’มู่หนิงชิง‘จารชนระดับเพชรและนักจารกรรมมือฉกาจ มีความสามารถพิเศษตั้งแต่เกิด ที่บังเอิญได้หยกโบราณอายุนับพันปีมาครอบครอง ตื่นมาก็พบว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กสาวที่ครอบครัวอัตคัดขัดสน น้องทั้งสองคนผอมโซจนน่าสงสาร ขณะกำลังทำงานสร้างตัว จู่ๆก็มีท่านอ๋องจอมกวนเข้ามาพัวพันในชีวิต ตามติดนางหนึบ แถมร่างนี้ยังมีความลับซ่อนไว้! ปริศนาที่ต้องหาคำตอบรอนางอยู่!
view moreบทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ
“ท่านแม่ เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะตื่นหรือเจ้าคะ ฮึก อันเอ๋อร์เป็นห่วงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ พี่ใหญ่หลับไปสองวันแล้วนะเจ้าคะ ฮืออ” "เดี๋ยวพี่ใหญ่ก็ตื่น หยุดร้องไห้เถิดนะเด็กดี แม่จะไปตักน้ำเสียหน่อย ลูกอยู่เฝ้าพี่ใหญ่ดีๆ นะ" เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กผู้หญิง และเสียงตอบรับจากผู้เป็นมารดา ปลุกให้มู่หนิงชิงตื่นจากห้วงนิทราแสนหวาน เธอจำได้ว่าไม่ได้เปิดทีวีหรือคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ก่อนเข้านอน แล้วเสียงเด็กมาจากไหนกัน หรือว่าแม่บ้านของเธอแอบพาหลานมาด้วยเพราะคิดว่าเธอไม่อยู่ห้องวันนี้ ใช้ไม่ได้จริงๆ เห็นทีต้องคุยกับป้าฮงให้รู้เรื่อง มู่หนิงชิงมุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด เพราะถูกรบกวนจนตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุก เธอต้องการจะลืมตา ทว่ากลับเปิดเปลือกตาไม่ขึ้น จู่ๆ อาการปวดศีรษะรุนแรงจนแทบหมดสติเข้าจู่โจมในฉับพลัน ภาพความทรงจำของหญิงสาวอายุราวสิบห้าปีปรากฏขึ้นในหัว เรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตหลั่งไหลต่อเนื่องยาวนาน เปรียบได้ดั่งซีรีส์เรื่องหนึ่ง การถ่ายทอดเรื่องราวและอาการปวดศีรษะของมู่หนิงชิง กินเวลากว่าสองชั่วโมง ท้ายที่สุดความรู้สึกทรมานแสนสาหัสก็หยุดลง มู่หนิงชิงหอบหายใจถี่ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวทั่วกรอบหน้า เธอสามารถลืมตาขึ้นได้ในที่สุด ภาพแรกที่เห็น คือหลังคาเก่าทรุดโทรม คานของเพดานทำขึ้นจากไม้และมีหญ้าแห้งมุงทับไว้ สภาพคล้ายจะพังมิพังแหล่ เรียวคิ้วงามมุ่นเข้าหากัน ความรู้สึกเจ็บปลาบเด่นชัดที่ท้ายทอย พิสูจน์ให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มู่หนิงชิงยกมือขึ้นมาสัมผัสท้ายทอยด้านซ้ายที่กำลังปวดตุบๆ ปลายนิ้วคลำเจอก้อนบวมขนาดไข่ไก่เบอร์หนึ่ง “อ๊ะ เจ็บชะมัด!” “พี่ใหญ่ตื่นแล้ว! “เสียงเล็กตื่นเต้นของเด็กผู้หญิงดังขึ้นข้างหู มู่หนิงชิงรีบหันไปมอง สายตาสบเข้ากับใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือกอบ ซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของเด็กหญิงคนหนึ่ง ครั้นดวงตาสองคู่สบประสาน