ความรักข้างเดียวที่ทุ่มเทจนสุดตัว สุดท้ายกลายเป็นเพียงสตรีแสนโง่เขลาให้คนดูถูกย่ำยีเหยียบย่ำศักดิ์ศรี แม้แต่ชีวิตของคนในตระกูลก็ต้องจบสิ้น เช่นนั้นชาตินี้ข้าขอเป็นสตรีไร้หัวใจ ใช้ชีวิตเสพสุขไร้พันธะให้สมกับที่สวรรค์ให้โอกาสข้าได้กลับมา
View More*ฟางหนิงหลิน อายุ19หนาว บุตรสาวของฟางรั่วซานแม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวง
*เหยาลี่เซียน อายุ18หนาว องค์หญิงเกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน)
*เจียงเจียวซิน อายุ19หนาว บุตรสาวของเจียงจี้ต๋ารองแม่ทัพผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวง
*เหยาซีฮัน อายุ24หนาว องค์ชายใหญ่เกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน) ตำแหน่งไท่จื่อหรือองค์รัชทายาท
*เหยาหวังเหว่ย อายุ23หนาว องค์ชายรองเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งชินอ๋อง
*เหยาซิงอี อายุ21หนาว องค์ชายสามเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งจวิ้นอ๋อง
*สวีจื้อซาน อายุ24หนาว บุตรชายของเสนาบดีสวี เสนาบดีสำนักตรวจราชการ ตำแหน่งองครักษ์
*เสิ่นหลิวหยาง อายุ23หนาว บุตรชายของแม่ทัพใหญ่เสิ่น ตำแหน่งแม่ทัพ
หน้ากระโจมหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หลังค่ายทหาร มีนายทหารสองคนยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เพียงทหารผู้น้อยสองนายเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินมา พวกเขาก็รีบก้มหน้าก้มตาทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“พวกท่านถอยออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับนางสักหน่อย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยน
“พระชายา พระองค์ทรงเกรงใจพวกกระหม่อมมากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แค่เพียงพระองค์ตรัสสั่งมีหรือทหารต้อยต่ำอย่างพวกกระหม่อมจะกล้าไม่ทำตาม”
“เช่นนั้นข้าก็ขอบใจพวกท่านมาก”
“เชิญพระชายาตามสบาย พวกกระหม่อมจะถอยออกไปรออยู่ไม่ไกลมากนัก หากมีเรื่องอันใดพระองค์เรียกพวกกระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อทหารทั้งสองนายพูดจบก็ถอยหลังเดินออกจากบริเวณนั้นไป สตรีสูงศักดิ์เดินเข้าไปด้านในกระโจม ขนาดของกระโจมหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก ภายในมีสตรีผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวขาวเป็นบางส่วน หน้าตามอมแมมเนื้อตัวดูสกปรก รูปร่างผอมโซไร้วี่แววว่าเคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
สตรีนางนั้นเมื่อเห็นสตรีสูงศักดิ์เดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นวิ่งมาหานางทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวสตรีสูงศักดิ์โซ่ที่ล่ามขาของนางก็ตึงนางไว้จนล้มลงไปนอนกับพื้น
สตรีสูงศักดิ์ถึงจะตกใจที่นางวิ่งเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นนางล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ สตรีสูงศักดิ์ก้าวเดินต่อเข้าไปหานาง และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสตรีผอมโซ ก่อนจะใช้สายตาเหยียดหยามมองดูนางที่พยายามลุกขึ้นนั่ง
“เจียวซินช่วยข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ”
สตรีที่ถูกล่ามโซ่จับขาของสตรีสูงศักดิ์ไว้และร้องขออย่างน่าเวทนา แต่กลับไร้วี่แววว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นจะเห็นใจในการกระทำของนาง มิหนำซ้ำนางยังสะบัดขาหนีและมองมายังหญิงสาวที่ถูกล่ามโซ่อย่างดูแคลน
แต่สตรีที่ถูกล่ามโซ่กลับคิดว่าตัวนางเองคงไร้มารยาท เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางและเจียงเจียวซินก็ฐานะแตกต่างกันมาก บวกกับสิ่งที่นางกระทำต่อเจียงเจียวซินก็คงทำให้เจียงเจียวซินโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันลืมตัวไปจึงได้แสดงท่าทางไร้มารยาทต่อพระองค์ หม่อมฉันขอร้องพระชายาองค์รัชทายาทช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วหม่อมฉันขอโทษเพคะ พระองค์ยกโทษให้หม่อมฉันได้หรือไม่” นางลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้เจียงเจียวซินอภัยแก่นาง
“เจ้าทำอันใดผิดอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“หม่อมฉันผิดที่วางยากำหนัดพระองค์กับองค์รัชทายาท ทำให้พระองค์เสียใจ แต่ที่หม่อมฉันทำไปเพียงเพราะหม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องเลิกคิดคำนึงถึงพระองค์ก็เท่านั้น หม่อมฉันคิดว่าหากพระองค์แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ท่านอ๋องจะหันมาสนใจหม่อมฉันบ้าง หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันทำผิดต่อพระองค์ หม่อมฉันจึงเลือกวางยาองค์รัชทายาทแทนที่จะเลือกวางยาท่านแม่ทัพ เพราะหม่อมฉันคิดว่าหากให้พระองค์เป็นชายาองค์รัชทายาทก็คงดีกว่าเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ และนี่เป็นอย่างเดียวที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิดต่อพระองค์น้อยลง” นางเอ่ยความในใจที่มีออกมา
“ฟางหนิงหลินนะฟางหนิงหลิน เจ้าคิดจริง ๆหรือว่าข้าเสียใจ ข้าต้องขอบใจเจ้าด้วยซ้ำที่ทำให้ข้าสมหวัง” เจียงเจียวซินหัวเราะเสียงดังพร้อมแสดงสีหน้าเยาะเย้ย
“พระองค์หมายความว่าอย่างไรเพคะ” ฟางหนิงหลินคิ้วขมวดติดกันเมื่อเห็นท่าทางของเจียงเจียวซิน
“เจ้าคิดว่าข้ารักท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ
“เปล่าเลย ข้าเพียงแค่รู้ว่าเจ้าชอบท่านอ๋อง จึงคิดอยากแย่งเขามาเพื่อให้เจ้าเสียใจก็เท่านั้น ที่จริงตอนที่เจ้าแต่งกับท่านอ๋องข้าเองก็เจ็บใจอยู่บ้างที่เจ้าสมหวัง และไม่สามารถมีอำนาจมากกว่าเจ้าได้ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากจริง ๆที่ทำให้ข้ามีอำนาจมากกว่าเจ้า และที่สำคัญไปกว่านั้นข้ายังสามารถทำให้เจ้าและครอบครัวตกต่ำได้อย่างเช่นวันนี้” เจียงเจียวซินพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสะใจ
ฟางหนิงหลินถึงกับใบหน้าถอดสีที่ได้รับรู้ความจริงจากปากเจียงเจียวซิน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นนางก็รู้สึกผิดต่อเจียงเจียวซินมาตลอด แต่ตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้เลย นางต่างหากที่เป็นคนตกหลุมพรางกลายเป็นหมากให้ผู้อื่น
เจียงเจียวซินเห็นสีหน้าของฟางหนิงหลินก็ถึงกับยิ้มยกขึ้น นางย่อตัวลงไปนั่งใกล้ ๆกับฟางหนิงหลินก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ๆ เพื่อเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆที่นางได้ทำกับฟางหนิงหลินและคนรอบตัวของฟางหนิงหลินด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสาแก่ใจ
ฟางหนิงหลินที่นั่งเหม่อลอยคิดไตร่ตรองความผิดที่นางได้กระทำลงไปด้วยความโง่เขลาและดื้อรั้น นางได้ยินเรื่องราวทั้งหมดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มจนหยุดไม่ได้ ก่อนที่นางจะตาเบิกโตเมื่อได้รับรู้สาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่ว่าหาได้กระทำความผิดไม่ เพียงแต่ถูกใส่ความทำให้ถึงกับตรอมใจตาย เพียงแค่ได้ยินแค่นั้นก็ทำให้สติของนางขาดสะบั้น นางกระชากปิ่นทองที่ปักผมของเจียงเจียวซินอยู่ออกมาโดนที่เจียงเจียวซินไม่ทันได้ตั้งตัว
เจียงเจียวซินกว่าจะตั้งสติได้ก็หลบปลายแหลมของปิ่นไม่พ้นเสียแล้ว นางได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ปลายปิ่นทองที่แหลมคมปักเข้าที่ลำคอของนางและถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็นออกมาตามปิ่นที่ถูกกระชากออก
เจียงเจียวซินรีบใช้มือปิดบาดแผลที่คอ ก่อนจะร้องส่งเสียงให้ทหารเวรข้างนอกเข้ามาช่วยพร้อมกับรีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหนีฟางหนิงหลินแต่ไม่ทันเสียแล้ว ฟางหนิงหลินจับข้อเท้าของเจียงเจียวซินจนนางล้มลงก่อนจะลากตัวนางเข้ามาใกล้และขึ้นคร่อมร่างของเจียงเจียวซินไว้
ฟางหนิงหลินใช้ปิ่นกระหน่ำแทงอย่างไม่คิดชีวิตราวกับคนเสียสติ นางไม่สนใจว่าปิ่นนั้นจะทิ่มแทงโดนที่ใดบ้าง นางหวังเพียงแค่แทงให้คนที่อยู่ใต้ร่างได้ตายอย่างทรมานเป็นพอ เจียงเจียวซินทั้งปัดป้องและร้องเรียกทหาร แต่แรงของนางก็ไม่สามารถจะสู้ฟางหนิงหลินที่กำลังคลุ้มคลั่งได้เลย
ทหารที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งกลับมายังกระโจมทันที เมื่อเขาเปิดกระโจมเข้ามาก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นพระชายานอนอยู่ใต้ร่างของฟางหนิงหลิน เนื้อตัวของทั้งคู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ถึงจะแยกไม่ออกว่าเลือดนี้เป็นของใคร แต่การที่พระชายาถูกทำร้ายขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อยู่นั้น พวกเขาก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เป็นแน่ ทหารนายหนึ่งรีบตวาดเสียงดังเพื่อให้ฟางหนิงหลินหยุด
