทุกตารางนิ้วถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ตามที่เจ้าสาวชอบ ท
ข่าวดีเรื่องการขอแต่งงานของอัศรากับเกศราแพร่สะพัดไปทั่วทั้งสองครอบครัวอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างแสดงความยินดีและปลาบปลื้มใจ โดยเฉพาะน้องเชอรี่ที่ดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ เมื่อรู้ว่าเธอจะได้เห็นคุณแม่ใส่ชุดสวยๆ ใส่แหวนแวววาว และคุณพ่อจะได้แต่งตัวหล่อวันสู่ขอถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความอบอุ่นที่บ้านของกฤติกา บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยความรักและความสุข อัศรามาพร้อมกับคุณศราและนางอัมพรผู้เป็นบิดามารดา เพื่อสู่ขอเกศราอย่างเป็นทางการ ส่วนฝ่ายเกศราก็มีนางแก้วคำผู้เป็นแม่ กฤติกา และก้องเกียรติ มาร่วมเป็นสักขีพยานเมื่อถึงเวลาพูดคุยเรื่องสินสอดทองหมั้น อัศราเอ่ยปากถึงสิ่งที่เขาได้เตรียมไว้ให้เกศราอย่างสมฐานะและแสดงถึงความรักที่เขามีให้เธออย่างเต็มเปี่ยม แต่แล้ว นางแก้วคำก็ยกมือขึ้นปรามเบาๆ“คุณฮานคะ... แม่ขออย่างเดียวเท่านั้นค่ะ” นางแก้วคำพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจและความรักที่แม่มีต่อลูกสาว“สินสอดทองหมั้น... แม่ไม่ขออะไรจากคุณฮานเลยค่ะ”คำพูดของนางแก้วคำสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในห้อง โดยเฉพาะอัศราที่เตรียมตัวมาอย่างดี“ที่ผ่านมา..
หกเดือนต่อมารถตู้ของทีมงาน “ไทยทริปแดนสไมล์” แล่นไปตามถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยองเกศรานั่งอยู่ข้างกฤติกา มือถือแท็บเลตตรวจดูตารางงานและคิวถ่ายทำของวัน กฤติกามองน้องสาวด้วยรอยยิ้ม“ตื่นเต้นไหมหน่อย ที่จะได้กลับไปถ่ายทำที่สวนแม่อีกครั้ง”เกศรายิ้มตอบ “ตื่นเต้นค่ะพี่ไก่ คิดถึงบรรยากาศที่นั่นเหมือนกัน”การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การทำงาน แต่เป็นการหวนรำลึกถึงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของช่อง “ไทยทริปแดนสไมล์” เมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากการทดลองถ่ายทำคลิปแรกที่สวนผลไม้ของนางอัมพรซึ่งในตอนนั้นเป็นเพียงการอัดคลิปง่ายๆ เพื่อแนะนำสวนทุเรียนเนื้อดี นอกจากทุเรียนที่ถือเป็นราชาผลไม้ทางสวนยังมีเงาะ มังคุดและอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่เปิดให้เข้าชมแบบบุฟเฟต์กินได้ไม่อั้น ใครจะคิดว่าคลิปนั้นจะได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย จนกลายเป็นจุดแจ้งเกิดของช่องยูทูบที่ตอนนี้มีผู้ติดตามหลักล้านเมื่อรถตู้เลี้ยวเข้ามาในเขตอำเภอเมืองระยอง ตำบลบ้านเพ บรรยากาศสองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้ใหญ่เขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ และกลิ่นอายของธรรมชาติที่คุ้นเคยก็โชยมาปะทะจมูก“ถึงแล้วพวกเรา” เสียงทีมงานคนหนึ่งร้องขึ้นเมื่อรถต
หลังจากที่เกศราสำเร็จการศึกษาแล้ว หญิงสาวตอบตกลงข้อเสนอทำงานต่อที่ Aurix Audit Group เพราะว่าเธอยังต้องการความรู้และประสบการณ์จากการทำงานจริงที่จากที่นี่ซึ่งมีโปรเจกต์มากมายให้เธอเรียนรู้ ทำให้เธอรู้สึกสนุกและท้าทายกับการได้ศึกษาสิ่งใหม่ๆ ทุกวันส่วนอัศราเขายังคงเป็นผู้ชายที่แสนดีและเป็นที่พึ่งให้เธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน หรือเรื่องที่เกี่ยวกับน้องเชอรี่เขาก็ดูแลเอาใจใส่ไม่เคยขาด ตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมาเขาพิสูจน์ความมั่นคงให้ได้เห็น ความรักและความผูกพันของเกศรากับอัศราเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เกศราเองก็ยอมรับในใจว่าเธอรักผู้ชายคนนี้หมดหัวใจ และมองเห็นอนาคตที่มีเขากับน้องเชอรี่อยู่เคียงข้างได้อย่างชัดเจนทุกเย็นหลังเลิกงานอัศราจะมารับเกศราที่บริษัทเสมอ และบางครั้งก็พาน้องเชอรี่ที่กลับจากโรงเรียนอนุบาลมารอรับด้วย ทำให้ภาพของครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่นนี้เป็นที่คุ้นตาของพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท ความรักและความเอาใจใส่ที่อัศรามีให้เกศราและน้องเชอรี่นั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนวันหนึ่งเมื่อเกศรากำลังตรวจสอบตารางงานในสัปดาห์หน้า อัศราก็เดินเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ
ความคิดเห็น