อาการหวาดผวาพลันเกิดขึ้นกับมู่หนิงชิง “กรี๊ดด ผะ ผีหลอก ผีเด็กหลอก! ฉันกลัวผี อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย! แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้” มู่หนิงชิงกรีดร้องสุดเสียง ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ขยับถอยกรูดจนแผ่นหลังติดข้างฝา สีหน้าท่าทางตื่นตระหนกสุดชีวิต "กรี๊ดดดดดด" เจ้าตัวเล็กเองก็ตกใจเสียงกรี๊ดของพี่สาว นางเลยกรี๊ดตามผงะถอยหลังก้นจ้ำเบ้า ทว่าก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ พี่ใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าค่าาา” เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกเข้าใจว่าเป็นผี ขยับปากส่งเสียงเรียกมารดาด้วยความดีใจ ใบหน้าเล็กหันมาหามู่หนิงชิงที่นั่งชันเข่าขดตัวหลังชนฝา กลอกตาไปมาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกาย “พี่ใหญ่พูดจาแปลกประหลาดจริงๆ ด้วย กลางวันแสกๆ จะมีผีได้อย่างไร ต้องรอให้มืดก่อนเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า อันเอ๋อร์จะได้ไปบอกท่านแม่ให้ เสียงท่านแหบมากเลย เดี๋ยวอันเอ๋อร์ไปรินน้ำมาให้นะเจ้าคะ” เจ้าตัวน้อยดีอกดีใจที่ในที่สุดพี่สาวก็ตื่นขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยวาจาฉะฉานเป็นชุด เดินไปรินน้ำจากกาใส่ถ้วยดินเผาที่วางอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ ใกล้หน้าต่าง และนำมายื่นให้พี่สาวด้วยรอยยิ้มน่ารัก ความจริงปีนี้มู่หนิงอันอายุหกหนาวแล้ว เพียงแต่ร่างกายของเด็กหญิงแคระแกร็นกว่าปกติเพราะขาดสารอาหาร ทว่าเจ้าตัวน้อยกลับรู้ความนัก ทั้งมีความจำดีมาก นางยังคงจดจำเรื่องที่ท่านหมอหูบอกกับบิดามารดาว่า “หากชิงเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาแล้วมีอาการสับสน หรือจำอะไรไม่ได้ก็อย่าพึ่งตื่นตกใจไป นี่เป็นอาการซึ่งพบได้บ่อย ในคนที่ได้รับความกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะอย่างรุนแรง” มู่หนิงชิงที่เวลานี้ใจเย็นลง เพราะเริ่มตระหนักถึงสภาพการณ์ตรงหน้า เธอมองชามใส่น้ำในมือเด็กหญิงอย่างกระหาย พลันตัดสินใจทดลองบางสิ่งด้วยการเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนรับน้ำมาดื่ม “น้องชื่อมู่หนิงอัน?” เสียงแหบแห้งแตกระแหงมิต่างจากเป็ดเทศเอ่ยถามเด็กหญิง มู่หนิงอัน เป็นชื่อที่ปรากฏอยู่ในภาพความทรงจำที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ก่อนจะสติแตก “เจ้าค่ะ ชื่อของอันเอ๋อร์คือ มู่หนิงอัน ส่วนพี่ใหญ่ชื่อมู่หนิงชิง พี่รองชื่อมู่หนิงเฉิง” เด็กหญิงตอบกลับอย่างฉะฉาน คำตอบจากปากเด็กน้อยตรงหน้า ช่วยไขข้อข้องใจของมู่หนิงชิงให้กระจ่างชัด เธอตบเข่าฉาดสีหน้ามั่นอกมั่นใจ นั่นปะไร! เป็นอย่างที่สงสัยจริงๆ ตัวเธอทะลุมิติมาเหมือนอย่างในนิยายหลายเรื่องที่เคยอ่าน! แม่เจ้า! นี่มันออกจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ปาฏิหาริย์จากจินตนาการของนักเขียนนิยายมีอยู่จริง อะเมซิ่งสุดๆ!! มือผอมบางยกขึ้นมาทาบอกด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ พลันฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ หรือว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์จากจี้หยกเหอเถียนสีแดง อายุเป็นพันปีที่ใส่นอนเพราะความเห่อชิ้นนั้น อย่าบอกนะว่าเธอเจอเข้ากับอภินิหารจากของโบราณ! หากเป็นอย่างที่คาดจริงก็เรียกว่าเจอแจ็คพ็อตเลยนะเนี่ย! มิน่าในตำราเก่าๆ ถึงมีคำกล่าวเตือนว่า ‘วัตถุโบราณยิ่งเก่ายิ่งลึกลับ บางชิ้นอาจมีคำสาปหรืออาถรรพ์ติดมา ขอให้ระวังเอาไว้' นี่แหละหนาที่เขาว่า ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ มู่หนิงชิงคิดเองตอบเองอยู่ในใจ เมื่อตั้งสมมุติฐานขึ้นมาได้ สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด ตกลงว่าตัวเธอทะลุมิติมาเฉยๆ หรือว่าตายไปแล้วเลยทะลุมิติมากันล่ะเนี่ย?! เมื่อคืนนี้ก่อนนอนก็ไม่ได้อ่านนิยายซักหน้า แล้วเธอทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่องไหนกัน หลายปีที่ผ่านมาอ่านไปหลายสิบเรื่องซะด้วย แล้วใครมันจะไปจดจำเนื้อหาของนิยายทุกเรื่องได้หมดกันเล่า เล่นอ่านไปซะหลายเรื่อง หลายแนวขนาดนั้น... แล้วถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้อยู่ในนิยายล่ะ?? โอ้ย! สับสนมึนงง คิดไม่ออก…ฮืออ เวรกรรมของคนสวยจริงๆ!! อยู่ดีๆ ก็งานเข้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะถูกความสับสนที่หาคำตอบไม่ได้ถาโถมความคิด มู่หนิงชิงเลยเริ่มทึ้งหัวตนเอง มู่หนิงอันนั่งอ้าปากหวอ เอียงคอมองพี่สาวที่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนหน้านี้ และเปลี่ยนมาทึ้งหัวตัวเองตาปริบๆ หัวคิ้วเล็กของเด็กหญิงเริ่มมุ่นเข้ากันบ้าง “ท่านแม่เจ้าคะ…พี่ใหญ่ปวดหัวเจ้าค่าาา ดึงผมตัวเองใหญ่แล้ว” ร่างเล็กวางชามใส่น้ำลงกับเตียง ตะโกนเสียงดังขณะวิ่งดุ๊กดิ๊กออกไปตามมารดา “…” มู่หนิงชิง “เด็กคนนี้ท่าทางฉลาดใช้ได้เลยนะเนี่ย” เธอหยุดทึ้งหัวตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกเจ็บหนังหัว เอื้อมมือไปหยิบชามใส่น้ำมาดื่มด้วยความกระหาย "อึ้ก อึ้ก อ้าว หมดซะล่ะยังดื่มไม่พอเลย" เธอขยับตัวเพื่อจะลุกไปรินน้ำมาดื่มเพิ่ม ทว่าร่างกายเกิดโงนเงนจนต้องลงไปนั่งบนเตียงอีกรอบ "โอ้ย ไม่มีแรง ทำไมขาแข้งอ่อนแบบนี้" เธอรีบก้มสำรวจร่างกายตนเอง จึงเห็นว่าแขนขาเล็กมาก ผอมจนแทบเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก "โอ้โห ผอมมาก ผอมยังกับตะเกียบแน่ะ เฮ้อ! ทะลุมิติมารับบทชีวิตรันทดสินะ ชิงชิง”บทที่ 17 แผนการในอนาคต (ตอนปลาย) "น้องสาวสนใจร้าน