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อฟางหนิงหลินหันมาเห็นทหารทั้งสอง ถึงจะทำให้นางหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่ทำให้นางคิดได้ว่าหากครั้งนี้ฆ่าเจียงเจียวซินไม่ได้นางคงไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว นางจึงใช้ปิ่นแทงลงบนอกของเจียงเจียวซินและใช้แรงทั้งหมดกดย้ำลงไป จนในที่สุดเจียงเจียวซินก็นอนตาเหลือกแน่นิ่งไป
ทหารทั้งสองกระชากฟางหนิงหลินออกจากร่างเจียงเจียวซินทันทีที่ถึงตัวนาง นางตั้งสติได้และรับรู้ชะตาที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อเห็นมีดสั้นที่อยู่ข้างเอวของนายทหาร นางจึงลุกขึ้นไปกระชากมีดสั้นนั้นมา ถึงทหารผู้นั้นจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันที่จะแย่งมีดนั้นมาได้เพราะบัดนี้นางได้ปักมีดสั้นเล่มนั้นลงบนอกของนางเสียแล้ว
นางล้มลงนอนบนพื้นเลือดค่อย ๆซึมออกมาจนไหลกองนองพื้น ภาพสุดท้ายก่อนนางจะหมดลมหายใจ กลับได้เห็นบุรุษที่นางรักวิ่งเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าขอโทษ ความผิดข้าเองหากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่ขอเป็นชายาของท่านอีก” นางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาก่อนจะสิ้นใจไปในที่สุด
เหยาซีฮันยืนมองน้องสาวที่นั่งอยู่ในรถม้าและเผลอถอนหายใจออกมา เพราะเขาและน้องสาวในตอนนี้ชั่งมีชะตาที่ไม่ต่างกัน อย่าว่าแต่องค์หญิงเหยาลี่เซียนเลยที่วันนี้ไม่ควรกลับเข้าไปในวัง แม้แต่เขาเองก็ไม่ควรก้าวเท้าเข้าไปในวังเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วคงหนีไม่พ้นที่จะต้องรำคาญใจ เพราะคดีหอสังคีตเจียวลู่นี้พัวพันกับอนุของท่านลุงของเขาหลัวเผิงก่วงเสนาบดีกรมกลาโหมที่เป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ อีกทั้งยังมีตระกูลขุนนางที่สนับสนุนตระกูลหลัวเกี่ยวพันกับคดีนี้อีกถึงห้าตระกูล ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมกับนายทหารตำแหน่งต่าง ๆ และเหล่าทหารที่ดูแลคลังอาวุธอยู่ ที่พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด หากกลับเข้าวังไปตอนนี้คงมีคนเดินเข้าเดินออกจนตำหนักบูรพาของเขาต้องถล่มเป็นแน่คดีนี้เป็นคดีแรกที่เสด็จพ่อให้เขาเป็นคนจัดการหลังจากถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ย่อมเป็นที่จับตามองของขุนนางทุกฝ่าย ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าเสด็จพ่อต้องการทดสอบเขา แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา เพราะเขาเองก็อยากให้คนตระกูลหลัวรวมถึงเหล่าขุนนางที่สนับสนุนตระกูลหลัวได้รับรู้เจตจำนงที่แท้จริงของเขา เพราะ
ฟางหนิงหลินแอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อรู้ว่าน้ำตาของนางได้ผล เพราะสายตาและสีหน้าของเหยาหวังเหว่ยในตอนนี้บ่งบอกให้นางรู้ได้ชัดเจนว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่พยายามจะฝืนใจนาง“ข้าคิดน้อยไป ต่อไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้ เรื่องในวันนี้ข้าขอโทษด้วย เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปส่งขึ้นรถม้ากลับจวน” น้ำเสียงของเหยาหวังเหว่ยแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดเหยาหวังเหว่ยยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้สตรีตัวน้อยพร้อมยกยิ้มให้นาง ก่อนที่จะหันตัวหมายจะเดินออกไปจากห้อง แต่กลับถูกสตรีตัวน้อยดึงแขนเสื้อเอาไว้ก่อน บุรุษตัวโตหันมายังมือน้อย ๆ ที่กระตุกแขนเสื้อของเขาอยู่“ท่านอ๋องเพคะ รอหม่อมฉันหน่อยได้หรือไม่ ถึงมันจะยากเพราะเพียงแค่ได้ยินเรื่องของคนผู้นั้น หม่อมฉันก็นึกถึงเรื่องในอดีตทุกครั้ง แต่หม่อมฉันจะทำเพื่อท่านอ๋องนะเพคะ ให้สมกับที่ท่านอ๋องยอมเป็นดาบและโล่ให้หม่อมฉัน” น้ำเสียงของฟางหนิงหลินถึงจะยังมีเสียงสะอื้นอยู่บ้าง แต่ท่าทางและสีหน้าของนางราวกับกำลังออดอ้อนเขาอยู่ก็ไม่ปานฟางหนิงหลินได้เห็นดวงตาที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ นอกจากความเศร้าในแววตาของเหยาหวังเหว่ยแล้ว ก็ไม่กล้าป
เพียงสตรีตัวน้อยสัมผัสได้ถึงเจ้ามังกรตัวใหญ่ที่ถูไถอยู่ข้างขาของนาง บวกกับแรงขบเม้มและฝ่ามือร้อนก็ถึงกับได้สติ หากนางยังปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แล้วจะต่างอันใดกับชาติก่อน ที่เขาเห็นนางเป็นเพียงของตายไร้ค่า อย่างไรเสียก็ต้องขัดใจเขาสักหน่อย จะได้รู้สึกอยากถวิลหานางจนแทบทนไม่ไหวและครานี้เขาจะได้กลายเป็นดาบและโล่ที่ซื่อสัตย์ของนาง“ท่านอ๋องเพคะ พอเถอะเพคะ” นางเอ่ยเสียงอ่อย ๆบุรุษตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองฟางหนิงหลิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกำหนัด นัยน์ตาหยาดเยิ้ม พร้อมเอ่ยเสียงกระเส่า“ข้าหยุดไม่ได้แล้ว”เพียงสิ้นเสียงบุรุษตัวโตก็ประกบปากลงบนริมฝีปากของนางอีกครั้ง ราวกับไม่ต้องการได้ยินคำปฏิเสธจากสตรีตรงหน้าสตรีตัวน้อยใช้มือทั้งสองที่วางอยู่บนอกแกร่งผลักบุรุษตัวโต แต่มีหรือแรงอันน้อยนิดนั้นจะทำให้บุรุษรูปร่างกำยำถอยออกห่างได้ เพียงบุรุษตัวโตกว่าใช้ฝ่ามือที่โอบหลังของนางออกแรงดันเพียงน้อยนิด ร่างเล็กของนางก็ขยับเข้ามาใกล้ชิดเขามากกว่าเดิมฟางหนิงหลินพยายามสะบัดหน้าหนีแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อบุรุษตรงหน้าใช้มืออีกข้างจับท้า
“ช่วงนี้ข้าคงจะไปมาหาเจ้าแบบเปิดเผยไม่ได้ เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าตกเป็นเป้าสายตาของคนเหล่านั้น แต่เจ้าไม่ต้องกลัวจะมีอันตรายอันใด เพราะข้าส่งองครักษ์คอยดูแลเจ้าเอาไว้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ แต่สีหน้ากลับดูอ่อนโยน“แน่ใจหรือเพคะว่าให้องครักษ์คุ้มครองหม่อมฉัน มิใช่ว่าให้พวกเขามาคอยจับตาสอดส่องเรื่องของหม่อมฉันแล้วให้กลับไปรายงานหรอกหรือเพคะ” ฟางหนิงหลินพูดเย้าแหย่ให้เขาเลิกรู้สึกผิด เมื่อนางได้เห็นแววตาที่เขามองนางยังดูคลายมีความเศร้าปะปนอยู่“แล้วอย่างไร เจ้ามีเรื่องอันใดปกปิดไม่อยากให้ข้ารู้อย่างนั้นหรือ คงมิใช่ว่าเจ้าคิดจะมีบุรุษอื่นใช่หรือไม่” เขาเอ่ยเสียงแข็งฟางหนิงหลินยกยิ้มเพราะนางเพียงพูดเพื่อหยอกเย้าเขาเล่นเท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง นางคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่บุรุษตรงหน้าของนางจะแสดงท่าทางหึงหวงนางจนสามารถอ่านความรู้สึกของเขาได้อย่างชัดเจนมากถึงเพียงนี้ เพราะบุรุษผู้นี้เอกลักษณ์ของเขาคือใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ใบหน้าของเขายากนักที่ผู้อื่นจะอ่านใจได้ออกในเมื่อเขาเป็นเช่นนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรั
“ต้องให้หม่อมฉันเอ่ยออกจากปากด้วยหรือเพคะ มิใช่เพราะพระองค์หรอกหรือ หม่อมฉันถึงถูกกระทำเช่นนั้น” น้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกถึงความเจ็บปวดและความแค้นปะปนกันเหยาหวังเหว่ยยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้สตรีที่อยู่ตรงหน้า ในใจของเขามีแต่ความรู้สึกผิด เขารู้ดีว่าไม่ว่าชาติก่อนนางจะเจอกับอันใดมาถึงทำให้นางขวัญผวาได้ถึงเพียงนี้ล้วนแต่เป็นเพราะเขา หากไม่ใช่เพราะเขาครอบครัวของนางก็คงไม่ถูกเนรเทศไปยังชายแดนเหนือ และถูกฆ่าตายระหว่างทางทั้งตระกูลเช่นนั้นเป็นแน่“เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ชาตินี้ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าและครอบครัวของเจ้าได้อีก และไม่ว่าชาติก่อนใครเคยทำอันใดเจ้าไว้ ข้าจะชำระแค้นให้เจ้าเอง ขอเพียงเจ้าบอกข้ามา ข้าจะให้มันชดใช้คืนให้เจ้าเป็นแน่” เขาเอ่ยเสียงหนักแน่นฟางหนิงหลินสะบัดหน้าหนีมือที่ยื่นมาปาดน้ำตาให้นางอย่างรังเกียจเพียงได้ยินคำพูดของบุรุษตรงหน้าที่ดูเสแสร้ง“ท่านอ๋องจะแก้แค้นให้หม่อมฉันอย่างไรเพคะ หม่อมฉันยังจำหน้าทหารเหล่านั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่ามีกี่คนกันที่รุมย่ำยีหม่อมฉันอย่างหิวกระหาย หรือว่าที่ท่านอ๋องถาม
“แน่ใจหรือว่าไม่มีอันใดที่ดูเกินเลยไป หากวันหน้าข้ารู้ว่าเจ้าปิดบังข้า เจ้ารู้ผลที่ตามมาใช่หรือไม่” ถึงน้ำเสียงของเหยาหวังเหว่ยจะฟังดูราบเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยคำขู่เพียงตันชิงได้ยินเช่นนั้นตัวของนางก็สั่นขึ้นมาทันที ถึงเรื่องนี้ฟางหนิงหลินและองค์หญิงเหยาลี่เซียนจะดูเหมือนไม่ได้สนใจบุรุษสองคนนั้น แต่บุรุษสองคนนั้นท่าทางแล้วจะสนใจคุณหนูหนิงหลินและองค์หญิงอยู่ไม่น้อย หากวันหน้าพวกเขาทั้งสองเอาถุงหอมมาหาคุณหนูสกุลฟางจริง หัวของนางต้องขาดเป็นแน่“ชินอ๋องเพคะ มีบุรุษหน้าหวานกับบุรุษรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ สองคนนี้ดูสนใจองค์หญิงและคุณหนูหนิงหลินอยู่ไม่น้อย ถึงระหว่างที่พูดคุยกันพวกเขาจะไม่ได้ทำอันใดที่ล่วงเกิน แต่ก่อนที่จะออกไปบุรุษหน้าหวานได้ขอถุงหอมของคุณหนูหนิงหลินไปเพคะ” ตันชิงเอ่ยเสียงสั่น“ถุงหอมอย่างนั้นหรือ บังอาจเกินไปแล้วกล้าดีเช่นไรเอาของส่วนตัวของชายาของข้าไป เจ้าจำหน้าของมันได้หรือไม่” ไฟในตาของเหยาหวังเหว่ยลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ดูแล้วครั้งนี้จะหนักขึ้นกว่าเดิม“จำ...ได้เพคะ” ตันชิงเอ่ยเสียงสั่นตะกุกตะกัก ด้วยคว
Comments