ด้วยหน้าที่ทำให้จางม่านอวี้ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งพระสนม ทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ และเชื่อว่านางจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า พระสนมนอกสายตาที่ไม่มีความงามเฉิดฉาย จะเป็นนางสนมล่มเมือง ที่ฮ่องเต้ องค์ชายและแม่ทัพหนุ่ม หวังชิงดวงใจนาง
View MoreChapter1
พิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลานหยู หนึ่งในเมืองใหญ่ของแคว้นจ้านที่อยู่ใต้การปกครองของฮ่องเต้จูหมิง ฮ่องเต้ที่ถูกขนานนามว่า มีสนมมากที่สุดในบรรดาผู้ปกครองแคว้นทั้งหมด นางสนมของเขามีจำนวนนับร้อย นางสนมเกินครึ่งเป็นบรรณาการจากเมืองต่างๆ ที่อยู่ใต้อาณัติของแคว้นจ้าน จะมีนางสนมไม่กี่คนที่ได้มาจากความลุ่มหลงส่วนตัว และมีฮองเฮานามว่า จิวหยวน ฮองเฮาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสวยและความเฉลียวฉลาดพิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นในจวนของจางเฟย เจ้าเมืองหลานหยู
เจ้าสาวในงานคือจางเหว่ย คุณหนูสามของตระกูลจาง ผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับนางฟ้า ส่วนเจ้าบ่าวคือ หลิงเปียว ลูกชายคนรองของอำมาตย์หลิงฮวยเถา อำมาตย์คนสนิทของฮ่องเต้ การแต่งงานของเขาและเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เกิดจากการเมือง เช่นเดียวกับการออกเรือนของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองก็มาจากเหตุผลเดียวกัน เหลือเพียงคุณหนูสี่ คนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี เกินครึ่งหนึ่งเป็นบุคคลที่มียศศักดิ์ เป็นขุนนางในราชสำนักที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเพียงอย่างเดียว แต่มาร่วมหารือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งด้วย
พิธีแต่งงานดำเนินมาจนจบพิธี แขกที่มาร่วมงานพากันเดินทางกลับบ้าน จางม่านอวี้มองพี่สาวคนที่สามที่ออกเรือนไปด้วยสายตาเศร้าสร้อย ในใจของนางเกิดความว้าเหว่ขึ้นมาทันใด ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ นับวันจะมีคนอาศัยเหลืออยู่น้อยลงทุกที หากไม่รวมบ่าวไพร่ในบ้าน ก็เหลือเพียงแค่บิดา มารดา ท่านย่าและตัวนาง
หลังเสร็จสิ้นงาน จางม่านอวี้เดินไปนั่งเล่นอยู่ศาลาหลังบ้าน เป็นสระบัวขนาดใหญ่ ที่ตรงนั้นมีพิณตัวโปรดของนางตั้งอยู่ อีกไม่นานเสียงพิณที่บ่งบอกถึงความเศร้าดังขึ้น
“วันนี้เป็นวันดี เหตุใดเสียงพิณของเจ้า จึงเต็มไปด้วยความเศร้าเช่นนี้”
ผู้ถามเดินเข้ามาหาคนเล่นพิณ จางม่านอวี้เงยหน้ามองเจ้าของเสียง นางยิ้มให้รองแม่ทัพเฉินต้าเหว่ยรองแม่ทัพรูปงามที่บุกไปพิชิตชัยชนะข้าศึกนับไม่ถ้วน เขาเก่งกาจรอบด้าน กำชัยชนะไม่รู้จักกี่หน ทว่ามีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่สามารถพิชิตได้ เรื่องนั้นคือ พิชิตใจจางม่านอวี้ ลูกสาวคนที่สี่ของจางเฟย
“ต้าเหว่ย เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
จางม่านอวี้ถามด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้า ทุกครั้งที่เขาออกศึก นางนอนไม่หลับ ใจนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิท เกรงว่าเขาจะพลาดพลั้งกลศึก แม้รู้ว่า เขามีฝีมือมากแค่ไหน
“ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ วันนี้เลยรีบมาหาเจ้าพร้อมไอ้นี่” เขาชูห่อผ้าขึ้นสูง จางม่านอวี้หน้ามู่เมื่อเห็นห่อผ้า เพราะรู้ดีว่า อะไรอยู่ในนั้น
“เจ้านี่นะ มาหาข้าทีไรก็เอาแต่หมั่นโถวมาให้ ข้ากินจนหน้าจะเป็นหมั่นโถวแล้วนะ” ปากว่า มือก็ยื่นไปรับห่อผ้ามาวางไว้ข้างพิณ ก่อนจะแก้ห่อผ้าออก
“แล้วเจ้าจะกินไหมล่ะ ข้าทำสุดฝีมือเลยนะ” แม่ทัพหนุ่มพูด
“เจ้าทำให้ข้ากิน ข้าก็ต้องกินสิ”
นอกจากเฉินต้าเหว่ยจะเก่งเรื่องกลศึก เขายังเป็นคนทำหมั่นโถวได้อร่อยที่สุดในเมืองนี้ เฉินต้าเหว่ยไม่ได้เป็นพ่อครัวที่ทำให้ใครกินเรื่อยเปื่อย รองแม่ทัพหนุ่มทำให้นางทานคนเดียว มีหรือที่จางม่านอวี้ นางตะกละแห่งเมืองหลานหยูจะไม่กิน นางเคี้ยวตุ้ยๆ จนคนทำยิ้มแก้มปริ
“พี่สาวเจ้ามีคู่ไปกันหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าคนเดียว เจ้ามาแต่งงานกับข้าดีไหม ข้ายอมเสียสละความโสดแต่งงานกับเจ้า” เฉินต้าเหว่ยกล่าวทีเล่นทีจริง
“เพราะข้าไม่สวยใช่ไหม ข้าถึงยังไม่ได้มีคู่ ข้าสวยสู้พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามไม่ได้”
เป็นปมด้อยเรื่องหนึ่งของจางม่านอวี้ ที่พี่สาวทั้งสามคนของนางมีความงามละบือไกล เป็นที่หมายปองของลูกหลานเหล่าขุนนางและเจ้าเมืองอื่น ต่างกับนางที่มีรูปโฉมไม่เป็นที่หมายปองของชายใด
“ใครว่าเจ้าไม่สวย เจ้าสวยมากเลยรู้ตัวไหมม่านอวี้” น้ำเสียงที่แสดงให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนดังผ่านปากรองแม่ทัพหนุ่ม จางม่านอวี้มองหน้าคนพูด แต่ปากก็ยังเคี้ยวหมั่นโถว “สวยที่สุดในสายตาของข้า ดวงตาเจ้าเปล่งประกายเหมือนดวงดาว ริมฝีปากเจ้าสวยอิ่มเหมือนกลีบดอกบัว แก้มเจ้าขึ้นสีเรื่อเหมือนผลลูกท้อ ความงามของเจ้าประทับในใจข้า”
หากเป็นชายอื่นมาพูดคำหวานเช่นนี้ต่อหน้านาง จางม่านอวี้คงรู้สึกดีกว่านี้ แล้วนางก็รู้ว่า ที่เขาเอ่ยประโยคนี้เพราะต้องการให้ตนสบายใจ
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะต้าเหว่ย เจ้าจะมาพูดจาเกี้ยวข้าแบบนี้ไม่ได้” จางม่านอวี้รีบพูด แต่ใจกลับแอบดีใจ “แล้วเราก็แต่งงานกันไม่ได้ด้วย”
“ข้าก็พูดให้เจ้าหายกังวล ข้ารู้นะว่า เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนรักกัน คงแต่งงานกันไม่ได้” รองแม่ทัพหนุ่มไม่กล้าเปิดเผยความในใจมากกว่านี้ได้ เขารู้อยู่เต็มอกว่า จางม่านอวี้ไม่มีทางคิดกับตนมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน เขาจึงเก็บความรักไว้อยู่แค่ในใจ “ข้าดีดพิณให้เจ้าฟังนะ เจ้าจะได้กินไปด้วยฟังพิณที่ข้าบรรเลงไปด้วย”
จางม่านอวี้ไม่ปฏิเสธรองแม่ทัพหนุ่ม นางขยับตัวไปนั่งม้านั่งฝั่งตรงข้าม หยิบหมั่นโถวลูกใหม่มากินอย่างมีความสุข ลืมเรื่องความทุกข์ในใจไปชั่วขณะ
จางม่านอวี้ หญิงเดียวในใจข้า
ความงามเจ้าแม้ว่าไม่สะดุดตา
แต่ทว่ากลับสะดุดใจข้ามิลืมเลือน
ตอนเช้าของวันใหม่จวนของจางเฟยมีแขกกลุ่มหนึ่งมาเยือน ซึ่งเจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้อย่างดี ก่อนจะพากันเข้าไปนั่งคุยในห้องส่วนตัว เพราะเรื่องที่ทั้งหมดจะสนทนากันนั้นเป็นความลับ