ไฉ่ฝูหลง อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นต้องไปติดต่อกับเถ้าแก่เอาเองแล้วล่ะ เพราะข้าก็ไม่เคยได้ยินเถ้าแก่เอ่ยว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ รู้เพียงว่าข้อแม้ในการเช่าร้านค่อนข้างพิเศษ" หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นภรรยาของหลงจู๊ร้านไฉ่ฝูหลง เอ่ยตอบข้อข้องใจของหญิงสาว 'เห็นทีต้องหาเวลาไปดูร้านอาหารร้านนั้นเสียหน่อยแล้ว ระยะเวลาอีกเกือบสองเดือนน่าจะพอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง รวมกับเงินทองที่มีอยู่ในมิติแห่งความอิ่มหนำน่าจะพอเช่าร้านได้อยู่ เดือนกว่าๆก็น่าจะพอเก็บเงินทัน' ความประสงค์ที่จะมองหาร้านเปิดกิจการอย่างจริงจังของมู่หนิงชิงผุดขึ้นในความคิด นางปรารถนาที่จะย้ายออกจากหมู่บ้านเต๋อถัง หลังจากจัดการรายชื่อบุคคลในบัญชีหนังหมาเป็นที่เรียบร้อย!!! หลังมู่เฟิงเจรจากับเจ้าของเขียงเนื้อและซื้อของใช้ที่จำเป็นอื่นๆเสร็จสรรพ พวกเขาก็เดินกลับไปที่ร้านฝูจิ่น เพื่อเก็บของไว้ที่หลังร้าน ตามคำอนุญาตให้เช่าสถานที่ซึ่งระบุไว้ในหนังสือสัญญา ก่อนถึงตรอกตันหุน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อนที่มู่อวิ๋นเทาไปเล่นพนันเสียจนติดหนี้ไว้ มู่หนิงชิงแสร้งบอกว่านางลืมซื้อของบางอย่าง ขอตัวกล
บทที่ 17 แผนการในอนาคต (ตอนต้น) ย้อนกลับไปวันที่หลัวซื่อมาหาเรื่องมู่เฟิงถึงบ้าน หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ช่วยสยงพร้อมด้วยหมอหู พาหลัวซื่อกลับไปบ้านด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่วงเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ขอให้ฉวนซื่อไปตามมู่ซานและมู่อวิ๋นกลับมาจากไร่ ปล่อยให้มู่อวี๋โหรวและมู่อวี๋ฉิงดูแลท่านย่าของพวกนาง บุรุษสกุลมู่ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสภาพของหลัวซื่อ "ท่านแม่ ใครทำร้ายท่าน!! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเกิดอะไรขึ้นขอรับ ใครทำร้ายมารดาข้า!!" มู่อวิ๋นรีบเข้าไปหามารดาที่กำลังส่งเสียงโอดโอยราวกับคนใกล้ตาย หมอหูลอบกลอกตามองฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย 'ตอนไปหาเรื่องมู่เฟิงก่อนไม่เห็นว่าจะสำออยเยี่ยงนี้ พอโดนตีกลับมาบ้างทำท่าจะเป็นจะตาย' ยามนี้สมาชิกสกุลมู่บ้านใหญ่อยู่กันครบหน้า ก่วงเทียนจึงเข้าเรื่องทันที "มู่ซาน เมียของเจ้าไปหาเรื่องมู่เฟิงถึงบ้าน นอกจากจะด่าทอด้วยวาจาหยาบคายแล้ว ยังเอาก้อนหินปาหัวมู่เฟิงจนแตก จึงทำให้โดนไก่ที่บ้านนั้นเลี้ยงไว้จิกไล่ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนเป็นพยานเรื่องนี้ได้" ก่วงเทียนหยุดถ้อยคำของตนไว้ตรงนี้ เพื่อดูท่าทีของมู่ซาน ทว่าหลัวซื่อกลับโวยวายสอดปากขึ้นมาอ
บทที่ 16 ตั้งสกุลใหม่ (ตอนปลาย) "ใช่แล้วๆ พวกเจ้าเก่งกาจมากจริงๆ" เจ้าตัวน้อยอันเอ๋อร์เอ่ยชมตามพี่สาว "ขอบใจพวกเจ้าทั้งสามมากนะที่ปกป้องท่านพ่อ" มู่หนิงเฉิงลงไปนั่งยองๆ กล่าวขอบคุณแม่ไก่ด้วยความซาบซึ้ง หนึ่งเค่อต่อมา มู่หนิงชิงเดินออกมาจากครัว พร้อมหมูสับปรุงรสอย่างดี คลุกกับข้าวสวยชามใหญ่ เพื่อมอบเป็นรางวัลให้ผู้พิทักษ์ทั้งสาม หัวผักกาดน้อยทั้งสองขันอาสา เป็นผู้แบ่งอาหารให้แม่ไก่เอง ร่างบางกลับเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อเตรียมหมักหมูและนวดแป้งทำแผ่นเกี๊ยวซ่าไปขายในวันพรุ่งนี้ ซูซื่อเข้าไปช่วยบุตรสาวในครัวโดยปล่อยให้มู่เฟิงพักผ่อน มื้อเย็นวันนี้ทุกคนได้กินราเมนเป็นอาหาร มู่หนิงชิงจึงแกล้งเอ่ยขึ้นมาว่า นางอยากทำอาหารชนิดนี้ขายในอนาคต ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวว่าเห็นด้วยกับความคิดของนาง เมื่อท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน ทุกคนเข้านอนด้วยความวาดหวัง ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้วันพรุ่งนี้เกี๊ยวซ่าของมู่หนิงชิงขายดี มู่หนิงชิงและสมาชิกของบ้าน ตื่นตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ต่างช่วยกันเตรียมของไปขาย วันนี้ทุกคนใส่ชุดใหม่ที่ซื้อมา เพื่อความเป็นสิริมงคลและดึงดูดความโชคดี เมื่อตระเตรียมทุกอย่างพ
บทที่ 16 ตั้งสกุลใหม่ (ตอนต้น) ยามได้ยินเสียงบิดาตะโกนเรียก มู่หนิงเฉิงและน้องสาวรีบวิ่งออกมาจากบ้านอย่างหน้าตาตื่น ครั้นเห็นบิดาเลือดไหล เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองพลันหน้าซีดระคนเสียขวัญ "ท่านพ่อออ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ฮือออ ใครตีท่านพ่อจนหัวแตก ฮือออ" มู่หนิงอันตกใจร้องไห้สะอึกสะอื้น ชาวบ้านที่เห็นต่างสะท้อนใจ ขนาดแยกบ้านมาแล้วยังหนีความร้ายกาจของหลัวซื่อไม่พ้น “เวรกรรมจริงๆ หลัวซื่อ! เจ้าเป็นแม่ภาษาอะไรถึงได้ใจยักษ์ใจมาร ทำร้ายบุตรในอุทรจนเลือดตกยางออกได้ลงคอ!” แม่เฒ่าหมานตวาดใส่หลัวซื่อ ที่ยกมือปิดหน้ากลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้น มู่หนิงเฉิงที่ได้สติก่อนน้องสาว รีบวิ่งไปตามหัวหน้าหมู่บ้านทันที ครู่ต่อมาก่วงเทียนกับหมอหู ที่ต่างเร่งฝีเท้าเดินตามเด็กชายจนหอบแฮ่กได้มาถึงบ้านของมู่เฟิง หลัวซื่อซึ่งถูกมู่หนิงชิง ซึ่งกลับมาจากการเอาผ้าไปซักกับมารดา จับมัดไว้แน่นหนากับรั้วบ้าน สภาพของหญิงชราถือว่าย่ำแย่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกจิกตี แต่สิ่งที่น่ากังวลคือดวงตาข้างซ้ายที่เปลือกตาฉีกขาดเป็นริ้วๆ เลือดไหลอาบดูน่าสยดสยอง มู่หนิงชิงภาวนาขอให้หลัวซื่อตาบอดอยู่ในใจ ’ขอให้ยัยแก่
บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข
บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม
Mga Comments