“เจ้าคิดเช่นนี้จริงรึถางเจียน”
เจ้าบ้านถามถางเจียน ขุนนางฝ่ายในที่กำลังจะส่องสุมอำนาจเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอำมาตย์
“มันเป็นวิธีเดียวที่เราจะรู้เขารู้เรา หากเราไม่ส่งคนเข้าไปสอดแนมในวังได้ งานของเราก็จะล้มไม่เป็นท่า” ถางเจียนยกชาขึ้นจิบ ตวัดสายตามองคู่สนทนา “ตอนนี้พระสนมมู่กำลังขยายอำนาจ เราต้องคานอำนาจนางให้ได้ ไม่เช่นนั้นแคว้นจ้านก็คงเหลือแค่ชื่อ และข้าก็ได้ข่าวมาว่า แคว้นเซียงซี่กำลังรวบรวมทหารนับพันนาย มันไม่น่าไว้ใจนะ”
“แต่ข้ากลัวว่า ม่านอวี้จะทำงานนี้ไม่ได้ และไม่คิดว่าฮ่องเต้จะรับนางไว้เป็นสนม”
จางเฟยบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นกังวล พระสนมแต่ละคนของฮ่องเต้ เลื่องลือเรื่องความงาม ที่ล้วนแต่เป็นสาวงามจากเมืองต่างๆ รวมทั้งแคว้นใกล้เคียงที่ส่งมากระชับสันติไมตรี จางม่านอวี้มีความงามไม่ถึงครึ่งของเหล่าพระสนม การที่จะให้ฮ่องเต้ชายตาแลและหลงใหล จึงเป็นไปได้ยาก
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกท่านจางเฟย อย่าลืมสิว่า อำนาจที่แต่งตั้งพระสนมอยู่ในมือใคร” หลี่เซ้าเถียนขุนนางฝ่ายทหารเอ่ยขึ้น “ข้ากับถางเจียนจัดการทุกอย่างไว้แล้ว เหลือเพียงเจ้าไปบอกม่านอวี้เท่านั้น”
“ฮองเฮารู้เรื่องนี้ด้วยรึ” จางเฟยถาม ถางเจียนพยักหน้า
“ฮองเฮาเห็นด้วยที่จะให้ม่านอวี้มาเป็นพระสนม”
“ข้าขอเหตุผลได้หรือไม่ ว่าทำไมฮองเฮาจึงคิดเช่นนั้น”
“ข้าตอบตรงๆ เจ้าอย่างเคืองโกรธข้านะ” ถางเจียนออกตัว และเมื่อจางเฟยพยักหน้า ถางเจียนจึงตอบคำถามของคนต้องการรู้คำตอบ “อย่างที่เรารู้กันว่า ฮ่องเต้จูหมิงหลงใหลอิสตรีที่มีความงดงาม และเมื่อมีพระสนมคนใหม่ที่มีความงามเกินหน้าเกินตาพระสนมมู่ พระสนมมู่ก็จะจัดการให้พ้นทาง กีดกันไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้พระสนมคนนั้นๆ ซึ่งพระสนมหลายคนที่ถูกกำจัดเป็นคนของฮองเฮา ฮองเฮาจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ให้ส่งพระสนมที่มีหน้าตาไม่ดีเข้าไปอยู่ในวัง เพื่อให้สนมคนนี้ซึ่งก็คือม่านอวี้ เข้าไปดูความเคลื่อนไหวของพระสนมมู่ที่แน่นอนว่า พระสนมมู่ต้องไม่ระแวงม่านอวี้ อาจมองข้ามไปเลยก็ได้ และนั่นก็จะทำให้งานของเราง่ายขึ้น”
พระสนมมู่เซียนเป็นธิดาคนรองของมู่ม้านเชียงแคว้นเซียงซี่ ที่ส่งบุตรสาวมาเป็นบรรณาการแก่ฮ่องเต้จูหมิง ถือเป็นการสวามิภักดิ์แก่แคว้นจ้านไปในที และสงบศึกที่ยืดเยื้อมากกว่าสิบปี ความงดงามของมู่เซียน ต้องตาต้องใจฮ่องเต้จูหมิงตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งถึงวันนี้ความลุ่มหลงนั้นยังมิจางหาย แล้วยังมีพระโอรสให้ฮ่องเต้จูหมิงหนึ่งคน พระธิดาอีกหนึ่งคน และนั่นทำให้อำนาจของพระสนมมีเพิ่มมากขึ้น ฮองเฮาจิวหยวนจึงต้องคานอำนาจมู่เซียน ด้วยการดึงเหล่าอำมาตย์และขุนนางมาเป็นพวก เพราะหากปล่อยให้มู่เซียนมีอำนาจมากกว่านี้ ต่อไปภายภาคหน้าอาจไม่มีแคว้นจ้าน และตำแหน่งของนางอาจสั่นคลอน
“ม่านอวี้ต้องทำยังไงบ้าง” จางเฟยเอ่ยถามหลังเข้าใจเหตุผล
“ทำตามนี้...”
ถางเจียนบอกเรื่องที่จางม่านอวี้ต้องทำให้จางเฟยรับรู้ จางเฟยมีสีหน้าหนักใจกับเรื่องที่บุตรสาวต้องทำ นั่นไม่ร้ายเท่าเขาจะทำอย่างไรให้จางม่านอวี้ยอมเป็นพระสนมของฮ่องเต้ที่แก่คราวพ่อ
93สิบเอ็ดเดือนต่อมา ภายในห้องครัวของบ้านเฉินต้าเหว่ย เจ้าของบ้านกำลังตั้งใจทำหมั่นโถวสูตรพิเศษที่เขาคิดมาเพื่อเมียรักโดยเฉพาะ เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะพลิกแพลงสูตรหมั่นโถวสูตรใหม่ที่ยังคงความอร่อยไม่แพ้สูตรเดิมของครอบครัว “หอมจังเลยท่านพี่” คนพูดเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในห้องครัว เฉินต้าเหว่ยตกใจที่เห็นเมียรักเดินเข้ามาหาตนตามลำพังไร้สาวใช้คอยประคอง เขารีบละทิ้งหมั่นโถว หันมาสนใจจางม่านอวี้ ที่เขาห่วงใยนางเป็นพิเศษเป็นเพราะ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ได้เก้าเดือน อีกไม่นานเขาก็จะได้เห็นทายาทคนแรกแล้ว “ทำไมเดินมาคนเดียว เอ่อเหมี่ยวไปไหน” “นางไม่ค่อยสบาย ไอตั้งแต่เช้า ข้าเลยให้นางไปพัก” จางม่านอวี้ตอบขณะนั่งบนเก้าอี้ “ท่านพี่ทำหมั่นโถวเสร็จหรือยัง ข้าอยากกิน” “ห่วงแต่กิน เจ้าไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง” “ห่วงสิ” นางตอบทันควัน “ห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้กินมากกว่า” เฉินต้าเหว่ยส่ายศีรษะและยิ้มกับคำตอบ “รอนึ่งเสร็จก็ได้กินแล้ว รอหน่อยนะ” “ได้สิ ข้าคอยได้ เรื่องกินหมั่นโถวไว้ใจข้า” นางไม่เคยกินหมั่นโถวของใครนอกจากของสามี
Chapter 92นี่คือความรู้สึกของจางม่านอวี้ นางอยากวิ่งหนีออกจากห้องเพราะเกรงกลัวความอวบใหญ่ตรงหน้า แล้วเหมือนชายหนุ่มจะรู้ความรู้สึกของภรรยา เฉินต้าเหว่ยยิ้ม มือใหญ่จับความเป็นชายรูดขึ้นรูดลง ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างเมียรัก“ไม่ต้องกลัว จับมันสิ ทักทายมัน มันไม่น่ากลัวสักนิดเดียว มันน่ารักจะตายไป”เขาจับมือเล็กติดสั่นมาวางลงบนแก่นกายใหญ่ที่พองโตเต็มที่ ให้นางได้สัมผัสสร้างความคุ้นเคยกับมัน เพราะอีกไม่กี่อึดใจสิ่งนี้ก็จะสร้างความสุขให้เขาและนาง ใจจางม่านอวี้เต้นถี่แรงเมื่อสัมผัสกับความมหึมาที่แทบจะกำไม่รอบ“เห็นไหมว่ามันน่ารัก ไม่ต้องกลัวนะ เราจะมีความสุขร่วมกัน”เฉินต้าเหว่ยพูดเหมือนให้นางคลายความหวาดกลัว เขาขยับตัวมานั่งกลางร่างสาว จับเรียวขาคู่งามให้แยกออกไปทางด้านข้าง เปิดทางให้เขานำความเป็นชายมุดตัวเข้าไปในคูหาสวรรค์ที่เปิดประตูรอรับด้วยความเต็มใจ“ต้าเหว่ย...” นางเสียงสั่น สั่นกล้าสั่นกลัว“ไม่ต้องกลัว มันอาจเจ็บสักหน่อย แต่หลังจากความเจ็บ มันคือความสุข เชื่อใจข้านะม่านอวี้”นางเชื่อใจสามี เชื่อว่าเขาจะนำความสุขมาให้ตนมากกว่าความเจ็บปวด เวลาอันน่าตื่นเต้นมาถึง เฉินต้าเหว่ยค่อยๆ ดันกา
Chapter 91“อา...” จางม่านอวี้เปล่งเสียงออกมาได้ เพราะเฉินต้าเหว่ยจำใจปล่อยปากนางให้เป็นอิสระ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะละห่างไปไหนไกล ปากเขาลากไปตามผิวแก้มที่แวะสูดดมความหอมหลายฟอด ก่อนลากต่ำไปยังลำคอระหง ซอกซอนสูดกลิ่นหอมไปโดยรอบ มือเขาก็ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนจุดหมายในการจับต้อง เลื่อนมือสัมผัสความนุ่นละเมียดของผิวกาย ต่ำลงไปยังอวัยวะกลางร่างสาวที่ปกคลุมด้วยไหมสีดำที่ปกปิดสิ่งที่น่าค้นหาร่างสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่วางแนบลงบนของสงวนสาวที่ไม่เคยมีชายใดแตะต้อง เฉินต้าเหว่ยไม่ได้วางมือลงโดยไม่คิดทำอะไร เขาลูบไปตามรูปทรงขึ้นลงไปมา ก่อนใช้ปลายนิ้วแทรกตรงรอยแยก สัมผัสเม็ดเกสรน้อยอย่างตั้งใจ“อืม...อา...ท่านพี่” จางม่านอวี้ไม่อาจสกัดกลั้นความเสียวกระสันที่แผ่ไปทั่วร่างได้ เขากำลังปลุกปั่นอารมณ์นางเต็มที่ มือเขาสะกิดทักทายจุดอ่อนไหวสาว ใบหน้าเลื่อนมาหยุดตรงทรวงอกสล้าง เขาอ้าปากครอบงับปลายถันสีหวานที่หดตัวขึ้นเป็นรูป ราวกับว่ากำลังรอให้เขามาสัมผัสแทะเล็ม แน่นอนว่าเฉินต้าเหว่ยทำเช่นนั้น เขาดูดดึงยอดถันเข้าออก ใช้ปลายลิ้นตวัดเลีย ส่วนความนุ่มหยุ่นอีกข้างไม่ได้ว่างเว้น ถูกมือใหญ่บีบเคล้นตามห้วงอารมณ์
Chapter 90 สองเดือนต่อมา พิธีแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในเมืองหลานหยู วันแห่งความสุขวันนี้ถูกจัดเตรียมล่วงหน้ามาร่วมเดือน แขกเหรื่อที่เดินทางมาแสดงความยินดีมีกันหลายชนชั้น แม่ทัพและรองแม่ทัพที่เคยกรำศึกด้วยกัน ชาวบ้านที่คุ้นเคยกับทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พ่อค้าร้านต่างๆ เจ้าเมืองจากเมืองอื่นก็เดินทางมาในงานนี้ด้วย ยังมีขุนนางอีกหลายคน และที่สำคัญที่สุดคือ องค์รัชทายาทที่ทนเสียงออดอ้อนของเมียรักไม่ได้ เขาจึงต้องพาพระชายารองหลินหลินมาร่วมงานแต่งงานด้วยเช่นกัน งานมงคลสมรสครั้งนี้จัดว่าใหญ่ที่สุดของเมืองก็ว่าได้ บุคคลหลายคนที่ไม่รู้ว่า สาวใช้บ้านเจ้าเมืองหลานหยูจะได้เป็นพระชายารอง และตอนนี้กำลังอุ้มท้องทายาทเชื้อกษัตริย์ในอนาคต คนที่เคยดูถูกดูแคลนต้องมาโค้งคำนับให้ความเคารพ คนเราช่างไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆเฉินต้าเหว่ยทำตามประเพณีทุกอย่าง จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เขาเฝ้ารอคือ วันมงคลสมรส ในวันนี้ เจ้าบ่าวในชุดพิธีการพร้อมด้วยแม่สื่อ ญาติสนิทมิตรสหาย เดินทางไปรับเจ้าสาวที่บ้านด้วยขบวนเกี้ยวขบวนใหญ่ โดยมีเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดงปักเป็นลวดลายสวยงามด้วยดิ้
Chapter 89“มันก็จริงของเจ้า” หลีไทเฮารู้ตื้นลึกหนาบางของวังหลวงดี คนที่อยู่รอดได้ต้องเก่งพอตัว เก่งทั้งประจบสอพลอ เก่งเอาตัวรอด และเก่งสวมหน้ากากเข้าหากัน“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นข้าก็ตามใจเจ้า” ฮ่องเต้จูหมิงคิดว่าดีเสียอีก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉินต้าเหว่ยให้เจ็บใจ“ก่อนที่เจ้าจะพาพระสนมจางออกจากวัง ข้าจำเป็นต้องปลดพระสนมจางออกจากการเป็นพระสนมเสียก่อน เพื่อไม่ให้นางถูกคำครหา และเพื่อไม่ทำให้ฝ่าบาทเสื่อมเสียไปด้วย” หลีไทเฮาเตรียมการไว้พร้อมสรรพ“ขอบพระทัยไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าเฉินต้าเหว่ยมีรอยยิ้มน้อยๆ ที่ฮ่องเต้เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้มาก “กระหม่อมคืนป้ายประกาศิตพ่ะย่ะค่ะ”เฉินต้าเหว่ยนำป้ายไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเดินกลับมายืนที่เดิม“เอาล่ะ คงหมดเรื่องแล้ว ข้าจะให้หลิวกงกงนำราชโองการไปให้พระสนมจาง” หลีไทเฮาเรียกหลีกงกงเข้ามาในห้องโถง ยื่นราชโองการให้อีกฝ่ายที่รีบนำไปให้อำมาตย์หลิวฮวยเถาเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป “ข้าว่า รออีกสักครึ่งชั่วยามเจ้าค่อยไปหาจางม่านอวี้ รอให้ท่านอำมาตย์ประกาศราชโองการเสียก่อน เจ้ากับม่านอวี้จะได้ไม่ถูกครหา”“พ่ะย่ะค่ะ” เฉินต้าเหว่ยรับคำ“เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ ข
Chapter 88ฮ่องเต้จูหมิงนิ่งเงียบ สบพระเนตรหลีไทเฮาแวบหนึ่งก่อนหลบสายตาเขายอมรับว่า ตนเองกำลังเป็นไปตามคำพูดของหลีไทเฮา“ในเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ ฝ่าบาทก็สมควรยอมรับผลนั้น เฉินต้าเหว่ยออกทำศึกด้วยความกล้าหาญ ด้วยสติปัญญาจนสามารถปราบกองกบฏได้ แล้วยังจับรองแม่ทัพฮัน คนทรยศมาลงโทษ ถือว่าเฉินต้าเหว่ยมีความดีความชอบไม่น้อย แต่ฝ่าบาทกลับประทานความตายให้คนที่สู้เพื่อบ้านเมือง หากเรื่องนี้รู้ถึงหูคนภายนอก มันจะไม่เกิดผลดีกับฝ่าบาทเลย พระสนมจางม่านอวี้เป็นเพียงอิสตรี จะมีความสำคัญเท่าเกียรติยศและสูงศักดิ์ของฝ่าบาทหรือเพคะ และคงไม่สำคัญเท่าบ้านเมืองด้วย ฝ่าบาทต้องยอมรับผลที่ออกมา ไม่ใช่ฆ่าเฉินต้าเหว่ยเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว”ฮ่องเต้จูหมิงเข้าใจทุกอย่างที่หลีไทเฮาตรัสมา ทว่าเขายอมรับการสูญเสียพระสนมจางม่านอวี้ไม่ได้ อาจเป็นเพราะรักมาก และรู้สึกเสียหน้า เขาจึงไม่คิดยอมแพ้“กระหม่อมรักพระสนมจาง ไม่อยากเสียนางไปพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเฉินต้าเหว่ยท้าทายกระหม่อม โทษสมควรตายอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องเฉินต้าเหว่ยท้าทายฝ่าบาท โทษตายก็สมควร” หลีไทเฮากลับเห็นด้วยกับข้อนี้ “แต่การท้าทาย คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็
Comments